บทที่ 23 อัศวินมังกร (3)
บทที่ 23 อัศวินมังกร (3)
ขณะที่อันยาพูดอยู่ อัศวินมังกรก็ใกล้เข้ามาแล้ว เห็นชัดว่าพวกเขาสังเกตเห็นเหล่าทหารรับจ้างหนามเหล็กแล้วเช่นกัน ความเร็วในการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าค่อยๆ ผ่อนช้าลง ตอนนี้อยู่ใกล้กัน อินจู๋จึงมองเห็นว่าบนหลังไทแรนโนซอรัสทองคำตัวนั้นมีผู้ชายอายุประมาณสามสิบกว่าปีนั่งอยู่ ด้านข้างขาแขวนหอกมังกรขนาดใหญ่ที่ยาวถึงเจ็ดเมตร บนเอวยังเหน็บดาบยาวแบบโบราณเรียบง่ายเอาไว้ด้วย ชุดเกราะสีเงินเปล่งประกายวาววับใต้แสงอาทิตย์สาดส่อง เขาไม่สวมหมวกเกราะ ผมยาวสีทองปลิวสยายไปด้านหลัง รูปร่างสูงใหญ่และตรงตระหง่าน หน้าตาธรรมดา แก้มข้างซ้ายมีรอยแผลเป็นยาวถึงห้านิ้วพาดจากตำแหน่งหางตาตลอดจนถึงคาง ทำให้รู้สึกว่าโหดเหี้ยมดุร้าย ตำแหน่งอกข้างซ้ายของชุดเกราะสีเงินมีรูปดาวหกแฉกสีเงินขนาดเท่าฝ่ามือ ด้านบนประทับลวดลายดอกสต็อค แสดงถึงตระกูลของเขา
เมื่อเผชิญหน้าพลานุภาพที่มาพร้อมกับไทแรนโนซอรัสทองคำ มังกรพสุธาหลังเขียวที่เกิร์นนั่งอยู่ก็คำรามไปพลางสั่นเทิ้มไปพลาง
“ฟาร์เลนจงเจริญ สวัสดีขอรับ ท่านแม่ทัพอัศวินมังกรที่เคารพ ได้พบท่านที่นี่นับเป็นเกียรติของข้า” เกิร์นกระโดดลงจากหลังมังกรพสุธาหลังเขียวอย่างร้อนรนเล็กน้อย มือขวาทาบลงบนอกซ้ายของตัวเอง ทำความเคารพแบบอัศวินกับแม่ทัพอัศวินมังกรบนหลังไทแรนโนซอรัสทองคำอย่างนอบน้อม
แม่ทัพอัศวินมังกรเพียงแค่ชำเลืองมองเขา ก่อนกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ฟาร์เลนจงเจริญ ที่มาของพวกเจ้า?” เหล่าอัศวินมังกรข้างหลังเขาต่างหยุดลงพร้อมเพรียงกัน ไม่มีเสียงจอแจแม้แต่น้อย แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติของกองทัพนี้อย่างเต็มที่
เกิร์นไม่รู้สึกโกรธเพราะท่าทีเย็นชาของอีกฝ่ายแต่อย่างใด ก่อนรีบร้อนกล่าวว่า “หน่วยทหารรับจ้างหนามเหล็กระดับอี พวกเรากำลังปฏิบัติภารกิจคุ้มกันขอรับ”
แม่ทัพอัศวินมังกรยกมือขึ้นชี้ไปข้างหน้า “สหายข้าหิวแล้ว ปล่อยวิลเดอร์บีสต์ห้าตัวมาเป็นอาหารให้มัน นี่เหรียญทองยี่สิบเหรียญ เอาไว้เป็นค่าชดเชยของเจ้า” ระหว่างที่พูดเขาก็โยนถุงเงินลงมา ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากเกิร์นไปยี่สิบก้าว แต่ถุงเงินกลับตกมาถึงตรงหน้าเกิร์นในพริบตา เกิร์นออกไปรับโดยไม่รู้ตัว แรงมหาศาลส่งมาพร้อมกับถุงเงิน ฝีเท้าจึงซวนเซต่อเนื่องกันหลายก้าวจนเกือบหกล้มไปบนพื้น
“ลุง ระวังครับ” อินจู๋ช่วยพยุงร่างของเกิร์นไว้จากข้างหลัง จึงไม่ทำให้เขาขายหน้าตรงนั้น
แม่ทัพอัศวินมังกรคนนั้นพอโยนถุงเงินแล้วก็ไม่ได้เหลือบมองเกิร์นอีกเลย ก่อนตบหลังอันแน่นหนาของไทแรนโนซอรัสทองคำเบาๆ ท่าทางรักใคร่เอ็นดู เห็นชัดว่านี่คือสหายที่เขาพูดถึง
ความโกรธเคืองฉายวาบขึ้นในแววตาของเกิร์น แต่เขาไม่กล้าล่วงเกินแม่ทัพอัศวินมังกรตรงหน้าจริงๆ ทว่าจำนวนวิลเดอร์บีสต์ในขบวนพอใช้พอดี ถ้าให้อีกฝ่ายไปห้าตัว สัมภาระของหน่วยทหารรับจ้างก็ไม่มีที่ให้วางแล้ว
“จำเป็นต้องรุนแรงขนาดนี้ด้วยเหรอ? เรื่องอะไรพวกเราต้องเอาวิลเดอร์บีสต์ให้มังกรเจ้ากิน” เกิร์นรู้สึกตัวด้วยความตกตะลึง อินจู๋ไม่ว่าเดินออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ น้ำเสียงแจ่มใสเสนาะหูของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ
แม่ทัพอัศวินมังกรขมวดคิ้วเล็กน้อย เหลือบตาขึ้นมองไปทางอินจู๋ อินจู๋ก็กำลังมองเขาเช่นกัน แม้แม่ทัพอัศวินมังกรจะชำเลืองมองจากด้านบน แต่สายตาของอินจู๋กลับไม่ได้ถอนหนีแม้แต่น้อย นัยน์ตาสีดำแจ่มใสเผยให้เห็นแววแข็งกร้าว
“นักเวท?” น้ำเสียงของแม่ทัพอัศวินมังกรผ่อนคลายลงเล็กน้อย นักเวทเองก็สูงส่งเช่นกัน แม้ว่าตราบนอกของอินจู๋จะแทนแค่ระดับแดงก็ตาม
อินจู๋พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “พวกเราไม่ขายวิลเดอร์บีสต์ ขายไปพวกเราก็ไม่มีใช้แล้ว”
ตอนนี้เกิร์นได้สติขึ้นมาแล้ว จึงรีบร้อนกันอินจู๋ไว้ข้างหลัง เขารู้จักความหยิ่งยโสและความแข็งแกร่งของอัศวินมังกรเป็นอย่างดี จึงเกรงว่าอินจู๋จะเสียเปรียบ “ขอประทานโทษขอรับ ท่านแม่ทัพอัศวินมังกร วิลเดอร์บีสต์ของพวกเรามีไม่พอจริงๆ ท่านดูสิ...”
ดวงตาของแม่ทัพอัศวินมังกรฉายประกายเย็นเยียบ เขาเริ่มจะรำคาญขึ้นมาบ้างแล้ว “พวกเจ้าจะมีใครต้านทานหอกของข้าได้ พวกเจ้าไปซะ หรือไม่ก็ปล่อยวิลเดอร์บีสต์มา”
“เจ้าถือดีอะไรมาทำกร่างอย่างนี้” อินจู๋เงยหน้าขึ้นพลางจ้องเขม็งไปยังแม่ทัพอัศวินมังกร
แม่ทัพอัศวินมังกรเอ่ยออกมาคำเดียวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ความสามารถ” ใช่ ในทวีปลองกินุส ความสามารถตัดสินทุกอย่าง
“ช่างน่าเกรงขามเหลือเกิน! ท่านไวเคานต์ออสติน ไม่เจอกันตั้งนาน ให้ข้าต้านทานหอกมังกรของท่านดีกว่าเป็นยังไง?” น้ำเสียงไพเราะสง่างามของอันยาดังมาจากข้างหลังอินจู๋กับเกิร์น พอได้ยินเสียงนี้ แม่ทัพอัศวินมังกรออสตินพลันสะท้านไปทั้งร่าง สายตาที่ไม่เคยจ้องมองกลุ่มของอินจู๋ตรงๆ มาโดยตลอดก่อนหน้านี้เบนกลับมาทันที
เสียงอุทานแผ่วเบาดังออกมาจากปาก ร่างของออสตินกระโดดผลุบลงมาจากหลังของไทแรนโนซอรัสทองคำ “ฟาร์เลนจงเจริญ คุณหนูอันยา ที่แท้ก็เป็นขบวนของท่านนั่นเอง” ระหว่างที่พูด มือขวาของเขาก็ทาบลงที่ดาวสีเงินบนอกซ้าย ทำความเคารพแบบอัศวินเช่นเดียวกัน แต่ท่าทางของเขาได้มาตรฐานกว่าเกิร์นมาก
“ฟาร์เลนจงเจริญ” อันยายกมือขวาของตัวเองขึ้น ให้ออสตินจูบมือทำความเคารพจนเสร็จสิ้น
ท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันของแม่ทัพอัศวินมังกรทำให้เหล่าทหารรับจ้างหนามเหล็กถึงกับอึ้งกิมกี่ชั่วขณะ ทำไมพวกเขาคิดไม่ถึงว่าแม่ทัพอัศวินมังกรจะใช้น้ำเสียงแบบนี้ได้ จะเผชิญหน้านายจ้างของพวกเขาด้วยความเคารพเช่นนี้ได้
“คุณหนูอันยา นี่ท่าน?”
อันยากล่าวเสียงเรียบว่า “ข้าไปซื้อสินค้าที่เบอร์บอน ก็เลยเชิญหน่วยทหารรับจ้างหนามเหล็กมาคุ้มกันให้ นึกไม่ถึงว่าจะได้พบท่านไวเคานต์ที่นี่ ท่านอยู่ในเมืองมิลานตลอดไม่ใช่หรือ?”
ออสตินเหลือบมองอันยา ประกายหลงใหลฉายวาบขึ้นมา “ครั้งนี้กระผมคุ้มกันยุทโธปกรณ์มายังเบอร์บอน ท่านก็รู้ว่าอาณาจักรเบอร์บอนเป็นคู่ค้าของพวกเราชาวมิลานมาโดยตลอด ภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว กระผมกำลังเตรียมตัวกลับเมืองมิลาน ท่านต้องกลับไปเช่นกันสินะขอรับ ให้พวกเราคุ้มกันท่านดีกว่าเป็นอย่างไร? หน่วยทหารรับจ้างระดับอี ไม่คู่ควรกับฐานะของท่านเลย”
อันยาแค่นหัวเราะแล้วกล่าวว่า “ช่างเถอะ ขอแค่หอกมังกรของเจ้าอย่าเล็งมาทางข้า ข้าก็พอใจแล้ว จะกล้ารบกวนท่านได้ยังไง”
ออสตินยิ้มเจื่อนก่อนกล่าวว่า “เมื่อสักครู่กระผมเสียมารยาท ไม่ทราบจริงๆ ว่าคุณหนูอยู่ที่นี่ แม้หอกมังกรของออสตินจะแหลมคม แต่ไม่มีวันที่จะเล็งไปหาคุณหนูขอรับ!”
อันยากล่าวเสียงเรียบว่า “ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ก็เชิญท่านไวเคานต์ออกเดินทางเถอะ ท่านคงต้องรีบกลับไปรายงานภารกิจที่เมืองมิลาน”
“คุณหนู ท่านไม่ต้องการให้พวกเราคุ้มกันจริงๆ หรือขอรับ?”
อันยาเหลือบมองเขาก่อนถามกลับว่า “ท่านคิดว่าข้าต้องการเหรอ?”
ออสตินหัวเราะอย่างดูถูกตัวเอง “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ออสตินก็ขออำลา รอท่านกลับถึงเมืองมิลาน กระผมจะไปขอรับโทษถึงที่” ระหว่างที่พูดเขาก็ถอยหลังติดต่อกันหลายก้าว แล้วจึงดีดตัวขึ้นไป ร่างกายสูงหลายเมตรของไทแรนโนซอรัสทองคำสำหรับเขาแล้วแค่กระโดดครั้งเดียวก็ขึ้นได้ ก่อนไปเขายังจงใจเหลือบมองเย่อินจู๋ด้วย ดูจากสายตาของเขา อินจู๋มองเห็นแววตาเป็นศัตรู
อัศวินมังกรว่องไวอย่างน่าอัศจรรย์ พริบตาเดียวก็หายลับไปอย่างไร้ร่องรอย เพียงแต่คราวนี้จังหวะฝีก้าวที่มุ่งไปข้างหน้าของออสตินและอัศวินมังกรของเขานุ่มนวลกว่าเดิมมาก ไม่ทำให้เกิดฝุ่นควันมากเกินไป
เมื่อมองแผ่นหลังของเหล่าอัศวินมังกรหายลับไป เกิร์นก็เดินไปอยู่ข้างๆ อันยา ก่อนกล่าวอย่างกระอักกระอ่วนว่า “คุณหนูอันยา ขอโทษครับ...”
อันยาหัวเราะเบาๆ ความเย็นชาบนใบหน้าจางหายไป “ไม่มีอะไรต้องขอโทษหรอก ต่อให้เป็นหน่วยทหารรับจ้างระดับเอ เวลาที่เจออัศวินมังกรก็รับมือไม่เก่งไปกว่าเจ้าเท่าไหร่ ถึงอย่างไรพวกเขาก็คือเหล่าทหารระดับสูงสุดของมนุษย์ พวกเราออกเดินทางกันได้แล้ว หัวหน้าหน่วยเกิร์น” พอพูดจบเธอก็ไม่รอให้เกิร์นพูดอะไรต่อแล้วกลับไปขึ้นรถม้า ประหนึ่งว่ามองไม่เห็นสายตาเคารพนับถือของเหล่าทหารรับจ้าง
“ลุง อย่าเอาแต่เหม่อสิ พวกเราไปกันได้แล้ว” อินจู๋กล่าวพลางตบบ่าเกิร์นเบาๆ
“เอ้อ!” เกิร์นเพิ่งจะได้สติขึ้นมา แอบคิดในใจว่าดูท่าฐานะของนายจ้างเราคนนี้ไม่ธรรมดาเลย อย่าถามมากเกินไปจะดีกว่า เรื่องที่ไม่ควรรู้ก็อย่าไปรู้ จะได้ไม่หาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวโดยไม่จำเป็น คนที่แม้แต่อัศวินมังกรยังต้องเคารพ ไม่ใช่คนที่เราจะล่วงเกินได้ รีบทำภารกิจคราวนี้ให้เสร็จสิ้นจะดีกว่า
“อินจู๋ เมื่อกี้ขอบใจเจ้าจริงๆ”
……………………………………….