บทที่ 23 กลายพันธุ์
บทที่ 23 กลายพันธุ์
หลังจากเย่เลี่ยนควักก้อนเหนียวหนืดในสมองของซอมบี้กลายพันธุ์ตัวนี้ออกมาแล้ว หลิงม่อก็รับมันมาทันที ขณะเดียวกันก็หยิบก้อนเหนียวหนืดที่ได้มาก่อนหน้านี้ออกมาเปรียบเทียบกัน
ก้อนเหนียวหนืดสองก้อนนี้ล้วนมาจากซอมบี้กลายพันธุ์ แต่สีสันกลับแตกต่างจากที่เคยเห็นก่อนหน้านี้ มันมีสีแดงสดกว่า พอเอามาดม กลิ่นก็ฉุนกว่า นี้แสดงให้เห็นว่าเชื้อไวรัสภายในสมองของซอมบี้กลายพันธุ์สองตัวนี้มีความบริสุทธิ์มากกว่า จุดศูนย์รวมของโรคที่จับตัวกันออกมาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
เขาคิดไม่ผิดจริงๆ ที่ตัดสินใจมาที่เขตตัวเมืองหลัก มีเพียงย่านที่มีซอมบี้อยู่อย่างหนาแน่นเท่านั้น จึงจะมีซอมบี้กลายพันธุ์มากกว่าและแข็งแกร่งกว่า!
หลังจากเก็บก้อนเหนียวหนืดเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลิงม่อก็พาเย่เลี่ยนเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน ภายในอาคารที่อยู่ในสภาพปิดเช่นนี้จะต้องไม่ได้มีแค่ซอมบี้กลายพันธุ์ตัวเมื่อกี้แน่นอน ถึงแม้การไล่ล่าซอมบี้กลายพันธุ์จะมีอันตราย แต่เมื่อเทียบกับผลพวงที่ได้แล้ว อันตรายเล็กน้อยแค่นี้นับว่าจิ๊บจ๊อยมาก
ในช่วงจุดจบของโลก ถึงแม้คนที่เหยาะแหยะไม่กล้าต่อสู้จะมีชีวิตอยู่รอดมาได้ แต่พวกเขาจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างไม่เป็นสุขแน่นอน เรื่องนี้หลิงม่อเข้าใจเป็นอย่างดี ขณะที่เย่เลี่ยนเกิดวิวัฒนาการ แน่นอนว่าซอมบี้กลายพันธุ์ตัวอื่นเองก็กำลังวิวัฒนาการอย่างรวดเร็วเช่นกัน แต่สุดท้ายแล้วซอมบี้กลายพันธุ์พวกนี้จะวิวัฒนาการไปเป็นแบบไหน อันนี้ไม่มีใครบอกได้ชัดเจน
อย่างไรก็ตามมีอยู่สิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้คือยิ่งระดับการวิวัฒนาการสูงมากเท่าไร พละกำลังของซอมบี้กลายพันธุ์ก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น! ถ้าเราไม่คิดพัฒนาตัวเอง เอาแต่แสวงหาความมั่นคงสงบสุข ไม่เพียงแต่จะทำให้ตัวเองยิ่งอ่อนแอลงเท่านั้น แต่ยังทำให้เย่เลี่ยนพลอยเดือดร้อนไปด้วย! รู้ไว้นะว่าเป้าหมายโจมตีอันดับแรกของซอมบี้กลายพันธุ์ก็คือพวกเดียวกันกับพวกมัน!
ตอนนี้เย่เลี่ยนอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ไม่ว่าเธอจะฟื้นคืนสติกลับมาเมื่อไรก็ตาม เขาก็ต้องคิดเผื่อแทนเธอด้วย
อันตรายแล้วไง ก่อนที่จะเจอเข้ากับซอมบี้กลายพันธุ์ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า เขาจะต้องฉวยโอกาสพัฒนาความแข็งแกร่งของตนเองและเย่เลี่ยนให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ นี่ต่างหากเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้!
ความจริงพิสูจน์ให้เห็นว่าหลิงม่อคาดเดาไว้ไม่ผิดจริงๆ บรรดาห้องเรียนต่างๆ ในตึกวิทยาศาสตร์ถูกปิดลงตอนที่ผู้คนพากันวิ่งหนี ส่วนพวกซอมบี้ที่ถูกขังอยู่ข้างใน นอกจากการฆ่ากันเองแล้ว พวกมันก็ไม่มีทางเลือกอื่น แต่ที่หลิงม่อค่อนข้างประหลาดใจคือในห้องเรียนห้องหนึ่งบนชั้นสองไม่มีซอมบี้กลายพันธุ์เลยสักตัว พวกมันตายกันหมด มันเป็นการค้นพบที่คาดคิดไม่ถึงจริงๆ แต่หลังจากสังเกตดูอย่างละเอียดอยู่พักหนึ่ง เขาก็รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่ซอมบี้กลายพันธุ์ตัวนั้นได้ออกไปทางหน้าต่างที่แตกละเอียดแล้ว...
ในชั่วขณะหนึ่งหลิงม่ออดเป็นห่วงซย่าน่าไม่ได้ เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น แสดงว่าจะต้องมีซอมบี้กลายพันธุ์อย่างน้อยหนึ่งตัวขึ้นไปกำลังเดินเตร่อยู่ในรั้วโรงเรียน ไม่แน่ว่าอาจจะเจอเข้ากับพวกเขา...
“ด้วยฝีมือความสามารถของเด็กสาวคนนั้น คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกมั้ง” หลิงม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง จากหน้าต่างบานนี้ เขาสามารถมองเห็นสนามกีฬาที่อยู่ด้านหลังถนนที่มีต้นไม้อยู่สองข้างทางและอาคารเรียนหลังใหญ่ที่อยู่ออกไปไม่ไกล อีกทั้งยังเห็นอาคารสามสี่หลังที่ดูเหมือนว่าเป็นหอพักอยู่ลิบๆ โรงเรียนซานจงมีเนื้อที่กว้างขวางมาก ทว่าตอนนี้กลับดูรกร้างว่างเปล่าและชำรุดทรุดโทรมเหลือเกิน มองไปทางไหนก็มีแต่คราบเลือดเต็มไปหมดและซอมบี้ที่กำลังเดินโงนเงนไปมาช้าๆ อยู่ทั่วทุกหนแห่ง
ทว่ากลับไม่เห็นวี่แววของซย่าน่า หลิวอวี่หาวและเพื่อนๆ เลย หลังจากสะบัดหัวเล็กน้อย หลิงม่อก็เบนความสนใจกลับมาที่การไล่ล่าเหมือนเดิม...
ภายในเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง หลิงม่อล่าซอมบี้กลายพันธุ์ที่มีความแข็งแกร่งแตกต่างกันไปได้หกตัวที่บริเวณตึกวิทยาศาสตร์และตึกทดลองที่อยู่ด้านหลัง ตอนนี้เขามีก้อนเหนียวหนืดอยู่ในมือทั้งหมดเจ็ดก้อน นอกจากสองก้อนที่ดูสีออกจะคล้ำๆ แล้ว ห้าก้อนที่เหลือล้วนดูใสบริสุทธิ์มาก
สำหรับคนทั่วไปแล้ว เกรงว่าคงจะพากันหนีออกห่างจากบรรดาก้อนเชื้อไวรัสเหล่านี้ แต่หลิงม่อกลับเก็บก้อนเหนียวหนืดพวกนี้ไว้ในอกเสื้อและดูดีอกดีใจเป็นอย่างมาก
เมื่อมีก้อนเหนียวหนืดพวกนี้แล้ว จะต้องเกิดวิวัฒนาการขึ้นอีกครั้งได้อย่างแน่นอน! เมื่อถึงตอนนั้นความแข็งแรงทางร่างกายของเขาอาจจะสามารถก้าวไปสู่ระดับใหม่ตามไปด้วยก็เป็นได้!
ตอนนี้พลังจิตของหลิงม่อได้รับวิวัฒนาการจนถึงขนาดสามารถควบคุมซอมบี้กลายพันธุ์สองตัวพร้อมกันได้ ซอมบี้ทั่วไปยิ่งไม่ต้องพูดถึง ควบคุมสี่ตัวพร้อมกันยังสบายไม่มีปัญหา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตอนที่ควบคุมเย่เลี่ยน เขารู้สึกได้ว่ามันไม่มีอะไรมาขวางกั้นอีกแล้ว กลับรู้สึกราวกับว่าเย่เลี่ยนเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของร่างกายเขา เมื่อเป็นแบบนี้ ทั้งสองจะต้องร่วมมือเข้าขากันได้เป็นอย่างดีแน่นอน
แต่ข้อเสียคือถึงแม้พลังจิตของหลิงม่อจะวิวัฒนาการขึ้น แต่ทว่าความแข็งแรงทางร่างกายไม่ได้พัฒนาตามไปด้วย หลังจากที่ต่อสู้มาตลอดทั้งช่วงเช้า แม้เขาจะไม่ได้เหนื่อยจนทรุดลง แต่ก็รู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงไปพอสมควร
“ถ้าร่างกายเกิดวิวัฒนาการไปด้วยได้ ก็คงไม่แย่ถึงขนาดนี้...”
อันที่จริงตอนนี้หลิงม่อมีพละกำลังแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาทั่วไปอยู่มากทีเดียว แต่เมื่อเห็นเย่เลี่ยนไม่หายใจหอบและไม่หน้าแดง เขาก็รู้สึกหงุดหงิดอารมณ์เสียขึ้นมา
เขายื่นมือไปจับแขนของเย่เลี่ยนพลางสูดหายใจลึกอยู่พักใหญ่ ในที่สุดหลิงม่อก็รู้สึกว่าพละกำลังฟื้นคืนกลับมาเล็กน้อย แต่ขณะที่เหยียดตัวตรง เขาก็พลันเหลือบเห็นคอเสื้อของเย่เลี่ยนใกล้ๆ
เย่เลี่ยนสวมเสื้อเชิ้ตที่เขาหาเจอที่ร้านค้าร้านหนึ่ง คงจะเป็นเพราะระหว่างการต่อสู้เธอขยับเขยื้อนตัวมาก กระดุมเสื้อก็เลยหลุด เผยให้เห็นร่องอกที่เว้าลึกลงไป พอหลิงม่อเงยหน้าขึ้น ปลายจมูกก็หยุดอยู่ตรงหน้าร่องอกนี้พอดิบพอดี ผิวพรรณอันขาวเนียนละเอียดกระเพื่อมขึ้นลงจนเขาเวียนหัวตาลายไปทันที อีกทั้งเปลวเพลิงก็ลุกโชนขึ้นบริเวณท้อง
เขาจับจ้องร่องอกอยู่นาน จนอดไม่ได้ที่จะเขยิบเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แต่ในที่สุดหลิงม่อก็ได้สติกลับคืนมา
“ข่มใจไว้! ข่มใจไว้!”
ปกติที่เขาช่วยอาบน้ำสวมเสื้อผ้าให้เย่เลี่ยน มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การจะเอารัดเอาเปรียบในสถานการณ์เช่นนี้ หลิงม่อไม่อยากทำแบบนี้กับหญิงสาวที่ตนชอบด้วยใจจริง แค่ได้เห็นก็นับว่าเป็นบุญตาแล้ว...
หลังจากยื่นมือไปช่วยเย่เลี่ยนติดกระดุมเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลิงม่อก็รีบพาเย่เลี่ยนไปยังจุดหมายปลายทางต่อไป ไหนๆ ก็อุตส่าห์เสียแรงไปมาก กว่าจะมาถึงโรงเรียนแห่งนี้ แน่นอนว่าจะต้องฆ่าซอมบี้กลายพันธุ์และเอาก้อนเหนียวหนืดในสมองของพวกมันมาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แต่สิ่งที่หลิงม่อไม่สังเกตเห็นก็คือหลังจากที่เขาเดินจากไปได้ไม่นาน จู่ๆ เงาร่างที่อาบเลือดเปียกโชกก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าถนน ดวงตาเคียดแค้นดุร้ายแต่ดูเหมือนกับว่าเลือดคั่งคู่หนึ่งจับจ้องที่สุดปลายถนนอีกด้านหนึ่งเขม็ง ซึ่งมีบรรดาอาคารที่ลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ อยู่
ร่างกายท่อนบนของคนๆ นี้พันด้วยผ้าพันแผล แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกชาวูบคือบริเวณผิวบนหนังศีรษะที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่านั้นถูกเกาจนเปื่อยยุ่ย และตามซอกเล็บของเขาก็เต็มไปด้วยเลือดและเศษเนื้อผสมกัน อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือใบหน้าของเขา ที่ถูกแกะเกาจนเปื่อยยุ่ย ปากที่อ้าออกเล็กน้อยของเขา เผยให้เห็นเหงือกที่แดงฉาน และดวงตาที่มีเลือดคั่งจนไม่อาจจ้องมองตรงๆ ได้
แม้ว่าจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงจนแทบจะไม่เหลือเค้าความเป็นมนุษย์ แต่ก็ดูออกได้ไม่ยากว่าคนๆ นี้ก็คือลู่ซินที่ถูกพวกซย่าน่าทิ้งให้อยู่ที่ซุปเปอร์มาร์เกต
“เหอะๆ...”
หลังจากเค้นเสียงหัวเราะเย็นยะเยือกที่แสนจะแหบแห้งออกมาจากลำคออยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้นลู่ซินก็กระโดดมาข้างหน้าและวิ่งข้ามถนนพุ่งเข้าไปท่ามกลางอาคารต่างๆ เหล่านั้นอย่างรวดเร็ว
ขณะนั้นหลิงม่อเพิ่งจะพาเย่เลี่ยนเข้าไปในอาคารเรียนหลังที่อยู่ใกล้ที่สุด เขาไม่รู้เลยว่าขณะที่เขาก้าวขึ้นบันไดไปยังชั้นสองนั้น ลู่ซินที่กำลังวิ่งตะบึงอย่างบ้าคลั่งอยู่ห่างจากเขาไปไม่ถึงห้าสิบเมตร
“หืม?”
จู่ๆ หลิงม่อก็รู้สึกได้ถึงความปรารถนาอย่างแรงกล้าจากตัวเย่เลี่ยน เขาเผยรอยยิ้มออกมาทันที “ในตึกนี้มีซอมบี้กลายพันธุ์อยู่จริงๆ ด้วย!”
................................................................................................................................