บทที่ 21 เสนอราคามา ต้องการเท่าไรถึงจะยอมหย่ากับฉู่อี๋
บทที่ 21 เสนอราคามา ต้องการเท่าไรถึงจะยอมหย่ากับฉู่อี๋
อั่งเปาซองใหญ่มาก ฉางฉิงทำตัวไม่ถูกพลางมองซ่งฉู่อี๋
“น้ำใจของคุณพ่อ รับไว้เถอะ” ซ่งฉู่อี๋พูด
“ขอบคุณค่ะ คุณพ่อ” ใบหน้าเรียวสวยของฉางฉิงเปี่ยมด้วยรอยยิ้มทันที
จากนั้นภรรยาของซ่งไฮว๋เซิงก็ให้อั่งเปาซองใหญ่กับเธอเช่นกัน ฉางฉิงเกือบพลั้งปากออกไปว่า ‘ขอบคุณค่ะคุณแม่’ โชคดีที่เธอยั้งปากไว้ได้ทัน แล้วเธอก็หันไปมองซ่งฉู่อี๋อีก
“เรียกคุณน้า” ซ่งฉู่อี๋เตือน
ไต้หยวนอายุมากกว่าเธอแค่ไม่กี่ปี แต่กลับต้องเรียกว่าคุณน้า อย่างไรก็ตามเธอก็ยังคงเรียกตามที่เขาบอกอย่างว่าง่าย
ต่อจากนั้นคุณย่าซ่งก็ยื่นกล่องของขวัญที่ดูประณีตสวยงามให้เธอ พอฉางฉิงเปิดออกดู ในกล่องเป็นเครื่องประดับเพชรหนึ่งชุด มีสร้อยคอ แหวนและสร้อยข้อมือ เมื่อดูความวาวและจำนวนกะรัตของเพชรแล้ว อย่างน้อยๆ น่าจะเป็นสิบล้าน
“นี่มันมีค่าเกินไปค่ะ” ฉางฉิงตกใจ
“เป็นสินสอดจ้ะ” คุณย่าซ่งยิ้มตาหยีพลางพูด “แล้วก็เป็นธรรมเนียมของตระกูลซ่งเราด้วย”
ฉางฉิงเห็นว่าทุกคนไม่ได้พูดอะไร จึงจำต้องรับไว้ เมื่อถึงตาซ่งฉูหล่าง สายตาที่หยิ่งยโสและขึงขังจับจ้องที่เธอแบบไม่กะพริบ
“ฉูหล่าง น้องชายแต่งงาน ลูกคงเตรียมอั่งเปาไว้ซองหนาเลยล่ะสิ” ซ่งไฮว๋เซิงมองลูกชายคนโตด้วยสายตาเชิงเตือนเล็กน้อย
“พ่อครับ ผมลืม คุณเยี่ยนคงไม่ถือสานะครับ” ซ่งฉูหล่างพูดด้วยน้ำเสียงเชิงอันธพาลนิดๆ
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ” ฉางฉิงงุนงงเล็กน้อย พี่ใหญ่คนนี้ดูเหมือนจะมีเจตนาร้ายกับเธอ
“เย็นมากแล้ว ไปทานข้าวที่ห้องอาหารกันเถอะ” ขณะนั้นเองซ่งฉู่อี๋เดินมาข้างหน้าและโอบบ่าฉางฉิง
ทั้งคู่เพิ่งจะใกล้ชิดกันแบบนี้เป็นครั้งแรก ฉางฉิงไม่ค่อยคุ้นชินกับการที่เขาโอบบ่าพลางเดินไปที่ห้องอาหาร
ระหว่างที่ทานอาหารกัน แม่เลี้ยงของซ่งฉู่อี๋ยิ้มอ่อนโยนให้อย่างสนิทชิดเชื้อ “ไม่กี่วันก่อนพ่อเธอเพิ่งจะแนะนำลูกสาวคนเล็กของประธานเยี่ยนให้รู้จักเอง คิดไม่ถึงว่าเผลอแป๊บเดียวก็จดทะเบียนสมรสกันแล้ว ตอนที่ได้ยินข่าว น้าตกใจมากเลย พวกเธอจดทะเบียนกันเร็วเหลือเกิน”
ซ่งฉูหล่างหรี่ตาและยิ้มเยาะ “ได้ยินมาว่าตระกูลเยี่ยนไม่ไหวแล้วใช่มั้ย หากตระกูลซ่งเรายังไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ คงอยู่ไม่พ้นอาทิตย์นี้”
ฉางฉิงรู้สึกอับอายมาก ซ่งไฮว๋เซิงหลุบตาลง
มีเพียงซ่งฉู่อี๋ที่คีบขาไก่ใส่ในชามของฉางฉิงอย่างไม่สะทกสะท้าน แล้วพูดว่า “เกี่ยวอะไรกับตระกูลเยี่ยนด้วยล่ะ ผมปิ๊งเธอเอง ก็เลยขอเธอแต่งงาน”
ฉางฉิงมองเขาด้วยความซาบซึ้งใจ แล้วก้มหน้ากินขาไก่
ซ่งฉูหล่างขมวดคิ้วพลางมองพวกเขา ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากพูด ก็พลันเห็นสายตาที่ซ่งไฮว๋เซิงจ้องมองเขา เขาก็เลยหุบปากลง
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว ฉางฉิงก็อยู่พูดคุยกับคนในตระกูลซ่งพักหนึ่ง แล้วเธอก็แวะเข้าห้องน้ำก่อนที่จะกลับบ้าน
พอออกมาจากห้องน้ำ เธอก็เจอซ่งฉูหล่างยืนพิงผนังอยู่ สีหน้าฉูหล่างดูคลุมเครือเข้าใจยาก “เสนอราคามา เธอต้องการเท่าไรถึงจะยอมหย่ากับฉู่อี๋”
ฉางฉิงสับสนงุนงง “พี่ใหญ่คะ ฉันทำอะไรล่วงเกินพี่ไปหรือเปล่าคะ”
ซ่งฉูหล่างก้าวเข้ามาหาและก้มหน้า ใบหน้าที่น่ากลัวยื่นเข้ามาใกล้ตรงหน้าเธอและยิ้มอย่างเย็นชา “ที่เธอแต่งงานกับฉู่อี๋ก็เพื่อตระกูลเยี่ยนไม่ใช่เหรอ ถ้าเธอหย่า ฉันก็จะช่วยตระกูลเยี่ยน ไม่ดีเหรอ หรือว่าเธอยังละโมบโลภมากอยากได้สมบัติของตระกูลซ่งเราด้วย”
ฉางฉิงโมโหจนใบหน้าแดงก่ำ “ใช่ค่ะ ฉันแต่งงานเพื่อตระกูลเยี่ยน แต่นี่เป็นเรื่องระหว่างฉันกับซ่งฉู่อี๋ ไม่ต้องการให้พี่ใหญ่เข้ามาก้าวก่าย”
เธอหมุนตัวแล้วเดินจากไป ขี้เกียจที่จะสนใจเขา ซ่งฉูหล่างตีหน้าขรึมลงทันที แล้วดึงแขนเธอไว้
“พี่ใหญ่ พี่จะทำอะไรน่ะ” ซ่งฉู่อี๋ยืนขมวดคิ้วอยู่ที่หัวมุม แล้วสาวเท้ายาวเข้าไปหาและดึงฉางฉิงเข้ามาในอ้อมกอด
แขนเขาโอบกอดฉางฉิงแน่น เธอเงยหน้าขึ้นมอง ภายใต้แสงไฟสีส้มตรงระเบียง ใบหน้าหล่อละลายใจของเขาแสดงความไม่พอใจอย่างแรง
แผงอกของซ่งฉู่อี๋ขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ ฉางฉิงได้กลิ่นน้ำหอมแบบผู้ชายบนตัวเขา เป็นกลิ่นหอมจางๆ จางมากถึงขนาดถ้าไม่ได้อยู่แนบชิดกับเขาขนาดนี้ ก็คงไม่มีทางได้กลิ่นแน่นอน
“ฉู่อี๋ เมื่อกี้คุณพ่ออยู่ด้วย พี่ก็เลยคุยไม่สะดวก” ซ่งฉูหล่างจ้องมองหน้าฉางฉิงพลางพูดว่า “ผู้หญิงคนนี้เป็นกิ๊กกับจั่วเชียน มีความสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม คราวก่อนเดิมทีทางนิตยสารกำลังจะตีพิมพ์ข่าวอยู่แล้ว แต่ถูกเส้นสายของจั่วเชียนสั่งห้ามเอาไว้ พี่หวังดีกับนายนะ ไม่อย่างงั้นนายโดนสวมเขาเข้าให้แล้วก็ยังไม่รู้ตัวเลย”
............................................