ตอนที่แล้วตอนที่ 69 ก่อนออกเดินทาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 71 เผามันซะ

ตอนที่ 70 บนรถไฟ


ยักษ์ดำค่อยๆหยุด จางเหว่ยและทีมเขาลงมาจากด้านหน้าของรถ

ฉี ไป่เจี่ยคำนับและแนะนำตัวเอง“ผมคือฉี ไป่เจี่ย เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบภารกิจนี้ครับ”

“ยินดีที่ได้ร่วมงานกับคุณ”จางเหว่ยพยักหน้า จากนั้นก็หันหัวและยิ้มให้หม่า ฉิงหยางขณะกอดหม่า ฉิงหยางเต็มรัก

อีกฝั่ง ดวงตาของหลินเหยาส่องประกายเมื่อเห็นซูซู สายตาเขาหยุดนิ่งที่เธอและโบกมืออย่างเขินอาย“สวัสดีครับ ซูซูเจี่ย(พี่สาว)”

“หลินหลินน้อย”ตี้ ซูซูไม่สนใจหลินเหยาและเดินข้ามเขาไปหาหลี่ ย่าหลิน จากนั้นก็บีบแก้มหลี่ย่าหลิน“จิ๊จิ๊ เธอดูสวยขึ้นนะเนี่ย”

“ออกไป เราไม่ได้สนิทกัน”หลี่ย่าหลินขมวดคิ้วและปัดมือของซูซูออก

ซูซูไม่ใส่ใจ เธอกวาดตามองรอบๆและถามอย่างสงสัย“ช่างกลของเธออยู่ไหน?เขาซ่อนตัว?”

หลี่ย่าหลินกอดอก มองอย่างเย็นชาและไม่ตอบคำถาม

จางเหว่ยจึงตอบ“เขาเหนื่อย ดังนั้นเขาจึงยังหลับอยู่บนรถบรรทุก”

“รถบรรทุกนี่...?”

จางเหว่ยยืนตัวตรงและพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ“รถสนับสนุนของเรา”

ทีมของหม่า ฉิงหยางและซูซูมองอย่างอิจฉา พวกเขามองหัวหน้าทีมตัวเองด้วยสีหน้าขมขื่น

“เราเองก็อยากได้ยานพาหนะสนับสนุนของเราเหมือนกัน”

ฉี ไป่เจี่ยตบมือ“เอาละ มันถึงเวลาเดินทางแล้ว”

 

รถไฟทหารจอดอยู่ตรงสถานี แทนที่จะขนสิ่งของโดยใช้เครื่องบินหรือรถทั่วไป เจ้าหน้าที่ภาคสนามกว่า40คนกำลังบรรจุกล่องอาวุธปืนและกระสุนลงบนรถไฟ

เนื่องด้วยทางสายหลักถูกทำลาย 6ประเทศจึงมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาทางรถไฟเพื่อเชื่อมโยงกับจุดหมายต่างๆ รถไฟทางทหารจึงถูกออกแบบขึ้น ซึ่งทำให้พวกมันเร็วกว่ารถไฟพลเรือน เวลาเดินทางของรถไฟนี่คือสามวันเท่านั้น

5ตู้แรกประกอบไปด้วยห้องโดยสาร สองห้องนอน ห้องอาหาร และห้องเก็บอาวุธปืนตามลำดับ สุดท้ายเป็นแบบเปิดโล่ง-ทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับบรรทุกยานพาหนะอื่นๆ หลี่ย่าหลินขับยักษ์ดำไปบนนั้น เจ้าหน้าที่ภาคสนามล็อคมันอย่างแน่นหนาและคลุมรถด้วยผ้ากันฝุ่น

เมื่อทุกคนขึ้นรถไฟ มันก็ออกตัว รถไฟฉายรังสีภายใต้แสงอาทิตย์ร้อนแรงและขับเข้าไปในเขตป่าที่อันตราย

...

หานเซี่ยวตื่นทันทีที่รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน

เพดานของตู้ถูกติดตั้งด้วยโคมไฟที่ส่องแสงสีขาวนวล ตัวตู้เต็มไปด้วยเครื่องจักรไร้ชีวิตและอาวุธกลไก แต่พวกมันก็ให้ความรู้สึกปลอดภัย

หานเซี่ยวขยี้ตาอย่างแรงก่อนกลับมาจดจ่ออย่างเต็มที่ เขาเปิดประตูพร้อมตระหนักว่าตัวเองอยู่บนรถไฟความเร็วสูง ลมแรงพุ่งปะทะใบหน้าเขา พัดผมเขาให้ยุ่งเหยิง พื้นสั่นสะเทือนไม่หยุดและเสียงดังของรถไฟก็กระทบหูเขา รถไฟเคลื่อนที่ไปตามรางอย่างราบรื่น

ดวงดาวส่องสว่างในท้องฟ้ามืด

ภูเขาสามารถเห็นได้บนเส้นขอบฟ้าห่างไกล

ฉันนอนทั้งวันเลย?

หานเซี่ยวตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็สวมเครื่องจำลองใบหน้าและปรับใบหน้าเขาให้เป็นคนปกติจากความทรงจำเขา หลังจากนั้น เขาก็วางหน้ากากทับเครื่องจำลองใบหน้า เขามักระวังมากตลอด หลังจากนั้น เขาก็เดินตามแสงไฟและเข้าไปในตู้ถัดไป

เสียงลมหายไปเมื่อเขาเข้าตัวตู้ เสียงพูดกลับดังกลบหูเขาแทน เขารู้สึกราวกับเพิ่งหลุดจากยุคหินสู่ยุคสมัยใหม่

ทันทีที่หานเซี่ยวเดินเข้ามา ทุกคนก็หยุดพูด สายตาทุกคู่จับจ้องมายังหานเซี่ยวด้วยความอยากรู้

ตี้ซูซูคือคนแรกที่ลุกขึ้นยืน เธอขยับเอวอันงดงามและเดินส่ายมาหาหานเซี่ยว

 

“งั้น นายก็คือหานเซี่ยว?”เธอถามอย่างสนใจ

“ผมคิดว่าคุณคงจำคนผิด”หานเซี่ยวตอบอย่างเฉยเมย หานเซี่ยวรู้ว่าเขาจะเสียหน้าอย่างมากหากตอบคำถามทั้งหมดตามจริง

สีหน้าทุกคนแข็งค้าง โกหกหน้าตาย!ทุกคนอยู่ในห้องโดยสารนี่ แล้วเขาจะเป็นใครได้?!

หลี่ย่าหลินยินดีที่เห็นซูซูถูกปฏิเสธ เธอโบกมือให้หานเซี่ยว“เซี่ยวเกอ(พี่ชาย เฮีย) มานั่งนี่เร็ว”

หานเซี่ยวพยักหน้าและขยับไปข้างๆจางเหว่ยและคนอื่น จากนั้นหลี่ย่าหลินก็กระซิบกับเขา“ทำได้ดีมาก!นายเพิ่งทำให้ยัยเจ้าเล่ห์ตี้ซูซูอับอาย”

“เจ้าเล่ห์?”หานเซี่ยวประหลาดใจ

“ใช่แล้ว ตี้ซูซูเป็นพวกเจ้าเล่ห์ เหลี่ยมจัด และพวกลิ้นสองแฉก!”หลี่ย่าหลินกล่าวด้วยความเกลียด

หานเซี่ยวหรี่ตา“นั่นเธอกำลังพูดถึงตัวเอง?”

หลินเหยาไม่เห็นด้วย แต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรเพราะกลัวจะถูกหลี่ย่าหลินกระทืบ เขาลอบมองหานเซี่ยวด้วยความเคารพ นั่นคือพี่ชายของฉัน-ชายผู้กล้าที่ไม่เคยกลัวใคร!

เมื่อตี้ซูซูเห็นหลี่ย่าหลินและหานเซี่ยวสนิทกัน สีหน้าเธอก็ดำมืด ร่องรอยความโกรธฉายในดวงตาเธอ

 

อีกฝั่งหนึ่ง หม่าฉิงหยางยื่นมือเขาและยิ้ม“ไง น้องชาย ยินดีที่ได้รู้จักนะ ฉันหม่า ฉิงหยาง”

หานเซี่ยวจับมือขณะรั้งหลี่ย่าหลินที่กำลังโกรธกลับมา“ในทางเทคนิค เราไม่เคยพบกัน”

หม่า ฉิงหยางทำหน้าโง่งม เขาสำรวจรอบหน้ากากหานเซี่ยว ไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้“ใช่ นายพูดถูก”

ฉี ไป่เจี่ยตบมือเขา“ในเมื่อทุกคนมาครบแล้ว ผมก็จะอธิบายรายละเอียดภารกิจให้ฟัง เจ้าหน้าที่ภาคสนามทุกคนโปรดออกไปก่อน”

 

เจ้าหน้าที่ภาคสนามรู้ว่านี่คือกฏ ดังนั้นพวกเขาจึงออกไปโดยไม่ลังเล สถานที่กลายเป็นเงียบสงัด มีเพียงหน่วยลับทั้งสามและฉี ไป่เจี่ย

 

“นี่เป็นภารกิจร่วมกันระหว่างแผนกข่าวกรองเฮสล่าและเรา กองกำลังเฮสล่าประจำการอยู่ที่ชายแดน และพวกเขาสามารถเคลื่อนไหวได้ทุกเมื่อ หน้าที่เราคือการแทรกซึมฐานศัตรูเพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับระบบป้องกันพวกมันเพื่อให้เราสามารถสนับสนุนกองทัพได้ด้วยข้อมูล”

“เฮสล่าได้ส่งแผนที่ของหุบเขาอีกาดำมาให้เรา สถานที่นี้เข้าถึงได้ง่ายแต่ยากต่อการโจมตี และด้วยป่าลึก เราจะไม่อาจหาตำแหน่งพิกัดของฐานได้ด้วยดาวเทียมเรา เราไม่มีข้อมูลอะไรเลยเกี่ยวกับกองกำลังฝ่ายนั้น เราทำได้เพียงโจมตีจากภาคพื้นดินเท่านั้น”

ทุกคนจริงจังมากเมื่อได้ยินภารกิจ ตี้ซูซูเกาหน้าผากเธอและขมวดคิ้ว“ฟังดูเหมือนเป็นฐานที่มีการป้องกันแน่นหนา มันเป็นไปได้ไหมที่กองกำลังของเฮสล่าจะปูพรมฐาน?”

“พวกเขาปฏิเสธ”ฉี ไป่เจี่ยส่ายหัว

ทุกคนเข้าใจเหตุผลดี ตราบเท่าที่เฮสล่าสามารถโค่นศัตรูได้ด้วยความพยายามเล็กน้อย พวกเขาย่อมไม่ทางเผยอุปกรณ์จนหมด นอกจากนี้ เมื่อมีข้อมูลน้อยเกินไปเกี่ยวกับพลังและตำแหน่งของศัตรู เฮสล่าจึงไม่ยอมให้กองกำลังพวกเขาเข้ามาก่อนเวลาอันควรเพราะกลัวจะประสบกับความสูญเสีย แผนกปฏิบัติการลับจึงถูกนำมาเพื่อทำงานสกปรกเช่นการแทรกซึม

หลี่ย่าหลินบ่น“งั้นจุดแทรกซึมอยู่ไหน?”

ฉี ไป่เจี่ยชี้จุดบนแผนที่“ทางฝั่งตะวันตกของหุบเขา มีเมืองขนาดใหญ่ชื่อป่าอีกา การที่พวกเขามีความกล้าสร้างเมืองใกล้กับฐานขององค์กรต้นกำเนิดก็ต้องหมายความว่าทั้งสองฝ่ายสมรู้ร่วมคิดกัน ดังนั้น มันจึงมีหน่วยลาดตระเวนจากฐานประจำอยู่ในเมืองบ้าง นี่คือโอกาสเรา”

“และตามข้อมูลจากเบื้องบน มีศัตรูสำคัญอยู่สามคนจากฐานหุบเขาอีกาดำ”

ฉี ไป่เจี่ยยื่นแฟ้มเอกสารให้ทุกคน เมื่อทุกคนอ่านมัน เขาก็สรุปสาระสำคัญ“ป่าน กวง-หัวหน้าฐาน อายุ35ปี คนเอเชีย นักสู้E+-หนึ่งในผู้บริหารระดับสูงขององค์กรต้นกำเนิด อาวุธเขาคือดาบ ชื่อเล่นคือดาบวิญญาณ บันทึกสุดท้ายคือเมื่อสามปีก่อน เมื่อเขาล้มสายลับของธีซุส12คนเพียงลำพัง 4ใน12เป็นถึงยอดมนุษย์”

หน้านั้นเผนให้เห็นชายสีหน้าเฉยชา เขาดูเหมือนคนธรรมดาแต่ให้ความรู้สึกดุดัน

“จี่ เจี่ย รองหัวหน้า เพศชายอายุ29ปี ลูกครึ่งเอเชียและคอเคเชี่ยน ข้อมูลจำกัด เรารู้แค่ว่าเขาดูเหมือนจะเป็นญาติกับหัวหน้าองค์กรเนตรพายุ จี่ เนี่ย”

“ดอมุนด์ หัวหน้ากองกำลังรักษาความปลอดภัย อายุ43จากเรย์เร็น เขาเชี่ยวชาญอาวุธปืนเกือบทุกประเภทและเป็นสายลับชั้นยอด เขาเคยเป็นหัวหน้าของหน่วยนกฮูกรัตติกาล”

ความสงสัยฉาบบนใบหน้าหม่า ฉิงหยาง“ฉันคิดว่าเรามีข้อมูลไม่มากซะอีก?ข้อมูลทั้งหมดนี้มาจากไหน?”

ทุกคนสงสัยเช่นกัน

ฉี ไป่เจี่ยส่ายหัว“ผมเองก็ไม่มั่นใจ เบื้องบนบอกว่ามันเชื่อถือได้”

ทุกคนหยุดตั้งคำถาม

หานเซี่ยวเงี่ยหูฟังเล็กน้อย ที่มาของข้อมูลนี้ก็นั่งข้างๆพวกนายไง

ฉี ไป่เจี่ยให้คำแนะนำเพิ่มเติม ทันใดนั้น น้ำเสียงเขาก็ปเลี่ยนไป“สำหรับปฏิบัติการนี้ เฮสล่าจะส่งทีมสายลับจากแผนกข่าวกรองมา พวกเขาจะเคลื่อนไหวพร้อมเราเมื่อเราถึงจุดนัดพบ”

สีหน้าจางเหว่ยเปลี่ยนไปและถาม“สายลับจากสองประเทศกำลังทำภารกิจร่วมกัน?”

ฉี ไป่เจี่ยรู้สึกอับอายและกระแอม“ใช่”

นี่เป็นปัญหา!

เฮสล่าไม่พอใจกับข้อมูลจากมังกรดารา นอกจากนี้ พวกเขายังไม่อยากใช้กองกำลังตัวเองมากนัก ดังนั้นพวกเขาจึงขอให้แผนก13ส่งคนมาใช้ในภารกิจนี้

สายลับมองหน้ากันอย่างไม่สบายใจ ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศค่อนข้างซับซ้อน สายลับก็นับว่าเป็นศัตรูกัน ดูเหมือนว่าภารกิจจะต้องล้มเหลว

ไม่มีสิ่งใดเป็นประโยชน์ต่อหานเซี่ยว เขาหาวและมองออกนอกหน้าต่าง เขาหรี่ตาหลังเห็นอะไรบางอย่าง เขาขัดจังหวะการสนทนาทันทีและร้องตะโกน“เราถูกพวกสัตว์ป่าโจมตี!”

ทุกคนตกตะลึงและไม่อาจตอบสนองได้ รถไฟสั่นอย่างรุนแรง ส่งผลให้สายลับเกือบล้มลง ในเวลาเดียวกัน ก็เกิดเสียงร้องอย่างหวาดกลัวจากเจ้าหน้าที่ภาคสนามในตู้ด้านหลัง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด