ตอนที่ 39: หมายังจำเจ้าของของมันได้
ตอนที่ 39: หมายังจำเจ้าของของมันได้
เฮเซคียาห์ถลันเข้าไปจับหอกไฟของเอ็กซัส ไฟร้อนทำให้แสบเนื้อไปหมดแต่ชายหนุ่มแค่ซู้ดปาก แล้วมองไปที่เอ็กซัสอย่างเอาเรื่อง ทางด้านเอ็กซัสเห็นเป็นเขาที่อยู่ด้านหน้า ก็ยกขาขึ้นออกแรงถีบอย่างหนักหน่วง แต่เขาไม่กระเด็นถอยไปในคราเดียวตามที่อีกฝ่ายคาด แถมยังเหวี่ยงขากลับไปฟาดใส่อีกฝ่ายทางสีข้าง
เอ็กซัสเซจะล้มแต่ยังตั้งหลักไว้ได้ แต่เปลวไฟจากอาวุธโลมเลียผิวเนื้อของเฮเซคียาห์ที่เข้าประชิดอย่างสาหัส เขาผละถอยมาตั้งตัว
“อ้า! ปวดแสบปวดร้อนชะมัด” เขาพึมพำ ตาข้างหนึ่งดูเหมือนเข้าใกล้หอกไฟมากเกินไป มันจึงบอดลงแล้ว แต่อีกไม่ช้า ร่างกายของเขาคงฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิม
อาวุธปืนของผู้ใช้เศวตศาสตราสองคนจ่อมาที่ศีรษะของเอ็กซัส ทว่า ในเวลาไม่เกินอึดใจ ปืนกระบอกหนึ่งกลับบู้บี้เหมือนโดนโยนเข้าเครื่องบีบอัดโลหะ ขณะที่ปืนอีกกระบอกอยู่ในสภาพดี
เจ้าของปืนที่พร้อมใช้งานกดปลายกระบอกปืนเข้ากับศีรษะของเอ็กซัสแน่นขึ้น
“ทำไมแกถึง...” เอ็กซัสดูงง จังหวะนี้มีดอีกเล่มหนึ่งถูกจ่อมาด้านหลังของเขา บริเวณที่ตรงกับหัวใจ
“เพราะฉันมีเพื่อนดี” ผู้ใช้เศวตศาสตราที่ใช้ปืนจ่อเอ็กซัสอยู่ เอียงศีรษะไปทางเพื่อนที่ยืนอยู่ใกล้ผู้ไม่มีอาวุธอยู่ในมือซึ่งกำลังใช้แตะอยู่บนหลังของคนที่พูด “นี่คือพลังเกราะคุ้มกันล่องหนที่สามารถสกัดการโจมตีได้ทุกรูปแบบ ดังนั้นแกไม่สามารถทำอะไรฉันได้ทั้งนั้น ถ้าแกยังไม่ยอมแพ้ ฉันยิงหัวแกกระจุยแน่”
ไฟบนหอกในมือของเอ็กซัสหายไป
“วางอาวุธซะ” เฮเซคียาห์เดินเข้ามาอยู่ด้านหน้า
“ไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมพวกมนุษย์อย่างแกยินดีต้อนรับเขา” เอ็กซัสมีสีหน้ากริ้วโกรธ ตาหวาดมองบรรดาผู้ใช้เศวตศาสตรา
“เงียบไปเถอะ!” เฮเซคียาห์เอ่ยเสียงเข้ม
“คนที่ยืนอยู่หน้าพวกแก คือศัตรูที่ร้ายกาจกับพวกแกที่สุด” เอ็กซัสประกาศเสียงดัง
“พูดให้มันได้อะไรขึ้นมา...” เฮเซคียาห์ส่ายหน้าอย่างไม่สบายใจ สายตาเขาสบกับเอ็กซัสและอ่านใจอีกฝ่ายได้แม้ไม่ต้องใช้พลังพิเศษ เขาเป็นเพื่อนและนายเหนือหัวรของเอ็กซัสมาหลายปี
“มัน...”
เฮเซคียาห์พุ่งเข้าไปและตบหน้าเอ็กซัสฉาดหนึ่ง ตามด้วยการอัดชกเข้าที่ขมับของอีกฝ่าย แล้วยกมือขึ้นฟาดไปที่คอของเอ็กซัสด้วย ตั้งใจว่าจะทำให้มึนงง หรือถึงกับสลบลง
“อ้า! เจ็บจิ๊ดข้างในหัวใจ ไลฟ์ควอตซ์ดันบีบเตือนไม่ให้สลบ” เอ็กซัสแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์คล้ายกับคนที่กำลังชนะในเกมพนันที่มีเดิมพันมูลค่ามหาศาล คงคิดว่าจะได้เปิดโปงฐานันดรศักดิ์ของเฮเซคียาห์ในอดีตเป็นแน่แท้
ชิ้ง...
ร่างของผู้ใช้เศวตศาสตราที่เหลือทั้งหมดหายวับไป
“เกิดอะไรขึ้น? คุณ...” เฮเซคียาห์หันไปมองเมเดียน
“พวกเขาแค่สิบกว่าคน ฉันยังสามารถส่งกลับไปที่หมู่บ้านได้” เมเดียนช่วยเฮเซคียาห์ไว้ ปกป้องความจริงเรื่องเฮเซคียาห์เคยเป็นอดีตรัชทายาทของชาวมัสตินไม่ได้ถูกเปิดเผยโดยริมฝีปากของเอ็กซัส แต่เหตุผลหนึ่งที่เขาลงมือช่วยก็คงเพราะมองชายหนุ่มได้ลึกซึ้ง “ถ้าหากพวกชาวบ้านรู้เข้า เธอคงฆ่าพวกเขาทั้งหมดเพื่อปิดปาก เธอคงไม่ชอบถูกลือว่าเคยช่วยเหลือมนุษย์แน่ถ้าหากเธอกลับไปเข้าพวกกับชาวมัสติน”
เฮเซคียาห์ไม่ผงกศีรษะหรือส่ายหน้าเพื่อตอบรับหรือปฏิเสธ เขาเบือนใบหน้ามองทางเอ็กซัสที่ตอนนี้เป็นอิสระแต่ไม่เข้ามาโจมตี
“เครื่องมือสำหรับการเทเลพอร์ตในค่ายถูกทำลายไปหมดแล้ว ถ้านายต้องการเทเลพอร์ตก็ต้องให้เมเดียนจัดการให้” เฮเซคียาห์พูดด้วยน้ำเสียงเนือยๆ สายตาตวัดไปมองทางอื่น ไม่มองหน้าเอ็กซัส
“แกโยนฉันไว้ในฝูงมนุษย์เมื่อครู่ จะปล่อยให้พวกมันฆ่าฉันก็ได้ ทำไมแกไม่ทำ” เอ็กซัสดูสงบลง “แกบอกเองนี่ว่าจะฆ่าฉัน เปิดตัวมาเจอหน้ากันอีกครั้งด้วยท่าทีอหังการเหลือเกิน”
“นายเป็นกำลังสำคัญของชาวมัสติน ฉันจะเอานายกลับไปด้วย”
ลมหายใจของเอ็กซัสขาดเป็นห้วงๆ เวลาที่เขาไม่สบายใจมักมีจังหวะลมหายใจผิดปกติอย่างนี้อยู่บ่อยครั้งเมื่อสมัยที่ยังติดตามเฮเซคียาห์ไปไหนต่อ
“หมายความว่ายังไง แกจะเข้าเมืองหลวงอย่างนั้นเหรอ” เอ็กซัสส่ายหน้าไปมาระรัว “ไม่! แกต้องตายแน่”
“ห่วงฉันหรือไง” เฮเซคียาห์ยิ้มล้อเลียนเอ็กซัส
อีกฝ่ายกัดฟันกรอด จู่ๆ ตัวสั่นเทา
“หมายังจำเจ้าของของมันได้ใช่ไหม” สายตาของเฮเซคียาห์คมกร้าว ในช่วงหลายเดือนมานี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองไร้อำนาจเพราะสูญเสียความแข็งแรงทางกายภาพเยี่ยงชาวมัสตินไป แต่ในวันนี้เขาได้ฆ่าชาวมัสตินไปเยอะทั้งทางอ้อมและทางตรง เขาเริ่มระลึกถึงอำนาจที่สูญเสียไปว่ามันยังอยู่ในร่างกายของเขา
เขามีอำนาจไม่ใช่เพราะร่างกายที่แข็งแกร่งซึ่งถูกเสริมให้ยิ่งแกร่งเหนือชั้นกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นด้วยเทคโนโลยีเยี่ยงชาวมัสติน แต่อำนาจที่แท้จริงของเขามาจากสติปัญญาที่ชาญฉลาดเหนือกว่าบรรดาชาวมัสตินทั้งหมด
“ตัวสั่นขนาดนั้น นายนึกออกใช่ไหมเอ็กซัสว่าฉันตัวจริงเป็นยังไง รู้หรือยังว่าฉันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนักหรอก”
“แก...” เอ็กซัสผงะด้วยท่าทีตื่นกลัวที่ซ่อนไว้ไม่มิด
มันเป็นภาพที่น่าดูอยู่ไม่น้อย ไม่มีสักคนในโลกใบนี้ที่เคยเห็นท่าทีของเอ็กซัสเช่นนี้นอกจากเฮเซคียาห์
“ฉันไม่ได้เปลี่ยนไปจนเป็นมนุษย์จริงๆ มันก็แค่มีอะไรบางอย่างแปลกไปก็เท่านั้น แต่ฉันก็ไม่ใช่... มนุษย์!” เฮเซคียาห์เน้นเสียงตอนท้ายประโยคอย่างโกรธแค้น เขาไม่รู้สาเหตุที่ตัวเขาเปลี่ยนแปลงมาเป็นแบบนี้ แต่เขาจะต้องหาสาเหตุให้พบและเอาคืนคนที่เกี่ยวข้องให้สาสม ทางเดียวที่เขาจะสืบสวนและค้นพบความจริงคือเขาต้องกลับไปที่เมืองหลวงซึ่งเขาเกิดเสียก่อน
“กลับไปกับฉัน ฉันจะหาทางกลับไปเป็นเหมือนเดิม ทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิม” เฮเซคียาห์ก้าวเข้าไปใกล้เอ็กซัส สายตาที่เพ่งมองใบหน้าของเอ็กซัสเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเองและหยิ่งทระนง ขณะที่เอ็กซัสจ้องเขาอย่างอึดอัด
“ไม่!” เอ็กซัสสั่นหน้า น้ำเสียงแข็งขึ้นมา “ไม่เหมือนเดิม”
“มันจะเหมือนเดิมเอ็กซัส”
“ไม่! ไลฟ์ควอตซ์บอกว่าแกคือตัวอันตรายของเผ่าพันธุ์เรา ฉันรู้แค่นั้น แต่ฉันเชื่อ” เอ็กซัสประกาศตรรกะของชาวมัสตินโดยทั่วไป นั่นคือไลฟ์ควอตซ์ถูกต้องเสมอ “เพราะฉะนั้นแกไม่ควรกลับไป ถ้าแกยืนยันจะกลับไปฉันจะฆ่าแกซะ”
“ลองดูสิ!” เฮเซคียาห์กางแขนทั้งสองออกไปข้างตัว บรอธลอยวนเวียนเยี่ยงไปทางด้านหลังของเขาทางซ้าย
เอ็กซัสสร้างหอกไฟขึ้นมาในมือ ขณะที่เมเดียนในตอนนี้ยืนคุมเชิงดูสถานการณ์อย่างเงียบๆ
“แกฆ่าฉันไม่ได้หรอกเอ็กซัส เวลาต่อสู้กัน ปกติฉันเอาแต่หลบ ยืดเวลาต่อสู้ไปยาวนาน ก็เพราะในฐานะรัชทายาท ฉันไม่ควรทำให้สมุหเพชฆาตของฉันต้องเสียขวัญอีก เหมือนตอนที่ฉันทำกับเขาเมื่อตอนที่ฉันอายุ 40 ปี” เฮเซคียาห์ระลึกถึงความหลังครั้งเยาว์วัยที่เขาเกิดระลึกขึ้นมาได้หลังจากหลงลืมมันไปนานหลายสิบปี
เขาเมื่อตอนอายุ 40 ปี ดูไร้เดียงสาราวกับเด็กมนุษย์ซึ่งไม่ควรประสาโลก แต่เขาฉลาดเป็นกรดและปราศจากความปรานี มนุษย์มีคำพูดที่ว่าเด็กเป็นเหมือนผ้าขาว แต่มัสตินมีคำพูดที่เกิดขึ้นภายหลังล้อเล่นคำพังเพยนั้นว่าเด็กเป็นเหมือนผ้าสีดำ
ความฉลาดและแข็งแรง ถ้าปราศจากการขัดเกลาทางศีลธรรม จะทำให้พลั้งเผลอใช้ความรุนแรงราวกับสัตว์ร้าย
“นายเคยถูกฉันฉีกทึ้งเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เสียงกรีดร้องของนายดังโหยหวนติดต่อกัน” เฮเซคียาห์กระตุ้นให้อีกฝ่ายคิดถึงความทรงจำที่โหดร้าย “นายต้องขอบคุณเสด็จแม่ใช่ไหมล่ะที่ช่วยอบรมให้ฉันเข้าใจว่านายไม่ใช่ของเล่นเอาไว้ฉีกทึ้งเล่น และฉันก็ทำให้นายรู้สึกปลอดภัยด้วยใช่ไหม เพราะนายรู้ว่าฉันต้องเก่งจริงๆ ถึงจะฉีกนายเป็นชิ้นๆ ในตอนที่ยังเล็กอยู่ เพราะฉะนั้นฉันควรขึ้นเป็นราชาที่แข็งแกร่งและนำพาพวกมัสตินทุกคนไปสู่ความรุ่งเรืองยิ่งกว่าราชาองค์ก่อน”
“ฝะ ฝ่าบาท...” เอ็กซัสปากคอสั่น
เฮเซคียาห์ยิ้มกระหยิ่มอย่างเหิมๆ ตอนนี้เขาแทบประชิดตัวเอ็กซัส
เอ็กซัสปล่อยหอกที่ถือค้างในมือไป อาวุธเปลี่ยนกลับไปเป็นวัตถุทรงกลมสีดำ ร่างของเอ็กซัสค่อยๆ คุกเข่าลง
“กลับไปกับฉัน”
“แต่ฝ่าบาท คือ...” เอ็กซัสกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ ใจคงอยากหนีไปเสียให้พ้นหน้าของเฮเซคียาห์ แต่มีแววไหวของอีกอารมณ์ในนั้น เฮเซคียาห์สัมผัสได้ว่าเอ็กซัสยังหลงเหลือความต้องการต่อสู้กับเขาอยู่บ้าง
“ช่วยฉันกลับไปพบองค์ราชินี พระองค์น่าจะทรงทราบวิธีการที่ทำให้ฉันกลับไปเป็นเหมือนเดิม”
“กระหม่อมไม่สามารถช่วยพระองค์ได้...”
“พูดกันเหมือนปกติได้ไหม นายเริ่มเห็นว่าฉันเป็นเพื่อนเมื่อตอนฉันอายุ 90 ปี จำได้ไหม” เฮเซคียาห์ยกมือขึ้นกอดอก และยกเท้าของเขาเตะเข้าที่ใต้คางของอีกฝ่ายจนร่างที่นั่งคุกเข่าซวนเซ ขาข้างขวาตวัดฟาดร่างเอ็กซัสซ้ำจนล้มลง และเขาตามมายกเท้าเหยียบอกของอีกฝ่าย “อย่าพูดห่างเหินกับฉัน ฉันไม่ชอบ!”
“ฝะ... คีห์” เอ็กซัสเรียกชื่อออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ไลฟ์ควอตซ์คิดว่านายสมควรตาย ต่อให้นั่นไม่ใช่คำสั่ง แต่ก็แปลได้กลายๆ ว่าถ้าเราไม่ฆ่า เราก็ไม่ควรยุ่งกับนาย”
“โอเค งั้นเดี๋ยวฉันจะทำให้นายไม่ต้องยุ่งกับฉัน ฉันจะจัดการทุกอย่างคนเดียว”
“กับฉัน...” บรอธแทรกขึ้นมา
“อะไรกันวะนั่น?” เอ็กซัสภายใต้ฝ่าเท้าของเฮเซคียาห์มีสีหน้าแตกตื่นตกใจ “ปกติมันพูดไม่ได้ไม่ใช่เหรอ?”
“แปลกใจใช่ไหม ฉันก็แปลกใจเหมือนกัน” เฮเซคียาห์ผละมาจากเอ็กซัส ยกมือสูงขึ้น และบรอธเชื่อฟังความต้องการของเขาดี มันลอยมาอยู่เหนือมือของเขา ให้เฮเซคียาห์ฉวยมาถือเอาไว้ “มันไม่เหมือนกับเศวตศาสตราอันอื่นที่เราศึกษามา บางทีฉันต้องเอามันเข้าเครื่องวิเคราะห์ดูด้วย”
เอ็กซัสลุกขึ้น สายตาจับจ้องที่บรอธเต็มไปด้วยความสับสน ก่อนจะเลื่อนสายตาที่แววตาไม่เปลี่ยนมาที่อดีตเจ้าชายรัชทายาทของเขา
“นายรู้ใช่ไหม เศวตศาสตราเป็นของสำหรับมนุษย์บนโลก แต่นายบอกว่านายไม่ใช่มนุษย์”
“ฉันรู้น่าว่ามันออกจะแปลกๆ มีความขัดแย้งกันอยู่ในคำพูดของฉัน” เฮเซคียาห์ส่ายหน้าไปมาอย่างระอาที่จะอธิบายให้เอ็กซัสฟัง “เอาเป็นว่า ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะกลับไปเป็นเจ้านายของนาย”
“ถ้านายกลับไปด้วยกันวันนี้ ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องรายงานกับราชวงศ์และสมุหเสนาบดีคนอื่นว่านายอยู่ในเมืองหลวง ไลฟ์ควอตซ์ก็คงแจ้งเตือนทุกคน”
“เกมวิ่งไล่จับจะเริ่มต้นขึ้นสินะ” เฮเซคียาห์นิ่วหน้าอย่างประสาทเสียง
เขาตริตรองถึงลำดับสิ่งที่ต้องทำเมื่อเข้าไปในเมืองหลวง บรอธยืนยันกับเขาแล้วว่ามันจะช่วยให้เขาปลอดภัย เพียงแต่เหตุผลที่มันตัดสินใจแบบนั้นเพราะมันเชื่อว่าเขาจะต้องกลับออกมาจากเมืองหลวงอีกครั้งโดยไม่ได้ในสิ่งที่คาดหวังไว้ บรอธอ้างว่าการที่ไลฟ์ควอตซ์ต้นกำเนิดประกาศจุดยืนออกมาก็ถือว่าเพียงพอที่จะเชื่อว่า เฮเซคียาจะเจอกับทางตัน
“ตอบมาซิ ราชินีเอสเตอร์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ทำไมเฮเซเคียวถึงดูเหมือนคนกุมอำนาจ” เฮเซคียาห์หาข้อมูลที่ยังไม่มีก่อน เตรียมใจเผื่อว่าเขาต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากกว่าที่คิดเพื่อเข้าไปถึงตัวเธอ สมองของเขาจิตนาการเตลิดไปด้วยซ้ำว่าราชินีเอสเตอร์อาจถูกกักบริเวณในห้องสกปรกที่ไม่มีคนรับใช้
เฮเซเคียวได้รับความรักน้อยกว่าเฮเซคียาห์เสมอ และสิ่งมีชีวิตซึ่งจิตใจมีแต่ความริษยาอาจทำเรื่องเลวร้ายต่อบุพการีได้ แม้ว่าถูกอบรมสั่งสอนมาให้รู้หลักจริยธรรมแล้ว
“พระองค์อยู่ๆ ก็ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับงานราชการทั้งหมด แต่ทรงสุขเกษมสำราญดี”
“เหรอ?” เฮเซคียาห์เจ็บแปลบ
“ฉันหมายถึงสุขภาพ แต่จิตใจ คงไม่ใช่หรอก” เอ็กซัสส่ายหน้าไปมา “นั่นคือคนเป็นแม่นะ แล้วนายก็เป็นลูกรัก”
เฮเซคียาห์พยักหน้า
“เจ้าหญิงพริเซล่าทรงไม่พอใจกับเรื่องที่ทรงเกิดขึ้นมาก พระองค์แสดงออกชัดที่สุดถึงความเกรี้ยวกราดและความเสียใจ” เอ็กซัสกล้าเดินเข้ามาใกล้เขามากกว่าเดิม
“ฉันต้องไปพบเสด็จแม่” เฮเซคียาห์ตัดสินใจเดินหน้าต่อ เขาจ้องเอ็กซัสและตวัดสายตามองอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “นายฝังอุปกรณ์เข้าไปใต้ผิวหนังใช่ไหม ที่ป้องกันไม่ให้เมเดียนเทเลพอร์ตนายไปไหนต่อไหนได้ เอามันออกซะ เราจะกลับไปด้วยกัน”
“ถ้านายกลับเข้าไปที่เมืองหลวงโดยที่ฉันไม่ขัดขวาง ไลฟ์ควอตอาจเล่นงานฉันไปด้วย” เอ็กซัสมีท่าทีกระวนกระวาย เม้มปากสลับเข้าออก และยกแขนขึ้นนวดไปที่ต้นคออย่างวุ่นวายใจ
“ฉันบอกให้เอามันออก ทำตามที่ฉันสั่ง ไม่งั้นฉันอาจฉีกนายเป็นชิ้นๆ เหมือนตอนฉันเด็กๆ”
“นาย..” เอ็กซัสมีท่าทีหวาดหวั่น แต่น้อยลงกว่าเมื่อครู่ นี่คงเป็นเพราะการที่ได้พูดคุยกันสักหน่อยด้วยคำเรียกแบบเป็นกันเอง “ฉันต้องสู้กับนาย ไม่ใช่ปล่อยให้นายกลับไปเสียเฉยๆ ไม่อย่างนั้นไลฟ์ควอตซ์ฆ่าฉันแน่”
เฮเซคียาห์ถอนใจแรง
“นายจะเดินเท้ากลับไปไหม มีรายงานไปส่ง ว่าเจอฉันที่นี่แต่ปล่อยให้ฉันกลับเข้าไปที่เมืองหลวงโดยล้มเหลวในการห้ามไว้ แถมยังล้มเหลวในการทำภารกิจจัดการกับพวกมนุษย์ด้วย” เฮเซคียาห์ได้รับรายงานจากบรอธว่าการอพยพของชาวบ้านในเซนต์กิลเจนเสร็จสิ้น ตอนนี้หมู่บ้านกลายเป็นเมืองร้างไปแล้ว
“ตอนนี้ไลฟ์ควอตซ์กำลังประเมินฉันอยู่ ฉันได้รับการแจ้งเตือน ถ้าฉันไม่สู้กับนาย...” สีหน้าของเอ็กซัสแสดงความลำบากใจ
“โอเค! ฉันลืมไป นายไม่ได้อยู่ลำพัง ตกลงว่านายเลือกเองไม่ได้ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรู” เฮเซคียาห์เดินเข้าไปใกล้เอ็กซัส ทางเอ็กซัสเรียกไฟมาไว้ในมือ
เมเดียนโผล่เข้ามาขวางระหว่างทั้งคู่อย่างรวดเร็ว และตบมือบ้องหูทั้งสองข้างของเอ็กซัสที่ไม่ได้ระวังตัวอย่างแรง แรงชนิดที่เรียกว่ากะโหลกศีรษะผิดรูปและลูกนัยน์ตาข้างหนึ่งถลนเหมือนจะทะลักออกมา ทางบรอธลอยล้ำหน้าเฮเซคียาห์แล้วช็อตไฟฟ้าใส่เอ็กซัสจนตัวสั่นกระตุกเกร็ง
“บางทีเราควรทิ้งเขาไว้ที่นี่” เฮเซคียาห์ใช้เท้าเขี่ยร่างของเอ็กซัสที่ศีรษะผิดรูปและกายไหม้เกรียม และเปลี่ยนวัตถุทรงกลมสีดำที่เลียนแบบอาวุธได้สารพัดชนิดเป็นเลื่อยไฟฟ้า ลงมือหั่นร่างของเอ็กซัสอย่างไม่มีรูปแบบเพื่อความรวดเร็ว เลือดสาดกระเซ็น ทางเมเดียนที่เห็นว่าเขาปฏิบัติการอย่างเหี้ยมโหดถึงกับถอยห่าง
สายตาของเฮเซคียาห์กวาดมองไปทั่วบริเวณ เศษไลฟ์ควอตซ์ที่เหลือทิ้งไว้จากชาวมัสตินที่ร่างสูญสลายไปแล้วส่งประกายเข้าตา
“วิเคราะห์: เอ็กซัสต้องการเวลาทั้งหมด 20 นาทีเพื่อกลับคืนสู่สภาพเดิม”
“ฉันจะเทเลพอร์ตเธอเลยนะ” เมเดียนขยับเข้ามาใกล้ รู้เวลาที่เหมาะสมจะทำในสิ่งที่เขารับปากเฮเซคียาห์ไว้
“พาผมไปที่ตึกของพวกหน่วยลาดตระเวนได้ไหม ผมอยากได้ชุดหนังแบบที่ใส่อยู่อีกตัว” เฮเซคียาห์คิดจะพรางตัวเข้าไป อีกทั้งไลฟ์ควอตซ์ต้องแจ้งเตือนทุกคนแน่ เขาต้องมีสิ่งที่ช่วยเสริมสมรรถนะร่างกายให้แข็งแกร่งพร้อมต่อสู้
“ฉันมีตัวพิเศษอยู่ที่ตึกค้นคว้า มันทำจากวัตถุดิบที่แข็งแกร่งมาก ทนความร้อนได้สูงกว่า”
“ดี!”
“แต่ฉันต้องการทำข้อแลกเปลี่ยน?”
“โอเค คุณจะไม่นับรวมชุดเป็นหนึ่งในข้อแลกเปลี่ยน สำหรับการที่ผมช่วยหมู่บ้านไว้” เฮเซคียาห์คิดว่าอีกฝ่ายก็ยุติธรรมดี “ต้องการอะไรจากผม”
“ฉันจะขอร้องเธอว่าอย่ามายุ่งกับฉันอีก เราไม่ควรเจอกันอีก ส่วนเรื่องของครอบครัวของฉัน ฉันจะจัดการช่วยเหลือพวกเขาออกมาเอง” เมเดียนพูดด้วยท่าทางกรุ่นคิดถึงแผนการบางอย่าง
เฮเซคียาห์เลิกคิ้วเพราะความผิดคาด คำขอของเมเดียนไม่ใช่เรื่องยาก เขารับปากได้โดยไม่เสียเวลาคิดนาน
ทั้งเขาและเมเดียนหายตัวไปปรากฏที่หน้าเกราะคุ้มกันภัยชั้นในด้วยกัน แล้วพากันเดินเท้าเข้าไปในตัวหมู่บ้าน เมื่อถึงตึกค้นคว้า เฮเซคียาห์รีบฉวยชุดหนังสีเงินที่เขาต้องการมาเปลี่ยนอย่างไม่สนใจสายตาของเมเดียน หูฟังเมเดียนอธิบายถึงคุณสมบัติของชุดอย่างผ่านๆ เพราะบรอธคงอธิบายกับเขาอีกครั้ง
หลังจากนั้น เฮเซคียาห์เดินนำเมเดียนจนพวกเขามาถึงด้านหน้าเกราะคุ้มกันภัย
“หมู่บ้านนี้คงมีใครมาเยือน และอาจเอาไปเขียนเป็นเรื่องเล่า ที่นี่อาจได้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ร้างในตำนาน” เขาพึมพำ นึกถึงหนังสือเล่มหนึ่งที่เมเดียนชอบ
เมเดียนไม่คุยเล่นกับเขา
“เดี๋ยวก่อน ก่อนผมไป ผมมีเรื่องขอร้องด้วย”
เฮเซคียาห์นึกบางอย่างได้ แต่เมื่อเช้าด้วยความรีบร้อน เขาหลงลืมไปโดยสนิทใจ
“ผมเขียนจดหมายทิ้งไว้ให้มูนนี่อยู่ในห้องรับรองแขกที่บ้านของโซเฟีย คุณช่วยเอาไปให้เขาหน่อย บอกเขาด้วย ผมอาจจะติดต่อไปหาเขา”
เมเดียนพยักหน้า และในทันใด เฮเซคียาห์รับรู้ได้ว่าเขาไปอยู่ในอีกสถานที่ซึ่งมันไม่ใช่ที่แปลกตาสำหรับเขาแม้แต่น้อย
“รายงาน: เราอยู่ในโซน 6 เขตสถานบันเทิงภายในเมืองหลวงของอาณาเขตปกครองที่ 1” บรอธให้ข้อมูลซึ่งเฮเซคียาห์ยืนยันความถูกต้องได้เช่นกันจากสายตาของตัวเขาเอง