ตอนที่แล้วตอนที่ 37 หลังจากนี้…
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 39 พรรณไม้เก็นจา (賢者) ผู้รอบรู้

ตอนที่ 38 การเผชิญหน้ากับเหล่าโอนิ (鬼)


ตอนที่ 38 การเผชิญหน้ากับเหล่าโอนิ ()

 

“ส่งตัวเทพเจ้ามาซะ แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป หึหึ”

ยักษ์โอนิสีเขียวกล่าวด้วยเสียงใหญ่กังวาน

พวกมันมีรูปร่างสูงใหญ่คล้ายมนุษย์ แต่มีบางส่วนในร่างกายที่ไม่เหมือนมนุษย์ธรรมดาทั่วไป บ้างมีผิวหนังสีแดง สีน้ำตาล หรือสีส้ม นานครั้งจะพบตัวที่เป็นสีเขียว บ้างมีสามตา สองเขา เขี้ยวเล็บคมกริบ นุ่งห่มหนังเสือ สามารถแยกแยะกลิ่นของเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ได้อย่างดีเยี่ยม ถือกระบองหนามอันใหญ่ที่เรียกว่า คะนะบุ (金棒) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งที่ไม่อาจเอาชนะได้ เชื่อกันว่าโอนิจะนำพามาซึ่งโรคร้าย โรคระบาด ความโชคร้าย และความหายนะ พวกมันชอบอาศัยอยู่ตามภูเขาหรือป่าทึบ

“อย่าเข้ามานะ ไอ้ตัวประหลาด!”

ลินจิโผล่หน้าออกมาจากด้านหลังของชุน สองมือกำผ้าคลุมสีดำของชายหนุ่มไว้แน่น พอยักษ์โอนิสีเขียวหรี่ตาพร้อมพ่นควันออกจมูก เด็กหนุ่มก็รีบหลบ

ขณะนั้นชุนก็เกร็งข้อมือพร้อมที่จะตวัดดาบได้ทุกเมื่อ

“ตัวประหลาดงั้นหรือ หึหึหึ ไม่รู้จักข้าเสียแล้ว”

แววตาเหี้ยมเกรียมส่องแสงสีแดงสว่างวาบ เสียงดังก้องจากปากที่เต็มไปด้วยเขียวแหลมคม

“นามของข้าคือ ‘ฟุโอนิ’ ผู้ครองป่าโยไก มอบเทพเจ้าให้ข้าซะ หึหึ”

รอยยิ้มอันชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าของฟุโอนิ

“ใครจะไปให้โง่กัน เจ้าหน้ากากฮันเนีย¹”

เด็กหนุ่มโผล่หน้าออกมาอีกครั้ง อาจเพราะชุนยืนเป็นเกราะกำบัง ตนจึงกล้าล้อเล่นกับอสุรกายร่างใหญ่

เมื่อการเจรจาไร้ผล ฟุโอนิร่างเขียวจึงพ่นลมออกจมูกอย่างไม่พอใจ

“จับตัวเทพตนนั้นมา!”

เหล่าโอนิตนอื่นคำรามเสียงดังก้องรับคำสั่งพลันวิ่งเข้ามา มือใหญ่หนายกกระบองหนามฟาดลงไปยังตำแหน่งของชุนทันที

ลินจิรีบร้องเตือน…

“คุณชุน! ระวัง!”

“หึ”

เสียงทุ้มดังในคอ ชุนรีบตั้งท่าร่ายเวทปาดมือเป็นแนวนอนอย่างรวดเร็ว

“火”

ดาวห้าแฉกส่องประกายผุดบนพื้น เสาไฟขนาดใหญ่โอบล้อมร่างพวกเขาซึ่งยืนอยู่ตรงกลาง เหล่าโอนิที่วิ่งเข้ามาหยุดยั้งกายแทบไม่ทัน

ขณะที่พวกยักษ์โอนิกำลังตื่นตระหนกกับเปลวเพลิงซึ่งโหมกระหน่ำ มือหนาก็รีบคว้าข้อมือลินจิวิ่งไปยังเพกัส จังหวะนั้นกระบองหนามห้าหกอันก็พุ่งตรงมาทางพวกเขา เช่นนั้นชุนจึงรีบผลักร่างของเด็กหนุ่มออกไปพร้อมขยับกายหลบ

ม้าอสูรเห็นชุนตกอยู่ในอันตรายจึงวิ่งเข้าช่วย ทว่ากระบองหนามอันหนึ่งก็พุ่งขวางสกัดกั้น

เพกัสพลันกระโดดหลบขึ้นฟ้า วินาทีนั้นชุนสัมผัสถึงเท้าหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านหลัง

“คุณชู๊น!”

เสียงของลินจิตะโกนเรียกพร้อมกับจังหวะที่ชุนหันหลังไป กระบองหนามยักษ์ของฟุโอนิกำลังจะฟาดลงมาอย่างหนักหน่วง

ลินจิเบิกตากว้าง ทว่าชุนก็ยกดาบขึ้นต้านรับไว้ได้ทัน เกิดเสียงโลหะปะทันกันเสียดแทงโสตประสาท

ขณะที่เด็กหนุ่มจะวิ่งเข้าช่วยเหลือ ชุนเกรงว่าอีกฝ่ายจะได้รับอันตรายจึงแผดเสียงไล่

“ถอยไป!”

เช่นนั้นลินจิจึงก้าวถอย ถึงอย่างนั้นตนก็อยากจะช่วยอะไรสักอย่าง จึงใช้ทักษะ ‘กลายร่าง Lv.2’

[ไม่สามารถใช้ทักษะได้]

เด็กหนุ่มไม่เข้าใจเพราะเหตุใดจึงไม่สามารถใช้ทักษะได้ เขากำลังลังเล

ขณะเดียวกันฟุโอนิที่กำลังประจันหน้ากับชุนก็กัดฟัดกรอดอย่างโมโห กระบองหนามสีแดงปะทะกับดาบกระดูกเทพเกิดเสียงดังเป็นระลอก พริบตานั้นจิตสังหารสีเขียวซึ่งเป็นพลังเวทของเทพบุตรคิกิก็โหมกระหน่ำท่วมร่างของชายหนุ่ม ปรากฏดาวห้าแฉกสีเขียวสว่างไสวใต้ฝ่าเท้าของฟุโอนิทันที

“風”

พายุสีมรกตโหมกระหน่ำท่วมร่างกายอันหยาบหนาของฟุโอนิ เสียงร้องคำรามดังสะท้านกึกก้องป่าเพราะความเจ็บปวด ใบหน้าสีเขียวของฟุโอนิบิดเบี้ยว

ทว่าตอนนั้นกระบองหนามยักษ์พลันส่องแสงสีแดงสว่างวาบออกมา แรงมหาศาลปะทะดาบเบื้องหน้าอย่างไม่ยอมแพ้

“หึ…”

ชุนต้านการโจมตีของฟุโอนิอย่างสงบนิ่ง ไม่มีทีท่าว่าจะพ่ายแพ้แม้แต่น้อย

ระหว่างนั้นเหล่าโอนิตนอื่นต่างวิ่งอ้อมมาทางด้านหลังจนแผ่นดินสะเทือน ลินจิสะดุ้งหันขวับพร้อมดันฝ่ามือต้านอย่างรวดเร็ว

“อ้า…”

แสงสีขาวนวลแผ่กระจายใส่ร่างโอนิตัวหนึ่งดังพรึ่บจนล้มลง

เหล่าโอนิเห็นพวกของตนถูกทำร้ายจึงโห่ร้องอย่างโกรธเกรี้ยว เท้าใหญ่หนามากมายวิ่งเข้าหาลินจิโดยพลัน

“…!”

เพกัสเห็นเช่นนั้นจึงพุ่งตัวจากฟ้าพร้อมอ้าปาก ละอองแสงสีแดงรวมตัวกันในปากม้าอสูรส่องประกายสว่างไสว เมื่ออาชาอสูรร้องเสียงต่ำออกไป เปลวเพลิงก็พุ่งเข้าใส่โอนิตนหนึ่งจนแหลกเป็นจุณ

เห็นเช่นนั้นเหล่าโอนิคนอื่นจึงโกรธเกรี้ยว พวกมันต่างทะยานเข้าจู่โจมเพกัสด้วยกระบองหนาม ทว่าร่างอาชาอสูรนั้นรวดเร็วยิ่งกว่าสายลม อาวุธใหญ่เทอะทะจึงไร้ผลอย่างสิ้นเชิง

ขณะเดียวกันเหล่าโอนิหลายสิบตนก็ไล่ตามจับตัวลินจิ

“เหวอ…”

เขตอาคมเทพเจ้าไม่สามารถป้องกันการโจมตีทางกายภาพได้ หากอสุรกายเหล่านี้ใช้เวทมนตร์โจมตีคงจะดี เด็กหนุ่มหนีสุดชีวิต

ทว่าโอนิซึ่งมีร่างกายสูงใหญ่ฝีเท้าย่อมยาวกว่า พวกมันยืนดักด้านหน้าเด็กหนุ่มโดยใช้ระยะเวลาอันสั้น เมื่อลินจิคิดหนีย้อนกลับไป จึงพบว่าตนถูกเหล่าโอนิล้อมไว้แล้ว

“ฮือ…”

“โธ่เว้ย!”

ชุนตวาดเสียงดังเมื่อเห็นลินจิตกอยู่ในอันตราย พายุสีมรกตพลันโหมกระหน่ำหมายจะกระแทกร่างฟุโอนิให้กระเด็น ทว่าฟุโอนิกลับเร่งกำลังฝืนต้าน อีกไม่นานบริวารของตนจะจับเทพเจ้าได้แล้ว

“…”

พลังของชุนเหนือกว่าฟุโอนิอยู่มาก หากต่อสู้อีกครู่หนึ่งเขาต้องชนะแน่

“อ๊ะ!”

เสียงร้องของลินจิดังขึ้น ความรู้สึกเป็นห่วงเร่งเร้าให้ชุนตัดสินใจ เช่นนั้นเขาจึงรีบปล่อยมือจากดาบกระดูกเทพทันที ส่งผลให้ฟุโอนิเสียหลักเอนตัวล้มมาด้านหน้า ส่วนชุนรีบพุ่งกายเข้าหาเหล่าโอนิที่ล้อมลินจิพร้อมแสงสีแดงบนฝ่ามือ

“火 เวทไฟ!”

สิ้นสุดเสียงพร้อมมือที่ยื่นออกไป ปรากฏเพลิงทรงกลมขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่เหล่าโอนิทันที

พริบตาที่ร่างยักษ์ของเหล่าโอนิกระทบเวทเพลิง เปลวไฟก็ลุกท่วมแผดเผาร่างของพวกมันล้มตายไปถึงสามตน พอชุนเคลื่อนกายเข้าใกล้ กระบองหนามอันใหญ่มากมายก็ฟาดลงมา ทว่าความเร็วของชายหนุ่มนั้นไวยิ่งกว่า จึงสามารถคว้าเสื้อของลินจิพร้อมหลบหลีกการโจมตีได้อย่างสบาย

“เหวอ…”

“火 เวทไฟ!”

เสียงอุทานดังขึ้นพร้อมเสียงร่ายเวท พอชุนปาดมือเป็นแนวนอนอย่างรวดเร็ว ดาวห้าแฉกสีแดงก็เปล่งแสงสว่างใต้ฝ่าเท้าของโอนิตนหนึ่ง

เสาเพลิงขนาดใหญ่พุ่งทะยานขึ้นฟ้าเผาผลาญร่างโอนิแหลกสลายไปถึงสี่ตน พวกมันเบิกตากว้างอย่างตกใจ

“風 เวทลม!”

เมื่อกวาดมือเป็นแนวนอนอีกหน ลมกระโชกรุนแรงดุจพายุหมุนลูกหนึ่งก็พัดเอาร่างของเหล่าโอนิปลิวกระเด็นไปถึงแปดตน ทว่าจำนวนของพวกมันไม่ได้ดูบางตาลงเลย

ชุนจิรีบคว้าตัวลินจิฝ่าวงล้อมอสุรกาย ตอนนี้ตนต้องใช้ดาบกระดูกเทพเข้าช่วย

“อ้า…”

“หุบปาก!”

ขณะเคลื่อนเข้าใกล้ดาบ ฟุโอนิร่างเขียวพลันกระโดดเข้าขวางพร้อมตวาดลั่น

“ไม่ให้หนีหรอก!”

กระบองหนามขนาดใหญ่กระแทกพื้นดินด้านหน้าจนแตกกระจายกลายเป็นหลุม บีบให้ชุนต้องพุ่งกายถอยกลับไป จังหวะนั้นเหล่าโอนิหลายสิบตนก็พุ่งเข้ามา กระบองหนามมากมายฟาดจู่โจมแทบไม่หยุด ร่างกายของชุนซึ่งมีลินจิอยู่ด้วยพลันหลบได้อย่างหวุดหวิด

“หนีกันเถอะครับ”

“พูดบ้า ๆ ข้าจะทิ้งดาบไม่ได้!”

ชุนแผดเสียงขณะพาร่างของเด็กหนุ่มหลีกหนีการโจมตี พอเนิ่นนานการเคลื่อนไหวของเขาก็ช้าลง เม็ดเหงื่อผุดพรายบนใบหน้า เห็นชัดว่าสถานการณ์คับขันยิ่ง

ตอนนั้นลินจิจึงมองไปยังดาบกระดูกเทพ หากตนนำดาบของชุนกลับมาได้สถานการณ์อาจจะดีกว่านี้

ทว่าเหล่าโอนิต่างพากันจู่โจมไม่หยุดหย่อน

ความรู้สึกผิดพลันผุดขึ้นในใจ…

ตนเป็นต้นเหตุให้ชุนต้องลำบาก

หากตนแข็งแกร่งกว่านี้

คงช่วยเหลือชุนได้เยอะกว่านี้

สายตาของเด็กหนุ่มจับจ้องไปยังดาบกระดูกเทพหมายจะเอากลับคืนมาให้ได้ วินาทีนั้นเสียงหนึ่งพลันดังขึ้นจากภายใน

[‘กลายร่าง Lv.1’ เริ่มทำงาน]

ผิวกายของเด็กหนุ่มเปล่งแสงสว่าง ร่างกายปรับขนาดรูปร่างเป็นลักษณะคล้ายอาวุธ

“อ๊ะ!”

“…!”

ชุนประหลาดใจ ระหว่างนั้นเพกัสซึ่งบินอยู่บนฟ้าก็ปล่อยเพลิงอสูรแผดเผาเหล่าโอนิที่กำลังจะเข้ามาจู่โจม

“นั่นมัน…”

เมื่อแสงสว่างวูบดับลง ดวงตาของชุนพลันเบิกกว้าง ก่อนจะหรี่ลงพร้อมมุมปากที่ยกขึ้น

ร่างของเทพเจ้าได้กลายเป็น ‘ดาบกระดูกเทพ’ ในมือเขาเสียแล้ว

‘กลายร่าง Lv.1’ คือ ทักษะที่ใช้แปลงร่างเป็นวัตถุ โดยการตั้งสมาธิไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วกลายเป็นวัตถุนั้น แต่ลินจิไม่เคยฝึกใช้ทักษะอย่างจริงจัง จึงทำให้ตนกลายร่างเป็นก้อนหินที่ตัวเองเคยเพ่งสมาธิมอง ทว่าตอนนี้ลินจิตั้งสมาธิไปยังดาบกระดูกเทพจึงทำให้เขากลายร่างเป็นดาบโดยไม่ทันตั้งตัว

“ตายซะแก!”

เสียงก้องกังวานของโอนิตัวหนึ่งดังจากด้านหลังอย่างหงุดหงิด ชุนเชิดหางตาขึ้นสูงพร้อมเหลียวกลับไปมอง ซึ่งฟุโอนิตัวใหญ่ยักษ์สีเขียวก็พูดอย่างอวดดี

“จงตายด้วยดาบของเจ้าซะ!”

คำพูดนั้นไร้ซึ่งการหลอกลวง ฟุโอนิใช้มือใหญ่หนาเก็บดาบกระดูกเทพบนพื้นขึ้นมา กระบอกหนามของโอนิตัวหนึ่งจู่โจมจากด้านหลัง ทว่าร่างของชายหนุ่มก็กระโดดสูงหลบ

จังหวะเดียวกันฟุโอนิสีเขียวซึ่งเป็นหัวหน้าก็เงยมองฟ้าเบิกตากว้างอย่างตกใจ มือหนึ่งถือกระบองหนาม อีกมือหนึ่งถือดาบกระดูกเทพของชุนไว้ สองแขนใหญ่หนารีบตั้งไขว้ในท่าป้องกันทันที

“เอามือสกปรกของแกออกจากดาบของข้าซะ!”

เสียงทุ้มแผดอย่างดุดัน วินาทีนั้นคมดาบกระดูกเทพซึ่งเป็นร่างจำแลงของลินจิก็ฟาดฟันท่อนแขนข้างหนึ่งของฟุโอนิหล่นลงพื้น

ปลายดาบกระดูกเทพปักลงพื้น ท่อนแขนของฟุโอนิหล่นกระทบพื้นดังตุบ

สองเท้าสัมผัสดิน ชุนรีบคว้าดาบกระดูกเทพของตนกลับมา

ฟุโอนิร่างเขียวร้องก้องกังวานอย่างเจ็บปวด

ขณะเดียวกันมือทั้งสองซึ่งกระชับดาบกระดูกไว้พลันประสานไขว้ด้านหน้าเป็นตัว ‘X’

ริมฝีปากเรียวบริกรรมเวทคาถาทันที

“土,水,風,火,雷”

ตัวดาบพลันเปล่งแสง สีน้ำตาล ฟ้า เขียว แดง เหลือง สลับกัน

“เอานี่ไปกินแทนเทพเจ้าก่อนแล้วกัน!”

เสียงตะโกนทรงพลัง ปรากฏดาวห้าแฉกสลับเป็นสีต่าง ๆ

จิตสังหารหลากสีพลันสว่างวาบจากร่างกาย เศษดินโดยรอบลอยขึ้นตามกระแสพลัง ผ้าคลุมสีดำด้านหลังสะบัดขึ้นพลิ้วไสว เหล่าโอนิเห็นเช่นนั้นพากันถอยหลังอย่างหวาดกลัว

“หึ…”

รอยยิ้มอันเยือกเย็นปรากฏบนใบหน้าของชายหนุ่ม วินาทีที่ตวัดดาบทั้งสองออกไป ปรากฏคลื่นพลังหลากสีขนาดใหญ่โหมกระหน่ำกวาดผืนดินแตกกระจายไปด้านหน้า

“นั่นมัน… พลังอะไรกัน”

ฟุโอนิร่างเขียวเบิกตากว้าง เท้าหนึ่งก้าวถอยคล้ายจะหนี ทว่าพริบตาที่คลื่นเสาพลังห้าธาตุพุ่งปะทะเข้ากับร่างยักษ์ เสียงกรีดร้องของฟุโอนิก็ก้องกังวานขึ้น ร่างใหญ่หยาบกร้านไม่อาจทนเสาพลังห้าธาตุไหว จึงแหลกสลายเป็นผุยผงในที่สุด

เหล่าลูกน้องของฟุโอนิเห็นเช่นนั้นต่างหวาดกลัวจึงพากันหนี เสียงฝีเท้าหยาบหนากระทบผืนดินดังสนั่นหวั่นไหว เมื่อพวกมันวิ่งไกลออกไปเสียงนั้นก็พลอยเลือนหาย

ชุนกวาดตามองบริเวณโดยรอบ เพกัสซึ่งลอยอยู่บนฟ้าร่อนตัวลงมาเคียงข้างชุน ขณะเดียวกันดาบกระดูกเทพในมือข้างหนึ่งพลันเปล่งแสงสีขาวสว่างวาบ เช่นนั้นชายหนุ่มจึงก้มลงมอง…

แสงสีขาวทอประกายในดวงตา

ขนาดของดาบกระดูกเทพซึ่งเป็นร่างจำแลงของลินจิขยายขึ้น

พอแสงสว่างวูบดับลง ลินจิก็กลับสู่ร่างเดิม ใบหน้าของเขาดูไม่สบอารมณ์นัก

“นี่! วันหลังจะฟันอะไรก็บอกกันก่อนนะครับ”

ตอนที่ตนกลายร่างเป็นดาบ ชุนได้ใช้ร่างนั้นฟันแขนของฟุโอนิจนขาดสะบั้น เช่นนั้นตนจึงรู้สึกไม่ค่อยดีนัก

“หืม…”

ชุนก้มมองขยับหัวคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย

“เจ้าแปลงร่างเป็นดาบได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

“เอ๊ะ…”

ลินจิมองคนถามพลางกะพริบตา ก่อนก้มหน้าจับคางครุ่นคิด แล้วจึงเงยหน้าตอบ…

“เหมือนตอนนั้น คิดแค่ว่าต้องเอาดาบของคุณชุนกลับคืนมาให้ได้ จู่ ๆ ร่างกายมันก็เปลี่ยนไปเองน่ะครับ”

“งั้นเหรอ”

ได้ยินคำตอบที่เหมือนเรื่องบังเอิญของเด็กหนุ่มชุนจึงไม่คิดจะถามต่อ เขายกมือหนึ่งขึ้นเช็ดเหงื่อบนหน้าผากแล้วเก็บดาบกระดูกเทพเข้าฝัก

เสียงเสียดสีของโลหะดังขึ้นครู่หนึ่ง ลินจิจึงปิดตาแล้วยกไหล่เพราะรู้สึกเสียวฟัน

ตอนที่ชุนกระโจนขึ้นหลังเพกัส ลินจิก็รีบวิ่งไปหยิบสัมภาระก่อนจะวิ่งกลับมา

พอเด็กหนุ่มปีนขึ้นหลังม้าอสูร ชุนก็มองถุงผ้าสีดำบนหลังของอีกฝั่ง คิดว่าคล้ายกระดองเต่าเสียจริง

“นี่เจ้า…”

“หืม”

เด็กหนุ่มหันไป

“อะไรเหรอครับ”

“ของในนั้นมันสำคัญมากเลยเหรอ”

มุมปากของลินจิยกขึ้นให้กับคำถาม ในกระเป๋าเป้มีสมาร์ตโฟนซึ่งบันทึกภาพของชุนไว้อยู่ และนั่นอาจเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนในภายภาคหน้าว่า…ความรักของเขามีตัวตนจริง ๆ

ลินจิก้มเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าตอบว่า…

“…สำคัญสิครับ”

ตอนนั้นชุนก็ขมวดคิ้ว แต่เมื่อลินจิเหลียวหลังกลับไป รอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของตน

ความรู้สึกช่างน่าประหลาด ทั้งที่น่าจะพองตัวหรือเหี่ยวแห้ง เปล่งประกายหรือจืดจางเพียงแค่ในหัวใจของผู้นั้น แต่มันกลับเข้ามาถึงแม้แต่ในใจของตน เข้ามากระแทกซึมลึกสู่ภายใน…

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด