ตอนที่แล้วMoney Monster Episode XXXVIII [ระเบิดพลัง การใช้การ์ดครั้งเเรกของครอสซ์]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMoney Monster Episode XL [มอนสเตอร์ฟิวชั่น]

Money Monster Episode XXXIX [Greed Box]


Money Monster Episode XXXIX [Greed Box]

ศึกชิพเตอร์ได้จบลงโดยฝากความพ่ายแพ้ให้แก่จูดัสคลับเอาไว้เป็นเบื้องหลัง ทว่า ผลกำไรที่ได้รับถือว่าไม่เลวเอาเสียเลย เหนือสิ่งอื่นใดคือทักษะและพลังที่แข็งแกร่งขึ้น

“ขอบคุณมากค่ะ” เด็กหญิงอายุสิบสี่กล่าวขอบคุณลูน่าหลังจากที่ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินถูกโอนเข้าบัญชีของเธอแล้ว รวมแล้วเป็นเงินเกือบแสนเหรียญบวกกับค่าบริการนิดหน่อยก็ครบแสนพอดี

“ไม่หรอก พวกเราสิต้องขอบคุณ ถ้าไม่มีเธอคุณแจ๊สเปอร์ต้องตายก่อนแน่”

“ใช่แล้ว ถ้าห้ามเลือดไม่ทันหมอนั่นต้องเลือดหมดตัวตายแน่” ไลท์เอ่ยออกมาก่อนจะมองไปยังชายหนุ่มผมเทาที่กำลังนอนไม่ได้สติแต่ก็ได้พ้นขีดอันตรายไปแล้ว

เด็กหญิงตรงหน้าชื่อว่าฮิลด้า แท่งเรืองแสงของเธอมีคุณสมบัติพิเศษที่มีพลังในการรักษาอาการบาดเจ็บได้ แต่ค่าใช้จ่ายก็ไม่น้อยเลยทีเดียว ถือมีความพิเศษสูงมากเพราะเป็นคุณสมบัติที่หายาก ที่สำคัญคืออายุเพียงสิบสี่ปีเท่านั้น

‘ยังเด็กมากอยู่เลย’

“ถ้าจะยังไงฉันขอตัวก่อนนะคะ” ฮิลด้าโน้วศีรษะก้มลงต่ำก่อนจะโบกทือเดินลาลับไป ลูน่าโบกมือมองเด็กหญิงที่อ่อนเยาว์กว่าด้วยแววตาเอ็นดูก่อนจะหันกลับมาสนใจแจ๊สเปอร์อีกครั้ง เธอชุบน้ำเช็ดบนใบหน้าที่ร้อนรุ่ม ดูเหมือนเจ้าตัวจะมีไข้อ่อนๆ ด้วย

“ถ้ารักษาที่โรงพยาบาลน่าจะดีนะคะ แต่ไม่มีเงินนี่สิ”

“เข้าทีหมดเป็นแสนแน่ๆ ให้ทนไปก่อนเถอะ” ไลท์ถอนหายใจก่อนจะล้มตัวนั่งลงพื้น ปล่อยให้เก้าอี้ถูกเด็กสาวนั่ง ส่วนเจ้าครอสซ์ยึดครองโซฟากรนครอดๆ ตั้งแต่มาถึงที่นี่แล้ว

ที่นี่คือห้องเช่าโทรมๆ เล็กๆ ราคาถูกในวอลสตรีท เนื่องจากว่าการรักษาพยาบาลขั้นฉุกเฉินของฮิลด้าในช่วงแรกนั้นจะส่งพลังต่อเนื่องแบบไม่ขาด เลยต้องพาตัวเด็กหญิงมายังห้องแห่งนี้ด้วย

“เหนื่อยจังแฮะ..ครั้งนี้ใช้การ์ดจนเกือบหมดเลย”

“แต่คุณไลท์เก่งมากเลยนะคะ วันนี้ จัดการกรีดเลเวลสี่ได้ด้วย”

“เธอเองก็เก่งขึ้นนะ เริ่มตอบโต้กรีดเป็นด้วยตัวเองแล้วนี่ ครอสซ์ก็ใช้การ์ดได้แล้ว เหลือแต่หมอนั่นแล้วล่ะที่ต้องพัฒนา” ไลท์ยิ้มแหยพร้อมเอ่ยคำพูดปนจิกกัดแบบขำๆ ลูน่าหัวเราะร่าออกมา ถ้าเทียบกันแล้วแจ๊สเปอร์น่าจะเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากตามหาตำแหน่งของกรีดจริงๆ

“ต้องเก่งขึ้นแน่ค่ะ! ถ้าเป็นคุณแจ๊สเปอร์ก็น่าจะหาทางทำอะไรสักอย่างได้แน่”

“นั่นสินะ” ไลท์เอ่ยก่อนจะหยิบบัตรMMCขึ้นมาดู เคาะสัมผัสเบาๆ ก่อนที่หน้าจอจะผุดขึ้นกลางอากาศให้เขาตรวจสอบประวัติทางการเงิน เมื่อเข้าไปดูตรงช่องDividend(เงินปันผล) ก็เห็นจำนวนเงินก้อนโตที่ได้จากการกำจัดกรีดเลเวลสี่ได้

241,950 Coin

เงินก้อนโตนี้ได้จากการกำจัดเพียงครั้งเดียว ที่น่าสนใจนั่นก็คือแท้จริงแล้วเงินที่เขาต้องได้รับควรจะประมาณแปดหมื่นแต่เหตุใดถึงเพิ่มขึ้นมาถึงสามเท่าได้ คำตอบก็คงไม่พ้นตัวอักษรที่เขียนตัวโตๆ เอาไว้ว่า Bonus(โบนัส)

ไลท์เลื่อนนิ้วกดเพื่อตรวจสอบ

Bonus โบนัสพิเศษที่จะทำให้รายได้ของคุณเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

Bonus X2 15% เมื่อกำจัดกรีดที่มีเลเวลเท่ากับหรือมากกว่าสามได้

Bonus X3 10% กำจัดกรีดได้โดยปราศจากความช่วยเหลือของคนอื่น

Bonus X4 10% กำจัดกรีดที่มีเลเวลเท่ากับหรือมากกว่าหกขึ้นไปได้ด้วยตัวคนเดียว

Bonus X5 10% กำจัดกรีดที่มีเลเวลสิบขึ้นไปได้

พิเศษ:คุณได้รับพรจากมาม่อน เพิ่มโอกาสที่จะได้รับโบนัสมากขึ้น+15%

“โบนัสพวกนี้..จริงสิ ตอนอยู่ศูนย์ฝึกก็ได้เรียนมานี่นา..เฮ้อ” ไลท์ยกมือก่ายหน้าผากตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองใกล้จะบ้าเข้าไปแล้วทุกขณะ ขนาดลืมสิ่งที่ออกแม้กระทั่งในข้อสอบได้ลง

“แล้วไอ้กล่องนี่มันเปิดยังไงนี่” ไลท์คิดก่อนจะยกกล่องใบหนึ่งขึ้นมาดู มันคือสิ่งที่ได้มาจากร่างกายของเซ็ตโต้หลังจากกำจัดมันได้ลงไปแล้ว ชายหนุ่มนำมันมาวางไว้บนโต๊ะก่อนจะเริ่มเปิดหาข้อมูลจนพบเข้า

กล่องแห่งความโลภหรือGreed Box เป็นสิ่งที่จะมีให้ก็ต่อเมื่อกำจัดกรีดเลเวลสามขึ้นไปเท่านั้น โดยมีโอกาสเพียงแค่20-25%เท่านั้นถึงจะได้ แต่ด้วยข้อเสนอพิเศษของมาม่อนทำให้ไลท์มีอัตราการได้เฉลี่ยอยู่ที่35-50% ซึ่งถือว่าสูงมาก

สิ่งที่อยู่ภายในจะเป็นแบบสุ่ม ไม่ว่าจะเป็นเงิน วัตถุดิบสำหรับการพัฒนาอาวุธ รูน เครื่องประดับ อุปกรณ์เสริม หรือจนกระทั่งทองคำและอัญมณีที่สามารถเอาไปขายในโลกแห่งความจริงได้ และการ์ดลงทุน ตามข้อมูลระบุเอาไว้ว่าสิ่งที่มีค่าที่สุดในกล่องแห่งความโลภนั่นก็คือ

                ชิ้นส่วนเหรียญตราอสูร

ที่หากสามารถรวบรวมได้ครบ666ชิ้นจะผสมกลายเป็นเหรียญตราอสูรได้หนึ่งเหรียญ และจะสามารถเข้าพบมาม่อนเพื่อทำสัญญาขึ้นอีกครั้ง จะสามารถขอความปรารถนาให้เป็นจริงได้หนึ่งประการ ต่างก็แค่ไม่ต้องนำชะตากรรมไปค้ำประกันอีกแล้ว แค่หาเงินมาส่งให้ก็พอ

“....” ไลท์กุมคางก่อนจะทำตามคู่มือ นำบัตรMMCไปทาบที่กล่องก่อนที่มันจะเปิดออก

เมื่อกล่องแห่งความโลภถูกเปิดออก ไลท์เห็นของภายในเป็นเงินจำนวนไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนเหรียญและการ์ดใบหนึ่ง มันเป็นการ์ดสีทองนั่นทำให้ชายหนุ่มยิ้มกว้าง แต่เมื่อนำมันขึ้นมาดูให้ชัดเต็มตา มีสิ่งหนึ่งที่สะดุดหยุดให้ตาของเขานิ่งงัน

Super Rare

“กะ..การ์ดSRนี่หว่า!!!” ไลท์ตะโกนร้องลั่นทำให้ทุกคนในห้องพลันตื่นขึ้น แม้แต่แจ๊สเปอร์ที่นอนหลับสนิทจนถึงเมื่อกี้ยังต้องเบิกตากว้างโตหันมามองที่ชายหนุ่มเป็นตาเดียวกัน

“ว่าไงนะ!/โอ้ย” แจ๊สเปอร์เจ็บแผล ลูน่าร้อนรนรีบประคองให้ชายหนุ่มผมเทาให้กลับไปนอนลงดังเดิม

“ขะ..ขอโทษที ตกใจไปหน่อย”

“การ์ดSRเหรอคะ!”

“ใช่..แถมสีทองอีกต่างหาก แต่ว่า..ไม่ใช่การ์ดSummonสักหน่อย ทำไมมันถึงมีสีทองกันนะ” ไลท์เอียงคอไปมาก่อนจะอ่านชื่อการ์ดและคุณสมบัติอย่างละเอียด

[Ability Card : (SR) Fusion 150,000 Coin]

คุณสมบัติ: ทำการเลือกมอนสเตอร์ที่อยู่ในสภาพถูกใช้งานขั้นต่ำสองยูนิต นำมารวมร่างกันเพื่ออัญเชิญการ์ดมอนสเตอร์ประเภทฟิวชั่น อนึ่ง จำเป็นต้องจ่ายเงินค่าอัญเชิญมอนสเตอร์ตัวนั้นด้วย

“ฟิวชั่น”

“หมายถึงการรวมร่างรึเปล่าคะ”

“น่าจะใช่” ไลท์เอ่ยแล้วพลิกมันไปมา

“แต่ก็ใช้ไม่ได้อยู่ดีสินะ เพราะไม่มีมอนสเตอร์ประเภทฟิวชั่น” แจ๊สเปอร์เอ่ย

“อืม แถมไม่มีขายด้วยนี่สิ”

“เอ๋อ! แล้วแบบนี้จะใช้มันยังไงล่ะคะ”

“มันต้องมีคนหาได้อยู่แล้ว เดี่ยวฉันค่อยไปถามพวกเบลสซันเอาก็ได้ ตอนนี้ต้องตั้งสมาธิกับแผนการต่อไปของจูดัสก่อน”

“แผนของจูดัส?” แจ๊สเปอร์เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย เพราะว่าในตอนที่กำลังพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ เขาสลบไม่ได้สติอยู่

“ตอนที่นายหลับอยู่จูดัสปล่อยให้กรีดเลเวลสามตัวหนึ่งหนีไป หมอนั่นมาบอกพวกเราทีหลังว่าแอบติดตังเครื่องส่งสัญญาณเข้าไปตอนโจมตีครั้งสุดท้าย มันจะพาเราไปในรังของซาลามันเดอร์”

“ซาลามันเดอร์? ชื่อนี้คุ้นๆ นะ”

“ก็ตั้งแต่โทมัสแล้วล่ะ กรีดเลเวลสามที่พวกเราสู้ด้วยทุกตัวเหมือนจะเป็นลูกน้องของเจ้าตัวที่ชื่อซาลามันเดอร์ทั้งหมด จูดัสบอกฉันว่ามันเป็นกรีดเลเวลห้า”

“เลเวลห้า!!!” แจ๊สเปอร์ร้องลั่นออกมาในทันทีที่ได้ยินข้อมูลนี้

ขนาดเลเวลสามกับสี่ยังสู้กันแบบเสี่ยงตาย เลือดโชกขนาดนี้ เลเวลห้าจะแข็งแกร่งขนาดไหน แจ๊สเปอร์มั่นใจว่าต่อให้เป็นไลท์ในตอนนี้ก็จัดการมันไมได้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์

“เดี๋ยวก่อน ถ้าอย่างนั้นจูดัสจะทำยังไงต่อ พอรู้ตำแหน่งแล้ว”

“จะระดมคนไปปราบน่ะสิ หมอนั่นเชิญฉันเป็นกรณีพิเศษด้วย ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เข้าร่วมล่ะนะ แต่พวกนายน่ะสิ” ไลท์เอ่ยก่อนจะกวาดตามองดูเพื่อนของเขาทั้งสามคน

ลูน่าเริ่มสู้ได้แล้วก็จริงแต่ยังห่างไกลที่จะบุกรังกรีดโข ครอสซ์พอใช้การ์ดแล้วก็แข็งแกร่งมาก แต่เอาแน่เอานอนไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ถึงเวลาสู้จริงอาจไม่สนใจการ์ดลงทุนเลยก็เป็นไปได้ ส่วนแจ๊สเปอร์ไม่ต้องพูดถึง แค่ยืนเฝ้าชิพเตอร์เฉยๆ ก็เจ็บปางตายแล้ว

“ถ้าอยากเข้าร่วมฉันก็ไม่ว่านะ แต่อาจตายก็ได้นะ” ไลท์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด ทุกคนในห้องพลันตกอยู่ในความกดดันไปด้วยเมื่อเขายกความตายมาใช้

แจ๊สเปอร์ยกมือขึ้นนาบที่แผล มันทั้งลึกและเจ็บแสบไปหมด ทว่า ในเวลานั้นเขากลับไม่นึกถึงความกลัวตายเลยสักนิดเดียว ในตอนนั้น..เขาคิดถึงแค่ลูน่าเท่านั้น กลัวเธอต้องเป็นฝ่ายเสียชีวิตซะเอง ช่างเป็นความรู้สึกที่น่าประหลาด

“ฉันอยากเก่งขึ้นกว่านี้จังนะ...” แจ๊สเปอร์เอื้อนเอ่ยด้วยอารมณ์หลากหลาย ไลท์และลูน่าพลันก้มสายตาต่ำลง

“ก็ฝึกสิ! เอาไหมแจ๊สเปอร์ ฉันจะถ่ายทอดวิชามวยที่สืบทอดมาจากที่บ้านให้เอง”

“เหอะๆ..ไม่ล่ะเกรงใจ”

“ทำไมล่ะ! อยากเก่งขึ้นไม่ใช่รึไง อยากเก่งขึ้นหรือไม่อยากเก่งขึ้นกันแน่ พูดออกมาตรงๆ เลยสิ!”

“เกรงใจ! ฉันอยากใช้พลังเก่งต่างหากไม่ใช่เตะต่อยเป็นสักหน่อย”

“หา! ไม่เห็นจะเข้าใจเลย ถ้าอยากแข็งแกร่งขึ้นก็ต้องฝึกฝนสิ ไปกันเถอะ เริ่มจากการวิ่งทั่วเมืองสักยี่สิบรอบ!” ครอสซ์ทำหน้าบึ้งก่อนจะเดินเข้ามาจับแขนของแจ๊สเปอร์ เมื่อหนุ่มผมเทาทำท่ามีอาการบาดเจ็บเด็กสาวก็จ้องตาเขม่งใส่ครอสซ์ พร้อมกล่าวออกไปว่า

“ไมได้นะคะ! คุณแจ๊สเปอร์เขาเจ็บอยู่ ยังออกกำลังกายหนักๆ ไมได้ค่ะ”

“หึ! ผู้หญิงอย่างเธอจะไปรู้อะไร ลูกผู้ชายต่อให้เหลือขาข้างเดียวก็ยังวิ่งได้”

“ได้ก็บ้าแล้ว!” แจ๊สเปอร์ร้องออกมาในทันที ทั้งสามคนทำเช่นนี้กันต่อไปโดยมีไลท์เป็นผู้ชมพลางจิบกาแฟทานขนมปังอย่างเอร็ดอร่อย เขาค่อยๆ หยิบการ์ดทั้งหมดออกมาเทอีกครั้ง

ข้อมูลการต่อสู้ในวันนี้ค่อนข้างน่าเอามาวิเคราะห์ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีการ์ดทองแดงให้ดูอย่างละเอียดอีกที ไม่เช่นนั้นคงสามารถจัดสต๊อกการ์ดที่เข้ากับสไตล์การต่อสู้ได้

เหลือสิ่งอื่นใด การ์ดสีทองสองใบที่เขามี ไลท์จ้องมองพวกมันก่อนจะยกรอยยิ้มขึ้นจางๆ บนใบหน้า

“กระต่ายกับเต่างั้นเหรอ..จัดงานวิ่งแข่งได้เลยนะเนี่ย” ไลท์เอ่ยติดตลก ทว่า มีหนึ่งสิ่งที่การ์ดทั้งสองใบเหมือนกัน คือไม่มีตัวไหนเชื่องกับเขาเลยแม้แต่ใบเดียว

อีกทางหนึ่ง ณ สถานที่แห่งหนึ่ง

ร่างของอเดมัสปรากฏตัวขึ้นอยู่ตรงหน้ามาม่อนแห่งความโลภ ผู้เป็นเจ้านายของเขา นายธนาคารแห่งความมืดย่อตัวลงเพื่อแสดงความเคารพประมาณสี่วิก่อนจะเงยหน้าขึ้น

“สวัสดียามเช้าครับ ท่านมาม่อน”

“ว่ายังไงล่ะอเดมัส ที่เราให้ไปสังเกตการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”

“การ์ดฟิวชั่นถึงมือของท่านไลท์เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ”

“ยอดเยี่ยม!” มาม่อนเบิกยิ้มกว้างก่อนจะปรบมือเสียงดังอย่างต่อเนื่อง ดวงตาของเธอ(?)เป็นประกายสดใสอย่างมากก่อนจะเริ่มลุกขึ้นยืน

“ท่านมาม่อนได้ดูตอนที่ท่านไลท์ต่อสู้หรือยังครับ เขาใช้การ์ดแรทบิทกันเนอร์ได้คล่องแคล้วเหมือนปู่ของเขาไม่มีผิด” อเดมัสยิ้มกล่าว แต่พระเจ้าแห่งความโลภของเขากลับไม่ตอบเพียงแต่ยิ้มกลับมาให้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“ช่างเปล่งประกายจริงๆ..แต่ไม่พอ”

“ยังไม่พอหรือครับ?”

“ใช่แล้ว..ยังไม่พอ ต้องทำให้เขาเปล่งประกายยิ่งกว่านี้อีก! อเดมัส เจ้าคิดว่าสถานการณ์แบบไหนถึงทำให้มนุษย์สามารถเปล่งประกายได้ถึงขีดสุด”

“อืม เวลาที่พวกเขาได้ดื่มด่ำกับกิเลสหรือครับ?”

“ไม่ใช่!” มาม่อนตวาดเสียงดังลั่นให้นายธนาคารแห่งความมืดได้สะดุ้งโหยง อเดมัสทำสีหน้าตกใจก่อนจะกลับมาทำหน้าเรียบเฉยอย่างสุภาพอีกครั้ง

“ขออภัยครับ หากไม่เป็นการรบกวน กระผมอยากทราบ”

“ความมืดมิด...”

“ความมืดมิด? หรือครับ”

“ใช่! ยิ่งมืดมิดเท่าไหร่ ก็ยิ่งเปล่งประกายชัดมากเท่านั้น เหมือนกับอัญมณีกับทองคำ..ความมืดจะช่วยขัดเกลาเขา ยิ่งมืดมิดเท่าไหร่ก็ยิ่งส่องประกายและเงางามมากขึ้น เหมือนฉับชื่อของเขา” มาม่อนเอ่ยก่อนจะหยิบการ์ดใบหนึ่งขึ้นมาชักลิ้นชัก มันคือการ์ดสีรุ้งใบหนึ่งที่มีรูปมังกรอยู่ภายใน

“มากกว่านี้อีก..ไลท์ ลินสตอร์ม จงเติบโตให้มากกว่านี้และคู่ควรแก่การครอบครองของเราเถอะ”

“เข้าใจแล้วครับท่านมาม่อน กระผมจะไปเตรียมการโชว์สุดวิเศษไว้ให้” อเดมัสเอ่ยย่อตัวลงเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ทิ้งไว้เพียงหญิงสาว(?) ที่กำลังเปิดหน้าจอดูสีหน้าอันเคร่งเครียดของไลท์อยู่

                โปรดเติบโตและเปล่งประกายให้มากยิ่งขึ้น เหมือนสมัยก่อนยังไงล่ะ ผู้อันเป็นที่รัก

อีกทางหนึ่ง ณ โรงงานร้าง

ชายหนุ่มสวมชุดขาวก้าวเข้ามาในห้องแห่งหนึ่ง พบว่ามีอมนุษย์ร่างใหญ่กำลังนอนรอเขาอยู่ มันค่อยๆ หันมามองตรงจุดที่เขายืนอยู่ก่อนที่จะรีบลุกขึ้นก้มกราบอย่างนอบน้อม

“ท่านยูเรโนส ยินดีที่ท่านมาเยือนข้า”

“เช่นกัน..” ยูเรโนสคลี่รอยยิ้มขึ้นจางๆ สังเกตร่างของอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าจนพยักหน้าขึ้น

“เจ้าได้เข้าใกล้ความเป็นลอร์ดแล้ว”

“ยอดเยี่ยม..ยอดเยี่ยมจริงๆ”

“ข้ามีข่าวดีจะมาบอก บุ๊ฟเฟ่กำลังมาถึงแล้ว”

“นั่นเป็นข่าวดีที่สุดในชีวิตข้า! ทีนี้ข้าก็จะได้เลื่อนขั้นสักที ข้าจะ..ก้าวล้ำยิ่งขึ้นไปอีก”

“แต่ว่า” ทันทีที่คำนี้หลุดออกมาจากปากของยูเรโนส ใบหน้าของอมนุษย์พลันบิดเบี้ยวขึ้น มันหันไปมองชายหนุ่มชุดขาวแล้วพบว่าเขาถือรูปใบใหญ่ชูมาให้เขาดู

ภายในรูปเป็นภาพของชายหนุ่มที่มีสีผมและตาสีทองคำ มันจ้องภาพแบบไม่วางตาก่อนที่ยูเรโนสจะเอ่ยว่า

“ต้องฆ่าเขาเป็นคนสุดท้ายนะ เข้าใจไหมเอ่ย? ซาลามันเดอร์”

“เข้าใจแล้ว”

ข้าจะฆ่ามันเป็นคนสุดท้าย และจะฆ่าทุกคนที่เหยียบเข้ามาในรังของข้า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด