DC บทที่ 37: กระบี่และทอง
หลังจากซูหยางออกมาจากตำหนักภารกิจ เขากลับไปที่บ้านเพื่อล้างคราบเหงื่อไคลที่ได้รับระหว่างการฝึกฝนร่วมกับหลานลี่ชิง และเปลี่ยนชุดที่ได้มาใหม่จากตำหนักโอสถ
หลังจากนั้นเขาไปยังคลังมุกพิสุทธิ์เพื่อเตรียมพร้อมเดินทางไปยังหุบเขาฟ้าคำรามซึ่งอยู่ห่างออกไปสองสามร้อยไมล์จากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย
“เจ้าอีกแล้วรึ” ผู้อาวุโสที่ประจำอยู่ที่นั่นประหลาดใจที่เห็นซูหยางปรากฏตัว เขาคิดว่าซูหยางคงกลืนกินดอกหยางพิสุทธิ์ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ดูเหมือนเขายังสบายดี ไม่..ดูเหมือนเขาแตกต่างออกไปเล็กน้อย ราวกับมีความลุ่มลึกอะไรบางอย่างในตัวเขา
“เกิดอะไรขึ้นกับดอกหยางพิสุทธิ์ หรือเจ้าเปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้าย ข้ามิรับคืนกลับคลังมุกพิสุทธิ์ รู้ไหม” ชายชรากล่าวในกรณีที่ซูหยางต้องการแต้มคืน
“ข้ามาเพื่อกระบี่และทอง” ซูหยางกล่าวอย่างเยือกเย็นโดยไม่สนใจคำถามของชายชรา
“กระบี่และทอง ทำไมเจ้าต้องการอะไรแบบนั้น”
“ข้ารับภารกิจที่ต้องออกไปล่าสัตว์ การเดินทางต้องใช้เวลานาน และข้าต้องการอาวุธเพื่อป้องกันตัวในเวลาจำเป็น”
แผนของซูหยางทำให้ชายชรางุนงง ทำไมเมื่อเขาได้รับดอกหยางพิสุทธิ์แล้วพลันออกไปล่าสัตว์หลังจากนั้นไม่กี่วัน ทุกสิ่งดูไม่สมเหตุผลในความคิดของชายชรา
“เจ้าไปล่าอะไรรึ” ชายชราซักถามอย่างสบายๆ
“ผู้อาวุโส ด้วยความเคารพ ข้ากำลังรีบ ข้านึกมิออกว่าคลังมุกพิสุทธิ์ต้องสนใจไต่ถามถึงแค่ศิษย์นอกดังเช่นตัวข้า” ซูหยางกล่าว น้ำเสียงยังคงเรียบเฉยดังเช่นปกติ
“เจ้า..” เห็นชัดว่าชายชราโกรธถ้อยคำรุนแรงของซูหยาง แต่เขาไม่ได้กล่าวอะไรนอกจากขมวดคิ้ว
หลังจากนั้นเขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เจ้าพูดถูก...ข้าไร้เหตุผล มิจำเป็นที่ข้าต้องใส่ใจในเรื่องของเจ้า เจ้าต้องการกระบี่ประเภทไหน กระบี่ธรรมดาใช้ 5 แต้มรางวัล ส่วนทองต้องใช้ 10 แต้มรางวัลต่อหนึ่งเหรียญทอง”
“กระบี่ธรรมดาก็พอเพียง ส่วนทอง...ข้าต้องการเหรียญทอง”
ซูหยางยื่นส่งแต้มรางวัลที่หลงเหลืออยู่จากการซื้อดอกหยางพิสุทธิ์ให้แก่ชายชรา เขาถังแตกอีกครั้ง
“เดี๋ยวข้ากลับมา” ชายชรากล่าวหลังจากที่เขาตรวจนับจำนวนแต้มว่าถูกต้อง
หลังจากนั้นไม่นาน ชายชรากลับมาพร้อมกระบี่ในฝักหนังสีดำและถุงสีน้ำตาลขนาดเล็ก
ซูหยางรับสิ่งของและจากไปในเวลาไม่นานหลังจากนั้น
–
–
–
หลังจากซูหยางจากไปเพียงไม่กี่นาที ชายชราเรียกคนมาแทนที่และมุ่งสู่ตำหนักภารกิจ
“ผู้อาวุโสเจ้า”
เมื่อผู้อาวุโสในตำหนักภารกิจสังเกตเห็นการปรากฏตัวของชายชรา พวกเขาล้วนยืนขึ้นและคำนับอย่างยำเกรง
“ใช่มีศิษย์นอกชื่อซูหยางมาที่นี่วันนี้เพื่อทำภารกิจ” ผู้อาวุโสเจ้าถามพวกเขาด้วยท่าทางเคร่งเครียด
“ซูหยาง เขารับภารกิจล่าในหุบเขาฟ้าคำรามเมื่อไม่กี่นาทีก่อน” ผู้ที่รับหน้าที่บันทึกเรื่องซูหยางกล่าว
“ล่าสัตว์ในหุบเขาฟ้าคำราม ที่เหล่าแมวสายฟ้าวิ่งเพ่นพ่านช่วงหลังนี้รึ ทำไมผู้ที่มีระดับเพียงเขตปฐมวิญญาณระดับสามถึงรับภารกิจที่เป็นไปมิได้เช่นนั้น” ผู้อาวุโสเจ้าครุ่นคิด
“ให้ข้าดูบันทึก” เขากล่าวกับผู้อาวุโสที่อยู่ในหน้าที่
“นี่ขอรับ ผู้อาวุโสเจ้า”
“อืม…ขอข้าดูหน่อย เขตคัมภีร์วิญญาณระดับหนึ่ง” ผู้อาวุโสเจ้าอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาเสียงดังลั่นหลังจากเห็นบันทึก น้ำเสียงราวกับว่าเขาเห็นผีสาง เสียงของเขาทำให้ทุกคนในตำหนักภารกิจถึงกับตกตะลึง
“มีอะไรผิดพลาดบนบันทึกหรือ ผู้อาวุโสเจ้า” ผู้อาวุโสกล่าวขึ้นด้วยความกังวล
อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสเจ้าเพียงจ้องมองแต่บันทึกอย่างตะลึงงัน “เขากลายเป็นเขตคัมภีร์วิญญาณระดับหนึ่งไปได้อย่างไรในเมื่อเขายังอยู่เขตปฐมวิญญาณระดับสามอยู่เลยเมื่อสองอาทิตย์ก่อน”
ผู้อาวุโสเจ้าพลันนึกขึ้นได้ว่าทำไมเขาจึงรู้สึกแปลกไปจากเดิมเมื่อเห็นซูหยาง แม้ว่ามันยากต่อการสังเกต แต่นั่นเป็นรัศมีลึกล้ำของผู้ที่อยู่ในเขตคัมภีร์วิญญาณจะปลดปล่อยออกมาเท่านั้น มันเป็นบางสิ่งที่เขาไม่มีก่อนที่เขาจะได้รับดอกหยางพิสุทธิ์
“เจ้าเด็กนั่นสามารถกลืนกินดอกหยางพิสุทธิ์ได้จริงๆ บางสิ่งที่แม้แต่ข้าก็ไม่กล้าลอง พลังการฝึกปรือของเขาพุ่งพรวดก็เพราะว่าสิ่งนั้น”
เมื่อผู้อาวุโสเจ้าค้นพบความจริง เขาแตกตื่นไปทั้งใจ ทำไมเพียงแค่ศิษย์นอกเขตปฐมวิญญาณสามารถกลืนกินดอกหยางพิสุทธิ์ในขณะที่เขาผู้เชี่ยวชาญเขตปฐพีวิญญาณจึงยากที่จะกลืนกินมัน
“ข้าถูกเล่นเข้าแล้ว เจ้าเด็กเลวซูหยางนั่นเป็นเด็กเจ้าเล่ห์ ใครเป็นคนกล่าวว่าเขาเป็นคนโง่เง่าปัญญาอ่อน เจ้านั่นแท้จริงแล้วคือสัตว์ประหลาด ข้าต้องรายงานเรื่องนี้ให้แก่เจ้านิกายโดยเร็วที่สุด”
ผู้อาวุโสเจ้ามองไปที่ผู้อาวุโสที่ดูแลบันทึกแล้วกล่าวว่า “นอกจากข้าสั่ง ห้ามแสดงบันทึกเล่มนี้แก่ใครทั้งสิ้น นี่เป็นคำสั่ง”
“ขอรับ ผู้อาวุโสเจ้า”
หลังจากนั้นผู้อาวุโสเจ้าก็ออกจากตำหนักภารกิจอย่างเร่งรีบ ปล่อยให้ทุกคนที่นั่นให้จมอยู่กับความสงสัย
“สามารถทำให้ผู้อาวุโสเจ้าผู้ยิ่งใหญ่โกรธมากได้...ซูหยางผู้นี้เป็นใครกันแน่” บรรดาเหล่าผู้อาวุโสนิกายบริเวณนั้นเก็บความสงสัยไว้ในใจ
–
–
–
“ข้าสงสัยว่าตอนนี้ผู้เฒ่านั่นจักคิดออกแล้วหรือยัง” ซูหยางสงสัยขณะที่เขาเดินไปยังประตูหน้าที่จะนำเขาออกไปภายนอกนิกาย
ขณะที่เขาอยู่ที่คลังมุกพิสุทธิ์ เขารู้สึกว่าผู้อาวุโสเจ้าได้ตรวจสอบอีกทั้งพยายามไต่สวนเขาตลอดเวลา
“แค่ดอกหยางพิสุทธิ์ พวกเขาถือมันเป็นเหมือนยาศักดิ์สิทธิ์...อัยย่า...ช่างน่ารำคาญจริงๆ...” ซูหยางถอนหายใจ
“หยุด เจ้าคิดจะไปไหน ศิษย์นอก”
บรรดายามที่ประตูทางเข้าหยุดซูหยางเมื่อพวกเขาเห็นซูหยางตรงไปหา
“ข้ามีงานที่หุบเขาฟ้าคำราม” ซูหยางแสดงภารกิจที่ได้รับจากตำหนักภารกิจให้พวกเขาดู
บรรดายามตรวจสอบประทับบนม้วนกระดาษภารกิจและยืนยันถึงความถูกต้องของตราประทับ
“โชคดี เดินทางปลอดภัย”
พวกเขาเปิดประตูใหญ่ให้ซูหยางเดินออกไป ไม่นานก็ลับหายไปจากสายตาของบรรดายาม