ภาค 2 ตอนที่ 4 คนที่ 3
ตอนที่ 4 คนที่ 3
โกโก้บอกว่า "ศพหญิงไร้หัวศพแรกที่พบในเดือนกันยายนมีเลือดเป็นกรุ๊ปเอ ศพที่สองที่พบในเดือนที่แล้วเป็นเอบี คุณหัวมีกรุ๊ปเลือดเป็นโอ นี่หมายความว่ายังมีศพไร้หัวอีกศพที่ยังไม่ถูกพบเห็น
หน่วยคดีอุกฉกรรจ์กลุ่ม 2 กำลังยุ่งอยู่กับคดีระเบิดต่อเนื่อง งานของตัวเองยังทำไม่ทันเลย ทำให้โจวต้าเจิ้งได้แต่ย้ายคนจากกลุ่ม 3 รวมกับกลุ่มของตนชั่วคราวไปสืบตามสถานที่พบศพก่อนหน้านี้ หวังจะพบร่างก่อนที่จะเกิดความโกลาหล
แต่ความจริงไม่เป็นไปตามหวัง
ร่างของคุณหัวต่างจากสองศพแรก ถูกทิ้งไว้ที่มุมของสวนรุกขชาติแห่งหนึ่ง นักศึกษาที่มีปาร์ตี้ปิ้งย่างแถวนั้นได้กลิ่นเน่าเสียถึงได้พบ หน่วยคดีอุกฉกรรจ์ไปถึงสถานที่ก่อน กลุ้มใจที่เห็นนักข่าวมาปรากฏตัวซะแล้ว ที่แท้นักศึกษานอกจากจะแจ้งความแล้ว ยังโทรไปที่สถานีโทรทัศน์
สายกั้นสีเหลืองได้กันสื่อออกนอกบริเวณที่เกิดเหตุ โกโก้นั่งยองๆ หน้าศพที่เน่าเปื่อยไปแล้วครึ่งหนึ่ง ใช้มือที่สวมถุงมือที่ฆ่าเชื้อแล้วกำลังเขี่ยบริเวณคอ สังเกตรอยตัดขวาง เช่นเดียวกับสองศพแรก ศพหญิงร่างเปลือยทั้งตัว เนื่องจากอวัยวะภายในเน่าเปื่อยเกิดก๊าซจนทำให้ร่างกายพองขยายตัว รอยเขียวช้ำหลังความตายเริ่มลุกลามตั้งแต่ท้องน้อยออกไปอย่างเห็นได้ชัด เริ่มมีตัวอ่อนของหนอนคลานตามบาดแผลบริเวณคอของศพ
เซวียหยางเดินมาข้างตัวโกโก้ สะอิดสะเอียนกับสภาพย่ำแย่ของศพ สายตาจับจ้องที่ไกลแล้วถาม "พี่สวิน คนนี้ พี่อย่าบอกนะว่าไม่ใช่ร่างของหัวนั้น" ถ้างั้นก็จะเป็นศพที่สี่แล้ว
โกโก้ยังไม่หยุดงานในมือ จัดบริเวณคอให้ตรงแล้วสังเกตสักพักแล้วค่อยเอ่ยปากตอบ "น่าจะเป็นร่างของหัวนั้น นายดูบริเวณคอที่ตัดจากซ้ายไปขวาจะเอียงเล็กน้อย ซึ่งตรงกับรอยตัดของหัว แต่ยังต้องกลับไปตรวจเลือดกับ DNA ถึงจะยืนยันได้"
สายตาของเซวียหยางยังเหม่อมองที่ฟ้า ปากก็เออออรับคำ
พวกไป๋หลิงยังสอบปากคำนักศึกษาเหล่านั้น ต้าเจิ้งเก็บมือถือแล้วเดินมา "พอสื่อได้ข่าวก็ตามมาเลย ตอนเห็นศพแต่ละคนตื่นเต้นอย่างกับอะไรดี ผมเพิ่งโทรคุยกับผู้การเสร็จ ต้องประชุมสื่อเพื่อทำความเข้าใจ ยังให้พวกเขาลงข่าวไม่ได้เป็นการชั่วคราว โกโก้ เธอพบอะไรที่นี่บ้าง"
โกโก้ยืดตัวลุกขึ้น ถอดถุงมือช้าๆ "หญิง อายุยี่สิบกว่า มีความเป็นไปได้เป็นร่างของคุณหัว จากขนาดของตัวหนอนสันนิษฐานว่าตายแล้วไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ สภาพศพเน่าเปื่อยปานกลาง คอถูกตัดหลังจากเสียชีวิต ส่วนสาเหตุการตายต้องรอหลังจากชันสูตรขั้นต่อไปถึงทราบ"
ต้าเจิ้งขมวดคิ้ว "มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นของคุณหัวเหรอ โกโก้ ผมเคยเห็นคุณหัวของเธอ สภาพเน่าเปื่อยต่างจากศพนี้มากเลย เกือบจะไม่เป็นอะไรเลยนี่นา"
"บนหัวมีฟอร์มาลินหลงเหลืออยู่ แสดงว่าถูกแช่มา"
"ฟอร์มาลิน มันอะไรกัน" ไป๋หลิงเข้ามาใกล้
"ของเหลวสำหรับป้องกันเน่าเสียอย่างหนึ่ง เอาไว้รักษาสภาพศพ ใช่ไหม พี่สวิน" เซวียหยางพูด
สวินเข่อหรันอึ้งอยู่ตรงนั้น
"โกโก้..."
เหมือนมีอะไรแวบขึ้นที่สมอง ฟอร์มาลิน ฟอร์มาลินมาได้ยังไง...
ถ้านี่เป็นร่างของคุณหัว ทำไมหลังจากคุณหัวถูกฆ่าตายแล้ว ฆาตกรหั่นศพของเธอ โยนร่างไว้ในสวนรุกขชาติปล่อยให้เน่าเสีย ส่วนหัวกลับเอาไปแช่ในฟอร์มาลิน...
รักษาศพ!
สมองของโกโก้มีทิศทางชัดเจนขึ้นมาทันที เงยหน้าจ้องมองต้าเจิ้ง "หัว! เขาหั่นศพไม่ใช่เพื่อสะดวกในการทิ้งศพ หัวถึงจะเป็นสิ่งสำคัญ! เขาแช่หัวในฟอร์มาลิน!"
"โอ้! ไอ้หมอนี่เก็บสะสมหัวเหล่านี้!" ต้าเจิ้งพูดต่ออย่างตื่นเต้น
คนอื่นตะลึงไปชั่วขณะ เซวียหยางตามทัน เอียงคอสงสัย "ถ้าฆาตกรเก็บสะสมหัวคน แล้วทำไมคุณหัวถึงได้ปรากฏตัวที่ร้านรับซื้อของเก่าได้ล่ะ"
ต้าเจิ้งก้มหัวครุ่นคิด "โกโก้ หัวนั้นอยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือเปล่า"
"บริเวณใต้คางมีบางส่วนเสียหาย ฉันยังตรวจไม่ได้ว่าเป็นแผลเกิดจากอะไร แต่มั่นใจว่าเป็นรอยแผลที่เกิดหลังจากเสียชีวิต"
"ถ้างั้นไอ้หมอนี่เก็บสะสมหัวคนก็ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ หัวของสองศพแรกก็อาจจะถูกเขาเก็บไว้ แต่หัวที่ร้านรับซื้อของเก่าไม่สมบูรณ์ด้วยเหตุบางประการ อาจจะเป็นอุบัติเหตุตอนหั่นศพหรือหลังจากนั้น เขาไม่พอใจที่ต่ำกว่ามาตรฐานของตัวเอง จึงถูกทิ้งไปที่ร้านรับซื้อของเก่า" ต้าเจิ้งพยักหน้าน้อยๆ แล้วพูด
การคาดการณ์นี้ดูเหมือนจะทำให้ทุกคนเข้าใจฆาตกรมากขึ้น แต่ก็รู้สึกหวั่นใจ ถ้าเป็นไปตามที่คาดเดาไว้ ระดับความรุนแรงของคดีอาจจะต้องเพิ่มขึ้นอีก จากฆาตกรรมกลายเป็นฆาตกรรมซ่อนศพต่อเนื่องอย่างจิตวิปริต
ไป๋หลิงสบถเบาๆ
เซวียหยางส่ายหน้า "นี่มันโลกอะไรกันแน่"
รถขนศพมาถึงแล้ว เจ้าหน้าที่ใช้ถุงศพสีน้ำเงินเข้มห่อร่างศพที่ไม่มีหัวไว้แล้วเอาขึ้นรถ แผนกพิสูจน์หลักฐานกำลังสำรวจว่ามีหลักฐานหลงเหลืออยู่ในบริเวณหรือไม่ ใบไม้เต็มพื้นหุ้มห่อแผ่นดินสีเหลืองเทา ธรรมชาติมีกฎเกณฑ์เฉพาะตัว เล็กขนาดจุลินทรีย์ ใหญ่ไปถึงแมวหมานกหนอน ตั้งแต่เวลาที่ศพตกถึงพื้น ก็จะทิ้งร่องรอยไว้ในวงจรสิ่งมีชีวิตของธรรมชาติอย่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะด้วยวิธีแปลกประหลาดต่างๆ นานา แต่ในขณะเดียวกันก็ช่วยฝังกลบเบาะแสส่วนใหญ่ของฆาตกรไปด้วย
ต้าเจิ้งกับโกโก้เดินไปหากลุ่มนักศึกษา ต้าเจิ้งออกปากถาม "พวกเธอมีใครได้สัมผัสตัวศพหรือของอะไรก็แล้วแต่ในที่เกิดเหตุบ้าง ทางที่ดีควรจะบอกให้รู้ในตอนนี้ ถ้าตรวจพบลายนิ้วมือของพวกเธอภายหลังก็จะอธิบายยากแล้ว"
นักศึกษาต่างส่ายหน้า โกโก้หมุนตัวกำลังจะไป ก็มีมือข้างหนึ่งจับชายเสื้อกราวน์ไว้
เป็นนักศึกษาหญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนม้าหิน สีหน้าซีดเซียว ปากยังสั่นอยู่เล็กน้อย "คุณตำรวจ นั่น...เป็นร่างของคน...จริงเหรอ"
โกโก้เงยหน้ามองนักศึกษาเหล่านี้ คงเป็นนักศึกษาใหม่ที่เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยนะสิบนใบหน้ายังมีความไร้เดียงสากับดื้อรั้นติดอยู่บ้าง พวกเขาไม่เชื่อว่าในโลกนี้มีคนสามารถทำเรื่องอย่างนี้ได้ลงคอ ไม่เชื่อว่ามีด้านมืดอยู่ในโลกใบนี้ พวกเขาอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของพ่อแม่กับโรงเรียนแต่กลับไม่รู้ตัว ชีวิตที่มีความสุขเช่นนี้...
"เธอเคยเป็นคน อายุยี่สิบกว่าเหมือนพวกเธอ" โกโก้ก้มหน้าล้วงถุงมือที่ให้ความอบอุ่นออกมา แล้วมองเหล่านักศึกษาที่ตะลึงไปนิดหนึ่ง "เวลานี้ เป็นเพียงสารอินทรีย์กองหนึ่งเท่านั้น..."
นักศึกษาคนหนึ่งที่อยู่แถวหลังเริ่มอาเจียน บางคนเริ่มสะอื้น
โกโก้ถอนหายใจลึก "แต่ไหนแต่ไร เพียงแค่มีชีวิตอยู่ก็เป็นความโชคดีอย่างหนึ่งแล้ว"
——————————————
ตอนที่ออกจากที่เกิดเหตุ ฟ้าเริ่มมืดแล้ว อากาศในเดือนพฤศจิกายนจะว่าหนาวก็ยังไม่หนาวสุด ใบของต้นเพลนริมถนนร่วงไปแล้วครึ่งหนึ่ง ต้นไม้ใบโกร๋นยิ่งทำให้รู้สึกเงียบเหงา
โกโก้ขมวดคิ้วเดินกลับไปยังแผนกนิติเวช เพิ่งมาถึงทางเดินก็เห็นคนที่ยืนอยู่ตรงประตูคนนั้น
สวีหวั่นลี่ยืนอยู่ที่ประตู กำลังลังเลว่าจะเอ่ยปากถามยังไงดี...
"ไฮ" เสียงของโกโก้ดังมาจากด้านหลัง หวั่นลี่สะดุ้ง
"...อ๊ะ สะสวัสดี"
"มีธุระเหรอ"
"ก็ไม่เชิง เอ่อ...ที่เธอบาดเจ็บคราวที่แล้ว"
"ไม่เป็นไรแล้ว ขอบคุณนะ" นึกถึงวันนั้นถูกคนกดไว้หลังกองบังคับการแล้วเกือบจะถูกบีบคอจนตาย โกโก้ยังหวาดกลัวไม่หาย
เข้าไปในห้องทำงาน สวีหวั่นลี่ดมกลิ่นแล้วแสดงสีหน้าอยากรู้อยากเห็นออกมา
"หัวหน้าเรียกเธอว่าโกโก้ สาเหตุเพราะนี่เหรอ" หวั่นลี่มองดูถุงชานมโกโก้ที่เรียงเป็นแถวบนตู้
"อยากกินไหม"
ถึงแม้ว่าครั้งแรกที่สวีหวั่นลี่ปรากฏตัวต่อหน้าตน ก็เตือนด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่าอย่าไปยุ่งกับโจวต้าเจิ้ง แต่หลังจากเธอช่วยชีวิตตนแล้ว โกโก้ก็ไม่สามารถดุเธอได้อีก
"ทำไม ยังจะมาเตือนฉันว่าอย่าเข้าใกล้หัวหน้าโจวของเธออีกเหรอ" น้ำร้อนถูกชง กลิ่นหวานอบอุ่นลอยคลุ้งออกไป
สวีหวั่นลี่ยิ้ม "ฉันไม่ได้ตั้งใจ ที่จริง...ที่จริงโจวต้าเจิ้งเป็นญาติกับฉันเอง อยู่ในหน่วยฉันบอกไม่ได้ คราวที่แล้วฉันร้ายกับเธอ ขอโทษนะ ฉันแค่กลัวว่าเขาจะถูกผู้หญิงไม่ดีหลอกเหมือนคราวก่อน"
โกโก้ยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่ในใจกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา "เขาเคยถูกหลอกมาก่อนเหรอ เสียเงินหรือเสียตัวล่ะ"
"เรื่องเมื่อหลายปีก่อน รักกับผู้หญิงที่สวยมากแล้วก็เก่งมากคนหนึ่ง เกือบจะแต่งงานอยู่แล้ว สุดท้าย...ผู้หญิงหลอกให้เขาช่วยเธอไปอเมริกาจนสำเร็จ แล้วก็หายสาบสูญ..."
ท่ากินชานมของโกโก้ชะงัก ทีแรกแค่แซว ไม่คิดว่าเป็นเรื่องจริง
หวั่นลี่พูดต่อ "คนหายสาบสูญอย่างไร้สาเหตุก็ต้องร้อนใจนะสิ พี่ใหญ่ โอ้ไม่ใช่ หัวหน้าตามหาตั้งนาน ลำบากอยู่ไม่น้อยกว่าจะได้ข่าวมาว่า ผู้หญิงคนนี้ตั้งใจจะหลอกใช้เขาตั้งแต่แรกเพื่อไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ตอนนี้ก็ไม่รู้เป็นยังไงบ้างแล้ว"
โกโก้เลิกคิ้ว ถึงแม้เขาดูเหมือนคนห้าว ด้ายที่คอเสื้อหลุด รองเท้าเลอะโคลนก็ไม่รู้ตัว นึกไม่ถึงว่าโจวต้าเจิ้งยังมีเรื่องอดีตที่คล้ายโรแมนติกและเศร้าใจซะด้วย
"โอ้ สิ่งที่ฉันพูดกับเธอพวกนี้อย่าบอกใครนะ ยังไม่มีใครรู้"
อืม โกโก้ยิ้มพร้อมพยักหน้า ข่าวที่น่าสนุกอย่างนี้ไม่จำเป็นต้องพูดให้ใครฟัง แค่แอบแทงไปหลายทีก็พอแล้ว ท่านหัวหน้า
ช่วยไม่ได้ พูดถึงพี่สาวฉันทำไม
สวีหวั่นลี่กินชานมจนอิ่ม เม้าส์จนพอแล้ว ถึงได้กลับไปที่ห้องทำงาน แต่รู้สึกตะหงิดๆ ขึ้นมา ตัวเองจะถามเรื่องอะไรนะ ถึงได้ไปหาสวินเข่อหรัน