ตอนที่แล้วบทที่ 20(1-2) ท่านอาจารย์หนอ ท่านอาจารย์!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 21 ผู้รอบรู้ทุกสรรพสิ่ง

บทที่ 20(2-2) ของกำนัลแรกพบ


บทที่ 20(2-2) ของกำนัลแรกพบ

 

เมื่อก่อนตอนที่เขาอ่าน ‘สุยหู่จ้วน’ ถึงบทหยางจื้อขายดาบ[1]ก็เคยเจอตัวละครที่เป็นอันธพาลชื่อหนิวเอ้อร์มาก่อน ยังนึกว่ามีอยู่ในหนังสือนิยายเท่านั้น ใครจะไปรู้ว่าเขาจะเจอคนประเภทที่ว่าเข้าจริงๆ ในตลาดของเมืองหลวงราวกับเจอผีก็ไม่ปาน...

 

ในชาติที่แล้วเถี่ยซินหยวนเคยเจออันธพาลเช่นนี้หลายครั้ง ถ้าหากเปลี่ยนรอยสักซวนหนี[2]บนร่างของหนิวเอ้อร์เป็นมังกรหรือว่าเสือ เปลี่ยนเส้นผมหย่อมน้อยบนศีรษะโล้นๆ ของเขาเป็นผมย้อมด้วยสีสันสวยสดงดงาม แล้วเปลี่ยนมีดตัดข้อมือ[3]ที่เอวของเขาเป็นมีดหั่นแตงโม[4]อย่างน้อยเถี่ยซินหยวนก็คงแยกแยะความแตกต่างไม่ออก

 

ชาวบ้านที่ทำมาหาเลี้ยงชีพอยู่แถบประตูซีสุ่ยล้วนเป็นคนใช้แรงงานหนักและพ่อค้ารายย่อย เพราะพวกที่มีเงินทองสักหน่อยไม่มีทางเลือกมาอาศัยอยู่แถบนี้แน่

 

แต่ละวันยามดึกดื่น สัตว์ปีกและสัตว์สี่เท้าที่ผู้คนนิยมรับประทานกันอย่างหมูแพะไก่เป็ดห่าน เมื่อถูกเชือดเรียบร้อยแล้วจะมีผู้ลำเลียงเข้าเมืองหลวงผ่านทางประตูซีสุ่ย หลังจากผ่านเขตอิทธิพลทางประตูซีสุ่ยแล้วก็จะกระจายไปทั่วทุกสารทิศ

 

เนื่องจากบริเวณนี้มีผลประโยชน์พัวพันมากมาย จึงเกิดกลุ่มอันธพาลเจ้าถิ่นคอยคุมผลประโยชน์นับไม่ถ้วน และร้านทังปิ่งพี่ชีก็ตั้งอยู่ในเขตควบคุมของกลุ่มซวนหนี(สิงโตครึ่งมังกร)พอดี

 

มารดาของเขาต้องใช้เนื้อหมูเป็นวัตถุดิบหลักในการทำอาหาร นางจึงอยากตั้งร้านในเขตที่กลุ่มถูฟู(คนขายเนื้อ)ดูแลมาโดยตลอด เมื่อติดต่อทำการค้าโดยตรงเช่นนี้แล้ว กลุ่มถูฟูคงไม่เรียกเก็บค่าคุ้มครองการค้าจากร้านทังปิ่งพี่ชีเพิ่มมากนัก

 

ครั้งหนึ่งเมื่อต้องการเนื้อหมูมาลงที่ร้าน มารดากับผู้ดูแลคนหนึ่งของกลุ่มถูฟูต่างเสนอความคิดเห็นของตนเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นคนของกลุ่มถูฟูจึงไปเจรจาตกลงกับคนของกลุ่มซวนหนี

 

สุดท้ายแล้วในการเจรจาครั้งนั้นลูกน้องกลุ่มถูฟูคนหนึ่งโดนหนิวเอ้อร์ตัดมือทิ้งไปข้าง อีกทั้งยังเดือดร้อนมาถึงร้านทังปิ่งพี่ชีต้องส่งค่าคุ้มครองการค้าเป็นเงินเดือนละหนึ่งพวง คนที่คอยสั่งการทุกอย่างก็คือหนิวเอ้อร์

 

กลุ่มถูฟูเอาชนะกลุ่มซวนหนีไม่ได้ ร้านค้าของมารดาจึงไม่อาจอยู่ในความดูแลของกลุ่มคนทำอาชีพขายเนื้อ นางก็พยายามไกล่เกลี่ยให้จบเรื่องด้วยการจ่ายเงินเพิ่มอีกสองพวง เพื่อชดเชยให้กับลูกน้องของกลุ่มถูฟูที่บาดเจ็บคนนั้นด้วย นางรู้สึกเจ็บใจกับเรื่องนี้จนนอนหลับไม่สนิทไปหลายคืนเลยทีเดียว

 

หนิวเอ้อร์คอยดูแลถนนกว่าครึ่งสาย เขาสมควรมีเงินมากมายถึงจะถูก แต่ว่าเจ้าคนถ่อยนี่จะกี่เดือนกี่ปีก็สวมชุดตัวยาวซ้ำๆ เพียงชุดเดียว ส่วนรองเท้าที่สวมอยู่ก็มีรูขาดเห็นหัวแม่เท้าโผล่ออกมา เมื่อเดินเข้าใกล้ใครกลิ่นเหม็นเปรี้ยวจากร่างกายแสนโสโครกก็โชยปะทะจมูกจนแทบหายใจไม่ออก

 

คนเช่นนี้จะปล่อยให้มารดาออกไปต้อนรับได้อย่างไร เมื่อเห็นว่าเจ้าอันธพาลเดินอาดๆ มาทางตน เถี่ยซินหยวนก็ออกไปรับหน้าพร้อมรอยยิ้ม แล้วชี้ไปที่ต้นไม้ใหญ่ใกล้บ่อเถียนสุ่ยแล้วกล่าวว่า “ไปคุยกันตรงนั้นเถอะ อากาศน่าจะเย็นสบายหน่อย”

 

หนิวเอ้อร์ก็ไม่โต้แย้งอะไร เขากวาดตามองลูกค้าที่นั่งหลบร้อนอยู่ในร้านสองสามคน ก่อนจะหันกายจากไปและเปลี่ยนทิศทางไปที่บ่อเถียนสุ่ย

 

“ร้านเจ้าควรจ่ายค่าคุ้มครองได้แล้ว” หนิวเอ้อร์นั่งแบขาอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ แล้วกล่าววาจากับเถี่ยซินหยวนคล้ายไม่ใส่ใจอะไรนัก

 

เถี่ยซินหยวนหัวเราะแล้วตอบว่า “ควรจ่ายค่าคุ้มครอง? ขอถามอะไรสักนิด ร้านของข้าเพิ่งจ่ายไปเมื่อสิบห้าวันก่อนไม่ใช่หรือ? ถ้าหากต้องจ่ายอีกก็ควรเป็นเดือนหน้าค่อยว่ากันสิ”

 

หนิวเอ้อร์หัวเราะแหะๆ แล้วเอ่ยว่า “มือข้าไม่ขึ้นเท่าไร ไม่มีเงินเล่นแล้ว แถบประตูซีสุ่ยมีร้านของเจ้ากิจการดีที่สุด นายท่าน[5]ไม่ถามหาจากเจ้าจะให้ไปถามใคร?”

 

เถี่ยซินหยวนขมวดคิ้วแล้วตอบว่า “ไม่เท่ากับทำลายกฎของกลุ่มซวนหนีหรอกรึ ท่านทำเช่นนี้ถ้าหากหัวหน้าที่เคารพรู้เข้า เกรงว่าคงไม่ดีแน่”

 

หนิวเอ้อร์หัวเราะเสียงแหบแห้งครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “มารดาของเจ้าเป็นฝ่ายทำลายกฎก่อน ในเมื่อร้านอยู่เขตอิทธิพลของกลุ่มซวนหนี ทำไมยังไปคุยกับกลุ่มถูฟู? พวกคนเชือดหมูนั่นหนุนหลังมารดาเจ้าได้รึ?

 

เจ้าหนู เอาเงินมาให้ข้าเสียดีๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่าพวกเจ้าแม่ลูกเป็นหญิงหม้ายและเด็กกำพร้า นายท่านอย่างข้าพังร้านของพวกเจ้าราบเป็นหน้ากลองไปนานแล้ว”

 

เถี่ยซินหยวนคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ให้ท่านก็ได้ แต่ข้าอยากรู้ว่าเงินที่ท่านเรียกรับส่วนนี้จะสิ้นสุดเมื่อใด? ถ้าหากนับจากนี้พวกเราต้องมอบเงินให้ท่านสองพวงต่อเดือน ร้านของข้ากับท่านแม่คงอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะอย่างไรเงินที่หามาได้ก็ยกให้พวกท่านหมด”

 

หนิวเอ้อร์ถลึงตาโตแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงข่มขู่ว่า “พวกเจ้ากล้าไปจากประตูซีสุ่ย? ระวังตัวไว้ ข้าจะริบเงินทองบ้านของพวกเจ้าเสีย”

 

เถี่ยซินหยวนเอ่ยยิ้มๆ ว่า “นอกจากฮ่องเต้ ไม่มีใครกล้ายึดทรัพย์บ้านของพวกเราหรอก ท่านอยู่แถบประตูซีสุ่ยมานาน แม้กระทั่งเรื่องโด่งดังเช่นนี้ก็ไม่ทราบหรอกหรือ? ข้ากลัวว่าท่านยังไม่ทันเข้าบ้านเรา ก็โดนศรจากหน้าไม้คันใหญ่แยกร่างเสียแล้ว”

 

หนิวเอ้อร์นิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า “บ้านของเจ้าคือบ้านที่อยู่ใต้กำแพงเขตพระราชฐาน?”

 

เถี่ยซินหยวนพยักหน้าน้อยๆ

 

หนิวเอ้อร์เหลือบมองร้านทังปิ่งพี่ชี แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงว่า “วังหลวงไม่มีทางเป็นที่พึ่งพิงให้พวกเจ้าได้ นี่เป็นเรื่องของกฎสำหรับคนที่ทำมาค้าขาย ขนาดร้านของตระกูลหวงกุ้ยเฟย[6]ก็ต้องมอบเงินให้คนดูแลเขตการค้า แค่สามเดือน ค่าคุ้มครองตามกฎของพวกเจ้าเพิ่มขึ้นแค่สามเดือน หลังจากนั้นก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม”

 

ใครก็ตามที่สนทนากับเถี่ยซินหยวน ต่างลืมอายุที่แท้จริงของเขาไปอย่างง่ายดาย หนิวเอ้อร์เองก็มองเขาเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งมาแต่ไหนแต่ไร เด็กที่คลุกคลีอยู่ในถนนสายนี้ตั้งแต่เล็กจนโตล้วนมีภาระต้องรับผิดชอบเกินวัยทั้งสิ้น เมื่อเปรียบเทียบดูแล้ว เถี่ยซินหยวนแค่อายุน้อยกว่าพวกเด็กที่แบกตะกร้าเร่ขายของริมถนนสักหน่อย ถ้าหากพบเด็กในครอบครัวฐานะยากจนที่เติบโตเร็วกว่าอายุ มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว เอ่ยวาจาลื่นไหลแถบประตูซีสุ่ยก็ไม่แปลกอะไร

 

เถี่ยซินหยวนลุกขึ้นเตรียมเดินจากไป แต่พอเดินไปครึ่งก้าว ก็หันกลับมาก้มหน้าพูดกับหนิวเอ้อร์ที่นอนหลับอยู่บนพื้นว่า “ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกพวง คงเพราะท่านอยากเรียกเก็บเองมากกว่ากระมัง?”

 

หนิวเอ้อร์ลืมตาขึ้นข้างหนึ่งแล้วกล่าวว่า “นายท่านพูดกับเจ้าไปชัดเจนขนาดนั้นแล้ว ว่าเพราะเล่นพนันแพ้จนหมดตัว หรือเจ้ากล้าไปบอกหัวหน้าของข้า?”

 

เถี่ยซินหยวนย่อกายลงจนอยู่ในระดับเดียวกับหนิวเอ้อร์แล้วตอบว่า “ท่านเป็นคนที่รักษากฎเกณฑ์ยิ่งนัก พ่อค้าแถบประตูซีสุ่ยล้วนทราบดี ทำไมท่านไม่เป็นหัวหน้ากลุ่มซวนหนีเสียเลยเล่า?”

 

หนิวเอ้อร์หัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า “เจ้าหนู คำพูดของเจ้าเมื่อหลายวันก่อนข้าฟังเข้าหูหมดแล้ว แต่พอคิดดูให้ดีข้าว่า ถ้าเกิดตอนนี้คิดตั้งตัวเป็นหัวหน้ากลุ่ม คงถึงที่ตายเร็วขึ้น”

 

“ดูเหมือนในกลุ่มซวนหนีท่านมีวิทยายุทธ์ดีที่สุดมิใช่รึ?”

 

หนิวเอ้อร์ฉีกปากยิ้มกว้าง “ข้าเป็นลูกผู้ชายที่รอดมาจากกองซากศพและทะเลเลือด พวกดีแต่วางท่ากลับไร้ฝีมือนั่นจะนับเป็นตัวอะไรได้”

 

“แล้วทำไมท่านไม่เป็นหัวหน้า? ไม่ใช่ว่าพวกท่านยอมรับกันเพราะต่อยตีหรอกหรือ??”

 

หนิวเอ้อร์โบกมือไล่เถี่ยซินหยวนราวกับปัดแมลงวัน “พวกเขามีคนมาก!”

 

เถี่ยซินหยวนพยักหน้าแสดงการรับรู้ จากนั้นจึงสะบัดผ้าขี้ริ้วแล้วเดินกลับร้านไป ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม วันพรุ่งนี้ต้องนำเงินให้หนิวเอ้อร์อีกพวง...

 

ในยามบ่ายมีเมฆฝนดำครึ้มลอยมา ผ่านไปไม่นานสายฝนจึงเริ่มโปรยปรายลงจากท้องฟ้า ขับไล่อากาศร้อนอบอ้าวให้หายไป มารดาที่กำลังงีบหลับอยู่ตรงโต๊ะหน้าร้านเงยหน้าขึ้นมา เห็นบุตรชายกำลังยุ่งวุ่นวายกับงานในร้านนอกร้าน นางก็เอาศีรษะเท้าคางเตรียมหลับต่ออีกสักงีบ

 

นางปล่อยบุตรชายดูแลร้านอย่างสบายใจยิ่ง เพราะเด็กคนนี้ไม่เคยคิดบัญชีผิดเลยสักครั้งเดียว ไม่ต้องกล่าวถึงบัญชีเล่มเล็กยิบย่อย ต่อให้เป็นบัญชีเล่มใหญ่ในช่วงปลายปีของร้าน เขาก็ไม่เคยคิดพลาดไปเลยสักอีแปะ

 

ภายในร้านเต็มไปด้วยผู้คนที่เข้ามาเบียดหลบฝน หนิวเอ้อร์เองก็เข้ามาด้วย และไม่รู้ว่าใครเป็นคนถามขึ้นว่า “หนิวเอ้อร์ เจ้าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มซวนหนีแล้วรึ?”

 

หนิวเอ้อร์ยิ้มเย็นๆ โดยไม่เหลียวแลผู้ที่ถามตน มักมีพวกคนน่ารำคาญที่ชอบถามอะไรไร้ที่มาที่ไปเช่นนี้

 

เถี่ยซินหยวนหยิบเงินด้านหลังโต๊ะหน้าร้านออกมาพวงหนึ่ง ยังไม่ทันห่อให้เรียบร้อยก็หิ้วมาให้หนิวเอ้อร์อย่างเปลืองแรง “นี่เป็นค่าคุ้มครองที่ท่านต้องการ”

 

เถ้าแก่ร้านใบชาที่โพกผ้าสีเขียวกล่าวด้วยความตกตะลึงว่า “หยวนเกอเอ๋อร์[7] ค่าคุ้มครองเดือนนี้มารดาเจ้าจ่ายไปแล้วไม่ใช่รึ? ทำไมต้องให้เพิ่มอีกเล่า?”

 

เถี่ยซินหยวนเพียงหัวเราะโดยไม่ตอบคำ

 

หนิวเอ้อร์รับเงินพวงใหญ่มาเป็นกำมือ เขานำเงินมาคล้องคอพลางเหลือบมองเถ้าแก่ร้านน้ำชา แล้วกล่าววาจาหาเรื่องว่า “ทำไม เจ้ามีอะไรจะคัดค้าน?”

 

เถ้าแก่ร้านใบชาใบหน้าขาวซีดลงไปทันใด สองมือสะบัดไปมาพร้อมเอ่ยปากด้วยความร้อนรนอย่างยิ่งยวดว่า “ไม่มี ข้าไม่มี เชิญท่านตามสบาย”

 

หนิวเอ้อร์แหงนหน้ามองเมฆฝนบนฟ้า พอเห็นเม็ดฝนเริ่มเล็กลงไปเรื่อยๆ ก็เปิดอกเสื้อนำพวงเหรียญอีแปะที่คล้องคอเอาไว้ไปล้างน้ำฝนลวกๆ จากนั้นจึงเร่งฝีเท้าเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

 

“ดูท่าเจ้าหนิวเอ้อร์คงจะได้เป็นหัวหน้ากลุ่มจริงๆ เสียแล้ว...” เถ้าแก่ที่โพกผ้าสีเขียวเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ไล่หลังเงาร่างของหนิวเอ้อร์ที่เดินจากไปไกล

 

ท้องฟ้าพลันมืดครึ้มลงทุกขณะ ตอนนี้ได้เวลากลับไปกินข้าวที่บ้านแล้ว ต่อให้ฝนจะตกหนักกว่าเดิม ก็ไม่มีเหตุผลจะหลบฝนอยู่อีก

 

ชาวบ้านที่เข้ามาหลบฝนในร้านทยอยจากไป หวังโหรวฮวาเตรียมให้ผู้ช่วยของนางทั้งสองคนค้างคืนที่ร้าน ส่วนนางไปหาเสื้อหวายกันฝนมาตัวหนึ่ง สองแม่ลูกอาศัยเสื้อตัวนี้บังศีรษะไม่ให้เปียกชื้น แล้วเดินพูดคุยหัวเราะคิกคักกลับบ้าน เจ้าจิ้งจอกแบกถุงใส่เงินขนาดไม่ใหญ่นักเดินท่ามกลางสายฝนอย่างเหนื่อยยาก เมื่อมันเห็นว่าเถี่ยซินหยวนกับมารดาเดินห่างไปไกลแล้ว ก็แหงนหน้าส่งเสียงร้องด้วยความน้อยใจยกใหญ่อยู่สองครั้ง ก่อนจะพยายามวิ่งฝ่าสายฝนติดตามไป

 

ตั้งแต่ต้นจนจบหวังโหรวฮวาไม่เอ่ยปากถามเรื่องเงินพวงนั้นเลยแม้แต่น้อย บุตรชายของนางมีวิธีจัดการเรื่องราวได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ในเมื่อเอาเงินให้หนิวเอ้อร์ไปพวงหนึ่ง จะต้องมีเหตุผลอะไรซ่อนอยู่แน่ นางไม่เชื่อว่าจะมีใครสามารถหลอกบุตรชายของนางได้

 

“เจ้าหยวน... แม่ลองไปถามดูแล้ว ท่านเหลียงที่อยู่สะพานซ่างถู่รับปากว่าจะรอของกำนัลแรกพบจากเจ้า แต่แม่ได้ยินคนกลางบอกว่า ของกำนัลจะไร้ราคาไม่ได้ นอกจากนี้ต้องมีของขวัญสามสีด้วยถึงจะเหมาะสม”

 

เถี่ยซินหยวนยิ้มแย้มแล้วตอบว่า “ท่านแม่ไม่ต้องกลุ้มใจเรื่องนี้หรอก ลูกเอาของกำนัลแรกพบ[8]ไปมอบให้อาจารย์แล้ว เป็นเงินหนึ่งพวงเชียวนะ”

 

หวังโหรวเหลือบมองด้านนอกอย่างระแวดระวัง แล้วเอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า “ลูกเอ๋ย...ซย่าส่ง[9]จะโดนตัดหัวอยู่แล้วมิใช่รึ? ตอนนี้เจ้ากราบเขาเป็นอาจารย์ไม่ได้หรอก เรื่องนี้อาจทำให้เจ้าเดือดร้อนได้นะ”

 

หลังจากเถี่ยซินหยวนกินข้าวต้มในชามจนหมดเกลี้ยงก็กล่าวว่า “คนผู้นี้ไม่ตายง่ายๆ แน่ ที่ผ่านมาต้าซ่งไม่ลงทัณฑ์ขุนนางระดับสูงโดยเปิดเผย[10]ยิ่งไปกว่านั้นซย่าส่งยังเป็นบุคคลสำคัญในหมู่บัณฑิตของต้าซ่ง

 

ข้าอยากให้ท่านแม่มีชีวิตที่สุขสบายเหมือนฮูหยินตราตั้ง ถ้าหากติดตามท่านเหลียงที่อยู่สะพานซ่างถู่ไม่มีทางบรรลุเป้าหมายแน่ มีเพียงติดตามซย่าส่งถึงจะมีทางเป็นจริงได้”

 

“ต่อให้เขาไม่โดนตัดหัว แต่เวลานี้เขากำลังตกที่นั่งลำบาก คงมีจุดจบไม่ดีแน่”

 

“ท่านแม่ ถ้าหากซย่าส่งไม่ตกที่นั่งลำบาก ท่านคิดว่าข้าจะมีโอกาสคารวะเขาเป็นอาจารย์ไหม? ต่อให้ซย่าส่งต้องเคราะห์ร้ายจริง แต่วิชาความรู้ที่อัดแน่นอยู่เต็มท้องกลับเป็นของจริงแท้ หรือท่านคิดว่าความรู้ของซย่าส่งจะเทียบท่านเหลียงแห่งสะพานซ่างถู่ไม่ได้?”

 

“ท่านเหลียงย่อมเทียบซย่าส่งไม่ได้อยู่แล้ว กระทั่งส้นเท้าของซย่าส่งเขายังเทียบไม่ได้เลย ปีนั้นเนี่ย...”

 

เถี่ยซินหยวนเห็นมารดาเอ่ยวาจาเพียงครึ่งๆ กลางๆ ก็มองนางด้วยความแปลกใจ เขากลับพบว่าใบหน้าของมารดาขาวซีดลงเล็กน้อย หลังจากคิดใคร่ครวญอยู่ครู่ใหญ่ถึงเอ่ยต่อว่า “ซย่าส่งไม่ใช่คนดีอะไร”

 

เถี่ยซินหยวนยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ข้าไม่เคยคิดจะเชิญคนดีมาเป็นอาจารย์อยู่แล้ว ถ้าหากข้ามีความคิดไม่ซื่อตรงแน่นอนว่าต้องเชิญอาจารย์ที่รอบรู้ดั่งพหูสูตมาสั่งสอนเสริมในสิ่งที่ข้ายังมีไม่มากพอ เวลานี้ข้าเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสาคนหนึ่ง จึงต้องเรียนรู้เล่ห์เพทุบายเอาไว้ป้องกันตัวเอง วันหน้าจะได้ไม่โดนผู้อื่นจับไปขายแล้วยังไม่รู้ตัว”

 

“เจ้าหยวน ซย่าส่งไม่ใช่คนดีจริงๆ นะ ถ้าหากเลือกอาจารย์ท่านอื่นแทนได้ ก็อย่าไปเป็นศิษย์ของเขาเลย”

 

เถี่ยซินหยวนเอ่ยอย่างมีเจตนาแอบแฝงว่า “ท่านไม่อธิบายให้ชัดเจน ข้าจะเข้าใจได้อย่างไรกัน”

 

----------------------------

 

[1] หยางจื้อขายดาบ(杨志卖刀)ฉากหนึ่งในเรื่องสุยหู่จ้วน(水浒传)หยางจื้อประกาศขายดาบของตัวเอง มีอันธพาลชื่อหนิวเอ้อร์เข้ามาตื๊อขอซื้อดาบแต่ไม่มีเงินจึงไม่ยอมขายให้ พอโดนยั่วโมโหมากเข้า หยางจื้อทนไม่ไหวพลั้งมือสังหารหนิวเอ้อร์ชนิดคมดาบไม่เปื้อนคราบเลือด

[2] ซวนหนี(狻猊)เป็นสัตว์ดุร้ายคล้ายสิงโตสามารถกินเสือจนเป็นผู้นำของป่าได้ แต่ในอีกตำนานกล่าวว่าซวนหนีเป็นลูกหนึ่งในเก้าของมังกร มีรูปลักษณ์อย่างสิงโต ชอบควันไฟและนั่งนิ่งๆ จึงพบเห็นได้ตามแท่นประทับของพระพุทธรูปและกระถางธูปในวัดวาอารามจีน

[3] มีดตัดข้อมือ(解腕尖刀)เป็นมีดพกที่พบได้ทั่วไปในสมัยโบราณ มีลักษณะสันมีดหนาคมมีดบาง ด้ามจับสั้น ดูคล้ายกริช แต่มีคมด้านเดียว

[4] มีดหั่นแตงโม(西瓜刀)ตัวมีดค่อนข้างยาวคล้ายไม้บรรทัด มีคมด้านเดียวและไร้ส่วนโค้งเอาไว้สำหรับหั่นแตงโม

[5] นายท่าน(爷爷)ใช้เป็นคำเรียกขานถึงขุนนางหรือผู้มีบารมีด้วยความเคารพ

[6] หวงกุ้ยเฟย(皇贵妃)มีศักดิ์เป็นรองแค่ฮองเฮา เป็นพระสนมเอกที่เป็นใหญ่เหนือนางสนมทั้งปวง

[7] เกอเอ๋อร์(哥儿)เป็นคำเรียกเด็กผู้ชายทั่วๆ ไป หรือคุณชายบุตรหลานขุนนาง

[8] ของกำนัลแรกพบ(束修)ในสมัยโบราณศิษย์อาจารย์เมื่อแรกพบหน้าจะต้องมอบของกำนัลเป็นการแสดงความเคารพ(ค่าครู/ค่าเล่าเรียน)

[9] ซย่าส่ง(夏竦)ขุนนางคนสำคัญในสมัยซ่งเหรินจง เป็นขุนนางที่มีความรู้ความสามารถรอบด้าน มีบทบาทในศึกหาวสุ่ยชวนระหว่างซ่งกับซีเซี่ย รับราชการเป็นขุนนางมาตั้งแต่สมัยซ่งเจินจง

[10] ไม่ลงทัณฑ์ขุนนางระดับสูงโดยเปิดเผย(刑不上大夫)อภิสิทธิ์ของขุนนางระดับต้าฟู(ผู้ตรวจการ)ขึ้นไป หมายถึงการไม่ลงทัณฑ์โดยเปิดเผยหรือทางเนื้อหนังอย่างเช่น เพราะคำนึงถึงเกียรติของขุนนางระดับสูงเหล่านี้ แต่ไม่ใช่ว่ามีความผิดแล้วไม่ต้องรับโทษ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด