ตอนที่ 69 ก่อนออกเดินทาง
“พระเจ้า หานเซี่ยว นายซื้อรถบรรทุกหุ้มเกราะมาด้วย?!”
สมาชิกทั้ง4เขาถูกเชิญมายังโรงรถ และสีหน้าของหลี่ย่าหลินกับหลินเหยาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจและตื่นเต้น ทั้งคู่ปีนไปทั่วรถบรรทุก ส่วนแลมเบิร์ตก็คอยตรวจสอบเครื่องยนต์อย่างสนใจ เขาเปิดกระโปงรถอย่างชื่นชม
“ขอบคุณ”จาง เหว่ยกล่าวกับหานเซี่ยวอย่างเคร่งขรึม
ยานพาหนะเช่นนี้เป็นของหรูหรามากสำหรับทีมเช่นพวกเขา จางเหว่ยรู้สึกอับอายที่หานเซี่ยวซื้อมันด้วยเงินตัวเอง
หานเซี่ยวหัวเราะ“ฮี่ๆ คิดซะว่ามันเป็นวิธีช่วยเหลือเพื่อนจนๆในแบบของผม”
ปากของจางเหว่ยกระตุกขณะหมดสิ้นคำพูด แม้หานเซี่ยวจะพูดความจริง มันก็ยังเป็นการกวนประสาทเขา
“ผมต้องเค้นสมองแทบตายเพื่อให้ได้ชื่อสำหรับรถบรรทุกนี้”
จางเหว่ยตั้งใจฟัง
หานเซี่ยวกระแอมลำคอและกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ยักษ์ดำ”
ร่างของจางเหว่ยกระตุกกับชื่อสุดไร้สาระ เขามอบรอยยิ้มให้อย่างไม่เต็มใจ“เป็น..ชื่อที่ดี”
“โอ้ คุณเองก็คิดเหมือนกัน?ชื่อนี้ทั้งกระชับและมีเสน่ห์มาก ผมค่อนข้างภูมิใจที่คิดชื่อนี้ได้”หานเซี่ยวกล่าวอย่างพอใจ
“เห็นนายดีใจฉันก็ดีใจด้วยนะ”
“ว้าว พื้นที่กว้างมาก”หลี่ย่าหลินสนุกมาก แต่ทันใดนั้นเธอก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้“ใครจะเป็นคนขับรถ?”
“นี่คือรถฉัน แน่นอน ฉันต้องเป็นคนขับ”หานเซี่ยวกล่าว
ทันใดนั้น สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป ร่างกายของเธอเริ่มสั่นเทา“ฉัน...ฉันขอไม่เดินทางด้วยรถได้ไหม?”
จางเหว่ยขมวดคิ้วและตำหนิเธอ“หานเซี่ยวใช้เงินไปมากเพื่อให้เราได้รับความสะดวกสบาย เธอจะมาปฏิเสธได้ยังไง?”
สีหน้าของหลี่ย่าหลินในตอนนี้ซีดราวกับกระดาษ เธอรู้สึกว่าไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่านี้อีกแล้ว
“แล้วพวกนายจะต้องเสียใจ”เธอพึมพำ
เสียใจ?จางเหว่ยสับสน หานเซี่ยวขับรถได้น่ากลัวงั้นหรอ?
งั้นก็ไม่มีอะไรต้องน่ากลัว เขาจะขับรถได้แย่แค่ไหนกันเชียว?ทุกคนที่นี่คือสายลับที่ถูกฝึกมาให้ผ่านทุกสภาพแวดล้อม ไม่มีใครเวียนหัวกับรถไฟเหาะ ไม่มีอะไรต้องกลัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ จางเหว่ยคิดกับตัวเอง
“ใช่แล้ว หัวหน้าบอกว่าเราจะออกเดินทางในอีก4วัน”หลิน เหยากล่าว
ดวงตาของหานเซี่ยวสว่างขึ้น เขาใช้เวลาประมาณสิบวันกับการยกเครื่องรถเขา และยังอยากติดตั้งอาวุธหนักบนรถบรรทุก เขามีความรู้ที่จำเป็นแล้ว แต่ยังมีเวลาไม่พอ เขาคิดอยู่สักพักและกล่าวกับจางเหว่ย“นำชุดเกราะทหารเหล็กมาให้ผม ผมจะช่วยปรับปรุงมัน”
ดวงตาของจางเหว่ยเปล่งประกาย เขามั่นใจในทักษะช่างของหานเซี่ยว
หลี่ย่าหลินได้ยินบทสนทนา เธอกระโดดมาหาหานเซี่ยวและสะกิดไหล่เขา“แล้วฉันละ!แล้วฉันละ!นายสัญญาว่าจะทำอุปกรณ์บางอย่างสำหรับฉันโดยเฉพาะ!”
“เธอต้องรอจนกว่าฉันจะมีแรงบันดาลใจ”
ในฐานะนักสู้ เธอควรสนใจการใช้หมัดชกคนอื่น ทำไมเธอถึงเอาแต่สนใจอุปกรณ์ฉัน?หานเซี่ยวผลักหลี่ย่าหลินออกไปข้างๆ
ชุดเกราะทหารเหล็กถูกนำออกมาโดยเจ้าหน้าที่จากแผนกโลจิสติกส์ เช่นเดียวกับการจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ มันถูกหนุนด้วยโครงกระดูกพลาสติกและเก็บในกล่องโลหะสูงเท่ามนุษย์
“ในเมื่อเวลารัดตัว ผมก็ต้องมุ่งเน้นการดัดแปลงเป็นสำคัญ อย่างแรก ผมจะเพิ่มความสามารถด้านพลังงาน จากนั้น ลงมือเรื่องโครงสร้างโดยเริ่มลดน้ำหนักและอัปเกรดโครงของชิ้นส่วนเครื่องกล นี่จะช่วยปรับปรุงการเคลื่อนไหวโดยรวม”
“เยี่ยมมาก!”สีหน้าของจางเหว่ยสดใสขึ้นทันตาเห็น ชุดนี้หนักมากสำหรับเขา หลังใช้ทุกคน ร่างเขาจะเจ็บปวดอย่างมาก ยิ่งกว่าการวิ่งไกลเป็นสิบกิโลเมตร
“ต่อไป ผมจะเปลี่ยนระบบตรวจจับ ผมจะใส่ชิปง่ายๆลงบนชุดเพื่อสำรวจสถานการณ์ภายนอก และจะยอมแบ่งระบบควบคุมอาวุธ ซึ่งจะช่วยให้อาวุธระยะไกลคุณมีความสามารถการเล็งอัตโนมัติ”
“สุดท้าย หากเวลาพอ ผมจะติดตั้งอาวุธระดับประชิดให้”
“ฟังดูสุดยอดไปเลย!”จางเหว่ยสูญเสียมาดของผู้นำ
แต่ทันใดนั้น หานเซี่ยวก็เปลี่ยนน้ำเสียง“และ แน่นอน ทุกอย่างย่อมมีค่าใช้จ่าย ทั้งหมดจะเท่ากับ3.6แสนเหรียญ”
“ทะ-เท่าไรนะ?!”
จางเหว่ยจ้องเขา อ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อ เงินเก็บทั้งหมดของเขายังไม่ถึงล้านเหรียญเลย
“คุณคิดว่าราคามันแพงเกินไป?”หานเซี่ยวหรี่ตา
“พ่อแม่คุณยังมีชีวิตอยู่ไหม?”
“ทำไมนายถึงถาม?พวกเขาจากไปแล้ว”จางเหว่ยตกใจกับคำถามแปลกๆ
“คุณมีพี่น้องไหม?”
“ไม่ ฉันเป็นลูกคนเดียว”
“คุณมีภรรยาหรือแฟนไหม?”
“มะ...ไม่ ฉันโสด”
หานเซี่ยวส่ายหัวอย่างสับสน“งั้น คุณจะเก็บเงินไปทำไม?”
คำถามยิงตรงเข้าหัวใจเขา!
“ยะ..หยุดพูดได้แล้ว ฉันจะจ่ายมัน!”จางเหว่ยจับหน้าอกอย่างเจ็บปวด เขารู้สึกเหมือนหัวใจกำลังถูกเหยียบย่ำด้วยช้างเป็นพันตัว
...
เหมือนกับนักธุรกิจไร้ยางอาย หานเซี่ยวรับเงินจากมืออันสั่นเทาของจางเหว่ยก่อนเริ่มดัดแปลงชุด
[ทฤษฏีพลังงานขั้นพื้นฐาน]ระดับ3ทำให้หานเซี่ยวมีความสามารถในการเสริมกลไกพลังงาน อย่างไรก็ตาม เขาไม่อยากให้การปรับเปลี่ยนมีประสิทธิภาพมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องมีพิมพ์เขียวพลังงานใหม่ ของดีต้องถูกเก็บไว้ใช้ส่วนตัว
ในการสร้างโครงกลไกที่มีน้ำหนักเบาและชิปตรวจจับ มันสามารถใช้พิมพ์เขียวได้ สองอันนี้ค่อนข้างธรรมดา
ท่านต้องการผสานพรสวรรค์หรือไม่?
(การตรวจจับเชิงพื้นที่ขั้นพื้นฐานระดับ1+วิศวกรรมไฟฟ้าเสมือนขั้นพื้นฐานระดับ1)
การผสานนี้จะต้องใช้ค่าประสบการณ์1หมื่นหน่วย
ท่านต้องการผสานพรสวรรค์หรือไม่?
(หลักการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานระดับ2+วิศวกรรมเครื่องกลขั้นพื้นฐานระดับ4)
การผสานนี้จะต้องใช้ค่าประสบการณ์1หมื่นหน่วย
สำเร็จ!
ขอแสดงความยินดีด้วย ท่านค้นพบ[ชิปอัจฉริยะระดับต่ำ]!
สำเร็จ!
ขอแสดงความยินดีด้วย ท่านค้นพบ[ระบบโครงร่างเครื่องกลประเภทK600]!
ทั้งสองเป็นพิมพ์เขียวทั่วไป ดังนั้นช่างกลส่วนใหญ่จึงมักมีมัน หานเซี่ยวประสบความสำเร็๗ในการผสานตั้งแต่ครั้งแรกโดยไม่มีอะไรผิดพลาด
[ชิปอัจฉริยะระดับต่ำ]เองก็มีขายบนตลาด อย่างไรก็ตาม ด้วยการปลดล็อคพิมพ์เขียว หานเซี่ยวจึงปรับแต่งมันได้โดยการเขียนรหัสเขาเอง คำว่า’ระดับต่ำ’ คือการระบุว่ามีรุ่นที่เหนือกว่านี้ เช่นAIอัจฉริยะสำหรับหุ่นยนต์ขนาดใหญ่หรือแม้กระทั่งระบบควบคุมอัจฉริยะสำหรับยานอวกาศขนาดใหญ่และจักรกลสงคราม
ในทางกลับกัน[ระบบโครงร่างเครื่องกลประเภทK600]คือหนึ่งในโมเดลพื้นฐานของระบบโครงร่างเครื่องกลภายใน
ระบบโครงร่างเครื่องกลภายนอกจะสวมใส่บนร่างโดยตรง ส่วนประเภทภายในจะซ่อนอยู่ภายในเกราะด้านใน มันยังคงมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับระบบโครงร่างภายนอก แต่มีพลังงานเชิงกลสูงกว่า ระบบโครงร่างภายในคือสิ่งจำเป็นสำหรับการสร้างชุดเกราะจักรกล ไม่จำเป็นต้องพูด รุ่นที่สูงกว่านี้ย่อมนำไปใช้กับชุดเกราะขนาดเล็ก กลาง ใหญ่และใหญ่มาก
หานเซี่ยวถอดส่วนนอกของชุดออก เผยให้เห็นชิ้นส่วนสลับซับซ้อนภายใน หานเซี่ยวสังเกตสักพักก่อนเริ่มลงมือ
อย่างแรก เขาเพิ่มความจุพลังงาน จากนั้นก็เสริมระบบโครงร่างและชิปอัจฉริยะ สุดท้าย เขาซื้ออุปกรณ์ถ่ายภาพ กล้อง และเซ็นเซอร์อินฟราเรดสำหรับอุปกรณ์ตรวจจับ
เช้าของวันที่สี่ ในที่สุดเขาก็อัปเกรดมันจนเสร็จ
แม้ภายนอกชุดจะเป็นแบบหนา ดำ ดูเก่าดั่งเดิม ภายในของชุดก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ในที่สุด มันก็ดูคล้ายชุดเกราะจักรกลที่ทรงพลังและล้ำหน้า
แต่ข้อจำกัดด้านเวลาทำให้หานเซี่ยวติดตั้งอาวุธระยะประชิดไม่ทัน หานเซี่ยวไม่ได้ใส่ใจมัน การไม่ส่งมอบผลิตภัณฑ์ตามสัญญาหลังการชำระเงินไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับเขา เขาชะลอการส่งมอบดินปืนระเบิดแรงสูงมานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว
หานเซี่ยวหาวและดูหน้าต่างสถานะเขา
[ชุดเกราะทหารเหล็ก : ความคืบหน้ารากฐาน 2%]
การแกะรากฐานของอุปกรณ์คือหนึ่งในวิธีสำหรับช่างกลเพื่อได้รับพิมพ์เขียว ข้อกำหนดมีความเข้มงวดมากเนื่องด้วยความคืบหน้ามักหยุดเมื่อไม่อาจปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ บางครั้ง เมื่อความคืบหน้าแตะ30% มันก็จะต้องให้ค่าสติปัญญาถึงกำหนดก่อนจะดำเนินการแกะรากฐานต่อ นอกจากนี้ ต่อให้ความคืบหน้าจะถึง100% แต่มันก็ยังต้องใช้ค่าประสบการณ์จำนวนมากเพื่อให้ได้รับพิมพ์เขียวอย่างเป็นทางการ
แก่นแท้ของ[ชุดเกราะทหารเหล็ก]คือส่วนหนึ่งของความรู้ช่างกลขั้นกลาง[การดัดแปลงเครื่องกลหนัก] เมื่อแถบความคืบหน้าแตะ50% มันจะต้องใช้ความรู้นี้ เนื่องจากพิมพ์เขียวของชุดไม่สำคัญต่อหานเซี่ยว เขาจึงไม่ใส่ใจกับมัน
มันคือวันเดินทาง ทั้ง4มารวมตัวกันที่โรงรถ หลินเหยาดูหน้าจอคอมพิวเตอร์และกล่าว“แผนกได้ประกาศแล้ว จุดรวมตัวคือป้อมตะวันออก”
“ได้ ขึ้นรถบรรทุกกันเลย!”จางเหว่ยกล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึม
ทันทีที่ออกคำสั่ง หลี่ย่าหลินก็ขึ้นที่นั่งคนขับทันทีและมองหานเซี่ยวอย่างกระวนกระวาย“ฉัน..ฉันขอขับได้ไหม?”
หานเซี่ยวขยี้ตา เขาโหมงานหนักมาหลายวัน ดังนั้นเขาจึงง่วงเกินกว่ากำหนด ดังนั้น เขาจึงไม่แน่ใจเรื่องการขับ เขาบอกเธอให้ขับรถดีๆก่อนจะเดินขึ้นด้านหลังรถบรรทุก เขาใช้เป้สะพายหลังหลายใบหนุนหลังและนอนลงกับพื้น
หลี่ย่าหลินถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที เธอรู้สึกเหมือนคนที่เพิ่งรอดชีวิตจากสนามรบ เธอไม่แม้แต่จะสนใจคำพูดถากถางของหานเซี่ยวอย่าง’ขับรถดีๆ’
เมื่อเห็นหานเซี่ยวอยากนอน คนอื่นจึงนั่งอยู่ในพื้นที่คนขับเพื่อไม่ไปรบกวนเขา
...
เมืองหลวงตะวันตก ป้อมตะวันออก สถานีรถไฟทหาร
ผู้บัญชาการให้ความสำคัญกับการโจมตีนี้มาก แผนก13ส่งหน่วยปฏิบัติการลับมาถึง3หน่วยเพื่อร่วมในภารกิจนี้
กลุ่มแรกของหน่วยของจางเหว่ย และกลุ่มของหม่า ฉิงหยาง
กลุ่มสุดท้ายคือหน่วยหัวกะทิ นำโดยหัวหน้าทีม ตี้ ซูซู
ทั้งสองทีมกำลังรออยู่ที่สถานีรถไฟ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากแผนกจัดการ บทบาทของพวกเขาคือให้คพแนะนำและควบคุมภารกิจเพื่อให้สายลับอยู่ในกรอบ
มีหลายกรณีในอดีตที่สายลับชั้นยอดเกิดความคิดเห็นแตกต่างกัน นำไปสู่การทำงานเป็นทีมที่เละเทะและทำให้เกิดการขัดข้องในภารกิจ เพื่อแก้ปัญหานี้ แผนก13จึงเปลี่ยนขั้นตอนภารกิจพวกเขา : เมื่อมีการรวมกลุ่ม เจ้าหน้าที่ดูแลจะเป็นสมองโดยรวมของภารกิจ
เจ้าหน้าที่จากแผนกจัดการได้เรียนรู้วิธีสั่งการในสถานการณ์มากมายตลอดทั้งปี ก่อนภารกิจ พวกเขาจะศึกษาสายลับแต่ละทีมเพื่อประเมินแผนภารกิจ แม้ว่าสายลับทุกคนจะดูถูกว่าเจ้าหน้าที่แผนกจัดการนั้นรู้แค่วิธีเขียนรายงานภารกิจและความรับผิดชอบ พวกเขาก็ยังต้องเชื่อฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชา ตราบเท่าที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ควบคุมพวกเขามากเกินไป ทุกคนก็จะนิ่งเฉย
“ทำไมจางเหว่ยถึงยังไม่มา?เขาช้ามาก”
หม่า ฉิงหยางมองดวงอาทิตย์และสูบบุหรี่ของเขา เขาค่อนข้างสนิทกับจางเหว่ยและเพื่อนร่วมทีมเขาก็เป็นมิตรเช่นกัน
ตี้ ซูซูและทีมเธอรออยู่อีกฝั่ง เธอกำลังเล่นกับเหรียญในมือ เหรียญหมุนอย่างรวดเร็วภายใต้การขยับนิ้วของเธอ เธอกระตือรือร้นและตื่นเต้นที่จะได้พบกับหลี่ย่าหลิน เพราะนั่นหมายความว่าเธอจะได้รังแกและหยอกล้อเธออีกครั้ง นอกจากนี้ เธอยังค่อนข้างสนใจในสมาชิกใหม่ของเธอ หานเซี่ยว
เจ้าหน้าที่จัดการ ฉี ไป่เจี่ยถูกคิ้วเขา ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดจากแสงแดด เขาไม่มีทางเลือกนอกจากหันหน้าไปทางอื่น
เสียงเครื่องยนต์ดังแต่ไกล ทุกคนสามารถได้ยินแรงม้าขนาดใหญ่ของยานพาหนะที่เข้ามาใกล้ พวกเขารู้สึกได้ถึงพื้นที่สั่นสะเทือน ฉี ไป่เจี่ยเงยหน้าขึ้นมองและเห็นรถบรรทุกทหารขนาดใหญ่แลดูดุดันกำลังเข้ามาใกล้
หม่า ฉิงหยางดับบุหรี่เขาและขยี้มันด้วยส้นเท้า
ตี้ ซูซูกำมือแน่น บีบเหรียญไว้ในฝ่ามือ
จากนั้นฉี ไป่เจี่ยก็ขยับคอเสื้อเขาพลางกล่าว“พวกเขามาแล้ว”