ตอนที่ 38: ศึกเพื่อเปิดทางอพยพ (จบศึก)
ตอนที่ 38: ศึกเพื่อเปิดทางอพยพ (จบศึก)
เอ็กซัสในร่างของเอเทรัสสะบัดหน้ารุนแรงและทันใดนั้นรูปลักษณ์ค่อยๆ แปรเปลี่ยนกลับคืนเป็นเอ็กซัสตามเดิม ดวงตาประกายสีทองกล้าจ้องมาที่เฮเซคียาห์เขม็ง ท่าสุดท้ายที่ตั้งไว้เตรียมรับการต่อสู้ยังค้างไว้ ลำตัวเกร็งไม่มีทีท่าจะผ่อนคลายลง ริมฝีปากปิดเม้มแน่นตึงเครียด ลูกตุ้มเพนดูลัมห้อยลากลงมาระพื้นเมื่อไม่ได้ใช้
“ได้ยินเรื่องของ...” เอ็กซัสกลืนคำที่กำลังจะพูดลงคอไป คงกำลังลังเลเรื่องสรรพนามที่จะใช้เรียก “แก! ฉันได้ยินเรื่องของแกมา! แกหลบหนีออกมาอยู่กับพวกมนุษย์จริงๆ ด้วย”
“นายยังชอบการพูดคุยกับคู่ต่อสู้เหมือนเดิมเลยนะ” เฮเซคียาห์เดินไปทางด้านหนึ่งของเมเดียน และเขากดปุ่มบนเสื้อหนังเรียกส่วนที่ใช้กำบังซ่อนเร้นใบหน้าออกมา เพื่อจะพรางตัวกับสภาพรอบกาย ล่องหนหายตัวไปไม่ให้ทั้งเมเดียนและเอ็กซัสมองเห็น
เอ็กซัสเคาะที่ข้างขมับ เขาเปิดใช้อุปกรณ์เลนส์แบบพิเศษติดตั้งกับกระจกตาเพื่อตรวจจับความร้อน ซึ่งในขณะที่จับภาพเฮเซคียาห์ได้นั้น เฮเซคียาห์คว้าชาวมัสตินใกล้มือได้คนหนึ่งและจับศีรษะของอีกฝ่ายมาหักราวกับกิ่งไม้ ชุดหนังที่สวมใส่อยู่เพิ่มสมรรถภาพให้กับร่างกาย ในตอนนี้เขามีพละกำลังและความรวดเร็วในการเคลื่อนที่มากกว่าปกติ
เฮเซคียาห์ดึงปืนจากกระบอกข้างเอวของชาวมัสตินที่ถูกสังหาร เขากดไกปืนยิงกระสุนใส่เอ็กซัสที่ปัดกระสุนออกไปได้ด้วยมือเปล่า
“ไลฟ์ควอตซ์ประกาศว่าแกเป็นอันตรายต่อเผ่าพันธุ์มัสติน” เอ็กซัสประกาศเสียงกร้าวในสิ่งที่เฮเซคียาห์รู้อยู่แล้ว
“แล้วไง?” เฮเซคียาหัยังคงยิงกระสุนเงินสลับไปมากับกระสุนไฟฟ้าและอากาศ
เขาควงปืนในมือเล่นก่อนจะโยนมันขึ้น รูปลักษณ์ของปืนแปรเปลี่ยนเป็นวัตถุทรงกลมลอยเคว้งอยู่ เมื่อเฮเซคียาห์ยื่นมือไปแตะวัตถุทรงกลม สายสร้อยเงินเงาวับห้อยเพนดูลัมปรากฏขึ้นมาแทนที่ แต่มันไม่ได้มีความทนทานเท่ากับอาวุธเดิมของเขาทำสูญหายไปตั้งแต่เมื่อครั้งถูกช่วยไว้โดยยานเคพีเทส-02
“ตาย...” เอ็กซัสเปลี่ยนเพนดูลัมในมือเป็นหอกไฟอีกครั้ง และทำท่าจะกระโจนเข้ามาหา แต่เมเดียนถลันมาขวางไว้ก่อน เขาตบเอ็กซัสอย่างแรง แต่เอ็กซัสยกหอกไฟตั้งรับและเท้าเพียงครูดไปกับพื้น ล่าถอยไปเล็กน้อย
“เฮ้! ฉันไม่อยากเล่นสองรุมหนึ่งนะ” เมเดียนคุยกับเอ็กซัส แต่อาจเป็นการบอกเฮเซคียาห์ให้ถอยไปให้พ้น
“คุณใช้เวลากับเขานานเกินไป” เฮเซคียาห์เดินทื่อๆ เข้ามาหาเมเดียน กดปุ่มบนชุดหนังเพื่อเปิดเผยตัว
ก่อนหน้านี้เขาพรางตัวเพราะแค่ต้องการไปชิงอาวุธมา
ทางเอ็กซัสใช้พละกำลังมหาศาลของเขาผลักต้านแรงของเมเดียนที่สกัดเขาไว้ให้ต้องอยู่กับที่ พร้อมกับบังคับลมให้ดันพุ่งออกมา แต่เมเดียนสามารถยืนต้านลมอยู่ได้ คงเพราะว่าปีกของเขาที่มองไม่เห็นช่วยต้านลมไว้
“อ้าว! เหลือบมองมาทางฉัน อยากลองฆ่าฉันดูสักครั้งหรือไง” ชายหนุ่มเบือนหน้ามองไปรอบๆ
พวกมัสตินดูไม่มีสมาธิ พวกผู้ใช้เศวตศาสตรายังต่อสู้ค้างๆ คาๆ กับพวกเขา
“ให้ฉันเดาดูนะ ใครฆ่าฉันได้ปีนี้คงได้แต้มเยอะน่าดู คงพอให้ถูกจัดลำดับขึ้นบอร์ดเป็นลำดับต้นๆ” เฮเซคียาห์แสยะยิ้ม
มือของเฮเซคียาห์สะบัดเพนดูลัมออกไป ก่อนจะดึงมันกลับมาด้วยท่าทีไม่ต่างจากเด็กที่กระทำต่อลูกโยโย่ และทันใดนั้นเพนดูลัมพร้อมสายสร้อยในมือพลันเปลี่ยนเป็นแส้สีเงินยาว ปลายสายนั้นถูกเหวี่ยงฟาดไปไกล และผิวกายของคนที่ยืนอยู่ทางนั้นพลันปริแตก เลือดไหลซิบ
“ลมเป็นธาตุที่ฉันใช้ได้อย่างชำนาญแม้ว่าตอนนี้ฉันจะใช้พลังธาตุไม่ได้ก็เถอะ” เฮเซคียาห์สะบัดแส้ของเขาอีกหลายครั้ง และทำให้คนที่อยู่ในทางของเขาเกิดบาดแผลเล็กน้อย
“เฮ้! เธอกำลังทำให้คนของเราเจ็บไปด้วย” มนุษย์คนหนึ่งโวยขึ้น
“หุบปาก!” เฮเซคียาห์หันไปตะคอก
“คีห์!” เมเดียนตะโกนมา
“คุณอยากจะสู้กับเอ็กซัสเพื่อนเก่าของผมนัก ก็สู้ไปก่อนแล้วกัน เอาให้ชนะให้ได้สักที ไม่งั้นผมก็จะช่วยคุณรุมเขา” เฮเซคียาห์ไม่รีบร้อนเข้าตะลุมบอนกับเอ็กซัส
เขามาที่นี่เพื่อต่อสู้ แต่ไม่จำเป็นว่าคู่ต่อสู้ต้องเป็นเอ็กซัส
“แต่ทีมยังต้องการการชี้นำจากเธอ” เมเดียนยังแหกปาก เขาเทเลพอร์ตออกห่างเอ็กซัส
พลังเทเลพอร์ตของเมเดียนใช้ได้ปกติแค่เฉพาะกับตัวของเขาเอง แต่ไม่ได้มีประโยชน์ในสนามต่อสู้นี้อย่างที่ควร เพราะเอ็กซัสมีประสาทสัมผัสที่เฉียบคมยิ่งกว่าเฮเซคียาห์เสียอีก ถ้าเอ็กซัสไม่ทีเล่นทีจริงกับการต่อสู้ ต่อให้คู่ต่อสู้เป็นเมเดียนก็ยากจะเอาชนะเขาได้
“เอาน่า ที่ตกลงเอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง ก็แค่...” เฮเซคียาห์เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไปพร้อมกับแส้ในมือฟาดไปยังชาวมัสตินคนหนึ่ง “อยากประกาศศักดาแทนที่จะอยู่แต่หลังฉาก”
“ให้ตายสิ ไอ้เด็กนี่!” เสียงเมเดียนแว่วมาเข้าหูแต่เฮเซคียาห์ไม่สนใจ
เขาสัมผัสได้ถึงความสับสนของเพชฆาตชาวมัสตินรอบข้าง ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าไลฟ์ควอตซ์เห็นเขาเป็นตัวอันตราย แต่กลับมีความลังเลจะลงมือกับเขา
“พวกนายแสดงถึงความล้มเหลวของเอ็กซัส” ชายหนุ่มเคลื่อนกายไปอย่างรวดเร็ว เพื่อทำร้ายชาวมัสตินคนแล้วคนเล่า แผลของแต่ละคนหายได้อย่างเร็ว “พวกนายควรจัดการฉันซี่ ไม่ใช่เอาแต่รีรอ”
“ย้ากกก” เสียงตะโกนของเอ็กซัสดังลั่น
เฮเซคียาห์หันไปเห็นเมเดียนถูกยึดไว้ด้วยลม ก่อนจะถูกลมที่เปลี่ยนรูปร่างและเพิ่มแรงพัด ซัดเขาเข้าจนปลิวไปกับตา ตอนนี้ทางสะดวกให้เอ็กซัสถลาเข้ามาหาเฮเซคียาห์
“ฮะๆๆ ว่าไง...” เขากระซิบกับเอ็กซัสที่กระโจนทะยานเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว สะบัดแส้เปลี่ยนเป็นดาบมีด้ามสีเงินยวงรับกับคมดาบสีเดียวกัน “รู้สึกไม่ชอบใจกับสิ่งที่ฉันพูดเหรอ”
“พวกเขาไม่ได้ล้มเหลว พวกเขาแค่กลัว” เอ็กซัสเอ่ยเสียงรอดไรฟันพอให้ได้ยินกันสองคน
“หืม?” เฮเซคียาห์ไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายอยากสื่อกับเขา
หอกของเอ็กซัสที่ด้านบนเปลี่ยนเป็นสามง่าม และทันใดนั้นเปลวไฟบนหอกแรงขึ้นจนเฮเซคียาห์ต้องกระโดดถอยออกมา ซึ่งด้านหลังของเขามีชาวมัสตินที่พุ่งเข้ามา แต่เฮเซคียาห์ไม่ยอมถูกลอบโจมตีง่ายๆ เขาแตะเท้าลงพื้นและออกแรงผลักดันตัวเองให้หมุนกายไปหาชาวมัสตินที่พุ่งเข้ามา กวาดเท้าไปโดนทั้งสองคนจนกระเด็นไป
“ชุดนี้ก็ดีแฮะ เพิ่มแรงจากปกติสัก 3 เท่าล่ะมั้ง” เฮเซคียาห์มองชุดหนังที่สวมอยู่อย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง
“ย๊า!!!” เอ็กซัสส่งเสียงตอนที่กระโจนมาใกล้จะถึงตัวของเฮเซคียาห์แล้ว ปลายสามง่ามของอาวุธในมือชี้มาที่เฮเซคียาห์
เปลวไฟจุดติดลุกท่วมร่างกายของชายหนุ่ม
เฮเซคียาห์ไม่ยอมปล่อยให้เสียงร้องแห่งความเจ็บปวดหลุดรอดจากปาก เขาไม่อยากให้ตัวเองดูน่าสมเพช เขาลูบมือไปตามเนื้อตัวอย่างไม่เร่งร้อนจนไฟมอดดับลง เนื้อที่สุกส่งกลิ่นคลุ้ง แต่อาการบาดเจ็บรบกวนใจได้ไม่นาน เนื้อสีดำเกรียมและเนื้อสีสีชมพูออกแดงอย่างแผลสดค่อยๆ ถูกกลืนกินด้วยผิวหนังที่งอกใหม่เข้ามาแทนที่
“ไม่! เป็นไปไม่ได้” เอ็กซัสอ้าปากค้าง
“อะไรที่เป็นไปไม่ได้” เฮเซคียาห์เลิกคิ้วข้างหนึ่งอย่างเจ้าเล่ห์ และอมยิ้มน้อยๆ “นี่คิดไปสินะว่าฉันเป็น...”
“มีเฉพาะพวกสมุหเสนาบดีเท่านั้นทีทราบเรื่องว่านายเป็นมนุษย์ไป” เอ็กซัสกล่าวสวน และเขาถลันเข้ามาหาเฮเซคียาห์พร้อมกับออกกระบวนท่าควงไม้สามง่ามในมือ หวังกะซวกไม้เข้ามาบริเวณหน้าท้องของชายหนุ่ม แต่เฮเซคียาห์พลิ้วตัวหลบได้ทัน อย่างไรก็ตาม เฮเซคียาห์รับรู้ได้ว่าเนื้อของเขาเข้าใกล้กับไม้สามง่ามเกินไป เนื้อของเขาสุก ไม่ก็เกือบสุกไปอีกหน
“ห๊ะ! เอาจริงสิ” เฮเซคียาห์หัวเราะ
“เพชฆาตที่นี่ก็เห็นว่านายต่างออกไปจากปกติ แต่ก็กลัวว่านายยังเก่งเหมือนเดิม” เอ็กซัสเฉลยให้เฮเซคียาห์ฟังถึงสาเหตุที่เพชฆาตชาวมัสตินภายใต้บังคับบัญชาของเขาไม่รีบถลันเข้ามาจัดการกับเฮเซคียาห์เสียก่อน
“ฉันจะไม่โพนทะนาหรอกนะว่าตัวเองกลายมาเป็นอะไร ฉันไม่คิดว่าสภาพของตัวเองเป็นมนุษย์หรอก” เฮเซคียาห์หลบการโจมตีกับเอ็กซัสได้อีกครั้ง
“ก็จริง มนุษย์รักษาบาดแผลเองไม่ได้เหมือนที่นายทำ”
“ฮะๆๆ แปลกใจสินะ”
“ใช่! มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น? คืนนั้นนายหายไปจากเมือง แล้วไลฟ์ควอตซ์เริ่มแจ้งเตือนกับทุกคนว่านายเป็นภัยกับชาวมัสติน และหากพบเห็น ก็สมควรถูกประหาร”
“สมควรถูกประหาร? ฟังรื่นหูนะ ไม่เหมือนคำสั่ง”
“ใช่! จริงๆ มันไม่ใช่ว่านายต้องถูกประหาร” เอ็กซัสกล่าวกับเฮเซคียาห์โดยลดระดับเสียงจนได้ยินกับแค่ระหว่างสองคน “นายไม่ได้ถูกสั่งประหาร คำว่าประหารฟังดูเหมือนเป็นคำแนะนำ แต่นั่นแหละ ทุกคนคิดว่าควรประหารนายดีกว่าถ้าหากว่าเจอตัวนาย มีคนลือถึงนายกันไปต่างๆ นานา หาว่านายวิจัยเกี่ยวกับพวกเศวตศาสตราของมนุษย์จนเพี้ยนแล้ว เลยทรยศพวกเราไปเข้าพวกกับมนุษย์”
“ฉันเลือกได้ ฉันไม่มาอยู่ที่นี่หรอก” เฮเซคียาห์กล่าวเสียงรอดไรฟัน ดันดาบที่ยกรับหอกไว้
โลหะของดาบป้องกันความร้อนได้สูงระดับหนึ่ง แต่กายของเขาทนร้อนไม่ไหว เหงื่อกาฬแตกพลั่ก และอีกไม่นานผิวหนังและเนื้อบนมือและแขนอาจไหม้ได้
เฮเซคียาห์ตะโกนเรียกบรอธ
บรอธปรากฎตัวขึ้นโดยฟาดตัวมันเข้ากับศีรษะของเอ็กซัสอย่างแรง แต่เอ็กซัสไม่สลบ แค่ฝืนยิ้มออกมาแล้วหันไปมองบรอธ
“นี่มันอะไร!” เอ็กซัสเอ่ยเสียงเข้ม เครียดๆ
“เศวตศาสตราของฉัน ชื่อบรอธ” เฮเซคียาห์เอ่ยแนะนำอย่างขำๆ และส่งหมัดหลุนๆ ใส่หน้าของเอ็กซัส แต่การกระทำแบบนั้นถูกเอ็กซัสตอบโต้ด้วยการใช้พลังลมต้านกลับมา หักข้อมือและแขนของเฮเซคียาห์ แต่ไม่นานหลังจากเฮเซคียาห์กระโดดถอยห่างและสะบัดมือ ร่างกายของเขาก็กลับเป็นปกติ
“ชีล่าบอกว่านายเป็นมนุษย์ไปแล้ว มันดูคล้ายแบบนั้น ยกเว้นก็แต่นายยังฟื้นฟูตัวเองได้”
“โอ๊ะ! ความสัมพันธ์กับชีล่าเป็นยังไงบ้างล่ะ” เฮเซคียาห์ยิ้มเหยียดๆ อย่างกวนประสาท เขาเบนหน้ามองไปทางด้านหลังและด้านข้าง เพชฆาตชาวมัสตินคนอื่นๆ ยังรีรอ ไม่เข้ามาโจมตีเขาเสียที แต่เมเดียนเงียบไปเพราะมีชาวมัสตินบางคนกำลังรุมเขาอยู่ห่างๆ
“ฉันคิดว่าเราควรเลิกพูดกันได้แล้ว” เอ็กซัสดึงไฟออกมาจากในอากาศ โยนลูกไฟใส่เฮเซคียาห์รัวๆ
เฮเซคียาห์โดดหลบอย่างง่ายดาย และเขายังหลบหอกน้ำแข็งที่เอ็กซัสสั่งโจมตีลงมาจากท้องฟ้าอีกด้วย ของพวกนี้เป็นมุกเก่าๆ สำหรับเขา
“ใช่สิ เราควรมาฆ่ากันแทนที่จะพูดคุย แต่ฉันไม่ฆ่านายตอนนี้ นายเล่นกับเมเดียนไปก่อนนะ” เฮเซคียาห์มองเมเดียนที่ปรากฏตัวมาทางด้านหลังของเอ็กซัส และแน่นอนว่าเอ็กซัสรู้ตัวเพราะหันไปตั้งรับการโจมตีจากเมเดียนแบบถูกจังหวะ
ส่วนเฮเซคียาห์ เขาเตือนบรอธให้คอยแจ้งแผนการที่เหมาะสมกับผู้ใช้เศวตศาสตราแต่ละคน ส่วนตัวเขาเข้าทำร้ายชาวมัสตินทีละคนอย่างเลือดเย็น ไร้ความปรานี ในความรู้สึกของเขา เขาสำนึกว่าตนเองกำลังจัดการกับพวกมัสติน แต่ขณะเดียวกันเฮเซคียาห์กลับไม่รู้สึกผิด หรือสลดใจ
เวลาผ่านไป เฮเซคียาห์พบว่าเขารายล้อมด้วยร่างไร้ศีรษะของชาวมัสติน เลือดสีแดงเปื้อนย้อมตามตัวของเขาแห้งกรัง
ในบางจุดที่เคยมีร่างของชาวมัสตินสิ้นชีวิต เหลือเพียงกองดิน และเศษไลฟ์ควอตซ์สีแดง และอีกไม่นานร่างไร้ศีรษะที่ยังเห็นอยู่บ้างในสายตาก็จะตกอยู่ในสภาพไม่ต่างกัน
“แปลกนะ ฉันไม่รู้สึกอะไรเลย” เฮเซคียาห์เอ่ยอย่างเยาะเย้ยตัวเอง
เขาปฏิเสธการเป็นมนุษย์ คิดถึงแต่การกลับไปเป็นชาวมัสติน แต่น่าแปลก เขาเป็นอะไรไปแล้วนะ
“รายงาน: มัสตินผู้รอดชีวิต 1 ราย การอพยพเสร็จสิ้นแล้ว 200 คน อยู่ในระหว่างการดำเนินการ...”
“โอเค ถือว่าเสร็จสิ้นภารกิจ” เฮเซคียาห์หมุนกายไปมองเอ็กซัสกับเมเดียนที่ยังโรมรันกันไม่จบสิ้น ก่อนหน้านี้เมเดียนพยายามสกัดเอ็กซัสทุกวิถีทางไม่ให้เข้ามาถึงตัวเขาได้ ซึ่งได้พวกผู้ใช้เศวตศาสตราคนอื่นๆ ในกำแพงน้ำแข็งช่วยด้วย แต่มนุษย์ที่ถูกกันไว้นอกกำแพงน้ำแข็ง พวกเขาพากันกลับไปที่หมู่บ้านเพื่อช่วยชาวบ้านอพยพหรืออพยพไปพร้อมชาวบ้านแล้ว
“เฮ้! นายดูไม่เหมือนเดิมเลยนะ อ่อนแอชะมัด” เฮเซคียาห์เสียบดาบไว้กับพื้น และเอนกายพิงกับดาบ
“แก! คีห์! เพราะแก...”
“เพราะฉัน? ฉันเนี่ยนะ?” เฮเซคียาห์หัวเราะ
“แกรู้แทบทุกอย่าง จุดอ่อนของหลายๆ คน” เอ็กซัสตวาดเสียงกร้าว พยายามจะพุ่งมาทางเฮเซคียาห์แต่ถูกผู้ใช้เศวตศาสตราสกัดไว้ด้วยเถาวัลย์ที่งอกขึ้นจากพื้น
เอ็กซัสจัดการกับพวกเถาวัลย์ด้วยไฟที่ลุกท่วมเท้าของเขาในพริบตา ก่อนวิ่งบนอากาศมาหาเฮเซคียาห์ แต่ถูกเมเดียนโผล่มาขวางหน้าและตบให้ถอยหลังไป ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นคงกระเด็น แต่เอ็กซัสเรียกลมให้พยุงตัวเขาไว้ พวกผู้ใช้เศวตศาสตราคนอื่นที่เหลืออยู่ตรงเข้ามามะรุมมะตุ้มกับเขา
“ผมไปที่เมืองหลวงได้หรือยัง” เฮเซคียาห์หันมาถามเมเดียนเพื่อทวงสัญญา
“แล้วนี่ แค่นี้จริงๆ เหรอ จะมีทัพเสริมมาไหม” เมเดียนดูยังกังวลใจ ไม่ตอบคำถาม
“ไม่น่ามีหรอก เอ็กซัสไม่อยากเสี่ยงให้สูญเสียมากไปกว่านี้ และก็อับอายด้วยที่จะเรียกคนมาเพิ่มเพื่อมาเห็นว่าเขาห่วยแตกแค่ไหน” เฮเซคียาห์รู้ใจของคนที่เป็นเพื่อนเก่า และยกตนเองเทียบกับเอ็กซัสด้วย ถ้าเขาเป็นเอ็กซัส ความคิดของเขาน่าจะเป็นไปในทำนองเดียวกัน
“เธอกับบรอธ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”
เฮเซคียาห์ยักไหล่ คำชมของเมเดียนไม่มีค่ากับเขามาก
“ไม่สิ...” เมเดียนส่ายหน้าเบาๆ ยกมือขึ้นตบลงมาบนไหล่เขา “เธอน่ะ เธอไม่ธรรมดาเลยจริงๆ สู้ได้เก่งขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ”
“ไม่ใช่เพราะคุณช่วยฝึกหรอกนะ” เฮเซคียาห์ยิ้มน้อยๆ เกร็งๆ มีความสาแก่ใจที่เมเดียนยอมชมเขา แต่ใจต่อต้านการยอมรับว่าเมเดียนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาได้รับคำชมนั้นด้วย “ผมเก่งมาตั้งแต่แรกต่างหาก วันนี้คุณก็แค่เข้าใจความจริงหลังจากมันถูกบิดเบือนไปชั่วคราว”
“น่าเสียดายที่มนุษย์ไม่ได้เธอไปเป็นพวก” เมเดียนพึมพำ ลดมือลงจากไหล่ของเขา
เฮเซคียาห์กึ่งหมุนไหล่ กึ่งยกไหล่ แล้วเบือนหน้าไปมองเอ็กซัสที่ยังยุ่งอยู่กับพวกผู้ใช้เศวตศาสตรา สายตาของเขาสบกับเอ็กซัสแวบหนึ่ง ฝ่ายตรงข้ามมองเขาเป็นระยะ
“นั่นน่ะ เดี๋ยวผมจะเอากลับไปด้วย”
“เฮ้อ...” เมเดียนคราง
เขาลำบากใจ แต่ยอมทำในสิ่งที่ถูกร้องขอ