ตอนที่แล้วตอนที่ 210 ชื่อเสียงคืออะไร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 212 เจ้าสองคนเป็นคนประเภทเดียวกัน

ตอนที่ 211 เจ้าเป็นกำลังเสริมที่ถูกลิงส่งมาหรือ


เมื่อได้ยินคำสั่งของเฟิงเฟินได เป่ยเอ๋อก็ตกใจว่า “คุณหนูสี่จะไปไหนเจ้าคะ ? ออกมาจากคฤหาสน์หรือเจ้าคะ?”

เฟิงเฟินไดพยักหน้า “ใช่”

“แต่…” บ่าวรับใช้รู้สึกลำบากใจ “ถ้าคุณหนูต้องการออกไปข้างนอก คุณหนูต้องไปแจ้งท่านฮูหยินผู้เฒ่าก่อนเจ้าค่ะ”

ใบหน้าของเฟิงเฟินไดเผยให้เห็นความหงุดหงิด “ข้าจะออกไปข้างนอกได้หรือ ถ้าข้าไปบอกท่านย่า”

“แต่ถ้าคุณหนูไม่บอกท่าน คุณหนูจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปเจ้าค่ะ !”

คำพูดของบ่าวรับใช้นั้นเหมือนกับการสาดน้ำเย็นใส่หน้าเฟิงเฟินได แม้ว่าราชวงศ์ต้าชุนจะอนุโลมนต่อการปล่อยให้ผู้หญิงออกไปข้างนอกในฐานะคนรุ่นใหม่ ถ้านางต้องการออกไปข้างนอกนางต้องได้รับอนุญาตจากฮูหยินใหญ่หรือผู้อาวุโส นอกจากนี้จะต้องมีเหตุผลที่สมควรในการออกจากคฤหาสน์ ตัวอย่างเช่น ไปจัดการร้านค้าหรือออกไปข้างนอกพร้อมกับคุณหนูคนอื่น หากไม่สามารถให้เหตุผลที่เหมาะสมได้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะออกจากคฤหาสน์

เฟิงเฟินไดรู้ว่าถ้านางต้องการออกจากคฤหาสน์ นางไม่สามารถบอกฮูหยินผู้เฒ่าถึงเรื่องนี้ได้ ฮันชิก็ไม่มีร้านค้าเพื่อจัดการ นางไม่สามารถหาเหตุผลที่เหมาะสมได้ ครู่หนึ่งนางยืนนิ่งงันด้วยความโกรธ

“แล้ว…เราจะแอบออกไปหรือเจ้าคะ ?” เป่ยเอ๋อแนะนำ “ไม่กี่วันที่ผ่านมาคณะละครก็ไม่ได้แสดง เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วพวกเขาคงถูกส่งออกไปจากคฤหาสน์ หากคุณหนูต้องการออกไปจากคฤหาสน์นั่นอาจเป็นเส้นทางที่เป็นไปได้” เป่ยเอ๋อเป็นบ่าวรับใช้ที่มีไหวพริบมากที่สุดของเฟิงเฟินได นางมีชีวิตชีวามากโดยเฉพาะเมื่อได้ยินว่าคุณหนูของนางมีความคิดชั่วร้าย

เมื่อได้ยินนางพูดแบบนี้ เฟิงเฟินไดรู้สึกว่านี่เป็นความคิดที่ดีและมุ่งหน้าไปยังเรือนรับรองแขกทันที

เป่ยเอ๋อรีบตามหลังนางไปและเตือนนางเป็นครั้งคราว “คุณหนูจะต้องระวังให้มาก ยามที่เฝ้าทางเข้าล้วนจำคุณหนูได้นะเจ้าคะ”

“ไม่ต้องกังวล” เฟิงเฟินไดเดินเร็วมาก ใกล้เที่ยงแล้ว และนางกลัวว่าเฟิงหยูเฮงจะออกจากเรือนตงเซิงเร็ว เมื่อองค์ชายเจ็ดออกมา นางก็จะไม่สามารถลงมือได้อีกต่อไป “เจ้าแน่ใจว่าองค์ชายเจ็ดยังอยู่ที่เรือนตงเซิง” นางเป็นห่วง และถามเป่ยเอ๋ออีกครั้ง

เป่ยเอ๋อพยักหน้า “บ่าวรับใช้ผู้นี้แน่ใจเจ้าค่ะ สองสามวันที่ผ่านมาข้าส่งคนให้ไปจับตามองที่เรือนตงเซิง ไม่ว่าจะเป็นเรือนศจีหรือที่ทางเข้าหลักมีคนคอยเฝ้าอยู่ องค์ชายเจ็ดยังไม่ออกมาเจ้าค่ะ”

“จากสิ่งนี้ ทั้งสองอยู่ในคฤหาสน์เป็นเวลาอย่างน้อยสามวัน” เฟิงเฟินไดรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ “แม้ว่าจะไม่มีอะไรสำคัญ หากคำพูดรั่วไหลออกไปมันจะค่อนข้างยากสำหรับนาง ถ้านางเป็นองค์หญิงแห่งมณฑลล่ะ? ถ้าชื่อเสียงของนางถูกทำลาย ครอบครัวเฟิงจะไม่ปล่อยนางไว้แน่ ไม่ต้องพูดถึงว่านางจะต้องทุกข์ทรมานมากแค่ไหน !”

ทั้งสองมาถึงที่เรือนรับรองแขก และคณะละครอาศัยอยู่ในลานที่ไกลที่สุดเนื่องจากฮูหยินผู้เฒ่าโกรธเมื่อสองสามวันก่อน ฮันชิสนุกกับละครเพียงหนึ่งวันก่อนที่นางจะหมดความกล้าหาญ ท้ายที่สุดแล้วอันชิและจินเฉินก็ไม่ได้ไปอีก และฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่ไปดูเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลสำหรับนางที่จะนั่งดูละครคนเดียวในสวนดอกไม้

แต่คณะละครยังไม่กลับ และพวกเขายังคงอาศัยอยู่ในเรือนรับรองแขก

เมื่อเฟิงเฟินไดมาถึง มีเด็กฝึกหัดสองคนที่ยืนคุยกันเรื่องอะไรซักอย่าง เป่ยเอ๋อกลืนน้ำลายลงคอ นางเมื่อเข้าไปในลานบ้าน และพวกเด็กก็แยกย้ายกันทันทีเมื่อเห็นคนมาถึง จากนั้นพวกเขาก็เริ่มฝึกอีกครั้ง

เฟิงเฟินไดมองที่พวกเขาและไม่ได้พูดอะไรเลย แทนที่จะมุ่งตรงไปที่ห้องหลัก อย่างไรก็ตามเมื่อนางเดินไปที่ประตู นางถูกหยุดโดยหญิงสาวคนหนึ่ง “คุณหนูสี่มาทำอะไรหรือเจ้าค่ะ ?”

เฟิงเฟินไดตกตะลึงเมื่อนางจำได้ว่าคนนี้เป็นบ่าวรับใช้ส่วนตัวของฮันชิ เห่อเซียง

นางหยุดแล้วมองไปที่เห่อเซียงแล้วถาม “เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ?”

ใบหน้าของเห่อเซียงซีดลง ขณะที่นางมองไปที่ประตู นางทำท่าลังเล

“แม่รองฮันอยู่ข้างในหรือไม่ ?” เฟิงเฟินไดเอ่ยถามออกมาทันที ต้องเป็นฮันชิที่อยู่อยู่ข้างใน ไม่เช่นนั้นบ่าวรับใช้คนนี้จะไม่ปรากฏที่นี่ “นางมาทำอะไรที่นี่ ?” ไม่ต้องรอบ่าวรับใช้ตอบ เฟิงเฟินไดยื่นมือออกไปเปิดประตู

ในห้องฮันชินั่งอยู่ในที่นั่งหลัก ในมือข้างหนึ่งนางถือถ้วยชาและอีกมือนางถือผ้าเช็ดหน้า นางหัวเราะคิกคัก ตรงหน้านางเป็นนักแสดงชายที่มีเสน่ห์ซึ่งกำลังแสดงอยู่

การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเฟิงเฟินไดทำให้ทั้งคู่ตกใจ ฮันชินางยืนขึ้นทันที มือนางสั่นทำให้น้ำชาในถ้วยนั้นหกใส่มือของนาง

“คุณหนูสี่ ?” นางเห็นว่าใบหน้าของเฟิงเฟินไดเต็มไปด้วยความโกรธ และจิตใจของนางก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว อย่างไรก็ตามนางยังคงรักษารอยยิ้มบนใบหน้าของนางโดยพูดว่า “เจ้ามาทำอะไร ?”

“ถ้าข้าไม่มา ข้ากลัวว่าท่านย่าจะไม่ทำการสอบสวนเฟิงหยูเฮงและจะสอบสวนเรือนของเราแทน” เฟิงเฟินไดโกรธ นางผลักนักแสดงออกไปอย่างโกรธเคือง “อุ้ย !” จากนั้นนางเอื้อมมือออกไปจับฮันชิ “กลับไปที่เรือนของเจ้า ถ้าข้าเห็นเจ้าเข้ามาที่นี่อีก อย่าโทษข้าว่าลืมความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกสาวของเรา” นางชี้ไปที่นักแสดง “พวกเจ้าไปเก็บของและออกจากคฤหาสน์เฟิงในวันนี้”

“นี่…” นักแสดงมองไปที่ฮันชิด้วยความหวังในสายตาของเขา ในช่วงฤดูหนาวที่หนาวเหน็บ คณะละครเล็ก ๆ อย่างพวกเขาหวังว่าจะสามารถหาตระกูลใหญ่ ๆ เพื่อพาพวกเขาไปแสดงทุกวัน นี่จะดีกว่าการดิ้นรนบนถนนที่มีอากาศเย็น ๆ

ฮันชิก็พยายามแนะนำเฟิงเฟินได “ไม่ใช่เจ้าที่บอกข้าว่าอย่าไปสวนดอกไม้ ! คณะละครนี้ถูกพาเข้ามาแต่ไม่สามารถแสดงได้ ข้ามามาที่นี่เพื่อดูละคร มันจะเป็นอะไร ? มันคุ้มแล้วหรือที่จะส่งคนเหล่านี้ออกไป ?”

ในเวลานี้เป่ยเอ๋อใกล้หูของเฟิงเฟินไดและกระซิบว่า "ให้พวกเขาอยู่ที่ต่อเจ้าค่ะ ในอนาคตเราอาจจะใช้พวกเขาได้”

เฟิงเฟินไดก็นึกถึงเหตุผลที่นางมาในวันนี้ นางจ้องมองฮันชิอย่างดุดัน นางก็พูดว่า “ข้าคิดว่าพวกเขาสามารถอยู่ได้อีกสองสามวัน แต่มีบางอย่างที่พวกเขาต้องทำเพื่อข้า…”

เฟิงเฟินไดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นนักแสดงเพื่อออกจากคฤหาสน์ เหตุผลคือคณะละครขาดอุปกรณ์ประกอบฉากและจำเป็นต้องออกไปเพื่อหาซื้อของ

แต่ในขณะที่นางออกจากคฤหาสน์ นางทิ้งนักแสดงทั้งสองไว้ข้างหลัง นางเดินไปที่ตำหนักหยู

เมื่อพวกเขามาถึงที่ทางเข้าตำหนักหยู เป่ยเอ๋อตระหนักถึงความกลัวในเป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้ นางมีแต่ความหวาดกลัว

คุณหนูของนางกล้าเกินไป!

“คุณหนู บางทีมันอาจจะ…ไม่เหมาะสมนะเจ้าคะ” ไม่ว่าบ่าวรับใช้คนนี้จะสนุกกับเรื่องวุ่นวายที่เจ้านายของนางก่อมากแค่ไหน เมื่อนางยืนอยู่ต่อหน้าตำหนักหยูที่นางไม่สามารถท้าทายได้ ขานางเริ่มสั่น

แต่เฟิงเฟินไดนั้นกล้าได้กล้าเสียและรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย “ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสม ไปกับข้า !” นางเดินไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญและต้องการรีบไปที่ตำหนักหยู

โชคไม่ดีที่เมื่อนางก้าวขึ้นบันได นางก็ถูกหยุดโดยทหารองครักษ์ เขาชี้หอกมาแล้วพูดเสียงดัง “หยุด !”

เฟิงเฟินไดตกใจ แต่ใบหน้าของนางยังคงสงบ และนางพูดเสียงดังว่า “ข้าเป็นคุณหนูสี่ของตระกูลเฟิง และมีเรื่องต้องรายงานต่อองค์ชายเก้าของเจ้า”

“องค์ชายไม่ต้อนรับผู้มาเยือน !” ทหารองครักษ์ตอบอย่างตรงไปตรงมาและไม่ได้บดบังคำพูด เขาพูดเพียงแค่นี้จากนั้นก็ปิดปากของเขา

เฟิงเฟินไดกระทืบเท้าของนาง “เจ้าไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าพูดหรือ ? ข้าเป็นคุณหนูสี่ของตระกูลเฟิง ! ครอบครัวเฟิง ! ตระกูลเฟิงที่หมั้นหมายกับองค์ชายของเจ้า และข้าก็มีบางอย่างที่ต้องรายงาน องค์ชายจะไม่พบข้าได้อย่างไร ?”

ทหารองครักษ์สองคนไม่ไว้หน้านางขณะที่ส่ายหัว "นอกจากคุณหนูรองของตระกูลเฟิงที่สามารถเข้าไปในตำหนักได้อย่างอิสระ ไม่มีใครได้รับสิทธิ์นี้ที่จะได้พบกับองค์ชาย คุณหนูสี่โปรดกลับไปขอรับ ! ”

เมื่อเห็นว่าพวกเขามีความแน่วแน่มาก เฟิงเฟินไดคิดเล็กน้อยแล้วไม่ต้องเสียคำพูดใด ๆ กับทหารองครักษ์ เงยหน้าขึ้นนางกรีดร้องให้เสียงดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ “องค์ชาย ! มีบางอย่างเกิดขึ้นกับว่าที่พระชายาของพระองค์ ฝ่าบาทไม่สนใจหรือเพคะ ? มีบางอย่างเกิดขึ้นที่คฤหาสน์ขององค์หญิงแห่งมณฑล ฝ่าบาทไม่สนใจจริง ๆ หรือเพคะ ?”

ในที่สุดนางก็ตะโกนออกมา ครู่หนึ่งมีผู้หญิงออกมาจากประตู เฟิงเฟินไดมองดูแล้วเห็นว่าเป็นคนรู้จัก “นางกำนัลอาวุโสโจว ! นางกำนัลอาวุโสโจวจริง ๆ ?”

หญิงชราเดินไปข้างหน้าและยกมือขึ้น ทหารองครักษ์ทั้งสองก็ลดหอกลง

เฟิงเฟินไดกำลังจะเดินผ่านประตู แต่ถูกห้ามโดยนางกำนัลอาวุโสโจว “เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นคุณหนูสี่ของตระกูลเฟิง”

เฟิงเฟินไดพยักหน้า “เจ้าค่ะ ข้าเป็นคุณหนูสี่ของตระกูลเฟิง ข้าชื่อเฟิงเฟินได เราพบกันตอนฤดูร้อนเมื่อท่านไปที่คฤหาสน์เฟิงเพื่อส่งมอบของหมั้นเจ้าค่ะ”

นางกำนัลอาวุโสโจวเงยหน้าขึ้นมองเฟิงเฟินไดแล้วยิ้มและส่ายหน้า "มีคนจำนวนมากในคฤหาสน์เฟิงตอนที่ข้าไป แต่ข้าจำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร วันนั้นข้าไปเพื่อส่งมอบของหมั้นให้กับคุณหนูรอง ทำไมข้าถึงจำคุณหนูสี่ไม่ได้ ? “นางพูดสิ่งนี้ขณะมองภาพลักษณ์ของเฟิงเฟินไดและไม่สามารถช่วยได้นอกจากจะส่ายหน้า”ท่านเสนาบดีเฟิงเป็นขุนนางขั้นหนึ่งของราชสำนักในปัจจุบัน บุตรสาวของเขาจะแต่งกายเป็นนักแสดงได้อย่างไร ? เจ้าไม่ได้แอบอ้างว่าเป็นญาติกับขุนนางใช่หรือไม่ ? ”

“จะทำเช่นนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ !” เฟิงเฟินไดรู้สึกหงุดหงิด “ข้าเป็นคุณหนูสี่ของตระกูลเฟิง ทำไมท่านจึงจำไม่ได้ ส่วนเสื้อผ้าเหล่านี้ ... อ่า.. เป็นเพราะข้ารีบออกจากคฤหาสน์มาเจ้าค่ะ ข้ามีอะไรอยากเรียนแจ้งองค์ชายเก้า ข้าจึงแต่งกายแบบนี้ ท่านไม่ต้องสงสัยตัวตนของข้า เมื่อพบฝ่าบาท พระองค์จะจดจำข้าได้เจ้าคะ”

“ฝ่าบาทไม่ต้อนรับผู้มาเยือน” นางกำนัลอาวุโสโจวบอกนาง “มีคนน้อยมากที่สามารถมาที่ตำหนักหยูได้โดยไม่แจ้งล่วงหน้า คุณหนูรองตระกูลเฟิงเป็นหนึ่งในนั้น แต่ไม่ใช่เจ้า โปรดกลับไปได้แล้ว”

หลังจากที่นางกำนัลอาวุโสโจวพูดจบ นางก็จะหันหลังกลับ เฟิงเฟินไดอารมณ์เสียและรีบพูดว่า “เฟิงหยูเฮงและองค์ชายเจ็ดอยู่ในเรือนตงเซิงมาหลายวันแล้วเจ้าค่ะ องค์ชายเก้าไม่รังเกียจหรือเจ้าคะ ประตูคฤหาสน์ขององค์หญิงแห่งมณฑลถูกปิดอย่างแน่นหนา แม้แต่แมลงวันก็ไม่สามารถเข้าไปได้ นางกำนัลอาวุโสบอกข้าทีว่าพวกเขาจะทำอะไรกันบ้าง ? ฝ่าบาททรงเป็นผู้สูงส่ง พระองค์จะทนรับความอัปยศเช่นนี้ได้อย่างไร ?”

นางกำนัลอาวุโสโจวหันหลังกลับและขมวดคิ้วไปทางเฟิงเฟินได นางมักจะเข้าใจการต่อสู้ระหว่างบุตรสาวของฮูหยินใหญ่และบุตรสาวของอนุในตระกูลใหญ่ ๆ แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าบุตรของตระกูลเฟิงจะเลวทรามเช่นนี้ พวกเขายังสามารถออกมาข้างนอกและกุเรื่องดังกล่าวได้

“คุณหนู เจ้าต้องคิดให้ดีก่อนพูด!” นางพูดด้วยท่าทางเย็นชาและน้ำเสียงของนางก็เต็มไปด้วยความโกรธ

อย่างไรก็ตามเฟิงเฟินไดกล่าวต่อ “ข้าคิดอย่างรอบคอบและคิดมาหลายวันแล้ว วันนี้ข้าไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ข้าไม่สามารถเพิกเฉยต่อความคิดของข้าได้อีกต่อไป ถ้าข้าไม่ได้บอกองค์ชายเก้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฝ่าบาทจะรู้สึกเศร้าขนาดไหน ! ข้าไม่สามารถให้คนอื่นพูดถึงฝ่าบาทในทางไม่ดีได้เจ้าค่ะ”

นางกำนัลอาวุโสโจวยิ้ม “ในกรณีนี้ข้าจะขอบคุณคุณหนูในนามของฝ่าบาท แต่เจ้ายังเด็ก เจ้ามีหลักฐานหรือไม่สำหรับเรื่องที่เจ้าเล่ามา คุณหนูรองตระกูลเฟิงและองค์ชายเจ็ดหรือ ?” คำพูดของนางทำให้ชัดเจนว่านางไม่รู้จักเฟิงเฟินไดในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลเฟิง นางแค่ถามว่า “แม้ว่าจะมีหลักฐาน แล้วสิ่งนั้นจะเป็นประโยชน์กับเจ้าอย่างไร ?”

เฟิงเฟินไดแสดงออกถึงความชอบธรรมที่เข้มงวด “ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ในความเป็นจริงมีความเป็นไปได้ที่ข้าจะต้องทนทุกข์ทรมานพร้อมกับพี่รอง แต่ข้าไม่สามารถทนเห็นองค์ชายเก้าที่หยามเกียรติได้ สิ่งที่เฟิงหยูเฮงทำนั้นน่ารังเกียจจริง ๆ นางจึงต้องถูกเปิดโปง นางกำนัลอาวุโสโจว ข้ากำลังทำสิ่งนี้ทั้งหมดเพื่อผลประโยชน์ของฝ่าบาท”

นางกำนัลอาวุโสโจวคิดกับตัวเองว่าเป็นประโยชน์ต่อองค์ชายเก้าอย่างไร จากนั้นนางก็มองเฟิงเฟินได นางไม่ต้องการให้เฟิงเฟินไดตะโกนต่อหน้าทางเข้าพระราชวัง ดังนั้นนางจึงเดินไปข้างหน้าและแจ้งทหารองครักษ์ “ไปเตรียมรถม้า ข้าจะไปที่คฤหาสน์เฟิงพร้อมคุณหนูผู้นี้”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด