GE88 บรรลุขขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูงสุด [ฟรี]
คาดไม่ถึงว่า เพียงสูดกลิ่นหอมของโอสถ ชูชิงจะสามารถทราบถึงชนิดของโอสถ ทั้งยังแยกแยะเสียงกระทบกันของโอสถ จนทำให้ทราบจำนวนที่ได้
หนิงฝานปรุงโอสถเสริมวิญญาณ 200 เม็ดในคราวเดียวได้ แต่เป็นไปอย่างยากลำบาก
การกระทำเช่นนี้มีเพียงนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 เท่านั้นที่ทำได้ หากเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 3 เพียงแค่ปรุงโอสถ 10 เม็ดพร้อมกันก็ยากแล้ว
นับเป็นโชคดีที่สัมผัสเทพของหนิงฝานบรรลุขอบเขตแก่นทองคำ จึงเป็นประโยชน์กับการปรุงโอสถมาก
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม หนิงฝานลืมตา เปิดฝากระถางปรุงโอสถ ใช้สัมผัสเทพผนึกฝาเตาไม่ให้กลิ่นของโอสถกระจาย และบรรลุโอสถที่ปรุงได้ใส่ขวดหยกไว้
‘ผนึกโอสถ’!
หนึ่งในวิชาปรุงโอสถของ ‘เก้าผันแปรแห่งวารี’ เป็นการผนึกกลิ่นของโอสถไม่ให้รั่วไหล ทำให้คุณภาพของโอสถยังอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ หากเทียบในโลกพิรุณแล้ว นอกจากหนิงฝานคงไม่มีผู้ใดทำได้อีก
“สำเร็จ...”
หนิงฝานเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก เขายังไม่ใช้โอสถเพื่อทะลวงระดับในทันที เขานั่งสมาธิเพื่อปรับลมหายใจก่อน
โอสถเสริมวิญญาณเป็นโอสถที่ช่วยยกระดับพลังวิญญาณในเส้นลมปราณ เพื่อทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นอย่างช้าๆ แต่ด้วยการปรุงโอสถชนิดนี้เป็นไปอย่างยากลำบาก อัตราการสำเร็จของการปรุงโอสถก็น้อยลงเป็นเงาตามตัว
หากเป็นนักปรุงโอสถทั่วไป อัตราความสำเร็จในการปรุงโอสถชนิดนี้สมควรมีแค่ 3 ใน 10 ส่วน แต่หากเป็นชายชราอย่างชูชิงและนักปรุงโอสถผันแปรที่ 3 อัตราความสำเร็จจะอยู่ที่ 5 ใน 10 ส่วน แต่หากเป็นหนิงฝานแล้ว จะอยูที่ 9 ใน 10 ส่วน
ครึ่งชั่วยามผ่านไป หนิงฝานฟื้นฟูพลังเต็มที่ และพร้อมที่จะทะลวงระดับ
เมื่อหนิงฝานกินโอสถเข้าไป โอสถเริ่มคลายพลังงาน เข้าเสริมเส้นลมปราณให้หนาและยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมให้กับการสร้างแก่นทองคำ
10 เส้นลมปราณ… 100 เส้นลมปราณ
เส้นชีพจรหยินหยางปีศาจของหนิงฝานดูดซับพลังงานจากโอสถ ไหลเวียนเข้าสู่เส้นลมปราณและโคจรไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว กระทั่งรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างราวกับครั้งที่กินโอสถจักรพรรดิหยก
ผ่านไป 1 วันเต็ม หนิงฝานกู่ร้องคำราม ปราณภายในร่างทรงพลังขึ้นกว่าเดิม 1 เท่าตัว
หนิงฝานบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูงสุดแล้ว!
แต่ด้วยผลของการยกระดับพลัง สัมผัสเทพของหนิงฝานจึงยกระดับไปยังครึ่งก้าวดวงจิตแรกเริ่มด้วยเช่นกัน!
ยามนี้ทั้งปราณและสัมผัสเทพบรรลุถึงจุดตีบตันพร้อมกัน
แม้หนิงฝานจะกินโอสถเสริม ก็ไม่อาจทะลวงจุดตีบตันได้ มีเพียงแต่ต้องผ่านความเข้าใจ ผ่านหัวใจปีศาจ ซึ่งแม้แต่ 10 ปีก็ใช่ว่าจะผ่านได้
เมื่อสัมผัสได้ถึงปราณที่ยกระดับ หนิงฝานขยับฝ่ามือเกิดเป็นอัสนียิงเข้าใส่พื้นห้องปรุงโอสถ
วัสดุที่ใช้สร้างพื้นนั้น ขึ้นชื่อเรื่องความคงทน แต่อัสนีของหนิงฝานกลับสามารถทะลวงพื้นลงไปได้ 1 ชุนครึ่ง
‘ฝ่ามืออัสนี’! อัสนีเมื่อครู่เป็นวิชาเฉพาะของผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ!
ด้วยเพราะหนิงฝานยังไม่บรรลุขอบเขตแก่นทองคำ จึงใช้ได้เพียงอัสนีขนาดเล็ก ยังไม่สามารถสำแดงอานุภาพด้วยกระบวนท่าฝ่ามือ แต่ถึงแม้จะเป็นอัสนีขนาดเล็ก อานุภาพของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าอาวุธวิญญาณทั่วไป
“วิชาของผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำและผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณช่างแตกต่าง...”
หนิงฝานหลับตา สงบใจ เพื่อทำให้จิตใจที่สั่นไหวจากความสุขของการยกระดับพลัง สงบนิ่งดุจวารีดังเดิม
‘แก่นทองคำ… อีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น อีกเพียงก้าวเดียวข้าจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของแคว้นเยว่’
เมื่อ 6 เดือนที่แล้วหนิงฝานยังเป็นเพียงมนุษย์ ยามนี้ ความแข็งแกร่งของเขาทำให้ผู้คนตกตะลึง แม้หนิงฝานจะยกระดับพลังอย่างรวดเร็ว… แต่หัวใจแห่งปีศาจก็ใช่สิ่งที่จะผ่านมันได้ง่ายๆ
ในอดีต ชาเจี่ยวยู่แห่งนิกายเหอฮวนได้สบประมาทหนิงฝานไว้ เมื่อยามนั้น นางเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรที่ 10… แต่ยามนี้ สตรีนางนั้นกลับไม่ควรค่าให้กล่าวถึง
ตระกูลหนิง… บรรพบุรุษของตระกูลหนิงก็เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ
“ช่างอ่อนแอนัก...”
นิกายเหอหวนและตระกูลหนิง ศัตรูในอดีตของหนิงฝานได้กลายเป็นเพียงมดปลวก ไม่ควรค่าให้กล่าวถึง ไม่ควรค่าให้เหลียวมอง
ยามนี้สภาพจิตใจของหนิงฝานกำลังเข้าสู่ช่วงของการเปลี่ยนแปลง ไปยังสภาพจิตใจของผู้เชี่ยวชาญที่สูงชั้นขึ้น
หนิงฝานที่ยืนนิ่งและหลับตาอย่างสงบเป็นเวลานานได้ลืมตา พ่นลมหายใจ จากนั้นนั่งขัดสมาธิดังเก่า
หนิงฝานเก็บโอสถเสริมวิญญาณที่เหลืออยู่บางส่วน สงบลมหาย และนำสมุนไพรของโอสถชนิดอื่นออกมาปรุงต่อ
ผ่านไป 1 วัน 1 คืน… ชูชิงยังคงยืนรออยู่นอกห้องปรุงโอสถ สีหน้าของมันยามนี้แสดงออกถึงความนับถือ
มันไม่กล้าส่งเสียงเพราะกลัวจะรบกวน มันมั่นใจ 3 ใน 10 ส่วนว่าหนิงฝานคือนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4!
มันเชื่อในสัมผัสการดมกลิ่นของตน จากกลิ่นโอสถที่มันได้รับรู้ มันคิดว่าหนิงฝานคือนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4
แม้เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 สัมผัสการดมกลิ่นยังไม่อาจเทียบเท่าชูชิง
สัมผัสการดมกลิ่นนั่นทำให้มั่นใจ 3 ส่วน ส่วนที่เหลือคือทักษะการปรุงยา หากมันได้เห็นหนิงฝานปรุงยาด้วยตนเอง มันจะยิ่งตัดสินได้แม่นยำมากขึ้น
ชูชิงยืนเฝ้ารออย่างสงบ ลักษณะของมันดูคล้ายศิษย์ที่ยืนคอยเฝ้าอารักขาผู้เป็นอาจารย์ มันเคยเป็นเช่นนี้เมื่อหลายปีก่อน เมื่อครั้งที่มันยังร่ำเรียนทักษะจากอาจารย์ท่านหนึ่ง...
ในระหว่างที่หนิงฝานปรุงโอสถนั้น มีนักปรุงโอสถหลายคนที่แวะเวียนมาหาชูชิงที่หน้าตำหนัก แต่พวกมันกลับเห็นชูชิงยืนนิ่งเงียบอยู่หน้าห้องปรุงโอสถ
“หืม! ผู้ใดใช้ห้องปรุงโอสถ กระทั่งทำให้ผู้อาวุโสชูชิงต้องรอได้เช่นนั้น คนผู้นี้ไม่ธรรมดา...”
“ดูนั่น… ชื่อผู้ลงทะเบียนใช้ห้องเป็นของโถงขัดเกลาผสาน… โถงขัดเกลาผสานมีเพียงสตรี ไม่มีผู้ใดเป็นนักปรุงโอสถ… หรือจะเป็นหนิงฝานที่กำลังปรุงโอสถ!”
“สมแล้วที่เป็นผู้อาวุโสหนิง… ถึงขั้นทำให้ผู้อาวุโสชูชิงผู้เงียบขรึมเคารพได้เช่นนั้น...”
เมื่อเหล่านักปรุงโอสถเห็นชื่อที่ลงทะเบียนและพูดคุยได้เล็กน้อย ชูชิงกลับหันมามองด้วยสายตาที่ดุดัน
ชูชิงเป็นผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรม สายตาที่มองจึงน่าหวาดกลัว
“ไสหัวไปซะ! วันนี้ตำหนักโอสถของข้าไม่ต้อนรับผู้ใด!”
ชายชรากล่าวเบาๆแต่ดุดัน แผ่แรงกดดันของผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำเล็กน้อย แต่นั่นยังทำให้น่ากลัว
ยามนี้หนิงฝานกำลังปรุงโอส ชายชราไม่อยากรบกวน
เหล่านักปรุงยาที่มาต่างเร่งจากไปด้วยความกลัว ตำหนักโอสถอยู่ในการควบคุมดูแลของชายชรา และยามนี้ ตำหนักปรุงยาแห่งนี้ก็มีไว้เพื่อให้หนิงฝานปรุงโอสถเพียงผู้เดียวเท่านั้น
ชายชราเฝ้ารออย่างอดทน และสุดท้าย ประตูห้องก็เปิดออก
กลิ่นหอมของโอสถฟุ้งกระจาย ผู้เยาว์เดินออกมาจากห้องปรุงโอสถด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน
แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่กลิ่นอายของผู้เยาว์กลับแตกต่างจากยามที่ก่อนจะเข้าห้องปรุงโอสถราวฟ้ากับเหว
ชายชราเตรียมจะกล่าวถามหนิงฝานถึงทักษะการปรุงยา แต่เมื่อได้สัมผัสกับแรงกดดันที่แผ่ออกมา มันกลับสงบคำทันที
“ขอบเขคประสานวิญญาณขั้นสูงสุด! เจ้าทะลวงระดับด้วยเวลาเพียงหนึ่งวัน?”
เสียงของชายชราสั่นเครือด้วยความตื่นเต้น
“ฮ่าฮ่า… ข้าเพียงโชคดีเท่านั้น วันนี้ข้าเหนื่อยแล้ว วันหนึ่งข้าจะมาขอใช้ห้องปรุงโอสถของท่านใหม่”
หนิงฝานป้องมือให้ชายชราแล้วเดินจากไป
ทิ้งให้ชายชรายังยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง กระทั่งลืมเลือนระดับการปรุงยาของหนิงฝานไป
ชายชราเริ่มสนใจในตัวหนิงฝาน ชายชรารู้ว่าหนิงฝานเป็นศิษย์ของหานหยวนจี๋ แต่เมื่อยามแรกเข้านิกายนั้น หนิงฝานยังเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นกลาง เมื่อเข้าป่าแห่งภูติพราย กลับบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูง และยามนี้หลังจากเข้าห้องปรุงโอสถเพียง 1 วัน เขากลับบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูงสุด
เรื่องทักษะการปรุงโอสถของหนิงฝานก็น่าตกตะลึง! เพราะแม้จะฝึกฝนวิชาขัดเกลาผสาน ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ระดับพลังจะก้าวหน้าได้เร็วขนาดนี้
“เด็กผู้นั้น… ทำได้อย่างไร...”
ชูชิงที่ตกตะลึงอยู่นั้น คิดได้ว่าที่ตนเองดูแคลนหนิงฝานมาตั้งแต่ต้นช่างเป็นเรื่องที่น่าขัน แม้ตัวมันจะผ่านชีวิตมา 100 ปี แต่ยังไม่อาจเข้าใจเด็กผู้นี้ได้
หลังจากหนิงฝานจากไปได้ครู่หนึ่ง ชูชิงกลับเอามือตีหน้าผากตนราวกับนึกบางอย่างออก ตัวมันที่ตกตะลึงอยู่นั้นลืมถามทักษะการปรุงโอสถของหนิงฝานไป
“โง่เขลายิ่งนัก… ข้าลืมเรื่องสำคัญเช่นนี้ได้อย่างไร...”
ชูงชิงด่าทอตน แต่ถึงแม้มันจะไม่ได้กล่าวถามหนิงฝานตรงๆ แต่กลิ่นของโอสถยามที่หนิงฝานออกจากห้องปรุงโอสถนั้นย่อมไม่ผิด มันเป็นกลิ่นของโอสถผันแปรที่ 2 จำนวนกว่าพันเม็ด
เพียง 1 วันหนิงฝานปรุงโอสถผันแปรที่ 2 ได้กว่าพันเม็ด!
แม้หนิงฝานไม่ใช่นักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 แต่อย่างน้อย เขาต้องเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 3!
“เห้อ! อายุเพียง 17 ปีแต่กลับเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 3… หรืออาจจะ 4!” ชูชิงหลี่แคบ มันไม่กล้าดูแคลนหนิงฝานอีก
มันเกิดความต้องการ มันคิดอยากไล่ตามหนิงฝานไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อแลกเปลี่ยนเรื่องการปรุงโอสถ แต่มันก็ต้องเก็บความคิดนั้นไป
“ช่างเถอะ… หนิงฝานเพิ่งบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูงสุด ต้องใช้เวลาพักใหญ่เพื่อทำให้ระดับพลังเสถียร ข้าไม่สมควรรบกวน เขากล่าวว่าจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง ข้าคงทำได้เพียงรอ”
ชายชราเรียกชื่อหนิงฝานอย่างไม่รู้ตัว ความเคารพที่มันมีให้ ราวกับถ่ายทอดจากหานหยวนจี๋สู่หนิงฝาน
เมื่อการเรียกขานเปลี่ยนไป แสดงว่าชูชิงได้ยอมรับหนิงฝานแล้ว!
ในแคว้นเยว่แห่งนี้ ผู้ที่ทำให้นักปรุงโอสถอย่างชูชิงยอมรับได้นั้น มีเพียงไม่กี่คน เพราะมันเป็นผู้ที่หยิ่งในศักดิ์ศรี!...