ภาค 2 ตอนที่ 3 ผู้ชายที่มีรอยด่างขาวบนใบหน้า
ตอนที่ 3 ผู้ชายที่มีรอยด่างขาวบนใบหน้า
ความกดอากาศต่ำแผ่เข้ามา ฤดูหนาวที่เพิ่งเริ่มต้นทำให้อุณหภูมิลดลงฮวบฮาบ ใบไม้สีเหลืองเกลื่อนกลาดบนถนน เมืองทั้งเมืองเหมือนเปิดแอร์ขนาดยักษ์เต็มกำลัง ไป๋หลิงกับเซวียหยางเพิ่งกลับจากร้านรับซื้อของเก่าที่พบหัวคน พบว่ารถของโจวต้าเจิ้งมาสายกว่าพวกเขาอีก
ไป๋หลิงไม่ดูตาม้าตาเรือ เข้าไปถามอย่างอยากรู้อยากเห็นว่า "หัวหน้า พี่สวิน ทำไมพวกพี่ถึงมาสายกว่าพวกเราอีกล่ะ"
โกโก้สีหน้าซีดเซียว อุ้มกล่องไม้ประดู่เดินไปทางแผนกนิติเวชที่อยู่ชั้น 4 ไม่พูดไม่จา ต้าเจิ้งก็ไม่ขัดขวาง ให้เวลาเธอทำใจบ้างก็ดี เขาคิด
"ทำไมสีหน้าพี่สวินไม่ดีเลย" ไป๋หลิงยังคงไม่ดูตาม้าตาเรือ ถามต้าเจิ้งต่อ
หัวหน้าหน่วยอาชญากรรมกระแอม "เซวียหยาง พวกนายได้อะไรจากร้านรับซื้อของเก่าบ้าง"
เซวียหยางเปิดสมุดจดเล่มเล็กในมือ "หัวคนพบโดยลูกชายคนเล็กของเถ้าแก่ร้านรับซื้อของเก่าเมื่อสองวันก่อน หรือวันที่ 13 พฤศจิกายน เด็กๆ หลายคนคุ้ยออกมาจากกองกระดาษเก่าตอนเล่นเกมส์ บ่ายวันเดียวกัน เถ้าแก่ร้านรับซื้อของเก่าก็ใช้ถุงพลาสติกใส่หัวคนตรงดิ่งไปที่หอฌาปนกิจ"
ไป๋หลิงเสริรมอีกว่า "กองกระดาษพวกนั้นส่งมาจากตึกออฟฟิศแห่งหนึ่งเมื่อสี่ห้าวันก่อน ลูกชายคนโตของเถ้าแก่เป็นคนรับของและจ่ายเงิน เขาบอกว่าเวลานั้นในกองกระดาษไม่มีหัวคนอย่างแน่นอน สงสัยมีคนเอาไปซ่อนไว้หลังจากนั้น พวกเราสอบถามไปแล้วว่าหลายวันที่ผ่านมา มีบุคคลน่าสงสัยปรากฏตัวบริเวณร้านรับซื้อของเก่าหรือเปล่า เถ้าแก่บอกว่าเขาเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่รู้จัก รูปร่างสูงใหญ่ หิ้วถุงพลาสติกสีดำที่ปกติตลาดสดจะใช้ใส่อาหารทะเล ป้วนเปี้ยนแถวร้านรับซื้อของเก่าอยู่สองรอบในค่ำของวันที่ 12"
"เห็นหน้าชัดหรือเปล่า"
"เถ้าแก่บอกว่า ตอนค่ำมันมืด มองไม่ค่อยเห็น แต่ชายคนนี้มีรอยด่างขาวใหญ่ใต้หูของเขา เหมือนเป็นโรคผิวหนังอย่างหนึ่ง เห็นเด่นชัดมาก เขาถึงจำคนแปลกหน้าคนนี้ได้"
——————————————
สวินเข่อหรันหายใจเข้าลึกๆ เอาความจำสีเทาในสมองใส่กุญแจอีกครั้ง วางแก้วในมือลง แล้วคิดจะลงมือจัดการกับคุณหัวที่อยู่ในมือ
กลิ่นหอมของชานมโกโก้ค่อยๆ ลอยกระจายออกไป
เธอสวมถุงมือที่ฆ่าเชื้อแล้ว นำหัวออกจากกล่องไม้ประดู่มาวางบนโต๊ะชันสูตร หยิบกล้องถ่ายรูปออกมา ถ่ายภาพความละเอียดสูงหลายรูปตรงรอยตัดขวาง ยกหัวขึ้นมาอย่างระมัดระวัง พบร่องรอยเสียหายหลายรอยติดกันตรงคางอย่างที่คาดกันไว้ โกโก้ถือกล้องเล็งตรงไปที่บาดแผล ถ่ายไปพลางคิดไปว่าเคยเห็นลักษณบาดแผลเช่นนี้ที่ไหนมาก่อน คลับคล้ายคลับคลา...
เสียงกริ่งของโทรศัพท์ดังขึ้น
"แผนกนิติเวช สวินเข่อหรันกำลังพูด ไม่ทราบว่าคุณคือ"
ในหูฟังไม่มีเสียงคนพูดออกมา...
โกโก้ยิ้มเยาะ อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วยังจะมีใครมารนหาที่อีก "ไอ้คนขี้ขลาดคนไหนที่กล้าโทรมาแต่ไม่กล้าพูด"
"...พี่สวิน...ผมซูเสี่ยวเจ๋อเอง...ผม....ผม...ผมมาสารภาพผิด"
โกโก้ชะงัก รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้า ซูเสี่ยวเจ๋อรู้สึกไม่ยุติธรรมในคดีสวีลี่ จึงโพสต์เรื่องนี้บนเว็บด้วยความมุทะลุ จะพูดไปแล้ว เรื่องที่เขาทำโกโก้ก็ไม่สามารถต่อว่าได้ เพราะยังไงเขาก็ยังไม่ได้เป็นหมอนิติเวชอย่างเป็นทางการ ไม่มีปัญหาเรื่องจรรยาบรรณ แต่เรื่องนี้เสี่ยงเกินไป โกโก้ต้องแสร้งทำเป็นไม่เห็นด้วย เพราะไม่ต้องการส่งเสริมนิสัยมุทะลุจนทำให้ก่อปัญหาของเขา
โกโก้ฮึ่มในลำคอ "โอ้โห นักศึกษาคนนี้มีความผิดอะไรเหรอ"
เสียงของเสี่ยวเจ๋อสั่นเครือ "พี่สวิน...ผมๆ ผิดไปแล้ว ผมไม่ควรนำหลักฐานของคดีโพสต์บนอินเตอร์เน็ตโดยพลการ...ผมไม่ควรเขียนชื่อของคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ออกมาจนทำให้ชาวเน็ตไปตามล่าได้..."
ชื่อ...
หูของโกโก้แนบกับหูฟัง ส่วนสายตากลับล่องลอยไปที่โต๊ะชันสูตรศพ คุณหัวชื่ออะไรนะ ศพไร้หัวที่พบก่อนหน้านี้สองศพ มีร่างไหนที่เป็นของเธอล่ะ เวลานั้นหัวคนถูกตั้งขึ้นและหันมาทางโกโก้พอดี โกโก้เพิ่งสังเกตว่ามันเอียงเล็กน้อย มองดูอย่างละเอียดอีกทีก็พบว่าด้านที่ตัดนั้นเอียง...
เป็นลางร้ายบางอย่าง
ซูเสี่ยวเจ๋อยังคงพูดบทสารภาพผิดในหูฟัง "ผมผิดต่อการอบรมของอาจารย์ที่ปรึกษา ผมผิดต่อการสั่งสอนของพี่สวิน ผมผิดต่อพรรคคอมมิวนิสต์และประชาชน..."
อะฮึ่ม! โกโก้กระแอมอย่างแรง
ซูเสี่ยวเจ๋อเงียบไป
"รายงานความผิดของตัวเองขนาดความยาวหนึ่งหมื่นตัวอักษร" โกโก้พูด
"พี่สวิน..." เสี่ยวเจ๋อส่งเสียงเครือ "ลดหน่อยได้ไหมครับ"
"ได้ คะแนนฝึกงานของนายก็ลดเหมือนกันนะ"
"ไม่ๆ ผมเขียนๆ" เสี่ยวเจ๋อสั่นงกๆ
โกโก้ยิ้ม "ซูเสี่ยวเจ๋อ คดีศพหญิงไร้หัวมีเหตุการณ์ใหม่เกิดขึ้น ฉันกำลังขาดคน ถ้านายสามารถมาที่นี่ได้ภายใน 24 ชั่วโมงพร้อมกับขอฝึกงานครึ่งเดือนที่นี่กับอาจารย์ที่ปรึกษานาย ฉันก็จะไม่สนใจความยาวของรายงานความผิดนั้นอีก เข้าใจไหม"
เสียงตะโกนดีใจลิงโลดส่งมาจากหูโทรศัพท์ "ได้ครับ ไต้อ๋อง ไม่มีปัญหาครับ ไต้อ๋อง!"
วางสายโทรศัพท์ โกโก้หันไปเปิดรายงานชันสูตรของศพหญิงไร้หัวทั้งสองที่วางอยู่บนโต๊ะ ในนั้นมีรูปถ่ายศพสอดอยู่หลายใบ ศพทั้งสองถูกตัดที่คอ ดูจากรูปถ่าย บาดแผลที่คออยู่ในสภาพตรงไม่เอียง โกโก้เงยหน้าขึ้น คุณหัวที่วางอยู่บนโต๊ะชันสูตรเอียงเล็กน้อย...
จ้องมองคุณหัวอีกสักครู่ โกโก้ขมวดคิ้ว เริ่มหาเครื่องวิเคราะห์โลหิตในตู้ออกมา
——————————————
"หัวหน้า..." หวั่นลี่ซอยเท้าวิ่งมาจากสุดทางเดินอีกด้าน
"เรื่องอะไร" ต้าเจิ้งหยุดเดินแล้วถาม
"คือว่า ได้ยินว่าพี่เพิ่งกลับมาพร้อมกับสวินเข่อหรัน"
"ทำไมเหรอ"
"เอ่อ พี่ชอบเธอจริงๆ เหรอ เธอเป็นหมอนิติเวชนะ วันๆ อยู่กับของน่าขยะแขยง..."
"เสี่ยวสวี เธอว่างมากใช่ไหม"
สวีหวั่นลี่กระทืบเท้า มองดูรอบๆ เห็นว่าไม่มีคน จึงพูดว่า "โจวต้าเจิ้ง อย่าคิดนะว่าฉันอยากยุ่ง ถ้าไม่เพราะครั้งก่อนพี่ถูกผู้หญิงหลอกเอาเงินแล้วยังถูกถีบหัวส่งอีก ฉันขี้เกียจจะสนใจพี่แล้ว!"
"ครับๆ..." ต้าเจิ้งแสดงสีหน้ายังไงก็ได้ "ไปตามทุกคนมา พวกเราจะประชุมกัน" พูดจบก็เดินไป สายตาไม่ได้ละออกจากเอกสารในมือตั้งแต่ต้นจนจบ
สวีหวั่นลี่งอน คิดอย่างเคืองๆ เชอะ ทำเป็นเออออกับฉัน ฉันจะไปถามหมอนิติเวชคนนั้นเอง!
——————————————
ต้าเจิ้งเรียกประชุมหน่วยเล็ก ที่กองมีห้องประชุมเล็ก พร้อมกับโต๊ะกลมใหญ่ ทุกคนเอาข้อมูลที่ได้มาจนถึงเวลานี้วางบนโต๊ะ แล้วก็เขียนทิศทางคดีบนกระดานข้างๆ
1. 1. ฐานะของผู้ตาย จนถึงเวลานี้พบศพหญิงไร้หัวสองศพ แล้วก็มีหัวที่สวินเข่อหรันเอากลับมาจากหอประกอบพิธีฌาปนกิจอีกหนึ่งหัว ถ้าจับหัวประกบร่างได้ก็สามารถตรวจสอบเปรียบเทียบกับรูปถ่ายในรายชื่อบุคคลสูญหาย ถ้าโชคดีก็จะพิสูจน์อัตลักษ์บุคคลได้ อย่างน้อยก็หนึ่งคนในนั้น พอยืนยันตัวบุคคลได้ ก็จะสามารถใช้สายตำรวจหรือตรวจสอบสิ่งแวดล้อมของผู้ตายจนรู้เวลาและสถานที่ที่เธอหายตัว
2. 2. วิธีหั่นศพ สำหรับสาเหตุที่ฆาตกรต้องตัดหัวแยกออกจากร่าง ในหน่วยอาชญากรรมมีความเห็นต่างกัน พวกหวังอ้ายกั๋วคิดว่าสะดวกในการทำความสะอาดและเอาไปทิ้ง แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ทำไมไม่หั่นศพให้เล็กกว่านี้ ตามหลักกายวิภาค บริเวณคอมีกระดูกสันหลังส่วนคอที่แข็งและเหนียวมาก เป็นส่วนที่แยกออกจากกันยากส่วนหนึ่ง ในเมื่อแม้หัวยังหั่นได้ ทำไมไม่หั่นส่วนที่เหลือด้วย ซึ่งจะสะดวกต่อการทิ้งศพมากกว่า ส่วนความเห็นอีกอย่างมาจากการคาดคะเนของสวินเข่อหรันก่อนหน้านี้ เธอคิดว่าการหั่นหัวออกจากร่างไม่ได้ทำเพื่อทิ้งศพ แต่ก็ไม่ได้มุ่งที่จะขัดขวางงานสืบทั้งหมด ถึงแม้เลือดที่ออกจากรอยตัดหัวมีปริมาณเลือดออกน้อย ซึ่งแปลว่าเหยื่อถูกหั่นศพหลังจากตายแล้วก็ตาม แต่ขั้นตอนนี้อาจมีความหมายลึกซึ้งต่อฆาตกรก็ได้ การหั่นหัวเพื่อซ่อนหลักฐานพิเศษบางอย่าง หรือมีความหมายพิเศษต่อฆาตกร แต่เธอยังไม่มีความเห็นที่เป็นรูปร่างออกมา
3. 3. ฆาตกร โจวต้าเจิ้งเห็นด้วยที่ผู้ชายคนที่มีรอยด่างขาวบนหน้าน่าสงสัยมาก สั่งให้ไป๋หลิงกับเซวียหยางตามสืบผู้ชายคนนี้โดยเฉพาะ ตั้งแต่เที่ยงจนถึงกลางคืนของวันที่ 12 สอบปากคำพยานผู้พบเห็นบริเวณร้านรับซื้อของเก่า เพื่อยืนยันฐานะของชายผู้นี้
4. 4. การวางแผนฆาตกรรม ตามประสบการณ์ที่ผ่านมา คดีฆาตกรรม โดยเฉพาะฆาตกรต่อเนื่อง ไม่ได้มีความสามารถในการฆ่าคนตั้งแต่เกิด ฆาตกรอาจจะเคยวางแผนคดีที่คล้ายกันแต่โทษน้อยกว่า ก่อนที่จะก่อคดีฆ่าหั่นศพเหล่านี้ ต้าเจิ้งสั่งให้สวีหวั่นลี่คัดกรองคดีที่ยังไม่ปิดภายในครึ่งปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการจับตัวหญิงสาวเรียกค่าไถ่ คดีพยายามฆ่า อีกทั้งคดีที่เกี่ยวกับการทำร้ายศีรษะ
ต้าเจิ้งมองประเด็นที่เขียนไว้ถี่ยิบบนกระดาน ขมวดคิ้วหันไปพูดกับหวังอ้ายกั๋ว "ไปเชิญหัวหน้าคดีอุกฉกรรจ์กลุ่ม 3 มา ดูซิว่าย้ายคนมาช่วยบ้างได้ไหม กลุ่มเขาเหมือนจะกำลังว่างหลังจากปิดคดียาเสพติด"
หวังอ้ายกั๋วพยักหน้า ลุกเดินออกจากห้องประชุม แต่เพิ่งถึงประตู ประตูก็ถูกผลักจากด้านนอกเข้ามา สวินเข่อหรันเดินนิ่วหน้าเข้ามา แล้วโยนเอกสารชุดหนึ่งบนโต๊ะกลมใหญ่ ทุกคนมองที่เธอ
"ศพหญิงไร้หัวศพแรกที่พบในเดือนกันยายนมีกรุ๊ปเลือดเอ ส่วนศพที่สองที่พบเมื่อเดือนที่แล้วเป็นกรุ๊ปเอบี" โกโก้ถอนใจแล้วมองไปที่ต้าเจิ้ง "คุณหัวมีกรุ๊ปเลือดเป็นโอ"
ทุกคนที่ล้อมโต๊ะอยู่นิ่งอึ้ง
หัวนั้นไม่ใช่ของศพไร้หัวทั้งคู่เลย