บทที่ 21 ฉือเสียวไป๋ นายต้องถ่อมตัวหน่อย
บทที่ 21 ฉือเสียวไป๋ นายต้องถ่อมตัวหน่อย
ในโลกแห่งจินตนาการจะไม่รู้สึกถึงเวลาที่ผันผ่าน อีกทั้งจะไม่รู้สึกถึงความเหนื่อยล้าสักนิด แต่สุดท้ายจะมีช่วงนาทีที่ต้องรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเอง เพียงแต่ว่าช่วงเวลาตั้งแต่เริ่มเข้าสู่ภวังค์สมาธิจนกระทั่งตื่นขึ้นมาจะไม่มีความเคลื่อนไหวทางสตินึกคิดมากเท่าไรนัก ทุกอย่างดูสงบราบเรียบเป็นอย่างมาก ประหนึ่งว่าระยะห่างระหว่างโลกจินตนาการและโลกความเป็นจริงเป็นเพียงช่วงหนึ่งของห้วงความคิดเท่านั้น
ช่วงหนึ่งของห้วงความคิด สือเสี่ยวไป๋ได้ตื่นขึ้นแล้ว
ทันทีที่สือเสี่ยวไป๋ตื่นขึ้นมาก็รู้สึกอึดอัดที่เนื้อตัวเหนียวเหนอะไปหมด เพียงแค่สูดลมหายใจเบาๆ กลิ่นเหม็นสาบก็ลอยเตะจมูกเข้าอย่างจัง หลังจากลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ เขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าร่างของตัวเองมานอนกองอยู่ในอ่างอาบน้ำ ด้วยสภาพที่สวมกางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียว ผิวชั้นนอกมีสิ่งปฏิกูลดำหนืดผุดออกมาปกคลุมอยู่ทั่วตัว
“เหม็นโคตร!”
สือเสี่ยวไป๋รีบกลั้นหายใจแทบไม่ทัน หากช้าอีกนิดเดียวเขาต้องอาเจียนออกมาแน่ เขากลั้นอาการพะอืดพะอมไว้แล้วรีบแหงนหน้ากวาดตาดูโดยรอบเมื่อหันไปเห็นฝักบัวในอ่างจึงรีบคว้ามันมา หมุนเปิดก๊อก เพียงครู่น้ำเย็นใสสะอาดก็พุ่งออกมาจากหัวฝักบัวรดลงทั่วตัวของเขาในทันที
ขณะที่อาบน้ำชำระกายด้วยน้ำสะอาด สิ่งปฏิกูลหนืดดำที่ติดอยู่ตามตัวพลันถูกชะล้างไหลออกมาคล้ายกับตะกอนที่ถูกชะล้างด้วยสายฝน ไหลออกมากองรวมกันเป็นก้อนโคลนเหนียวที่เพิ่มความน่าขยะแขยงยิ่งกว่าเดิม สือเสี่ยวไป๋ยื่นมือไปถูโคลนดำหนืดเป็นชั้นๆ ออกจากตัว ครั้นเมื่อมันไหลผสมกับน้ำสะอาดก็ยิ่งส่งกลิ่นเหม็นเน่ามากขึ้น
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
ในหัวของสือเสี่ยวไป๋เต็มไปด้วยความสงสัย พร้อมกับลูบถูโคลนดำตามตัวให้ไหลออกตามน้ำไปด้วยไม่หยุด ผ่านไปครู่ใหญ่ ถึงจัดการกับสิ่งปฏิกูลหนืดดำบนตัวได้หมดจด เผยให้เห็นผิวขาวเนียนใสดุจดั่งผิวพรรณแวววาวแห่งอิสตรี เมื่อยื่นมือไปหยิกก็คล้ายกับหยิกเอาน้ำออกมาด้วย
“นี่มันร่างกายของข้าหรือเปล่า?”
สือเสี่ยวไป๋รีบลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำ แล้วเดินไปหน้ากระจกบานยักษ์ในห้องน้ำ มองเห็นภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกที่นอกเหนือจากผิวพรรณที่ดูเหมือนใหม่แล้ว แขนขาและรูปร่างก็ยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เขาจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อหันหน้าไปมองก็พบว่ามีเสื้อผ้าสำหรับผู้ชายชุดหนึ่งพร้อมผ้าเช็ดตัวสีขาวอีกผืนหนึ่งแขวนอยู่บนกำแพงห้องอาบน้ำ
“น่าจะเป็นของที่ยัยซาดิสม์เตรียมไว้ให้แหละ”
สือเสี่ยวไป๋ยกหัวฝักบัวขึ้นมาชะล้างคราบตะกอนบนร่างอย่างพิถีพิถันจนสะอาด แล้วจึงใช้น้ำจากฝักบัวทำความสะอาดคราบโคลนที่ส่งกลิ่นเหม็นเน่าในอ่างอาบน้ำออก ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดเนื้อตัวจนแห้งแล้วจึงเริ่มสวมเสื้อผ้า
เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงกีฬาขาสั้นที่หลีจื่อเตรียมไว้ให้ออกจะดูหลวมไปหน่อย แต่กางเกงชั้นในสีดำกลับคับไปนิด
สือเสี่ยวไป๋ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องพวกนี้ เมื่อสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยจึงยืดขยับกล้ามเนื้อและกระดูกเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ รู้สึกชินขึ้นมาบ้าง
หลังจากที่เขาออกมาจากห้องน้ำ ก็เดินสำรวจรอบห้องรับแขกอยู่หลายรอบ แต่ก็พบว่าหลีจื่อไม่อยู่บ้าน
“แปลกจัง ยัยซาดิสม์ไปไหนซะแล้ว?”
สือเสี่ยวไป๋ตะโกนเรียกอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงขานตอบ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าท้องไส้ระเบิดความหิวโหยอย่างรุนแรง ความหิวโหยนี้คล้ายกับว่าเป็นความหิวที่ถูกกดไว้มาแสนนาน คล้ายกับสปริงที่ถูกกดเอาไว้แน่นก่อนจะกระเด้งทะยานตรงขึ้นมาชนหน้าผากทันที
“ให้ตายสิ! หิวชะมัด!”
เพราะความรู้สึกหิวโหยอย่างรุนแรงจนเกือบจะขาดสติของสือเสี่ยวไป๋ เขาจึงกระโจนไปยังห้องครัวอย่างบ้าคลั่ง แล้วเปิดตู้เย็นอย่างแรง ทำให้อาหารที่ถูกยัดไว้เต็มตู้เย็นพลันหล่นกลิ้งตุบๆ ลงมาทันที เห็นได้ชัดว่าหลีจื่อได้เตรียมไว้ให้แต่แรกแล้ว สือเสี่ยวไป๋กลืนน้ำลายเอื๊อกหนึ่งก่อนจะยื่นมือไปหยิบอาหารจากตู้เย็นยัดเข้าเต็มปาก
สือเสี่ยวไป๋เคี้ยวเนื้อสุกที่แข็งเย็นไปพลาง ยัดข้าวปั้นเข้าปากกลืนเอื๊อกๆ ไปพลาง ราวกับอดอยากมาหลายเดือน
เขมือบจนกระทั่งท้องจะปริแตก สือเสี่ยวไป๋จึงปิดตู้เย็นลงอย่างพอใจ ก่อนจะเดินเนิบช้ากลับไปยังห้องรับแขก แล้วจึงเห็นว่าใต้รีโมททีวีบนโต๊ะมีกระดาษสีขาวใบหนึ่งถูกทับอยู่
สือเสี่ยวไป๋หยิบขึ้นมาอย่างสนอกสนใจ กวาดสายตาอ่านตัวหนังสือยึกยือในกระดาษ
......
“ถึงสือเสี่ยวไป๋ ชั้นมีธุระต้องรีบไปจัดการก่อน ไม่รู้ว่าการเข้าฌานสมาธิของนายครั้งนี้จะนานแค่ไหน จะรอจนนายตื่นขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าเมื่อไร ทว่าก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับนายสักหน่อย นายได้ฝ่าด่านขั้นปฐมจิตชั้นหนึ่งเรียบร้อยแล้ว ชั้นอยากรู้มากว่านายจินตนาการเรื่องอะไรหลังจากเข้าฌานสมาธิ การที่นายเข้าสู่ขั้นปฐมจิตได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ช่างน่าเหลือเชื่อเกินไป!”
“ใช่แล้ว หลังจากการเข้าฌานสมาธิ จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งแรกของร่างกายมนุษย์ นั่นก็คือ ‘พลังจิตชำระล้าง’ ร่างกายของนายจะขับคราบไคลของเสียที่สะสมมานานหลายปีออกมาเอง สรุปก็คือจะมีสิ่งปฏิกูลหนืดดำที่ส่งกลิ่นเหม็นมากเกาะคลุมอยู่บนร่างกายชั้นหนึ่ง จะเหม็นสักเพียงไหน นายก็น่าจะได้สัมผัสแล้ว ทว่าหลังจากที่ชั้นลากนายไปทิ้งในอ่างอาบน้ำแล้ว ในห้องก็ยังคงมีกลิ่นเหม็นเน่าพวกนั้นอยู่ ชั้นทนไม่ไหวเลยแยกตัวมาก่อน!”
“หลังจากที่นายตื่นขึ้นมาความหิวโหยที่ถูกกดเอาไว้จะทะลักออกมา ชั้นวางของกินไว้ในตู้เย็นให้แล้ว แต่จำไว้นะอย่ากินจนแน่นเกินไป ไม่งั้นกระเพาะจะรับไม่ไหว อ้อ อีกอย่าง เสื้อผ้าชุดนั้นที่ชั้นเตรียมไว้ให้นาย เป็นชุดที่ชั้นเลือกมาด้วยตัวเอง หึหึ นายคงขำกลิ้งเลยสินะ!”
“โอเค เรื่องที่ควรพูดก็ได้พูดไปเรียบร้อยแล้ว! แม้ว่านายในตอนนี้จะฝ่าด่านเข้าสู่ขั้นปฐมจิตชั้นหนึ่งแล้ว แต่ตามความเข้าใจของชั้นน่ะ ขนาดแค่เทคนิคการต่อสู้แห่งพลังจิตขั้นพื้นฐานที่สุดของที่สุดของที่สุด นายก็ยังมีไม่ถึงครึ่ง สรุปก็คือ นายในตอนนี้ยังเป็นแค่คนอ่อนแอ อ่อนแอมากถึงมากที่สุด! ในบรรดาเด็กใหม่ของฝ่ายทำลายครั้งนี้ แม้ว่าจะมีนายเพียงคนเดียวที่เป็นเด็กใหม่ระดับ A ขึ้นไป อีกทั้งนายยังเป็นผู้มีพลังจิตพิเศษเพียงคนเดียวอีก ทว่าในบรรดาเด็กใหม่นั้นกลับมีหลายคนที่อยู่ในขั้นปฐมจิตชั้นสองขึ้นไปแล้ว และยังมีอีกหนึ่งคนที่ฝ่าด่านจนถึงขั้นปฐมจิตชั้นสี่แล้วด้วย! เสี่ยวไป๋เอ๋ย ชั้นจะไม่บอกนายก็ไม่ได้ นายในตอนนี้น่ะไม่มีความเป็นเลิศด้านความสามารถพิเศษเลยสักนิด ในดินแดนพลังจิตนั้นนับว่านายยิ่งเสียเปรียบ บวกกับนายไม่มีวิชาการต่อสู้แม้ครึ่ง ดังนั้นในบรรดาเด็กใหม่ครั้งนี้ พลังที่แท้จริงของนายน่ะถือว่าอยู่หางแถว!”
“ดังนั้น นายจะต้องเตรียมตัวให้ดีเพื่อเตรียมใจสำหรับเป็นหางแถว! กฎข้อแรกของไกอาคือ ‘ให้รางวัลผู้แข็งแกร่ง ลงโทษผู้อ่อนแอ’ แม้จะเป็นการฝึกอบรมเด็กใหม่ แต่กลไกการคัดออกที่โหดร้ายมากๆ ก็ยังมีอยู่ ครูผู้ฝึกจะทำการทดสอบระดับอยู่บ่อยๆ ซึ่งในการทดสอบแต่ละครั้งจะมีการคัดผู้ที่อ่อนแอที่สุดออกหนึ่งคน ดังนั้น เสี่ยวไป๋ นายต้องพยายามให้มากกว่านี้แล้วหล่ะ!”
“อีกอย่าง จำไว้อย่าเรียกตัวเองว่า ‘ข้า’ อีก! พลังความแข็งแกร่งของนายในตอนนี้ยังไม่เข้าขั้น จะต้องเรียนรู้ที่จะถ่อมตน! ไกอาสนับสนุนให้เด็กใหม่ใช้วิธีการต่อสู้ตัวต่อตัวมาแก้ปัญหาความขัดแย้ง ดังนั้นนายอย่าได้คิดหาเรื่องเป็นอันขาด! ในตอนนี้นายควรจะเปิดใจเรียนรู้การถ่อมตัวเพื่อเป็นผู้แข็งแกร่ง อย่าได้หล่นไปอยู่อันดับสุดท้ายเด็ดขาด บนพื้นฐานข้อนี้พยายามถีบตัวเองให้อยู่สูงขึ้นไป เสี่ยวไป๋ จากพรสวรรค์ของนายแล้ว การตกต่ำเป็นเพียงระยะเวลาช่วงหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นเมื่อนายพบเจอความยากลำบากขออย่าได้หมดกำลังใจ แล้วถอดใจง่ายๆ!”
“ใช่แล้ว การอบรมเด็กใหม่เริ่มวันที่ 1 เดือน 7 ปฏิทินบนผนังห้องรับแขกได้เขียนเอาไว้แล้ว ตอนนายตื่นขึ้นมาแล้วอย่าลืมไปดูสักหน่อย โปรดจำไว้ว่าวันแรกห้ามไปสาย และห้ามโดดเรียน ครูผู้ฝึกในครั้งนี้ของฝ่ายทำลายนั้นเป็นคนที่สุดยอดมาก อีกทั้งนิสัยก็ประหลาดมาก สรุปคืออย่าได้แหกกฎ หรือสร้างความไม่น่าประทับใจให้กับครูผู้ฝึก และยิ่งไม่ควรไปมีเรื่องกับเด็กใหม่คนอื่น ต้องถ่อมตน ถ่อมตนแล้วก็ถ่อมตน”
“ตัวชั้นเองเพื่อจะเก็บคะแนนบวกแห่งฮีโร่ และยกระดับอันดับฮีโร่ จึงได้รับจ้างงานฮีโร่ที่ออกจะยุ่งยากมางานหนึ่ง คาดว่าคงต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งจึงจะกลับมา รอจนถึงเวลาที่ชั้นกลับมาแล้วหวังว่าจะได้เห็นสือเสี่ยวไป๋คนใหม่ อย่าทำให้ชั้นต้องผิดหวังล่ะ!”
“จาก หลีจื่อแห่งวังทักษิณ”
สือเสี่ยวไป๋อ่านตั้งแต่ต้นจนจบ รู้สึกสับสนวุ่นวายในใจอยู่หน่อย การฝ่าด่านมาถึงขั้นปฐมจิตชั้นหนึ่งจนกลายเป็นผู้มีพลังจิต ทำให้เขาดีใจอย่างมาก แต่เรื่องราวที่หลีจื่อเขียนจดหมายทิ้งไว้กลับทำให้เขารู้สึกหนักใจอยู่บ้าง
“ให้ข้าถ่อมตัว ไม่เท่ากับเอาชีวิตข้าไปเลยล่ะ?”
เมื่อสือเสี่ยวไป๋คิดว่าจะไม่สามารถเรียกแทนตัวเองว่า ‘ข้า’ ได้อีกพลันรู้สึกโลกทั้งใบดูอึมครึมลงหลายส่วน เขาประติดประต่อเรื่องอยู่นานก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างทำอะไรไม่ได้ แล้วเดินไปยังผนังห้องรับแขกที่มีหน้าจอคริสตัลขนาดเล็กแสดงเวลาแขวนอยู่
สือเสี่ยวไป๋อยากดูว่ายังเหลือเวลาอีกเท่าไหร่กว่าจะถึงวันฝึกอบรมเด็กใหม่ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเวลาที่เหลือสำหรับลานเกม
เมื่อสือเสี่ยวไป๋เดินเข้ามาใกล้พลางเพ่งตาไปดูก็ต้องยืนค้างตะลึง
เห็นเพียงตารางเวลาแสดงผลอย่างชัดเจนว่าวันนี้คือ “วันที่ 4 เดือน 7 เวลา 10:30!”
ซวยแล้ว นี่มันเลยมาตั้งสี่วันแล้ว!