ตอนที่ 37 ก็ความลับไม่ใช่ความลับ
ตอนที่ 37 ก็ความลับไม่ใช่ความลับ
เชี่ยเอ้ย ไข่งู!!!
แถมยังมีเป็นร้อย!!!
เขาว่าสิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายนั้นจะดุร้ายมากขึ้นเมื่อมีลูก แล้วนี่คือมีลูกนับร้อยตัวอยู่ในโพรง เวรเอ้ย นี่จะมีเจ้างูไซส์เท่านี้เป็นร้อยเกิดมาเรอะ! ฉิบหาย! ฉิบหาย!! ฉิบหายที่สุด!!!
แต่ในจังหวะที่เขากำลังเสียสติกับอนาคตของชาติงูที่กำลังจะเกิดมาในอนาคตอยู่นั้นเอง ตัวแม่มันก็เข้ามาใกล้เขาเรื่อย ๆ กว่าที่จะรู้ตัว เสวี่ยหงเยว่ก็หันไปพบกับปากงูที่พร้อมอ้ารองาบแล้ว เขารีบเอี้ยวตัวหลบเอาชีวิตรอดให้ไว้ ส่งผลให้การเคลื่อนไหวเสียหลัก ร่วงหล่นลงมาทันที
เขาอยู่ในระยะที่ห่างจากเฟยฉี แม้เขาจะรีบเร่งเรียกให้มันกลับมาหาเขา แต่อัตราการดิ่งลงของแรงโน้มถ่วงมันก็ไวเกินกว่าที่กระบี่จะแหวกอากาศลอยมาหาได้ทัน เขาเคยคิดที่จะใช้พลังของตัวเองในการลดความเร็วแรงโน้มถ่วง กระตุ้นให้ตัวลอยขึ้น
แต่ว่ายังไม่ทันได้ทำอะไร--!!
หลังคอเสื้อของเขาก็ถูกคว้าเอาไว้ ชายหนุ่มถูกประครองร่างให้ลอยขึ้นมาพร้อมกับที่เฟยฉีแหวกอากาศตรงมาหารับเขาไว้ได้ทัน เมื่องเสวี่ยหงเยว่เงยหน้าขึ้นไป...
ดวงตาสีแดงก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ
ดวงตาสีทอง...เส้นผมสีดำ และเครื่องแต่งกายสีดำตัดทอง เชือกผู่สีขาวสลับแดงเด่นที่ห้อยป้ายหยกสีขาวสลักลายหงส์สองตัวประจันหน้ากันอยู่ตรงเองนั้นโบกพริ้วไปตามสายลมพร้อม ๆ
"ไป๋หลาน...?" เสวี่ยหงเยว่เอ่ยออกมาอย่างอยากลำบาก จนถึงขั้นเหงื่อแตกพรากออกมา
"ใช่...ข้าเอง" เหอไป๋หลานกล่าว ระหว่างที่พาร่างของเสวี่ยหงเยว่ลงมายืนที่พื้นดีๆ พอพวกเขาถอยออกมาอยู่ในระยะห่างจากไข่งู แม่งูก็ไม่ได้มีทีท่าสนใจพวกเขาอีกเลย...และนั่นทำให้เสวี่ยหงเยว่คิ้วกระตุกกึก เขาเข้าใจเอาเองว่ามันดุร้ายเพื่อปกป้องลูก แต่อิโพรงนั้นน่ะไม่ใช่เป้าหมายเขาสักหน่อย เข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า
ในตอนนี้เขาต้องตั้งหลักก่อนทั้งเพื่อหาแผนในการบุกเข้าไปยังโพรงที่มีผู่พัดของเฉวียนซือเสียตกอยู่ ทั้งเพื่อทำใจให้ตัวเองเข้าใกล้งูให้ได้
อีกทั้งยัง...
ยังมีปัญหาเรื่องเจ้าคนข้างตัวเขาด้วย
"ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร" เสวี่ยหงเยว่เอ่ยถาม แม้จะไม่ได้มองหน้าของเหอไป๋หลานเลยก็ตาม
"ข้าได้ยินเรื่องที่เจ้าคุยกับจ้าวหานแล้ว" เขาตอบ ดวงตาเขาเองก็จับจ้องไปยังทางงูยักษ์ตัวนั้นเช่นกัน
ทว่าสิ่งที่เหอไป๋หลานพูดนั้นกลับทำให้เสวี่ยหงเยว่เหงื่อแตกพราก เขาพยายามนึกย้อนว่าหลังที่นั่งผู้ชมนั้นตนคุยอะไรกับซุนจ้าวหานไปบ้าง แล้วหมอนี่มันรู้อะไรไปบ้าง ได้แต่ภาวนาว่าตอนนั้นตัวเองจะไม่หลุดพูดถึงเรื่องชาติก่อนหรืออะไรเถือก ๆ นั้นออกมาเลยได้ได้โปรด
"คุณหนูเฉวียนโดนลักพาตัวใช่ไหม...ทำไมเจ้าไม่บอกคนอื่น ทำไมไม่บอกข้า" เหอไป๋หลานว่า
"ได้ยินมาเท่านั้นหรือขอรับ?" เสวี่ยหงเยว่ถามซ้ำ
"มีอะไรมากกว่านี้อีกหรือ?"
"ไม่มีอะไรหรอก มีเท่านั้นแหละขอรับ" แล้วนั่นก็ทำให้เสวี่ยหงเยว่พ่นลมหายใจออกมา...รอดตัวไปที!
"ข้าไม่อยากให้คนอื่นแตกตื่น ตั้งใจว่าจะรีบจัดการแล้วรีบนำตัวคุณหนูเฉวียนกลับไปก่อนที่งานจะจบ ท่านก็รู้ว่าในตอนนี้ชื่อเสียงเมืองโหย่วเผิงยังไม่กลับมาดี ข้าไม่อาจให้มีข่าวเสียหายของระบบการรักษาความปลอดภัยเกิดขึ้นได้กลางงานประลอง" เขาตอบตามเหตุผลจริงทุกอย่าง จะว่าผักชีโรยหน้า หมกฝุ่นใต้พรม อะไรก็แล้วแต่ เขาจะไม่ปล่อยให้ชาวบ้านที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องมาวุ่นวายหรือธุรกิจซบเซาเพราะสถานการณ์แย่ ๆ ที่ชอบโผล่มาแบบไม่สนหูสนตาของนิยายเรื่องนี้อีกแล้ว
เขาได้ยินเสียงอืมเบา ๆ จากคนข้างตัว ก่อนดวงตาเหลือบมองเหอไป๋หลาน
"ว่าแต่ท่านเถิด ผละจากที่นั่งมาเช่นนี้ผู้อาวุโสเฟิงไม่โกรธแย่หรือ?"
"ข้าก็ทำแบบเดียวกับเจ้า" เหอไป๋หลานตอบ
"หา...?"
"ข้าให้จ้าวหานช่วยทำแบบเจ้า เจ้าทำได้ ข้าเองก็ทำได้เช่นกัน" เหอไป๋หลานตอบ ด้วยรอยยิ้มที่ใสซื่อไม่ต่างจากผู้เป็นน้อง ทว่ามันกลับทำให้คนมองรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ แทน
เชี่ยเอ้ย!! ไอ้คุณชายนี่แม่งไม่ไหวแล้ว!
เจ็บจัง
หายใจไม่สะดวกเลย…
ในเวลานี้สติของเด็กหญิงวัยสิบสองปีนั้นค่อนข้างจะพร่าเลือนเนื่องจากเพิ่งฟื้นจากการสลบเป็นเวลานาน เฉวียนซือเสียนจำอะไรไม่ได้มากนัก สิ่งที่นางระลึกได้ก่อนสติจะดับวูบไปคือนางได้มาชมการแข่งขันประลองยุทธ์กับท่านพ่อของนางและพบกับ 'ท่านไป๋เทียน' จากการถ่ายทอดภาพในสนามประลอง
ด้วยความที่นางไม่มีคนรู้จักมาร่วมแข่งขัน พอเห็นว่ามีคนที่พอจะคุ้นเคยใบหน้าอยู่ในนั้นก็ดีใจกอปรกับที่สาวน้อยนั้นเบื่อจะดูการต่อสู้ในสนาม จึงได้แอบออกมาซื้อของขวัญเพื่อจะได้ให้กำลังใจเหอไป๋เทียนหลังจากกลับมาจากสนามแข่ง
แล้วหลังจากนั้น…โลกมืดมิดไปกว่าที่จะรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่ารอบกายนั้นชื้นแฉะ ซ้ำมือ เท้าและปากต่างถูกมัดเอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหนได้ เด็กหญิงพยายามดิ้นก็แล้ว ใช้เท้ากระเสือกกระสนดิ้นก็แล้ว เชือกหลุดออกมาแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เธอไม่มั่นใจนักว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ สถานการณ์แบบนี้มันเป็นครั้งแรกในชีวิตจะอธิบายด้วยคำไหนก็เลือกหาคำมาพูดแทนได้ยากนัก
แต่หากเอาความรู้จากการที่เคยได้อ่านนิยายรักมาก เหตุการณ์เช่นนี้นั้นมันใกล้เคียงกับสิ่งที่เรียกว่า…
การลักพาตัว...
ในนิยายรักที่นางอ่านมักจะมีเรื่องราวของหญิงสาวที่ถูกลักพาตัวมาโดยคนไม่ดี เธอกำลังเข้าสู่ช่วงย่ำแย่ เข้าตาจน ต้องเอาตัวรอดด้วยความหวาดกลัว ต้องขัดขืนและสู้คนร้ายอย่างสุดความสามารเท่าที่กำลังทั้งหมดของนางจะมีและพอถึงจังหวะสำคัญ นางเอกกำลังเข้าตาจนอยู่นั้นเอง พระเอกรูปงามก็จะเข้ามาช่วยเหลือ!!
แต่!!
นี่มันไม่ใช่นิยายรักเนื้อหาแสนงดงามน่าประทับใจ ถึงเฉวียนซือเสียนนั้นจะอายุเพียงแค่สิบสองปีแต่นางก็รู้ดีกว่าเรื่องแบบนั้นมันก็เกิดขึ้นได้แค่จากปลายผู่กันของนักประพันธ์เท่านั้น สิ่งที่นควรให้ความสนใจที่สุดในตอนนี้คือ นางควรจะเอาตัวรอดจากการถูกลักพาตัวนี้อย่างไรมากกว่า
ดวงตาเริ่มปรับเข้ากับความมืดได้แล้วและเห็นว่าที่ซึ่งเธออยู่นั้นเป็นพื้นที่มืดและแคบคล้ายกับถ้ำโพรงบางอย่าง อีกทั้งเมื่อลองตั้งใจฟังดี ๆ ยังมีเสียงของสายน้ำเคลื่อนไหวตามลม ก็ยิ่งทำให้เฉวียนซือเสียนมั่นใจว่าตนอยู่ในโพรงใกล้แหล่งน้ำอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ ด้วย แถมยังนอนราบหน้าแทบจุ่มโคลนอีกต่างหาก
ป่านนี้ชุดสีม่วงตัวโปรดคงเปื้อนเลนหมดแล้ว ทำเช่นไรดี อุตส่าห์ใส่เผื่อจะได้เจอคนๆ นั้นแท้ๆ -- เฉวียนซือเสียนนั้นคิดเช่นนี้ เด็กหญิงทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย ในเวลานี้นางยังมีแก่ใจมาเป็นห่วงชุดไปเสียได้
แต่แล้ว ความคิดของเฉวียนซือเสียนก็ต้องเป็นอันหยุดลง เมื่อได้ยินเสียงใครบางคนกำลังร้องครางงี๊ด ๆ
นางจึงต้องแกล้งทำเป็นสลบอีกครั้ง!
...
...
แต่ทว่าเฉวียนซือเสียนนั้นวางทีท่าเป็นสลบอยู่นานสองนาน ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากเสียงร้องอันน่าอนาถ นางจึงต้องพยายามเพ่งสมาธิฟังว่าไอ้เสียงหงุงหงิง ๆ พวกนั้นกำลังคุยอะไรกันอยู่
"ข้าบอกแล้วใช่ไหมเล่าว่าเราไม่ควรมาทางนี้" เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้น มันสั่นไปหมดคล้ายกับเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัวในอะไรบางอย่าง
"ใครจะไปรู้เล่าว่าพื้นที่ตรงนี้จะมีงูยักษ์" คนอีกคนหนึ่งว่า "แบบนี้นอกจากจะออกไปไม่ได้แล้ว ดีไม่ดีอาจจะติดอยู่ในนี้ไปจนวันตาย!"
"แล้วเราต้องหลบอยู่ในรูนี้นานแค่ไหนกัน...ไหนว่านี่มันงานง่ายแค่ลักพาตัวก็ได้เงินค่าไถ่มาแล้ว เจ้าคนโป้ปด รู้เช่นนี้ข้าไม่น่าเชื่อเจ้าเสียก็ดี"
แล้วการทะเลาะโต้เถียงก็ดังไม่หยุด ทะเลาะไปพลาง ครางเป็นหมาน้อยร้องไห้เสียงหลงไปด้วย ดูท่าแล้วจะทั้งเสียใจทั้งหวาดกลัว
เรียวคิ้วของเฉวียนซือเสียนนั้นเลิกขึ้นเล็กน้อย งานลักพาตัว? ได้เงิน? มาผิดเส้นทาง? งูยักษ์?
ได้ยินแค่นั้น นั่นก็พอจะทำให้เด็กอายุสิบสองคนหนึ่งประมวลผลได้แล้วว่าตอนนี้อยู่ในสถานการณ์เช่นไรเพราะนางได้ยินเสียงสัตว์เลื้อยคลานขู่แฟ่ ๆ บนหัวตัวเองมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว เจ้าสองคนตรงนั้นคงทำให้นางสลบเพื่อลักพาตัวนางมาเรียกเงินค่าไถ่ ก่อนที่จะเจอดวงตกเจองูร้ายเลยต้องมุดรูดำโพรงรอความช่วยเหลือเพราะออกไม่ได้ ออกไปคงโดนงูเขมือบหัวเอา
ในใจหล่อนก็นึกสมน้ำหน้า อยากก่อกรรมชั่วลักพาตัวคนอื่นดีนักแต่ก็สะใจได้เพียงไม่นานเพราะสุดท้ายแล้ว คนดวงตกเหยื่อโจรลักพาตัวที่ต้องติดสอยห้อยตามมานอนแหมบอยู่ในโพรงมันก็คือตัวนางเองนี่แหละ เรียกได้ว่าถึงจะโชคดีที่ไม่ได้โดนเรียกค่าไถ่ แต่ก็ดันหนีเสือปะทะงู
เฉวียนซือเสียนถอนหายใจออกมายาวเหยียด นางพยายามทบทวนความคิดและหาวิธีหนีเอาตัวรอดให้ออก ในตอนนี้จะให้คาดหวังว่าจะมีพระเอกบุกป่าฝ่าดงมาช่วยเหลือเนี่ยก็เพ้อเจ้อเกินทน เด็กวัยสิบสองยังรู้เลยว่าเป็นไปไม่ได้
แต่ว่า...นางจะเอาตัวรอดยังไงดีล่ะ วิชาที่มีก็แค่แอบเรียน งู ๆ ปลา ๆ จากองค์รักษ์เท่านั้น นางยังไม่ถึงวัยสอบเข้าสำนักเลยด้วย
แต่แล้วในระหว่างที่เด็กหญิงกำลังคิดอยู่นั้นเอง ในกระเป๋าถือใบน้อยที่นางกอดอยู่ก็หยุกหยิก ๆ คล้ายอะไรบางอย่างพยายามจะดิ้นให้หลุดออกมา ขนนุ่ม ๆ ฟู ๆ ของมันไหวคลอใต้จมูกจนนางแผดเสียงจามออกมา ทว่าด้วยความตกใจด้วย เสียงจามนั้น มันเลยใกล้เคียงกับเสียงกรี๊ดอยู่ไม่น้อย
จนกระทั่งนางได้ยินเสียงอู๊ด ๆ ดังออกมา เฉวียนซือเสียนจึงได้เข้าใจเอาเดี๋ยวนั้น ว่าเพราะก่อนหน้าที่จะเดินออกมาจากสนาม นางได้พบกับหมูตัวน้อยที่คลับคล้ายว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงของเหอไป๋เทียน นามว่าเจ้าเสี่ยวจู มันคงติดมาด้วยเพราะนางจับมันใส่กระเป๋าเอาไว้จะได้เดินเที่ยวงานด้วยกันได้สะดวกๆ
และนั่นทำให้เสียงปริศนาที่กำลังสนทนากันอยู่นั้นรีบหันมองด้วยความตกใจ ในทีแรกพวกเขาทำหน้าคล้ายจะทำตัวไม่ถูก ทว่าพอได้ยินเสียงเลื้อยคลานดังบนหัว ก็รีบถลาจนแทบคลานเข่ามาหา คุกเข่าก้มจนหน้าแทบติดพื้น
คุณหนูเฉวียนขอรับบบ พวกข้าน้อยผิดไปแล้วขอรับบบ ได้โปรดให้อภัยแล้วนำคนมาช่วยข้าน้อยที่ ฮือออ—!!`”
และนั่นก็ทำให้เด็กหญิงทำหน้าอะไรเนี่ยใส่เจ้าสองคนนั้นทันที...
ลักพาตัวลักพาตัวมา แล้วจะยังขอให้นางช่วยอีกหรือ คนอะไร หน้าไม่อายเป็นที่สุด! ทว่านางก็ไม่ควรทำตนใจร้อน ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนฉันท์ใด นางก็ต้องเอาตัวรอดฉันท์นั้น
หลังจากที่นางสั่งให้พวกนั้นแก้มัดให้เรียบร้อยแล้ว เด็กหญิงก็สอบสวนเป็นการใหญ่ จึงทำให้สรุปได้ว่าสองคนนั้นคือชายเสเพลติดหนี้สินพนันในย่านเริงรมย์เป็นจำนวนเงินโข เพื่อที่จะได้นำเงินมาจ่ายหนี้สิน พวกเขาจึงได้วางแผนลักพาตัวคุณหนูลูกนายเมืองโดยพึ่งพาเส้นสายคณะจัดงานให้นำปิศาจร้ายระดับสูงกว่าปกติมาลงสนามเพื่อเบนความสนใจจากกระบวนการรักษาความปลอดภัยเพื่อลักพาตัวนางมา
ทว่ากลับดันไปไม่ถึงฝั่งฝันเพราะเจองูยักษ์กลางป่าเลยต้องมาหลบซ่อนอย่างน่าอนาถ นอกจากแผนไม่เข้าท่าแล้วยังโง่ด้วย...ผู้ชายไม่เอาถ่านของแท้
นี่ - มัน - เรื่อง - บ้า - อะ - ไร - กัน - เนี่ย!!
เฉวียนซือเสียนนึกอยากจะเอาพัดปักหน้าเจ้าสองคนติดพนันตรงนั้นด้วยความโมโห
“หน้าตาเสื้อผ้าก็ดูไม่ใช่คนยากไร้ ริอาจจะตัดอนาคตตัวเอง ผู้ดีน่ะต่อให้สิ้นไร้ไม้ตอกก็ต้องทำตัวให้สมเป็นผู้ดีเสียสิ” นางพูดด้วยความหงุดหงิด เดิมทีเฉวียนซือเสียนนั้นก็เป็นเด็กที่โตท่ามกลางผู้ใหญ่นับร้อยในบ้าน เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวท่ามกลางคนเอาใจ นางจึงกล้าเท้าเอวกร่นด่าผู้ชายตัวโตฉอด ๆ เช่นนี้
คนทั้งสองนั้นได้แต่ฟังแล้วนั่งหงิม เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงผู้ชายกาก ๆ ที่จะทำชั่วยังหงอย ไร้ซึ่งความน่ายำเกรง สมสำนวนว่าเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ เฉวียนซือเสียนกอดอกฮึดฮัด ขัดใจอยู่ไม่น้อย ระหว่างนั้นเองเจ้าเสี่ยวจูหมูน้อยก็ส่งเสียงอู๊ด ๆ คล้ายกับจะบอกอะไรบางอย่าง ซึ่งทำให้เด็กหญิงเลิกคิ้วขึ้น สบตาเจ้าลูกหมูสักพักก่อนจะที่จะวางมันลงมาจากตัก
มันก้าวเดินไปทางหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองเฉวียนซือเสียน เดินไปอีกก้าว แล้วหันมองอีก ราวกับว่ามันจะให้นางตามมันมา พอเด็กหญิงเริ่มเข้าใจ เธอจึงค่อย ๆ คลานตามมันไปอย่างช้า ๆ โพรงนี้ลึกก็จริง ทว่าก็ต่ำ เดินธรรมดา ๆ ได้ลำบาก การคลานจึงเป็นวิธีที่เข้าท่าที่สุด
“ตามหมูไป? แม่คุณหนูนั่นเพี้ยนไปแล้วหรือ” เสียงหนึ่งเอ่ยซุบซิบถาม
“เจ้า—เงียบก่อน”
แว่วเสียงโต้เถียงไปมาระหว่างคนสองคนอีกครั้ง และคราวนี้เฉวียซือเสียนก็หันไปมอง ดวงตาของนางส่งประกายว่า 'จะไปก่อนไม่รอแล้วนะ อยู่เฉย ๆ ให้งูกินหัวไปซะเถอะไอ้พวกกาก'
และนั่นก็ทำให้ทั้งสองคนเงียบสงบลงไปได้ของแท้ นอกจากจะกลัวงูข้างนอกแล้ว สายตาของเฉวียนซือเสียนนั้นมันก็น่ากลัวจนเกินเด็กหญิงอายุสิบสอง...น่ากลัวประหนึ่งว่าหากเอาเล็บมาจิกหนังหัวพวกเขาได้ นางคงทำไปแล้ว
พวกเขาจึงต้องจำใจยอมแต่โดยดีเพื่อการเอาตัวรอด