ตอนที่ 210 ชื่อเสียงคืออะไร
เฟิงเฟินไดตัวแข็งทื่อทันที เมื่อมองไปที่เฟิงเฉินหยู นางคิดว่านางไม่รู้จักพี่สาวคนโตผู้นี้ดีพอ
เหตุผลที่นางเลือกเฟิงเฉินหยูก็เพราะนางคิดว่าเฟิงเฉินหยูชื่นชอบองค์ชายเจ็ด
แต่นางไม่คิดว่าเฟิงเฉินหยูจะหักหลังนางเช่นนี้ ! เฟิงเฉินหยูไม่เพียงแต่ไม่ร่วมมือกับนาง แต่เฟิงเฉินหยูกลับเอ่ยกับฮูหยินผู้เฒ่าว่า “น้องรองเป็นองค์หญิงแห่งมณฑล และนางหมั้นกับองค์ชายเก้า การที่นางสนิทกับองค์ชายเจ็ดนี่คือสิ่งที่ทุกคนรับรู้โดยทั่วกัน แม้ว่าองค์ชายเจ็ดจะเข้าออกคฤหาสน์ขององค์หญิงแห่งมณฑล แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด”
ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกว่าเฟิงเฉินหยูพูดมีเหตุผลและนางเห็นด้วย นางจึงพยักหน้า “เฉินหยูพูดถูก เฟินได แทนที่เจ้าจะใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ จับผิดพี่สาวคนรองของเจ้า ?”
เฟิงเฟินไดไม่อาจพูดโต้แย้งคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่า ได้แต่บอกว่านางหลงผิดในชั่วครู่ นางจ้องมองเฟิงเฉินหยูอย่างดุดัน นางยังจำได้ว่าเวลาที่เฟิงเฉินหยูจงใจกระโดดลงน้ำในงานเลี้ยงในพระราชวัง เห็นได้ชัดว่านางเห็นเขาช่วยเฟิงเซียงหรูและรู้สึกอิจฉา ถ้านางตั้งใจที่จะกระโดดลงไปในน้ำ ทำไมนางถึงไม่สนใจความสัมพันธ์ระหว่างเฟิงหยูเฮงกับองค์ชายเจ็ด?
เฟิงเฟินไดไม่เข้าใจ
“พี่รองมีความตั้งใจของนางเสมอ นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่ฮ่องเต้ก็ชื่นชม แน่นอนว่านางต้องมีเหตุผลที่จะปิดประตูคฤหาสน์ขององค์หญิงแห่งมณฑล หากเจ้าเป็นกังวลเราสามารถส่งคนไปถามได้ แต่คำพูดของน้องสี่ไม่สามารถพูดออกมามั่ว ๆ ได้” คำพูดของเฟิงเฉินหยูดูน่าเชื่อถือ และคำพูดของนางทำให้ทุกคนพยักหน้า
เฟิงเฟินไดมองไปรอบ ๆ ด้วยความโกรธและเกลียดชัง ฮันชิไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ทันที ถ้าฮันชิกลายเป็นฮูหยินใหญ่ของคฤหาสน์ และนางเป็นบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ นางจะถูกผลักไสจากคนเหล่านี้ได้อย่างไร !
“หลายวันแล้วเราไม่ได้เจอพี่รองเลย ข้ากำลังจะบอกท่านย่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็เพื่อประโยชน์ของพี่รองเช่นกัน หากไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ไม่เป็นไร เฟินไดคงกังวลมากเกินไปด้วยเหตุผลที่ผิด เฟินไดจะคุกเข่าและขอโทษสำหรับความผิดพลาด แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริง ท่านย่าก็จะไม่เมินเฉยกับชื่อเสียงของพี่รองโดยไม่สนใจคำเตือนของเฟินได ?” ยิ่งเฟิงเฟินไดพูดขึ้นนางยิ่งรู้สึกว่านางมีเหตุผล นางอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืนและเดินหน้าต่อไปอีกสองสามก้าว “ท่านย่า ไม่ว่ามันจะจริงหรือเท็จก็ตาม ความจริงที่ว่าองค์ชายเจ็ดเข้าไปในคฤหาสน์ขององค์หญิงแห่งมณฑลและไม่ออกมา หากมีคนภายนอกเห็นสิ่งนี้และกระจายข่าวนี้ออกไป ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ชื่อเสียงของพี่รองสำคัญมากนะเจ้าคะ !”
คำพูดเหล่านี้สำเร็จทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าเริ่มคิด ไม่ว่าจะมีการพูดอะไรถ้าพูดออกไปจริง ๆ มันจะไม่เป็นผลดีต่อชื่อเสียงของเฟิงหยูเฮง ยิ่งกว่านั้นถ้าองค์ชายเจ็ดเข้าไปในคฤหาสน์ขององค์หญิงจริงและไม่ได้ออกมา องค์ชายเก้าทราบเรื่องนี้หรือไม่ ? ถ้าเขาไม่ทราบ แล้วเรื่องนี้เป็นที่รู้กันทั่ว...
ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกตกใจและความรู้สึกไม่ดีพุ่งเข้าหานาง เมื่อมองที่เฟิงเฟินไดแล้วมองไปที่คนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ นางไตร่ตรองนานมาก ในที่สุดนางก็พูดกับยายจาว “ส่งบ่าวรับใช้ 2 คนไปที่เรือนตงเซิง พวกเขาต้องพบกับอาเฮง”
ยายจาวพยักหน้าและมองไปที่บ่าวรับใช้ 2 คนที่อยู่ใกล้เคียง บ่าวรับใช้ 2 คนจึงรีบออกไป
ไม่มีใครพูดขณะนั่งรอ เช่นนี้พวกเขารอ 1 ชั่วยาม เมื่อบ่าวรับใช้ 2 คนกลับมา จานขนมของพวกเขาก็สะอาดหมดจด
“พวกเจ้าได้พบพี่รองหรือไม่ ?” เฟิงเฟินไดเป็นคนแรกที่ถาม
บ่าวรับใช้สองคนไม่ตอบ พวกเขาดูเคร่งครัดกฎอย่างมาก พวกเขาเดินเข้าไปในห้อง มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่พูดว่า “บ่าวรับใช้ไปที่ประตูจันทราในเรือนศจีเพื่อไปยังเรือนตงเซิง เราถูกหยุดให้อยุ่ข้างนอกไม่สามารถเข้าไปได้ หัวหน้าบ่าวรับใช้ฉิงซวงเฝ้าตลอดเวลาเจ้าค่ะ นางบอกว่าคุณหนูรองมีเรื่องสำคัญที่ต้องดูแล ดังนั้นเรือนตงเซิงจึงไม่ต้อนรับแขกและปฏิเสธผู้มาขอพบทุกคนเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินบ่าวรับใช้สองคนไม่สามารถเข้าไปได้ ฮูหยินผู้เฒ่าเริ่มรู้สึกมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง “เจ้าได้ถามเกี่ยวกับองค์ชายเจ็ดหรือไม่ ? พระองค์อยู่ในเรือนตงเซิงหรือไม่?”
บ่าวรับใช้ทั้งสองส่ายหัว “คนของเรือนตงเซิงปิดปาก และไม่พูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ว่าจะถูกถามอะไร พวกเขาก็เอาแต่ส่ายหน้าเท่านั้นเจ้าค่ะ”
“แล้วเจ้าก็กลับมาอย่างนั้นหรือ ? หากเจ้าไม่ได้อนุญาตให้เข้าไป ! เพียงแค่พูดว่าเจ้าได้รับคำสั่งจากท่านฮูหยินผู้เฒ่าหรือ พวกเขากล้าที่จะปฏิเสธความตั้งใจของท่านแม่สามีได้อย่างไร ?” ฮันชิรู้สึกว่าจำเป็นที่จะต้องพูดกับบุตรสาวของนาง ดังนั้นนางตะโกนด่าบ่าวรับใช้ทั้งสองคน “เจ้าดูแลท่านแม่สามีมาหลายปีแล้ว ทำไมเจ้าถึงไม่สามารถทำธุระให้เสร็จได้ด้วยซ้ำ ?”
บ่าวรับใช้สองคนไม่แม้แต่จะมองฮันชิ พวกเขาเผชิญหน้ากับฮูหยินผู้เฒ่าและกล่าวว่า “บ่าวรับใช้ไร้ความสามารถ ท่านฮูหยินผู้เฒ่าโปรดลงโทษด้วยตัวเองเจ้าค่ะ”
ยายจาวรีบกล่าว “ท่านฮูหยินผู้เฒ่า นี่ไม่ใช่ความผิดของพวกนาง คุณหนูรองเข้มงวดในกฏมากเจ้าค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นท่านก็รู้อารมณ์ของคุณหนูรอง ถ้านางบอกว่าไม่มีใครได้รับอนุญาต แม้แต่แมลงวันก็ไม่สามารถเข้าไปได้เจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าย่อมเข้าใจสิ่งนี้เป็นธรรมดา ดังนั้นนางจึงพยักหน้าและนิ่งเงียบ
ยายจาวโบกมือให้บ่าวรับใช้ทั้งสองออกไป จากนั้นนางก็มองไปรอบ ๆ ทุกคน และให้คำแนะนำแก่ฮูหยินผู้เฒ่า “บ่าวรับใช้ผู้นี้เห็นว่าท่านเหนื่อยมากเช่นกัน ถ้าอย่างนั้นวันนี้เราไม่ไปดูละครแล้วนะเจ้าค่ะ ! แค่ให้พวกคุณหนูและอนุดูก็พอแล้ว ถ้าท่านนั่งนาน ๆ หลังของท่านก็ทนไม่ไหว”
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า “ไม่เป็นไร พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว” ใบหน้าของนางแสดงให้เห็นถึงความเหนื่อยล้า เห็นได้ชัดว่านางไม่มีความตั้งใจที่จะเก็บอาการอีกต่อไป
เฟิงเฟินไดเห็นว่านางไม่ประสบความสำเร็จอย่างต้องการ จิตใจของนางก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ นางไม่ยินยอมให้เป็นเช่นนี้ นางพูดอีกครั้งว่า “ท่านย่ายินยอมให้พี่รองทำตัวป่าเถื่อนและท้าทายได้อย่าไรเจ้าคะ ? ในอนาคต หากนางทำลายชื่อเสียงของครอบครัวเฟิงของเรา ท่านย่า อย่าได้เสียใจภายหลัง”
“เจ้ากำลังพูดกับใครอยู่ ?” ฮูหยินผู้เฒ่าเริ่มโกรธ ทันใดนั้นตบโต๊ะ นางไม่สนใจว่านางเจ็บหลังอีกแล้ว นางยกไม้เท้าขึ้นแล้วชี้ไปที่เฟิงเฟินได และพูดว่า “ต้องขอบใจเจ้าที่ทำให้ชื่อเสียงตระกูลเฟิงหายไปเกือบหมดแล้ว เจ้ายังมีหน้าใส่ร้ายพี่สาวคนรองของเจ้าที่นี่ ? ครอบครัวเฟิงของข้ามีหลานสาวเช่นเจ้าได้อย่างไร หากเจ้ารู้สึกว่าเจ้าไม่สามารถอยู่ในคฤหาสน์นี้ต่อไปได้ ข้าจะไม่ส่งเจ้าไปยังชานเมือง หรือบางทีข้าอาจจะส่งเจ้าไปที่วัดภูดูเพื่อให้เจ้าสำนึกถึงการกระทำของเจ้า เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แม้ว่าบิดาของเจ้ากลับมา เขาก็จะเห็นด้วยกับสิ่งที่ข้าทำแน่นอน”
เฟิงเฟินไดตกใจและใบหน้าเล็ก ๆ ของนางซีด ในที่สุดนางก็ดูเหมือนจะตระหนักว่านางเป็นกังวลเกินไป ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงเป็นบุคคลที่ต้องเคารพนับถือมากที่สุดของครอบครัวนี้ แม้ว่าบิดาของนางจะอยู่ที่คฤหาสน์ เขาก็ยังต้องแสดงความเคารพและไว้หน้านาง นางสูญเสียการควบคุมและพูดในสิ่งเหล่านี้ออกไปได้อย่างไร?
นางโค้งคำนับอย่างรวดเร็วและรีบพูดว่า "หลานรู้ความผิดของตัวเองแล้วเจ้าค่ะ หลานไม่ได้ตั้งใจจะพูดอย่างนั้น ท่านย่าโปรดอภัยความผิดครั้งนี้ได้หรือไม่เจ้าค่ะ” นางไม่สามารถถูกไล่ออกไปได้ นางอายุเพียง 10 ปี หากนางถูกไล่ออกไปจากคฤหาสน์อีกครั้ง ชีวิตของนางก็จะถูกทำลายอย่างแท้จริง
มือของฮูหยินผู้เฒ่าสั่นขณะที่นางชี้ไปที่นาง นี่คือหลานสาวที่นางไม่อยากเห็นหน้ามากที่สุด นางมักจะรู้สึกว่าบุคลิกของเฟิงเฟินไดคล้ายกับเฉินซื่อมาก ในหัวของเฟิงเฟินไดมีแต่เรื่องไม่ดีอยู่เต็มไปหมด แต่นางก็ไม่สามารถส่งเฟิงเฟินไดไปอยู่ชานเมืองได้ หลังจากที่เด็กหลายคนในคฤหาสน์นี้ประสบเภทภัยต่าง ๆ บุตรชายคนโตเสียชีวิตแล้ว บุตรสาวคนโตก็เสียความบริสุทธิ์ไป ดังนั้นเด็กสาวที่เหลือมีค่ามาก พวกเขาไม่สามารถทำให้ตัวเองเสื่อมเสียได้อีกแล้ว
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้นางรู้สึกอีกครั้งว่ามีบางสิ่งแปลกๆ ที่เรือนตงเซิง นางกังวลมากขึ้น
“ข้ามีแผนบางอย่างสำหรับเรื่องนั้น พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว” ในที่สุดฮูหยินผู้เฒ่าก็พูดออกไปพร้อมกับให้คำตอบกับเฟิงเฟินไดด้วย
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ฮันชิและเฟิงเฟินไดก็หยุดพูดเรื่องนี้ ทั้งคู่คำนับจากนั้นก็เดินออกไป เฟิงเฉินหยูยืนขึ้นและคำนับฮูหยินผู้เฒ่า อย่างไรก็ตามนางกล่าวว่า “เฉินหยูเชื่อมั่นว่าน้องรองจะไม่ทำสิ่งใดที่ไม่เหมาะสมอย่างแน่นอน แต่ท่านย่าจะต้องสอบสวนโปรดระวังให้มากขึ้น ท้ายที่สุดชื่อเสียงของน้องรองก็มีความสำคัญ แม้ว่าจะอยู่ในคฤหาสน์ของเราก็เป็นการดีที่สุดที่จะไม่ยอมให้สิ่งต่าง ๆ รั่วไหลออกไป”
มันหายากสำหรับเฟิงเฉินหยูที่จะพูดถึงเฟิงหยูเฮงแบบนี้ นอกจากนี้นางดูเหมือนจะจริงใจมาก จิตใจของฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกโล่งอก และพูดว่า "อย่างน้อยเจ้าก็คิดถึงน้องสาวของเจ้า ถ้าทุกคนเป็นเหมือนเฟิงเฟินได…อ่า เป็นการดีที่จะไม่พูดเรื่องนี้”
“ท่านย่าควรดูแลร่างกายของตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเจ้าค่ะ เฉินหยูขอตัวกลับเรือนก่อนเจ้าค่ะ” นางไม่ได้พูดอะไรอีกและออกจากห้องโถง
อันชิและเฟิงเซียงหรูยืนขึ้น แต่ไม่ได้พูดอะไร พวกเขาตคำนับแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
ในท้ายที่สุดมีเพียงจินเฉินเท่านั้นที่ยังคงอยู่ เมื่อเห็นว่าทุกคนจากไปแล้ว นางเดินไปที่ฮูหยินผู้เฒ่า และคุกเข่าที่เท้าของฮูหยินผู้เฒ่า นางเริ่มนวดขาของฮูหยินผู้เฒ่าด้วยมือเล็ก ๆ ของนาง
ฮูหยินผู้เฒ่ามีความสุขมากกับการนวดขาของจินเฉิน แต่นางก็ไม่ลืมที่จะถามจินเฉินว่า “ทำไมเจ้าไม่ไปดูละครกับพวกเขาด้วยล่ะ?”
จินเฉินส่ายหัว “อนุผู้นี้รู้สึกว่าการอยู่กับแม่สามีนั้นดีที่สุดเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าจำเรื่องที่ได้ยินเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาได้ จึงถามนางว่า “ฮันชิทำอย่างนั้นจริงหรือ ?”
จินเฉินก้มหน้าลงและตีหน้าเศร้า แต่นางไม่ได้พูดอะไรเลย
“หืมม !” ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธมาก ยิ่งจินเฉินเป็นแบบนี้นางก็ยิ่งรู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง นางอดไม่ได้ที่จะโกรธ “นางไม่เคารพกฎเลยและนางก็ไม่ได้ดูว่านางยืนอยู่ตรงไหน คนที่นำมาจากหอนางโลมกล้าเปรียบเทียบภูมิหลังของบ่าวรับใช้ในคฤหาสน์ของข้าหรือ ? จินเฉิน เจ้าไม่จำเป็นต้องกลัว ครั้งต่อไปถ้านางแกล้งเจ้าอีก เจ้ามาบอกข้า ข้าจะช่วยเหลือเจ้าเอง”
ดวงตาของจินเฉินเป็นประกาย นางกำลังรอคำพูดนี้ นางคุกเข่าต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่า นางกล่าวทั้งน้ำตา “จินเฉินขอบคุณท่านแม่สามีที่เอ็นดูอนุผู้นี้เจ้าค่ะ”
ม่านซีที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าจินเฉินมองหาภูเขาที่จะเอนกาย และทำให้นางรู้สึกสบายใจ แค่คุณหนูรองและใต้เท้าเฟิงก็ยังไม่พอ จริง ๆ แล้วนางมาประจบฮูหยินผู้เฒ่า นางทำอะไรกันแน่ ? ”
ในที่สุดทั้งสองก็ออกจากเรือนซูหยา ม่านซีทนไม่ได้และถามจินเฉินว่า "เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ ? หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นเจ้าจะมีคุณหนูรองและท่านใต้เท้าที่คอยสนับสนุนเจ้า มีความจำเป็นอะไรที่จะประจบท่านฮูหยินผู้เฒ่า ? ”
จินเฉินจ้องที่พื้น นางพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้น “ท่านพี่ออกจากเมืองหลวงไปแล้ว ไม่มีการรับประกันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งสุดท้ายจะไม่เกิดขึ้นอีกครั้ง หากคุณหนูรองไม่สามารถมาช่วยเราได้ทันเวลา อย่างน้อยเราก็มีท่านแม่สามีที่ช่วยเหลือเรา อย่างน้อยที่สุดเราก็จะไม่ถูกคนอื่นกลั่นแกล้งอีก”
เมื่อนางพูดแบบนี้ ไม่มีอะไรที่ม่านซีสามารถทำได้เพื่อหักล้างนาง ลองนึกย้อนกลับไปว่าพวกเขาถูกกลั่นแกล้งโดยเฟิงเฟินไดและฮันชิในสวนดอกไม้ ถ้าท่านฮูหยินผู้เฒ่ายืนอยู่ข้างพวกนาง มันจะเร็วกว่าการส่งบ่าวรับใช้ไปยังเรือนตงเซิงเพื่อรายงานให้เฟิงหยูเฮงให้นางมาช่วย
เมื่อคิดเช่นนี้นางรู้สึกว่าจินเฉินทำถูกแล้ว ดังนั้นนางจึงกล่าวว่า “เจ้าทำถูกแล้ว” แต่นางไม่เห็นแววตาที่เปลี่ยนไปของจินเฉิน
หลังจากที่ทุกคนออกจากเรือนซูหยาแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าพูดกับยายจาว “มองในส่วนของอาเฮง แน่นอนไม่อนุญาตให้เฟิงเฟินไดพูดถึงมัน ! ข้าไม่สามารถลุกจากเตียงได้แล้วส่งคนไปดูอีกที ลองคิดวิธีที่จะได้พบนาง ถ้าไม่มีผลจริง ๆ …แค่บอกว่าข้าป่วยและขอให้นางมารักษา”
ยายจาวรีบปลอบฮูหยินผู้เฒ่า “ไม่ต้องกังวล คุณหนูรองเป็นคนที่รู้จักกาละเทศะ นางจะไม่ทำสิ่งใดที่ไม่เหมาะสมเจ้าค่ะ”
“ข้าหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น !”
ฮูหยินผู้เฒ่าส่งบ่าวรับใช้ไปที่เรือนตงเซิงสองวันต่อมา ในวันสุดท้ายเรือนตงเซิงก็ยังไม่เปิดให้เข้าไป เฟิงเฟินไดก็หมดความอดทน
นับตั้งแต่นางรู้ว่าเรือนตงเซิงถูกปิดเป็นเวลา 7 วัน นางเริ่มนับวันด้วยนิ้วของนาง เมื่อถึงวันสุดท้ายนางก็ไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้อย่างสงบสุข ไม่งั้นความพยายามทั้งหมดของนางก็จะต้องสูญเปล่า
“เป่ยเอ๋อ” นางเรียกบ่าวรับใช้ส่วนตัวของนาง “เตรียมการบางอย่าง แล้วไปกับข้า”