ตอนที่ 125 พลังของเสี่ยวเสว่ย (ฟรี)
เมื่อสิ้นเสียงอันเย็นชาของหลงเฉินแล้ว เงาร่างทั้งสามก็ค่อยๆ ดึงสติกลับมาจากอาการแตกตื่น พวกเขาตระหนักได้ในทันทีว่าได้ดูแคลนความสามารถของหมู่ตึกแห่งสำนักพลิกสวรรค์เกินไปเป็นอย่างยิ่งแล้ว ผู้ที่มารายงานตัวเพียงแค่คนเดียวกลับมีพลังฝีมือที่น่าหวาดกลัวจนถึงเพียงนี้ ซึ่งพวกเขาเป็นพลังที่ไม่อาจเปรียบเทียบได้เลยแม้แต่เศษเสี้ยว
และบัดนี้ผู้เยาว์รูจมูกบานก็ได้บังเกิดการยอมรับทั้งกายและใจอย่างเต็มเปี่ยม แม้ว่าเขาจะมีพลังการฝึกยุทธ์ที่สูงกว่าหลงเฉิน ทว่าระดับของพลังการต่อสู้ที่แท้จริงกลับห่างชั้นจากหลงเฉินเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ประมือกับหลงเฉินโดยตรง ทว่าก็ประจักษ์แก่สายตาแล้วว่าชายหนุ่มผู้นั้นสามารถสลายกระบวนท่าของยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังไม่สูญเสียเรี่ยวแรงไปแม้แต่น้อย จนเฒ่าชราผู้ติดตามของเขานั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส
“ต้องขออภัยที่ข้านั้นมีตาหามีแววไม่ พวกเราทั้งหมดจะรีบจากไปในทันที” เฒ่าชราที่ได้มีบาดแผลใดใดกล่าวขึ้นมาอย่างรีบร้อน เมื่อกล่าวจบก็ได้พยุงร่างของผู้บาดเจ็บทั้งสองขึ้นมาพร้อมที่จะจากไป
“หือ? พวกเจ้าคิดจะจากไปง่ายๆ เช่นนี้หรือ?” หลงเฉินขมวดคิ้วแล้วกล่าววาจาเสียงดัง
“ท่านปรารถนาให้ข้าชดใช้ด้วยสิ่งได้กัน?” เฒ่าชราหันมากล่าวด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
หลงเฉินเหยียดยิ้มขึ้นที่มุมปากอีกครั้ง แล้วตอบกลับไปว่า “เจ้ามีอายุมาจนถึงป่านนี้ได้อย่างไรกัน? ที่ข้ากล่าวออกไปตั้งแต่ต้นก็ยังไม่เข้าใจกันอีก”
เงาร่างทั้งสามคนที่พร้อมจะจากไปเกิดอาการตกใจขึ้นมายกใหญ่ แล้วผู้เยาว์รูจมูกบานก็ได้เอ่ยออกมาอย่างเหลือออดว่า “เจ้าหนู เพียงเท่านี้พวกเราก็ย่ำแย่แล้ว เจ้ายังต้องการสิ่งใดอีกเล่า? ต้องการให้พวกเราโขกศีรษะเพื่อยอมรับผิดอย่างนั้นหรือ? หากเป็นเช่นนั้นจริง แน่นอนว่าย่อมไม่อาจกระทำได้”
“เหอะ ผู้ใดต้องการให้พวกเจ้าโขกศีรษะกัน ในเมื่อการดักปล้นของพวกเจ้าล้มเหลว ฉะนั้นพวกเจ้าก็ควรจะแสดงความจริงใจออกมาเสียหน่อยไม่ได้หรือ?” หลงเฉินกล่าวขึ้นมาอย่างเหลืออดด้วยเช่นกัน
“เจ้าต้องการจะบอกอะไรกันแน่” ผู้เยาว์รูจมูกบานเริ่มมีโทสะปะทุขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
“เจ้าคนโง่เขลา ในสมองใส่ขี้เลื่อยเอาไว้หรือ? เห้อ ข้าจะบอกให้ตามตรงก็แล้วกันว่าส่งแหวนมิติของพวกเจ้ามาซะ” หลงเฉินกระแทกคำด้วยความรำคาญใจ
“อะไรนะ!” เงาร่างทั้งสามประสานเสียงกันอย่างพร้อมเพรียง ใบหน้าทั้งหมดเหยเกขึ้นมาอย่างอับอายขายขี้หน้า นี่เป็นการรังแกผู้คนจนเกินไปแล้ว ดักปล้นไม่สำเร็จแล้วยังมาถูกปล้นคืนเสียเองอย่างนั้นหรือ
“อย่าได้ทำหน้าตาเหมือนกับไม่อยากจะเชื่อเช่นนั้นเลย นี่ไม่ใช่ขนบธรรมเนียมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนแล้วอย่างนั้นหรือ? อย่าได้ทำสีหน้าปั้นยากราวกับว่าพวกเจ้ารับไม่ได้เช่นนั้นเลย” หลงเฉินเอ่ยด้วยวาจาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเย้ยหยัน
“ไสหัวไป นี่เจ้าคิดจะท้าทายตระกูลหลี่แห่งเมืองลู่อย่างนั้นหรือ โปรดรับรู้เอาไว้ว่าข้าผู้นี้สามารถฆ่าล้างทั้งตระกูลของเจ้าได้” ผู้เยาว์รูจมูกบานปะทุเพลิงโทสะอันเดือดดาลขึ้นมา แล้วชี้นิ้วมาที่หลงเฉินพร้อมทั้งด่าทอเสียยกใหญ่
หลงเฉินปรายสายตาที่มีรังสีสังหารอันเข้มข้นออกไป พลันก็ได้ใช้มือข้างหนึ่งลูบไปที่ลำตัวของเสี่ยวเสว่ยเบาๆ
“โฮก”
ทันใดนั้นเองเสี่ยวเสว่ยก็คำรามออกมาเสียงดังจนทำให้โสตประสาทของชายทั้งสามคนอื้ออึงไปจนหมดสิ้น ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่เบื้องบนเกิดการสั่นไหวจนใบไม้ร่วงหล่นลงมาประดุจหิมะโปรยปราย
“กึง”
บรรยากาศโดยรอบเกิดการแปรปรวนอย่างรุนแรง เสี่ยวเสว่ยอ้าปากกว้างจนเผยให้เห็นคมเขี้ยวและดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยวของคมวายุ
“แย่แล้ว”
ชายทั้งสามคนทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง พวกเขาไม่อาจขยับเขยื้อนร่างกายได้แม้แต่น้อย คล้ายกับถูกขุมพลังอันมหาศาลตรึงร่างเอาไว้จนอยู่หมัด
“โปรดยั้งมือเถิด……”
เฒ่าชราผู้ที่ไม่มีบาดแผลตะโกนออกมาอย่างร้อนรน ทว่าหลังจากที่เพิ่งจะตะโกนออกมาได้แค่เพียงสี่พยางค์ ก็รู้สึกได้ว่ามีขุมพลังอันแกร่งกล้ากดทับมาที่ร่างกายจนอวัยวะภายในแทบจะระเบิดกลายเป็นจุล พลันก็รีบปะทุพลังทั้งหมดที่มีเข้าสลายสภาวะกดดันนั้นเอาไว้
สัตว์มายาระดับสามนั้นมีพลังทำลายที่พิเศษเฉพาะตัว เพียงพลังสภาวะอันมหาศาลที่ปกคลุมบนร่างกายก็สามารถตรึงศัตรูได้อย่างอยู่หมัด นี่จึงเป็นความน่ากลัวของสัตว์มายาระดับสามนั่นเอง
ในที่สุดชายทั้งสามคนก็เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าตัวเองนั้นขาดเขลาถึงเพียงใด อีกทั้งบุคคลที่มีสัตว์มายาเป็นพาหนะนั้นย่อมต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง
คมวายุภายในปากของเสี่ยวเสว่ยเริ่มขยายใหญ่ขึ้นมาเรื่อยๆ อีกทั้งยังไหลเวียนพลังอันแกร่งกล้าขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนบรรยากาศโดยรอบคล้ายกับส่งเสียงร้องหวีดจนบาดแก้วหู
แรกกดดันถาโถมเข้ามาที่ร่างกายของพวกเขาอย่างต่อเนื่องและเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้เยาว์รูจมูกบานกับเฒ่าชราที่ได้รับบาดเจ็บถูกแรงกดดันจากเสี่ยวเสว่ยจนต้องลงไปนอนกองกับพื้น อีกทั้งยังไม่อาจขยับเขยื้อนร่างกายได้อีกแล้ว
มีแต่เพียงเฒ่าชราที่ไม่มีบาดแผลเท่านั้นที่ยังพอจะฝืนพลังสภาวะเอาไว้ได้อยู่ ทว่าที่ริมฝีปากกลับมีสายโลหิตไหลรินออกมาไม่หยุด ร่างกายบอบบางนั้นโอนเอนไปมาแทบจะล้มลงได้ทุกเมื่อ
บริเวณป่าลึกอันลี้ลับมีเงาร่างเพิ่มขึ้นมาสองสาย ดวงตาสองคู่จ้องมองมาที่วงล้อมการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย พวกเขาสวมอาภรณ์ที่กลมกลืนไปกับผืนป่า อีกทั้งยังใช้พลังสภาวะพิเศษที่สามารถอำพรางตัวตนเอาไว้ได้ ต่อให้มีผู้คนเดินผ่านมาก็ยังยากที่จะสังเกตเห็นพวกเขา
“จะเข้าไปขวางดีไหม?” ชายผู้หนึ่งถามขึ้นมาอย่างร้อนรน
“ไม่ต้อง ที่นี่ไม่ได้เป็นเขตของหมู่ตึกแห่งสำนักพลิกสวรรค์ของพวกเรา ขอเพียงผลลัพธ์ไม่คุกคามต่อชีวิตของศิษย์จากทางสำนักก็ไม่จำเป็นที่จะต้องลงมือช่วย” ชายอีกผู้หนึ่งตอบกลับออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ชายทั้งสามคนนั้นมีเพียงแต่จะต้องตายไปเท่านั้น เพราะแม้แต่หมาป่าหิมะแดงเพลิงก็ยังจำไม่ได้ ถือว่าเป็นความโชคร้ายของพวกเขาไปก็แล้วกัน ทว่าเจ้าเด็กหนุ่มผู้นั้นช่างมีที่มาที่ไปที่ไม่ธรรมดาอยู่ไม่น้อยเลยนะ”
ในขณะที่เงาร่างทั้งสองในผืนป่ากำลังสนทนากันอยู่นั้น สายลมในอากาศก็ได้ปัดประกายแสงของคมวายุที่ออกจากปากของเสี่ยวเสว่ยพุ่งออกไปอีกทางหนึ่งในทันที
“ตูม”
คมวายุถูกทะลวงไปตามต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ตามรายทาง จากนั้นเสียงระเบิดก็ดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ต้นไม้ใหญ่แตกกระจายกลายเป็นผุยผงไปในพริบตาเดียว
ฝุ่นควันคละคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ กลางผืนป่าปรากฏเป็นเส้นทางสายใหม่ที่มีความกว้างประมาณสิบจั่ง ชายทั้งสามคนทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรงพร้อมทั้งจ้องมองอย่างตะลึงลานไปที่เส้นทางใหม่ที่ถูกถางออกไป
ผ่านไปสักพักใหญ่กว่าพวกเขาจะมีปฏิกิริยากลับคืนมา แววตาที่สั่นเครือมองไปยังหลงเฉินที่นั่งอยู่บนหลังของเสี่ยวเสว่ยอย่างสงบเสงี่ยม
“ขอบคุณที่ท่านไม่ฆ่าพวกเรา พวกเราทำผิดไปแล้ว” เฒ่าชราที่ไม่มีบาดแผลกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
เมื่อเห็นว่าหลงเฉินยอมปล่อยให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อไป หากการโจมตีเมื่อครู่นี้มาปะทะเข้าอย่างจังก็คงจะทำให้ร่างกายของพวกเขาแหลกสลายไปจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกแล้ว
ถึงแม้ว่าหลงเฉินจะไม่ได้แสดงอาการอันใดออกมา ทว่าภายในจิตใจกลับว้าวุ่นเหมือนกำลังมีลมพายุโหมกระหน่ำอยู่อย่างไรอย่างนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นพลังการโจมตีของเสี่ยวเสว่ยหลังจากที่ได้เข้าสู่ระดับสาม
ต่อให้พบกิ้งก่าเพลิงตัวนั้นอีกครั้ง ด้วยพลังของเสี่ยวเสว่ยในตอนนี้ย่อมสามารถสยบความร้ายกาจของสัตว์มายาตัวนั้นได้อย่างแน่นอน และหากมีพลังอันมหาศาลของเสี่ยวเสว่ยผนวกกับพลังของเขา ย่อมต้องเป็นการสนับสนุนจุนเจือต่อกันอย่างที่ไม่ต้องเกรงกลัวต่อผู้ใดอีกแล้ว
เมื่อเห็นเฒ่าชราเอื้อนเอ่ยออกมาเช่นนั้น หลงเฉินจึงสงบจิตใจลง แล้วกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ตอนนี้ยังคิดจะฆ่าล้างทั้งตระกูลของข้าอยู่อีกหรือไม่?”
ผู้เยาว์รูจมูกบานตกใจจนลนลานอย่างถึงที่สุด หลังจากที่เดินผ่านประตูสู่ความตายมาแล้วจึงไม่มีความโอหังปรากฏขึ้นมาอีกต่อไป เพียงแค่จะอ้าปากเพื่อเอื้อนเอ่ยวาจาออกมากลับยังไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะกระทำได้
เฒ่าชราที่ไม่มีบาดแผลรีบถอดแหวนมิติของตัวเองออกมา แล้วจึงหันไปดึงแหวนมิติของชายอีกสองคนออกมาด้วยเช่นกัน จากนั้นก็นำมายื่นให้หลงเฉินด้วยสองมือ “ได้โปรดรับไว้ด้วยเถิด”
ยังไม่ทันที่ซุ้มเสียงจะจางหายไปจากอากาศ บนฝ่ามือก็รู้สึกเบาหวิวขึ้นมาในทันที แหวนทั้งหมดหายสาบสูญไปอย่างรวดเร็วจนเขาตกใจขึ้นมายกใหญ่
ทว่าแหวนทั้งหมดกลัวไปอยู่ในมือของหลงเฉินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาแทบจะไม่รู้ตัวเลยว่าหลงเฉินได้ยื่นมือออกมารับไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อีกทั้งด้วยความเร็วระดับนี้ยังไม่เคยเห็นมาก่อนเลยด้วยซ้ำไป
หลงเฉินจงใจจะข่มขวัญเฒ่าชราเท่านั้น แท้ที่จริงแล้วเขาแทบจะไม่ได้ขยับร่างกายแม้แต่นิดเดียว ทว่าใช้เพียงพลังแห่งจิตวิญญาณชักนำแหวนทั้งสามวงเข้ามาไว้ที่มือเท่านั้น
หลงเฉินใช้จิตสำนึกเข้าตรวจสอบสิ่งที่อยู่ภายในแหวนมิติทั้งหมด ก็พบว่าภายในแหวนเหล่านั้นมีเพียงช่องว่างขนาดใหญ่ โดยเฉพาะแหวนมิติของผู้เยาว์รูจมูกบานที่มีพื้นที่หลงเหลือกว่าร้อยจั่ง ฉะนั้นหลังจากนี้เขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับพื้นที่ใช้สอยภายในแหวนอีกแล้ว
ภายในจิตใจของหลงเฉินยินดีปรีดาขึ้นมายกใหญ่ ทว่าเพื่อให้ดูน่ายำเกรงจึงได้แสร้งแสดงสีหน้าเย็นชาออกไปแล้วกล่าวว่า “ข้าจะยกโทษให้พวกเจ้า ไสหัวไปซะ”
เงาร่างทั้งสามแสดงกิริยาท่าทางอย่างมีมารยาทต่อหลงเฉินในทันที จากนั้นก็ค่อยๆ พยุงร่างกายของตัวเองหายลับเข้าไปในป่าลึกลับจนไม่เหลือไว้แม้แต่เงา
มั่งคั่งแล้ว มั่งคั่งแล้ว!
หลงเฉินถอดแหวนมิติวงเดิมออกแล้วสวมแหวนที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดเข้าไปแทน ภายในแหวนวงนั้นมีสิ่งของมากมายกองรวมกันประดุจภูเขาลูกหนึ่ง
ทว่ากลับเป็นเพียงโอสถและอาวุธอยู่ส่วนหนึ่ง ที่เหลือนั้นก็แทบจะไม่อาจกล่าวด่าทอออกมาได้อย่างเหมาะสม คนผู้นี้ใส่เตียงขนาดใหญ่และของใช้ในชีวิตประจำวันมากมายลงไปด้วย
ทันใดนั้นเองเขาจึงตระหนักได้ว่าเจ้าหนูผู้นี้ช่างสมกับเป็นคุณชายเสียจริง ออกจากบ้านยังถึงกับตระเตรียมข้าวของเครื่องใช้ประดุจอยู่ที่บ้านอย่างไรอย่างนั้น จากนั้นหลงเฉินก็ทิ้งเตียง ผ้าห่ม เต็นท์ และข้าวของครื่องใช้ในชีวิตประจำวันออกไปทั้งหมด
ถึงแม้ว่าหลงเฉินจะไม่ได้เป็นคนรักความสะอาด ทว่าไม่อาจใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่นได้จึงตัดสินใจเททิ้งออกไปทั้งหมด
ผู้เยาว์รูจมูกบานผู้นี้คงจะมาจากตระกูลที่มั่งคั่งเป็นอย่างมากแน่นอน เพราะดูจากโอสถต่างๆ แล้วนั้นล้วนแต่เป็นโอสถระดับสูงจนแทบทั้งสิ้น
จากนั้นหลงเฉินก็ได้สำรวจไปที่แหวนอีกวงหนึ่งอย่างละเอียดก็พบสิ่งที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง ภายในแหวนมิติของเฒ่าชราที่ไม่มีบาดแผลมีหอกเหล็กหลอมด้านหนึ่ง ตัวด้ามมีสีดำทมิฬที่ดูไม่สะดุดตามากนัก ทว่าเหล็กที่ใช้หลอมขึ้นมานั้นกลับเป็นวัสดุที่มีราคาค่างวดสูงล้ำเป็นอย่างยิ่ง และมีน้ำหนักที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
หอกเหล็กหลอมมีความยาวเพียงหนึ่งจั่งสามฉื่อ ทว่ากลับมีน้ำหนักถึงห้าพันชั่ง ทว่าเมื่อมาอยู่ในมือของหลงเฉินแล้วกลับเบาหวิวขึ้นมาในทันที หากเทียบกับกระบี่ยาวแล้วกลับให้ความรู้สึกที่เหมาะมือเสียยิ่งกว่า
หลังจากที่ตรวจสอบอาวุธและสิ่งของทั้งหมดแล้ว เขาก็ได้นำสิ่งของที่คัดสรรแล้วเก็บไว้ในแหวนมิติอีกวงหนึ่ง ส่วนวงที่เหลือก็เก็บเอาไว้ จากนั้นก็ชักนำเสี่ยวเสว่ยให้มุ่งหน้าไปที่หมู่ตึกแห่งสำนักพลิกสวรรค์ในทันที
หลังจากที่หลงเฉินลับหายไปจากบริเวณนั้นแล้ว เงาร่างทั้งสองสายที่หลบซ่อนอยู่ก็ยืนขึ้นมาพร้อมทั้งมองตามแผ่นหลังของหลงเฉินไป “เกรงว่าจะมีบุคคลในร่างสัตว์ประหลาดเพิ่มขึ้นมาอีกผู้หนึ่งแล้ว”
“อือ ผู้ที่เข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้ต่างก็เป็นบุคคลที่เก่งกาจยิ่งนัก หากชายหนุ่มผู้นี้กับคนอื่นๆ ได้ทดสอบเทียบกันแล้วนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง ข้าก็อยากจะรู้”เงาร่างหนึ่งพยักหน้าไปมาแล้วกล่าว
“ศิษย์พี่อย่างพวกเราคงจะต้องถูกศิษย์น้องเหล่านี้แซงหน้าไปหมดอย่างแน่นอน”
“นี่คือการฝึกยุทธ์ จงเปิดใจให้กว้างเสียหน่อยเถิด”
เงาร่างที่รับฟังอยู่ก็ได้พยักหน้าไปมาด้วยเช่นกัน พลันสายตาคู่นั้นก็เหลือบไปเห็นกองขยะที่อยู่บนพื้น เขาเกิดความลังเลขึ้นมาครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “นี่มัน……”
“หึหึ เด็กน้อยผู้นี้ช่างไม่รู้ความเลย มีหรือที่ศิษย์พี่อย่างข้าจะปล่อยให้เจ้าทิ้งขว้างสิ่งของอย่างสิ้นเปลืองเช่นนี้ แน่นอนว่าพวกข้าจะช่วยเก็บกวาดให้เอง”
เงาร่างทั้งสองสบตากันแล้วหัวเราะขึ้นมายกใหญ่ พลันก็รีบเก็บสิ่งของที่หลงเฉินทิ้งไว้ สำหรับพวกเขาแล้วสิ่งของเหล่านี้ถือเป็นของดีอย่างหนึ่งเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีคุณภาพดีกว่าของที่พวกเขาใช้อยู่นับร้อยเท่า และที่สำคัญคือพวกเขาไม่สนใจว่าสิ่งของชิ้นนั้นจะมีผู้ใดเคยใช้มาก่อนแล้ว
หลงเฉินออกเดินทางต่อไปอีกร้อยลี้ บริเวณเบื้องหน้าสายตาก็ได้ปรากฏภาพของแม่น้ำกว้างสายหนึ่งที่มีสะพานใหญ่เชื่อมระหว่างสองฝั่งอยู่ตรงกลาง หากเป็นไปตามแผนที่ที่เฒ่าชราผู้นั้นให้มา เมื่อข้ามแม่น้ำสายนี้ไปแล้วก็จะอาณาเขตของหมู่ตึกแห่งสำนักพลิกสวรรค์แห่งสำนักพลิกสวรรค์แล้ว
หลงเฉินชักนำเสี่ยวเสว่ยให้เดินไปที่สะพาน ทว่าในขณะที่กำลังจะก้าวไปบนสะพานใหญ่นั้นก็ได้มีสายลมพวยพุ่งมาจากด้านหลังอย่างรุนแรง ....
ติดตามตอนอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ : 9 ดารา <<< (ถึงตอนที่ 315 แล้วครับ)