ตอนที่แล้วบทที่ 19 ความสามารถพิเศษของหลีจื่อ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 21 ฉือเสียวไป๋ นายต้องถ่อมตัวหน่อย

บทที่ 20 โลกย้อนกลับ


บทที่ 20 โลกย้อนกลับ

 

แผนการร้ายเล็กๆ ของหลีจื่อก็สำเร็จลงแล้ว ผลลัพธ์ก็เป็นที่โดดเด่น เพียงสือเสี่ยวไป๋คิดถึงว่าขอแค่ฝึกปฐมจิตชั้นสี่ได้ก็จะปลุกพลังจิตพิเศษ [พลังคลื่นสั่นสะเทือนสูง] ได้ เลือดร้อนก็เดือดพล่าน นัยต์ตาลุกโชนด้วยไฟแห่งการต่อสู้ไม่มีที่สิ้นสุด

 

“รีบเริ่มกันเถอะ ข้ารอไม่ไหวแล้ว!” สือเสี่ยวไป๋กล่าวด้วยท่าทีรีบร้อน

 

หลีจื่อแอบยิ้มในใจ ทำหน้าตาเคร่งขรึมจริงจัง กล่าวว่า “นายใจเย็นก่อน ขั้นที่หนึ่งของสมาธิคือความนิ่ง ใจกายจะต้องอยู่ในสภาวะว่างเปล่า ใจของนายหุนหันพลันแล่นแบบนี้ไม่ได้แน่”

 

“อ้อ” สือเสี่ยวไป๋พยักหน้าคล้ายจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ เลียนแบบท่าทางการตั้งท่าของบรรดานักพรตที่เคยเห็นมา ลุกขึ้นมานั่งสมาธิบนโซฟา หลับตาลง ลองปล่อยจิตให้ว่าง

 

หลีจื่อเห็นดังนั้นก็รู้สึกเห็นใจ เธอจำได้ว่าครั้งแรกที่ตัวเองเข้าฌานนั้น ใช้เวลาหลายชั่วโมงอย่างรันทด ต่อให้เธอตอนนี้ คิดอยากจะทำกายใจให้ว่างเปล่าถึงสถานะเข้าฌาน ก็ยังต้องใช้เวลาหลายสิบนาที ไม่รู้ว่าสือเสี่ยวไป๋ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะเข้าฌานได้

 

“ชั้นจะท่องวิธีฝึกของอาจารย์อีเฉวียนให้ฟังสักสองสามรอบ นายก็คอยจำลองในหัวเรื่อยๆ ดูแล้วก็จำให้แม่น พอนายเข้าฌานได้แล้ว นายก็จินตนาการตามภาพที่ชั้นได้ท่องให้ฟัง จำไว้ให้ดียิ่งภาพที่จินตนาการเหมือนจริงมากเท่าไหร่ยิ่งดี รายละเอียดยิ่งลงลึกยิ่งดี

 

หลีจื่ออธิบายใจความสำคัญของฌานสมาธิให้สือเสี่ยวไป๋ฟังอย่างละเอียด ทันใดนั้น เธอก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ

 

“เอ๊ะ ไม่หรอกน่า?”

 

หลีจื่อจ้องดูถึงกับต้องตะลึง พบว่าตอนนี้จังหวะลมหายใจของสือเสี่ยวไป๋ไม่เพียงลากยาวเป็นจังหวะ ทั้งร่างตอนนี้ยังอยู่ในสภาวะผ่อนคลาย

 

“เป็นไปได้ยังไง...เข้าฌานเร็วขนาดนี้เลย?”

 

หลีจื่อตกใจอย่างมาก ทนไม่ได้ที่จะยื่นมือไปจิ้มที่แก้มของสือเสี่ยวไป๋สักหน่อย คาดไม่ถึงว่าแค่โดนตัวสือเสี่ยวไป๋เขาก็ล้มลงทันที ร่างกายยังคงตรงแด่วเซล้มไปทั้งอย่างนั้น หลีจื่อตกใจ กุลีกุจอรีบไปรับร่างที่ใกล้จะกระแทกพื้นของสือเสี่ยวไป๋ไว้ พบว่าสือเสี่ยวไป๋ยังคงหลับตาอยู่ ร่างกายก็ยังอยู่ในสภาวะผ่อนคลาย

 

“โหแฮะ เข้าฌานลึก?”

 

หลีจื่ออดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา เธอประคองร่างของสือเสี่ยวไป๋ให้ตั้งตรงอย่างระมัดระวัง ขยับถอยหลังไปสองสามก้าว มองดูสือเสี่่ยวไป๋ที่คล้ายจะหลับไป ระงับความไม่สบอารมณ์ไว้ไม่ไหว เริ่มค่อนแคะสือเสี่ยวไป๋ขึ้น

 

“สมองเจ้าโง่นี่ต้องเรียบง่ายขนาดไหนกัน ถึงได้เข้าฌานภายในไม่ถึงนาที แถมยังเข้าฌานลึกซะด้วย”

 

“ตอนนั้นชั้นต้องทนวุ่นวายอยู่เป็นชั่วโมงๆ ถึงจะเข้าฌานได้! ฮือออ ไม่ยุติธรรมเลย เจ้าโง่นี่ทำไมเร็วอย่างนี้?”

 

“เห้อ ชั้นชักจะสงสัยชีวิตเสียแล้ว”

 

“...”

 

หลีจื่อถูกทำร้ายจิตใจ ค่อนแคะไปหลายประโยคถึงจะสงบลงได้ ปรายตามองสือเสี่ยวไป๋ที่เข้าฌานลึกหนึ่งครั้ง พลางถอนหายใจพูดว่า “ผู้ที่เข้าฌานลึกแล้วจะไม่ได้ยินเสียงใดๆ ชั้นอยากจะถ่ายทอดวิชาให้นายก็ทำไม่ได้ เข้าฌานลึกเนี่ยเป็นสภาวะที่คนทั่วไปต่างเฝ้าฝันถึง เจ้าโง่นี่ วิชาอะไรก็ยังไม่เป็น เข้าฌานลึกไปก็ไม่มีประโยชน์ ฮืออเสียดายหง่ะ”

 

หลีจื่อยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้า เบ้ปากใส่สือเสี่ยวไป๋สักพัก จู่ๆ ก็รู้สึกว่าสือเสี่ยวไป๋ที่ดูเหมือนหลับอยู่นั้นน่ารักอย่างประหลาด ทนไม่ไหวยื่นมือออกไปบีบแก้มของสือเสี่ยวไป๋เล่น เผยรอยยิ้มอย่างกลั้นไม่อยู่ ก่อนลุกขึ้นกลับห้องเตรียมตัวเข้านอน

 

“วันนี้ช่างยาวนานจริงๆ เกิดเรื่องขึ้นเยอะแยะมากมาย แต่ว่ารวมๆ แล้ว ก็เป็นวันที่มีความสุขมากแหละนะ”

 

หลีจื่อล้มตัวลงบนที่นอน กอดหมอนพลิกตัวไปมาอยู่สองสามรอบ ไม่นานก็ผล๊อยหลับไป ที่มุมปากยังมีร่องรอยของรอยยิ้มหลงเหลืออยู่

 

……

 

……

 

ในขณะที่สือเสี่ยวไป๋หลับตาลง ในใจท่องคำว่า “ผ่อนคลายกายใจ” หลังจากนั้น...ภาพจินตนาการในหัวของเขาพลันเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน

 

โลกในจินตภาพของเขาเต็มไปด้วยสีขาวกว้างไกลไร้ขอบเขต ราวกับว่าร่างกายและจิตใจของเขาก็ถูกความว่างเปล่าสีขาวปกคลุมไปทั้งหมดเช่นกัน

 

แต่สือเสี่ยวไป๋ตระหนกตกใจอยู่ไม่กี่วิก็สงบสติลงได้ เขานึกถึงคำอธิบายถึงฌานสมาธิที่หลีจื่อเคยว่าไว้

 

“ก็แค่คิดมโนเข้าไว้ไม่ใช่หรอ? สำหรับข้าแล้วมันก็แค่เรื่องกล้วยๆ”

 

สือเสี่ยวไป๋คิดเช่นนี้ จึงเริ่มจินตนาการ เรื่องมหัศจรรย์พลันเริ่มขึ้น พอเขานึกถึงลักษณะของท้องฟ้า ยอดของโลกสีขาวก็เปลี่ยนเป็นท้องฟ้าสีครามทันที

 

สือเสี่ยวไป๋ดีใจ เริ่มตวัดวาดจินตนาการต่อไปทันที

 

ชั่วพริบตา กลางท้องฟ้าก็ปรากฏดวงอาทิตย์เก้าดวงเก้าสีแตกต่างกันไป ก้อนเมฆสายรุ้งจำนวนนับไม่ถ้วนล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า ต่อด้วยผืนดินลุกลามอยู่ที่ด้านล่างของโลก น้ำมหาสมุทรผุดขึ้นมาจากหลุมต่างๆ พริบตาเดียวก็ปกคลุมพื้นดินไปกว่าครึ่ง

 

หลังจากนั้นก็เป็นภูเขา พื้นที่ราบ ทะเลทราย หุบเหว ผืนป่า แม่น้ำ ห้วยแข้ง ตาน้ำ…สือเสี่ยวไป๋รู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าของโลกทั้งใบ เขาปั้นทุกมุมโลกให้เป็นไปอย่างที่เขาต้องการอย่างตื่่นเต้น กลับด้านภูเขาให้คว่ำลง บันดาลให้เกิดแผ่นดินผืนใหม่ ให้ทะเลทรายไหลลงในหุบเหวลึก พลิกหุบเหวตัว v ให้คว่ำลง สร้างหุบเหวลึกไม่มีที่สิ้นสุดผ่ากลางโลก คลุมผืนต้นไม้ยักษ์โบราณรวมถึงบันดาลให้ยอดของต้นไม้มีหลากหลายสีสัน...

 

สือเสี่ยวไป๋ไม่รู้สึกถึงเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับสายน้ำเลยสักนิด และยิ่งไม่รู้สึกถึงความเหนื่อยล้า เขาใช้จินตนาการสร้างสรรค์โลกของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน

 

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ สือเสี่ยวไป๋รู้สึกว่าเขาได้สร้างโลกของเขาด้วยน้ำพักน้ำแรงสำเร็จแล้ว ตอนนี้ เขากำลังจะสร้าง “สิ่งมีชีวิต”

 

“จะสร้างอะไรก่อนดีนะ? มนุษย์? เทพเจ้า? ปีศาจ? อสูรกาย? หรือว่า…”

 

สือเสี่ยวไป๋ลังเลอยู่นาน ทันใดนั้นดวงตาก็เปล่งประกาย “คงต้องสร้างข้าออกมาก่อน!”

 

และอีกครั้งในเวลาชั่วพริบตา เท้าหนึ่งข้างได้เหยียบลงพื้นดิน หัวจรดท้องฟ้า สือเสี่ยวไป๋เกิดขึ้นมาแล้ว สือเสี่ยวไป๋ร่างใหญ่สวมใส่เสื้อผ้าของปีศาจ สวมมงกุฏเหนือศีรษะ มือซ้ายถือไม้เท้าค้ำฟ้า มือขวาถือขวานล้างโลก ยืนนิ่ง ราวกับว่าใต้หล้าสยบต่อเขา

 

สือเสี่ยวไป๋พึงพอใจอย่างมาก เริ่มสร้างสิ่งมีชีวิตตามแบบของสือเสี่ยวไป๋ร่างใหญ่ เริ่มด้วยซีอุสเทพทางตะวันตก ต่อด้วยเง็กเซียนฮ่องเต้เซียนแห่งดินแดนตะวันออก สิบสองสาวกสวรรค์ สิบแปดเทพมารแดนปีศาจ ปีศาจนรกขุมที่เก้า ฮีโร่และบุรุษผู้กล้าแดนมนุษย์ทั้งหลาย ตามด้วยยามาตะโนะโอโรจิ[1] มังกรน้ำแข็ง ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง เซอร์เบอรัส[2]...

 

หลังจากสือเสี่ยวไป๋ได้สร้างสิ่งมีชีวิตในตำนานที่เขานึกออกทั้งหมดแล้ว ก็เริ่มสร้างสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีอยู่จริงขึ้น เช่น อสูรตะกละที่แปลงตัวเป็นภูเขา ปากพ่นหนอนผีเสื้อตัวอ้วนสีแดงได้ แมวน้อยสีขาวขนาดเท่าฝ่ามือสวมกระโปรงและยืนได้ มนุษย์โครงกระดูกดำพูดได้…

 

ฉือเสี่ยไป๋จินตนาการถึงราษฎรของตัวเองอย่างสุดความสามารถ ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ เขาถึงได้รู้สึกว่าเขามีประชากรเกือบจะเพียงพอแล้ว

 

“ต่อไปควรจะสร้างกฎให้โลกของข้าแล้ว อื้ม~ หลังจากนี้ต้องกำหนดมุมมองโลก กำหนดระบบพลังงาน กำหนดประวัติศาสตร์วิวัฒนาการ อ่อ เรื่องราวมหัศจรรย์อีกสักหน่อยก็จำเป็นนะ หลังจากนั้นก็เป็นสงครามระหว่างประเทศ ความขัดแย้งระหว่างเผ่าพันธุ์ การต่อสู้ระหว่างฝ่ายธรรมะและฝ่ายอธรรม…”

 

สือเสี่ยวไป๋แค่คิดว่าสามารถสร้างโลกของเขาด้วยตัวเองได้ เลือดร้อนก็เดือดพล่าน ในหัวของเขามีความคิดแปลกๆ ออกมาไม่หยุด

 

ไม่จำเป็นต้องอยู่ชั่วนิรันดร์ แต่เขาอาจจะสร้างโลกในระยะเวลาสั้นๆ

 

นำโลกของความเป็นจริงมาเป็นแบบอย่างของโลกจินตนาการ แต่กลับสร้างโลกที่ไม่มีเค้าเดิมอยู่เลย หรืออาจจะเรียกโลกนี้ว่า “โลกย้อนกลับ”?

[1] ยามาตะโนะโอโรจิ หรือ งูยักษ์แปดหัว เป็นอสูรร้ายแห่งตำนานญี่ปุ่น

[2] เซอร์เบอรัส ( Cerberus ) เป็นสัตว์ในเทพปกรณัมกรีก มีรูปร่างเป็นสุนัขสีดำตัวใหญ่ มี 3 หัว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด