บทที่ 18 จั่วเชียนคนนี้สนใจเธอใช่หรือเปล่า
บทที่ 18 จั่วเชียนคนนี้สนใจเธอใช่หรือเปล่า
“ฉางฉิง ใช่เธอจริงๆ ด้วย” จู่ๆ เสียงที่แสนจะคุ้นเคยก็ดังลอยมาจากข้างหลัง
พอหันกลับไป ฉางฉิงก็เห็นฟู่อวี้ยืนอยู่ใต้แสงจันทร์ที่สุกสกาว รูปร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอราวกับยอดเขาลูกหนึ่ง ทำเอาเธอหัวใจเต้นผิดไปครึ่งจังหวะ “ฟู่..ประธานฟู่...”
เธอลุกพรวดขึ้นมาทันที พอเห็นเธอมีท่าทางแบบนี้ ฟู่อวี้ก็หัวเราะเสียงต่ำออกมา “ไม่ได้อยู่ในห้องแบบคราวก่อนซะหน่อย เรียกพี่เหมือนเมื่อก่อนเถอะ”
เมื่อเห็นฟู่อวี้มีท่าทางแบบนี้ ลูกน้องที่ติดตามอยู่ด้านข้างก็แทบจะตกใจอ้าปากค้าง ปกติประธานบริษัทของเขาคนนี้ก็ยิ้มอยู่หรอก แต่มักจะยิ้มอย่างเย็นเยียบน่ากลัว รอยยิ้มสดใสแบบนี้เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ฉางฉิงก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวในใจ เมื่อก่อนเธอมักจะเรียกเขาว่าพี่ฟู่อวี้ด้วยเสียงนุ่มนวล แต่เขาไม่ใช่พี่ฟู่อวี้ของเธออีกต่อไปแล้ว เขาเป็นแฟนของกว่านอิง
“คุณคนนี้คือจั่วเชียนสินะ” ฟู่อวี้เบนสายตาไปทางจั่วเชียน แล้วยิ้มบางๆ พลางยื่นมือให้เขา “สวัสดีครับ ผมชื่อฟู่อวี้ครับ”
คนทั่วไปไม่รู้จักชื่อของฟู่อวี้ แต่สำหรับคนที่อยู่ในวงการมานานหลายปีอย่างจั่วเชียนย่อมรู้จักอยู่แล้ว เมื่อปีที่แล้วฟู่อวี้ได้เข้ามาเป็นประธานบริษัทคนใหม่ของบริษัทผลิตสื่อบันเทิงซ่างเหว่ย อายุยังน้อย แต่กลับฉลาด มีประสบการณ์เหมือนกับสุนัขจิ้งจอก จั่วเชียนไม่เคยเจอฟู่อวี้มาก่อน แต่บรรดาเพื่อนๆ ที่รู้จักหลายคนล้วนทำงานที่บริษัทของฟู่อวี้ทั้งนั้น ทุกครั้งที่เอ่ยถึงฟู่อวี้ เพื่อนๆ เหล่านี้ก็จะพูดด้วยความกลัวจนตัวสั่นว่าจะล่วงเกินใครก็ได้ แต่อย่าได้ไปล่วงเกินฟู่อวี้เชียว
“ประธานฟู่ สวัสดีครับ ไม่ได้พบคนดังอย่างคุณตั้งนานนะครับ” จั่วเชียนรีบลุกขึ้นยืนทันที
“คำพูดนี้ผมควรจะเป็นคนพูดมากกว่านะครับ” ฟู่อวี้มุมปากยกขึ้น “พิธีกรที่ยอดเยี่ยมที่สุดในวงการเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคุณ สามสี่ปีมานี้ก็ต้องขอบคุณคุณด้วยที่ช่วยดูแลฉางฉิง”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงของผู้อาวุโส จั่วเชียนถึงกับตะลึงงัน แล้วฟู่อวี้ก็พูดต่ออีกว่า “ฉางฉิงกับผมโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กๆ คงเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็กล่ะมั้ง”
เพื่อนเล่นสมัยเด็ก ไว้วางใจกัน ไม่มีการระแวงกัน
ฉางฉิงก้มหน้าพลางยิ้มเจื่อน
ในใจของจั่วเชียนรู้สึกสับสน เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าฟู่อวี้กับฉางฉิงจะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เมื่อมองลึกลงไปในแววตาของฟู่อวี้ ดูเหมือนว่าจะฉายประกายความอบอุ่นอ่อนโยนอยู่ในนั้น การที่สามารถทำให้ชายหนุ่มที่เขย่าวงการค้าให้สั่นสะเทือนแสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมาได้ แสดงว่าตำแหน่งที่อยู่ในหัวใจเขาจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เขาคิดมาตลอดว่าฉางฉิงอยู่ใกล้เขาแค่เอื้อม แต่จู่ๆ ตอนนี้เขาก็รู้สึกว่าฉางฉิงอยู่ไกลเหลือเกิน
แม้แต่คำพูดที่กำลังจะสารภาพรักออกมาก็ขาดความมั่นใจลงไปพอสมควร
“กว่าจะได้เจอกันไม่ใช่ง่ายๆ เลย นี่นับว่ามีบุพเพสันนิวาส เรามาทานข้าวด้วยกันเถอะ” ฟู่อวี้ลากเก้าอี้มาแล้วนั่งลง
ลูกน้องของฟู่อวี้รีบเรียกพนักงานให้ไปเอาเมนูอาหารมาอีกรอบ
ฉางฉิงแสร้งเป็นสงบนิ่งพลางถาม “พี่ฟู่อวี้ พี่มาที่ร้านอาหารนี้ได้ยังไงกันคะ”
“อาหารที่นี่รสชาติไม่เลว เมื่อก่อนก็เคยมาอยู่บ่อยๆ พี่ไม่อยากทำอาหารคนเดียว พอเลิกงานปุ๊บก็ตรงมาที่นี่เลย” มุมปากของฟู่อวี้ประดับด้วยรอยยิ้มอยู่ตลอด “ที่จริงสองสามวันนี้พี่คิดที่จะติดต่อหาเธออยู่ตลอด แต่ต้องไปทำงานที่อื่น พี่ยังคิดที่จะโทรนัดเธอเย็นนี้อยู่เลย คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกันช่วงมื้อเย็น”
“ค่ะ” ฉางฉิงเม้มปากพลางคิดหาเรื่องพูด “ตอนนี้พี่อยู่คนเดียวหรือเปล่าคะ แล้วคุณลุงคุณป้าล่ะคะ”
“พ่อพี่อยู่ฮ่องกง ส่วนแม่อยู่โรงพยาบาล พักนี้แม่พี่ไม่ค่อยสบาย”
“คุณป้าเป็นอะไรคะ เมื่อก่อนคุณป้าร่างกายแข็งแรงมากไม่ใช่เหรอคะ”
“เป็นเนื้องอกในสมองน่ะ” ดวงตาที่ดำขลับและลุ่มลึกของฟู่อวี้ดูหม่นหมองลง “ช่วงนี้กำลังเตรียมตัวเข้ารับการผ่าตัด แม่พี่ชอบเธอมาก ถ้ามีเวลาว่าง ก็ไปเยี่ยมแม่พี่ที่โรงพยาบาลหน่อยนะ ปกติผู้ดูแลจะอยู่เป็นเพื่อนแม่ แม่พี่เบื่อมากเลย”
“ได้ค่ะ” ฉางฉิงพยักหน้า เมื่อก่อนคุณแม่ของฟู่อวี้ดีกับเธอมากจริงๆ
_ _ _ _ _ _ _ _
ระหว่างทานอาหารเย็น ฟู่อวี้พูดคุยกับจั่วเชียนบ้างเป็นระยะๆ พออยู่ด้วยกันสามคน ก็เลยไม่รู้สึกเก้อเขิน แล้วก็มีเรื่องคุยกัน ไม่ได้นั่งเงียบ
เมื่อใกล้สองทุ่ม ลูกน้องของฟู่อวี้แย่งจ่ายบิลค่าอาหารไปก่อน
“ฉางฉิง พี่ไปส่งเธอที่บ้านก็แล้วกัน” ฟู่อวี้คว้ากล่องบุหรี่ กลิ่นใบยาสูบหอมๆ ลอยอยู่ในอากาศ
จั่วเชียนกำลังจะเอ่ยปาก ฉางฉิงก็รีบพยักหน้าทันที “ได้ค่ะ อาจารย์จั่ว พรุ่งนี้เจอกันที่สถานีนะคะ”
ตอนนี้เธอรู้สึกระแวงจริงๆ ว่าระหว่างที่พวกเขานั่งรถกลับด้วยกัน จั่วเชียนจะสารภาพความรู้สึกออกมา หากต้องเลือกหนึ่งในสองคนนี้ เธอขอเลือกกลับกับฟู่อวี้ดีกว่า
หลังจากเข้าไปนั่งในรถปอร์เช่ที่เป็นรถยนต์นำเข้า ฟู่อวี้ก็มองกระจกมองหลังแล้วเห็นจั่วเชียนยืนอยู่ตรงไฟถนนกำลังมองมาทางพวกเขา
เขาหลุบตาลงและถามว่า “จั่วเชียนคนนี้สนใจเธอใช่หรือเปล่า”
ฉางฉิงตกใจ แววตาใสแป๋วสั่นไหว
“จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเขาอายุสามสิบสามแล้วใช่มั้ย โตกว่าเธอเกือบหนึ่งรอบ งั้นเลิกคิดได้แล้วล่ะ” ฟู่อวี้พูดออกมาโดยไม่สนใจ
ฉางฉิงเหลือบมองเขา “เมื่อก่อนพี่บอกไม่ใช่เหรอคะว่าจะหาแฟนก็หาคนที่โตหน่อย”
................................................