ตอนที่แล้วตอนที่ 35 สามคนย่อมสนุกกว่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 37 ก็ความลับไม่ใช่ความลับ

ตอนที่ 36 เด็กหญิงคนนั้นอยู่ที่ริมบึง


ตอนที่ 36 เด็กหญิงคนนั้นอยู่ที่ริมบึง

 

“ลูกสาวของนายเมืองเฉวียน” เสวี่ยหงเยว่เอ่ยพูดทันทีระหว่างที่กระซิบกระซาบกับซุนจ้าวหาน สายตาเหลือบมองไปยังทางที่นั่งสกุลเหอเล็กน้อยซึ่งดูเหมือนว่าเหอไป๋หลานและเฟิงลี่ผิงนั้นยังคงสนใจกับการถ่ายทอดสดของเหอไป๋เทียนอยู่ เขาจึงดึงอีกฝ่ายให้ออกมาห่างกว่านี้อีกนิด

“แล้วเจ้าจะทำเช่นไร?” ซุนจ้าวหานเอ่ยถาม และนั่นทำให้เสวี่ยหงเยว่ครุ่นคิด ระยะเวลาการแข่งขันจะจบลงเมื่อพระอาทิตย์ตกดินและตอนนี้ก็ราว ๆ สี่โมงปริ่มจะห้าโมงแล้ว และเขาจะต้องขึ้นไปทำพิธีปิดงาน นั่นเท่ากับว่าเขามีเวลาหลบออกไปก่อนงานเลิกประมาณชั่วโมงเศษ ๆ

เสวี่ยหงเยว่คิดว่าระยะเวลาแค่นั้นก็น่าจะเพียงพอ

ทว่าเมื่อซุนจ้าวหานเห็นสีหน้าของคนตรงหน้าเป็นแบบนั้นก็รีบกระตุกแขนของเสวี่ยหงเยว่ บอกกับคนอื่น ๆ ว่าขอตัวออกไปทำธุระด้านนอกสักประเดี๋ยว พร้อมกับดึงมือจนเหมือนลากคนตัวสูงกว่าไปยังประตูด้านหลังที่นั่งซึ่งไม่มีคนผ่านและไม่น่าจะมีใครได้ยินเสียง

“เจ้าตั้งใจจะออกไปช่วยคุณหนูเฉวียนเองหรือ” ซุนจ้าวหานถามทันทีอย่างคนรู้ทันความคิด ซึ่งนั่นก็ทำให้เสวี่ยหงเยว่หลบสายตา เขาพยักหน้าแทนการพูดตอบรับ

“ตอนนี้เจ้าเป็นประมุขนะ ไม่ใช่หงเกอ จะหายตัวไปจากตรนี้นานไม่ได้ ถึงข้ากับซิ่นหลิงจะไม่ได้ว่าอะไรแต่ตรงนี้ยังมีไป๋หลานกับท่านเฟิงลี่ผิงอยู่นะ” แล้วซุนจ้าวหานก็เปิดประเด็นพูดออกมาเป็นชุดกระทำการสั่งสอนเตือนสติเขาไม่ต่างกับผู้ใหญ่อบรมเด็กน้อย จนเสวี่ยหงเยว่อดคิดไม่ได้ว่าสมแล้วที่ ‘สนิทสนม’ กับหลานซิ่นหลิง

“เรียกหน่วยงานที่รับผิดชอบเถอะเดี๋ยวข้าจะไปจัดการให้เอง” ซุนจ้าวหานว่า และแน่นอนหากเป็นกรณีอื่นเสวี่ยหงเยว่คงจะเห็นด้วยกับความคิดนี้

ทว่า…

“ข้าอยากจัดการให้เงียบที่สุด จ้าวหาน ข้าไม่อยากให้ชาวเมืองแตกตื่นท่ามกลางงานประลอง เราไม่รู้ว่าโจรพวกนั้นต้องการจะทำอะไรกับคุณหนูเฉวียน ในตอนนี้สิ่งที่เราควรทำคือช่วยนางมาก่อนที่พวกโจรจะเคลื่อนไหวหรือไหวตัวได้ทัน”

หากรู้ว่าลูกสาวของนายเมืองโดนลักพาตัว งานประลองในครั้งนี้จะเป็นอย่างไร ชาวเมืองจะหวาดวิตกเพียงไหนที่อยู่ ๆ ก็มีเหตุการณ์ร้าย ๆ เกิดขึ้นท่ามกลางงานเทศกาลอีกแล้ว อีกทั้งชาวเมืองรู้ โลกรู้ เกิดความรู้ไปถึงโจรลักพาตัวขึ้นมา อาจเกิดอันตรายกับชีวิตของเฉวียนซือเสียนมากกว่าเดิม

อีกทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ให้เดาแล้วมันคือฉากแรกพบระหว่างพระเอกนางเอก เฉวียนซือเสียนจะต้องถูกผู้ร้ายใจทรามลักพาตัวและถูกทำร้ายร่างกายต่าง ๆ นานาจนเกือบเสียโฉม ดีที่ว่าเหอไป๋เทียนได้มาช่วยเหลือได้ทัน พวกเขาทั้งสองจึงได้กลายเป็นคู่หูคู่ทุกข์คู่ยากจนจบเรื่อง

ทว่านั่นคือบทของตอนที่นางอายุสิบเจ็ดแต่ตอนนี้นางเพิ่งสิบสอง!! เด็กสิบสองจะโดนทำร้ายร่างกายแบบนั้นนอกผิดกฏหลักมนุษย์ธรรมยังดาร์กจนชวนให้เป็นนิยายเตรียมถูกแบนลงใต้ดิน!!

“งั้นข้า…”

“แต่หากข้าไม่ไปใครจะไป เจ้าจะไปหรือไร ตลกล่ะเจ้าออกจากตรงนี้ไปไกลขนาดนั้นได้หรือไร?” เขาแย้งกลับในทันที แล้วจ้องมองไปทางซุนจ้าวหาน มือบีบไปที่บ่าของคนที่ตัวเล็กกว่าเขาเบา ๆ

“จ้าวหาน…เจ้าต้องคอยดูแลการถ่ายทอดภาพจากญาณของเจ้าที่ตรงนี้”

ริมฝีปากของซุนจ้าวหานขยับคล้ายจะดึงเหตุผลของตัวเองออกมาแย้ง เมื่อเห็นดังนั้นเสวี่ยหงเยว่จึงงัดไม้ตายมาใช้ในการทำให้ซุนจ้าวหานสงบ

“หรือจะให้ข้าบอกอาจารย์?”

“ให้ซิ่นหลิงไปไม่ได้…” ซุนจ้าวหานสวนทันที เนื่องจากเขากังวลเรื่องอาการป่วยของหลานซิ่นหลิง หากคน ๆ นั้นรู้ย่อมอาสาไปเองเป็นแน่และเขาคงห้ามคนหัวดื้อเช่นนั้นไม่ได้ด้วย แม้เสวี่ยหงเยว่จะไม่รู้เรื่องอาการนั้นของหลานซิ่นหลิง และเขาก็รู้ว่าคน ๆ นี้ก็แค่เอาอาจารย์ตัวเองมาอ้างเพราะนี่เป็นจุดอ่อนขนาดหนักของเขา

เจ้าเล่ห์สมเป็นสกุลเสวี่ย...

“ใช่ไหมล่ะ ตัวเลือกตอนนี้เหลือแค่เจ้ากับข้า และมีแต่ข้าจะต้องไป…เอาล่ะ จ้าวหาน เจ้าอย่าเสียเวลาคิดพะวงนักเรื่องของคุณหนูเฉวียนเราต้องรีบ เจ้าปล่อยให้ข้าไปเถิด” เสวี่ยหงเยว่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม เขาโยงเหตุผลทั้งหมดมาเพื่อให้ตัวเองชนะในการสนทนา และมันก็เป็นเหตุผลที่โน้มน้าวจิตใจได้ระดับหนึ่งจนซุนจ้าวหานถึงกับต้องยอมรับโดยดี

แม้สีหน้าของอีกฝ่ายจะดูเหมือนไม่ใคร่พึงใจนักก็ตาม

แต่แล้วในจังหวะที่เสวี่ยหงเยว่กำลังจะวิ่งไปนั้น ซุนจ้าวหานก็ยื้อมือเขาไว้แล้วรั้งไม่ให้ไป

“ส่งมือเจ้ามา”

แม้จะสงสัยอยู่เล็กน้อย แต่เขาก็ยื่นมือไปหาคล้ายจะรีบทำให้จบ ๆ จะได้ไปสักที

ทว่าเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของซุนจ้าวหานเขาก็แทบลมจับ เมื่อชายคนนั้นดึงปิ่นออกมาจากมวยผม เงาคมกริบวิบจากส่วนปลายทำให้เสวี่ยหงเยว่กลืนน้ำลาย แหลมขนาดนั้นปักทีเลือดคงกระฉูด เขาจะดึงมือออกก็ไม่ทันเสียแล้ว คนตรงหน้าจับมือเอาไว้แน่นมากเสียจนขยับหนีไม่ได้

แค่ไม่ลงรอยทางความคิดแค่นิดเดียวเอ็งถึงกับจะปิ่นปักตูเลยเหรอ ไอ้สารเลว ไอ้นักบุญเฮงซวย ปลอม!! เปลือก!!

เสวี่ยหงเยว่ได้แต่กร่นด่าในใจ เมื่อเห็นคมปิ่นเข้ามาใกล้มือเรื่อยๆ ชายหนุ่มหลับตาปี๋ด้วยความคิดในแง่ร้าย แต่แต่ผ่านไปตั้งนานแล้วเขากลับรู้สึกเจ็บเหมือนมดกัดที่ปลายนิ้ว

“เอาล่ะเสร็จแล้ว” ซุนจ้าวหานพูดจบก็เอากระดาษมาซับที่นิ้วมือของเสวี่ยหงเยว่ที่ตอนนี้ทำสีหน้าปั้นยากสุดจะบรรยายใส่

“เจ้าคิดว่าข้าโมโหจนอยากทำร้ายร่างกายเจ้าหรือ” ซุนจ้าวหานว่า เสียงหัวเราะร่วน ระหว่างนั้นเขาก็สลัดกระดาษแผ่นน้อยที่เพิ่งซับเลือดของเสวี่ยหงเยว่มามาด ๆ เบา ๆ สองถึงสามที ริมฝีปากท่องคาถาบางอย่าง ก่อนที่จะปล่อยมือออกกระดาษแผ่นนั้นให้มันบินลอยล้อมรอบกายเสวี่ยหงเยว่

“อย่างไรก็ดี...ที่นั่งของประมุขเสวี่ยจะว่างนาน ๆ ไม่ได้หรอกนะ”

เมื่อเขาพูดจบกระดาษแผ่นนั้นก็ส่งเสียงดัง 'ปุ๊' พร้อมกับระเบิดตัวสร้างควันหนาลอยล้อมพาให้แสบหูแสบคอเสียจนเสวี่ยหงเยว่หลุดเสียงไอออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ และทุกอย่างสงบ เขาได้ลืมตาขึ้นมา ก็ปรากฏสิ่งบางอย่างที่ทำให้ดวงตาสีแดงถึงกับเบิกกว้างด้วยความตกใจ...

เพราะมีร่างของเสวี่ยหงเยว่อีกคนเข้ามาแทนที่กระดาษแผ่นนั้น!

เสวี่ยหงเยว่กระพริบตาค้าง ไม่ใช่ว่าแค่ว่าตกใจเพียงอย่างเดียว เขาประหลาดใจอีกด้วยกับการได้เห็นอะไรแบบนี้ เพราะมันคือวิชาปลอมแปลงด้วยหุ่นพยนต์!! สรุปคือเมื่อกี้ที่จิ้มเอาเลือดเขาไปก็เพื่อให้กระดาษแปลงกายเป็นตัวเขาว่างั้นสิ ฉลาดนักนะ แต่วันหลังน่ะช่วยอธิบายก่อนจะได้ไหมจะได้ไม่ต้องตกใจเก้อ!!

“เป็นวิชาลอกเลียน ทว่าก็เหมือนได้แค่ภายนอกเท่านั้น ข้างในก็ยังคงเป็นกระดาษพยนต์อยู่” ซุนจ้าวหานว่าเงยมองหน้าเขาเพราะวิชาหุ่นกระดาษพยนต์มันคือกระดาษรูปร่างคนที่สามารถใช้อัญเชิญอะไรก็ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความจะปลอมแปลงเป็นคนมีชีวิตจริง ๆ ได้นานนัก

“โชคดีที่ภายนอกเจ้าเป็นพวกเก็กพูดน้อย ถ้าให้มันนั่งนิ่ง ๆ เฉย ๆ สักชั่วโมงก็พอไหวอยู่”

เสวี่ยหงเยว่นึกอยากบ่นใส่เจ้าคนตรงหน้าสักแว้ดสองแว้ดให้หายหัวร้อน หากแต่เขาก็เสียเวลาไปกับการอัญเชิญกระดาษพยนต์ในร่างเลียนแบบไปตั้งเกือบสองนาที เมื่อเป็นดังนั้นเขาก็รีบหันไปบอกกับซุนจ้าวหาน ก่อนที่จะรีบวิ่งออกไปในทันที!

“ขอบคุณสำหรับกระดาษพยนต์ ข้าจะกลับมากล่าวจบพิธีแน่นอน”

แล้วเสวี่ยหงเยว่ก็รีบวิ่งหายลับไป เหินกระบี่เฟยฉี พุ่งตรงไปยังสถานที่ซึ่งตนเห็นในลูกบอลน้ำนั้นทันที

โดยหารู้ไม่ว่ามีสายตาของใครบางคนกำลังจ้องมอง และเห็นการกระทำทุกอย่างตั้งแต่แรก…

 

เสวี่ยหงเยว่เหินกระบี่มุ่งตรงไปยังชายป่าสร้างมนต์บังพรางตาให้รอดพ้นจากผู้เข้าร่วมงานประลอง และบินให้สูงเข้าไว้ ดวงตาสีแดงสอดสายตามองหาไปทั่วถึงบึงที่ตนได้เห็นจากลูกบอลน้ำ ทว่าป่าเขาเสวี่ยนั้นกว้างไกลเกินไป จะสุ่มมั่ว ๆ ได้ว่าบึงที่ว่านั้นอยู่ตรงไหนนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายดาย

และเขาต้องรีบเร่งทำให้อีเวนท์นี้จบโดยเร็ว

ตอนนี้เหอไป๋เทียนก็ดันติดเข้าแข่งขันผละตัวไม่ได้แน่ ๆ ให้ไปแจ้งข่าวก็อย่าหวังเลยโผล่ไปสนามประลองตอนนี้ดีไม่ดีจะติดเข้าไปภาพถ่ายทอดสดด้วย

มันเหลือมีแต่เขาเท่านั้นที่พอจะแทรกแทรงเข้าไปช่วยได้ในสถานะของหงเกอ ยังไงซะถึงฉากนี้จะมาไวกว่าไทม์ไลน์เดิมห้าปีแต่พระนางก็เจอแล้วด้วย ปิ๊งปั๊งกันก็แล้ว (...มั้ง) ซีนสำคัญไม่น่าจะคลาดเคลื่อนหรอก อย่างมากก็แค่มีเขาตัวแถมโผล่ไปกินเผือกเท่านั้นเอง!

เขาบังคับให้เฟยฉีหยุดเหิน นิ้วมือยื่นออกไปเบื้องหน้าวาดอักขระบางอย่างบนอากาศ เขาใช้สมาธิเพ่งมองมันสักพักก่อนที่ตัวอักษรเหล่านั้นจะค่อย ๆ ขยับเคลื่อนตัวเองเข้าหากัน พร้อมกับก่อร่างเป็นรูปนก มันขยับกระพือปีกอยู่กับที่คล้ายว่ามันกำลังมองหาอะไรบางอย่าง

เมื่อค้นหาได้แล้ว นกอักขระตัวนั้นก็โบยบิน นำทางเสวี่ยหงเยว่ไปยังทิศทางหนึ่งทันที

ไม่นานนักนกตัวนั้นบินลอยอยู่เหนือบึงน้ำกว้างแห่งหนึ่ง มันตั้งอยู่ที่ชายป่า ไกลจากสถานที่จัดแข่งงานอยู่พอควรจนเรียกได้ว่าแทบจะนอกเขตการแข่งขันแล้ว นั่นจึงทำให้เสวี่ยหงเยว่มั่นใจได้ระดับหนึ่งว่าคงไม่มีจอมยุทธ์น้อยคนใดใครทะเล่อทะล่าโผล่หัวเข้ามาตรงนี้อย่างแน่นอน

เสวี่ยหงเยว่ถอนหายใจยาวเหยียดระหว่างเรียกนกอักขระนั้นกลับม ร่างสูงโปร่งโดดลงมาจากเฟยฉีเก็บกระบี่เงินกลับเข้าไปในปลอก แล้วพรางตัวหลบซ่อนไปตามพงหญ้าและแมกไม้ไม่ให้เป็นจุดเด่นให้โจรลักพาตัวสังเกตเห็น ดวงตาสีแดงสอดส่องไปรอบเพื่อค้นหาว่ามีสิ่งใดผิดปกติ และมองหาว่าเฉวียนซือเสียนนั้นถูกนำตัวไปไว้ที่แห่งไหน

ที่แห่งนี้รกร้าง มีเศษซากเก่าร้าง บ้าน เล้าสัตว์ บ่อน้ำ และอื่น ๆ คล้ายกับว่าเคยเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยมาก่อนแต่คนในหมู่บ้านอพยพหนีไปนานแล้ว ทว่านอกจากบรรยากาศที่วังเวงจนชวนให้มีผีสาวซาดาโกะโผล่ออกมาเล่นท่ายากทักทายแล้ว เขาก็ยังไม่เห็นถึงความผิดปกติอะไรเท่าไรนัก

ชายหนุ่มมีสีหน้าครุ่นคิด สอดส่องสายตาไปพลาง จับจ้องไปพลางอย่างไม่รู้ว่าทำไมต้องมีอีเวนท์ใหญ่แบบนี้เกิดขึ้นซ้อนกันสองเรื่อง ถึงสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่านางเอกประเภทโดนลักพาตัวบ่อยเป็นว่าเล่นพอ ๆ กับวีรกรรมคนดีแส่หาเรื่องของพระเอกแค่ไหนก็เถอะ แต่สถานการณ์นี่มันแปลกประหลาดเกินไปหน่อยไหมเนี่ย?

เขาคิดอะไรไปด้วยระหว่างส่องสายตาสำรวจรอบริมบึง นอกจากจะเป็นหมู่บ้านแล้ว มันมีเนินสูงมากมายและขนาดค่อนข้างใหญ่ และเมื่อเอะใจสังเกตเห็นความแปลกประหลาดของเนินหนึ่ง ดวงตาสีแดงมองซ้ายมองขวาพอมั่นใจว่าตรงนี้ไม่น่าจะมีสิ่งแปลกปลอมหรือคนร้าย เขาจึงค่อย ๆ ขยับตัวเดินไป สำรวจยังเนินนั้นอย่างรวดเร็ว

คิ้วเรียวเหนือดวงตาสีแดงนั้นขมวดมุ่นเมื่อเห็นรูขนาดว้างด้านบน มองลงไปด้านล่างแล้วพบว่ามันมีลักษณะคล้ายถ้ำ...อธิบายง่ายหน่อยคล้ายกับรูบนบ้านของเทเลทับบี้ ข้างในน่าจะมีจุดเชื่อมต่อไปยังที่อื่น ๆ ได้ ซ้ำเขายังเห็นอะไรบางอย่างเข้า แม้จะเป็นส่วนเล็กน้อยแค่พวงพู่เล็ก ๆ ทว่าเขาก็จำได้ดี

ว่าพู่เล็ก ๆ สีเหลืองนวลนั้น...มันคือสีเดียวกับพู่ห้อยพัดของเฉวียนซือเสียน!

และนั่นทำให้เขามันใจได้เลยว่าในตอนนี้เด็กคนนั้นคงโดนหย่อนตัวเข้าถ้ำเป็นเทเลทับบี้ใต้ดินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...!

ใจเขากำลังโอดว่าต้องเข้าดันเจี้ยนถ้ำอีกแล้วหรือก็ดันไปแต่แล้วเสวี่ยหงเยว่ก็ชะงักไป รีบเร้นกายหลบเข้ากับหลังต้นไม้ใหญ่ เมื่อเขาเห็นได้ว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ไม่ไกลและมุ่งตรงเข้ามาใกล้

มันนั้นเป็นอะไรบางอย่างที่มีลักษณะยาวคลืบคลานขดตัวอย่างเชื่องช้า เกล็ดมันวาวเรียงตัวสวยส่องประกายกับพระอาทิตย์ยามเย็น มันมีลักษณะร่างกายคล้ายสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่...เสวี่ยหงเยว่เห็นแล้วแทบอยากสวมบทเป็นสาวน้อยกรี๊ดออกมาเป็นเสียงที่สาม

งูยักษ์...พ่องเอ็งสิ! มาทำไมตอนนี้!

แรกเริ่มเดิมทีเขาก็ไม่ค่อยถูกโรคกับสิ่งมีชีวิตประเภทนี้อยู่แล้ว ถึงนั่นจะเป็นเรื่องเมื่อสมัยเป็นสมจิตรแถมการมาอยู่ในโลกนี้จะหล่อหลอมให้เขาพบอะไรบางอย่างที่มันน่ากลัวกว่านี้มานักต่อนักก็เถอะ...แต่ว่ากันซื่อ ๆ เลยก็ได้ ไอ้หัวเลื่อม ๆ แบบนั้น ไร้ขาแบบนั้น แล่บลิ้นฟ่อดแฟ่ดนั้นอีก มัน...มัน...

เขากลัวงูนั่นแหละ เวรเอ้ยยยย!!!

สีหน้าของเสวี่ยหงเยว่ตอนนี้นั้นคล้ายจะหัวเราะก็ไม่ใช่ จะร้องไห้ก็ไม่เชิง ความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับหัวเราะร่าน้ำตารินด้วยความบ้าคลั่งน่าจะเป็นอะไรที่น่าจะจำกัดความได้ถูกที่สุดแล้วสำหรับตัวเขาในตอนนี้ จะผีร้ายสิบตน จะปิศาจยักษ์ร้อยตัว ศพเดินได้เป็นกองทัพเขาไม่เกี่ยง เขาพร้อมและมั่นใจได้ว่าสามารถจัดการในระยะเวลาอันรวดเร็ว

แต่แค่สิ่งนี้เท่านั้นแหละที่ขอเถอะไม่อยากเขาไปยุ่งด้วยเลยสักนิด แถมมันยังตัวน้อง ๆ พี่อนาคอนด้าในหนังอีกต่างหาก อ๊ากกก!!

ใจหนึ่งก็อยากร้องแหกปากวิ่งหนีเป็นโนบิตะไปหาโดราเอม่อนซุนจ้าวหาน แต่ติดตรงที่ก่อนออกมาเขาพูดจาเสียดิบดีว่าให้เป็นหน้าที่ตัวเอง กลับไปขอความช่วยเหลือตอนนี้ก็อายแมวมันสิ!

เฟยฉีเด้งออกมาจากปลอกราวหนึ่งคืบ มันสั่นระริกเล็กน้อยราวกับเร่งเร้าให้ผู้เป็นนายชักมันออกมาต่อสู้ โดยหารู้ไม่ว่าเจ้าของมันตอนนี้แทบกรีดร้องสาปส่ง รู้หน้าที่เป็นกระบี่รักงานก็ดีอยู่หรอก แต่ในเวลาแบบนี้เขาไม่มีแก่ใจชักดาบออกมาฟันหัวงูขาดประหนึ่งฉากเด็ดในแฮร์รี่ พอตเตอร์เลยสักนิด

ทว่า...จะด้วยความรู้สึกผิดที่ตลอดหลายเดือนมานี้ทอดทิ้งมันให้นอนเคว้งแต่บนแท่นวางหรืออยากหาไม้กันหมามาป้องกันตัวเองอย่างไรก็ไม่อาจทราบได้ เสวี่ยหงเยว่เลยกลั้นใจดึงมันออกมา ตั้งท่าพร้อมต่อสู้

หน้าที่หาเหาใส่หัวนั่นมันหน้าที่พระเอกไม่ใช่เหรอ ตัวร้ายอย่างเขาน่ะ ควรจะนั่งกระดิกเท้าเชิด ๆ บนหอคอยงาช้างวางแผนชั่ว มือเปื้อนเลือดสิจะถูก บทมันพลิกพลันเกินไปแล้วทำไมเชื้อซวยถึงมาลงหัวเขากันล่ะ บางทีก็คิดแหละนะว่าทำไมตัวเองต้องมา บางทีก็คิดแหละว่าไม่ต้องเอาเรื่องทุกอย่างมาใส่หัวให้ตัวเองเดือดร้อนก็ได้ คนเสนอตัวช่วยก็มีออกจะเยอะแยะแค่เขาง้างปากบอก แต่ก็นั่นแหละ จิตใจด้านดีของเขามันมักส่งเสียงแจ้งเตือนเสมอว่าห้ามปล่อยไป แถมพระเอกแม่งก็นู่น...ปลอมตัวเข้างานประลองอยู่ ลงให้เรื่องใหญ่แบบนี้เกิดขึ้นสองอีเวนท์ซ้อน คนที่จำเป็นต้องใช้คาถาแยกเงาพันร่างมาตามเช็ดได้ก็มีแต่เขานั่นแหละ!

ไงล่ะ จิตใจด้านดีเฮงซวยเอ๊ย พามาเจอจุดอ่อนเข้าให้แล้วววว

ระหว่างที่เสียงโอดในใจยาวเหยียดดังก้องในหัว เสวี่ยหงเยว่ก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฝ้าดูสถานการณ์ของตัวเองตอนนี้ เปิดแน่บแผ่นหนีน่ะทำไม่ได้แน่ ๆ เพราะตรงนี้เป็นจุดที่มีสิทธิ์เป็นไปได้มากที่สุดที่เฉวียนซือเสียนจะอยู่ แต่ว่าก็ว่าเถอะ มีพี่อนาคอนด้าตัวไม่น้อยเลื้อยไปเลื้อยมาอยู่หน้ารู เขาเองก็ไม่มั่นใจเท่าไรนัก

เขารีบพุ่งตัวออกมาจากที่ซ่อน เหินไปพร้อมเฟยฉีตรงเข้าไปยังปากทางเข้านั้นทันที ซึ่งแน่นอนว่ามันอยู่ในสายตาของเจ้างูตัวยักษ์นั้นทุกประการ มันขู่ฟ่อชูหัวขึ้นสูงพร้อมพุ่งตรงเข้ามากัดสิ่งแปลกปลอมที่บุกรุกเข้ามาอย่างรวดเร็ว ชนิดที่หากเสวี่ยหงเยว่ตั้งสติเคลื่อนตัวหลบไม่ทันคงโดนกลืนลงท้องเป็นหนูขาวในห้องแล็บแล้วแน่ๆ

แต่ว่าก็ว่าเถอะ ไอ้การเห็นงูอ้าปากจนเห็นทั้งเหงือกทั้งลิ้นและคมเขี้ยวต่อหน้าต่อตา FULL HD แบบนี้ สติ สตังของเสวี่ยหงเยว่ก็แทบบินไปพร้อมเฟยฉีแล้ว

งูนั้นก็ยังคงไม่ยอมแพ้ ยืดคอชูพุ่งใส่คนที่กำลังเหินหลบตนอย่างรวดเร็ว แม้ทีท่าจะไม่ได้ดุร้าย คมเขี้ยวเองก็หาใช่คมเขี้ยวพิษไม่ แต่กับคนกลัวงูแล้ว มีพิษหรือไม่มีพิษมันก็น่ากลัวเหมือนกันหมดนั่นแหละ!

พี่ครับ! ผมไม่ได้จะมารบกวนถิ่นที่อยู่พี่ครับ! ผมแค่จะมาช่วยเด็ก! บ้านเก่าผมไม่ได้อยู่อิสานไม่ได้ชื่อคำแก้ว หรือพี่โล้นไร้ดั้งอะไรนั่นด้วย ผมพูดภาษางูไม่ได้ ไม่ต้องมาทำขู่แฟ่ ๆ ได้มั้ย ปล่อยผมไปเถอะ ได้โปรดดดด!!!

ระหว่างที่เสวี่ยหงเยว่ที่ตอนนี้มีท่าทีไม่ต่างจากแมลงปอบินฉวัดเฉวียนหนีปากงูอยู่นั้นเขาก็รู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังลอยอยู่ในจุดที่ใกล้กับโพรงอีกโพรงหนึ่ง

และเมื่อมองไปอีกทีก็พบว่า...

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด