ตอนที่แล้วตอนที่ 35: ก่อนฟ้าสาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 37: ศึกเพื่อเปิดทางอพยพ (II)

ตอนที่ 36: ศึกเพื่อเปิดทางอพยพ (I)


ตอนที่ 36: ศึกเพื่อเปิดทางอพยพ (I)

 

เฮเซคียาห์เท้ามือสองข้างไว้บนโต๊ะประชุม มองทุกคนทยอยกันออกไปจากห้อง จนกระทั่งเหลือเพียงแค่เขากับเมเดียนเพียงสองคน เขาจึงละมือจากโต๊ะ ยืดตัวขึ้น และหันไปมองทบทวนแผนการซึ่งเขาจัดแจงเขียนไว้บนกระดานเพื่ออธิบายให้แก่ผู้ใช้เศวตศาสตราก่อนหน้านี้ สำหรับการต่อกรกับชาวมัสตินที่รอพวกเขาอยู่ภายนอกเกราะคุ้มภัยชั้นที่สอง

 

“แผนการพวกนี้ฉันไม่ได้คิดทั้งหมด คีห์เป็นคนออกแบบความคิดด้วย” บรอธลอยไปใกล้เมเดียนที่กำลังขยับกายจะลุกขึ้นยืนบ้าง

 

ตอนนี้ฟ้าสางแล้ว และอีกไม่ถึงชั่วโมง เอ็กซัสน่าจะพยายามติดต่อเข้ามาเพื่อขอให้เมเดียนมอบตัว

 

“จริงเหรอ? ความคิดของเขาใช้ได้ด้วยเหรอ” เมเดียนมองเฮเซคียาห์อย่างเคลือบแคลงในความสามารถ

 

“ฟังแล้วเพลียนะ ผมเองก็สามารถคิดต่อยอดเองได้เมื่อได้รับข้อมูลต่างๆ มาจากบรอธ” เฮเซคียาห์ยกมือขึ้นกอดอกและเดินลากขามาใกล้ๆ เมเดียน “มันเป็นเพราะความทรงจำเก่าๆ ทั้งเนื้อหาการวางแผนการรบในภาคทฤษฎี และประสบการณ์จากภาคปฏิบัติ พอบรอธเอาแผนแต่ละแผนของมันให้ผมเลือก ผมเองก็มีความคิดเห็นเป็นของตัวเองว่าแผนไหนดีที่สุด และแผนที่เลือกควรถูกปรับปรุงยังไง”

 

บรอธลอยตัวกลับมาอยู่ข้างเฮเซคียาห์

 

“คีห์ต้องมีความสามารถด้านการวางแผนการต่อสู้ไม่มากก็น้อย ฉันจึงเป็นเศวตศาสตราของเขาได้”

“บรอธกำลังจะบอกอะไรฉัน” เมเดียนหันมาถามกับเฮเซคียาห์

 

เฮเซคียาห์ยักไหล่ มองบรอธอย่างขอคำอธิบายเช่นกัน

 

“ก็อย่างที่พูดนั่นแหละ คีห์มีความสามารถด้านการวางแผนอยู่แล้ว เป็นพรสวรรค์ของเขา เพราะแบบนั้นเขาจึงให้กำเนิดเศวตศาสตราอย่างฉันขึ้นมา” บรอธทำให้เฮเซคียาห์รู้สึกชอบใจกับคำพูดของมัน มันเหมือนกับเขาถูกชื่นชม เขาเหลือบสายตาไปมองทางเมเดียนที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด

 

“เธอกำลังยืนยันกับฉันเหมือนกับที่เคยบอกเมื่อนานมาแล้วว่าเด็กคนนี้มีพรสวรรค์” สายตาของเมเดียนเบนมาทางเฮเซคียาห์

 

“มนุษย์ทุกคนมีพรสวรรค์ทั้งนั้นแหละ ไม่มากก็น้อย พลังของเศวตศาสตราจะแข็งกล้าก็เพราะระดับความสามารถของผู้ใช้งาน และฉันจัดเป็นเศวตศาสตราที่แข็งแกร่งมาก คุณก็ได้เห็นความสามารถของฉัน ซึ่งในทำนองเดียวกัน คีห์ก็ต้องแข็งแกร่งเช่นกันถึงให้กำเนิดฉันได้”

 

“แข็งแกร่ง?” เมเดียนและเฮเซคียาห์พึมพำคำนี้ออกมาพร้อมกัน

 

“ถูกต้อง!” บรอธเรืองแสงสีขาวเรือง “ถ้าหากว่าคุณบอกว่าฉันถูกสร้างขึ้นมาจากพระเจ้าแล้วล่ะก็ คีห์ก็ถือว่าแข็งแกร่งเทียบเท่ากับพระเจ้า หรืออาจจะถือว่าเป็นพระเจ้าก็ได้”

 

“หืม?” เมเดียนดูสับสน เขากะพริบตาปริบๆ มองบรอธ

 

ส่วนเฮเซคียาห์มีสีหน้าสนเท่ห์ แล้วเขาตะปบมือขึ้นปิดปาก พยายามกลั้นหัวเราะไว้

 

“ฮะๆๆ” เขากลั้นไม่อยู่ ระเบิดเสียงหัวเราะลั่น “ฟังแล้วบ้าดีชะมัด ฉันน่ะนะเทียบเท่าพระเจ้า ฉันน่ะเหรอพระเจ้า โอ๊ย! ไอ้แนวคิดนี้จี้ดีแฮะ ฉันเนี่ยนะ...”

 

เฮเซคียาห์เสยผมขึ้น แล้วมองบรอธด้วยสายตาเย็นชา

 

“พูดก็พูดเถอะ ถ้าฉันเป็นพระเจ้าของโลกใบนี้ มนุษย์จะถูกทำลายทั้งหมด” เขาลดมือลงข้างตัว จ้องบรอธไม่วางตา “เพราะฉะนั้น ฉันน่ะไม่ใช่พระเจ้าแน่ แต่ไอ้คนที่สร้างของอย่างแกขึ้นมา ฉันก็ไม่คิดว่ามันสมควรเรียกตัวเองว่าเป็นพระเจ้า”

 

แสงที่เรืองรองรอบตัวบรอธจางหายไป

 

“รายงาน: กองกำลังมัสตินติดต่อเข้ามา ภาพกำลังปรากฏที่ห้องกระจายเสียงและคลื่นโทรทัศน์ของหมู่บ้าน ต้องการให้เล่นภาพนี้ที่นี่ด้วยหรือไม่” บรอธทำงานของมันทั้งที่ยังไม่ได้โต้ตอบกับเฮเซคียาห์ มันทำให้เฮเซคียาห์รู้สึกโมโห เขากำมือแล้วฟาดหมัดไปที่มัน

 

บรอธไม่หลบ แต่เฮเซคียาห์เป็นฝ่ายเจ็บมือเสียเอง

 

“แก!” เขาตะคอกใส่บรอธ

 

“พอ!” เมเดียนตวาดใส่เฮเซคียาห์

 

บรอธไม่มีคำพูดใดๆ มันเริ่มฉายภาพการติดต่อจากมัสตินขึ้นมาบนอากาศ เอ็กซัสในรูปลักษณ์ที่เฮเซคียาห์คุ้นตาปรากฏอยู่กลางจอภาพ ด้านหลังของเอ็กซัสมีชาวมัสตินยืนรวมกลุ่มกันอยู่ เอ็กซัสเปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขามว่าเขาขอให้พวกมนุษย์ตระหนักว่าพวกเขาไม่สามารถสู้กับกำลังชาวมัสตินเกือบ 500 คนได้ และจะเป็นการดีกว่าถ้ายอมจำนนแทนที่จะทุ่มเทปกป้องหมู่บ้านจนเสียงเลือดเนื้อ เพราะบางคนอาจได้รับการไว้ชีวิตในท้ายที่สุด

 

“นอกจากนี้ทางเจ้าชายเฮเซเคียว นิมบีมัสแตง ได้เอ่ยปากขอเชิญมนุษย์กลายพันธุ์เกษียณอายุ เมเดียน คีลาฟ กลับเข้ารับใช้ราชวงศ์นิมบีมัสแตงอีกครั้ง โดยให้ออกเดินทางไปพร้อมกับฉันตั้งแต่เวลา 7 โมงเช้าวันนี้ ถ้าหากเมเดียนปฏิเสธการติดตามฉันกลับไป ครอบครัวของเขาจะถูกคุมขังและได้รับทัณฑ์ทรมาน”

 

“ไอ้บัดซบ!” เมเดียนสบถ

 

“อ้อ!” เอ็กซัสที่ติดต่อเข้ามาส่งรอยยิ้มให้คนที่ชมอยู่ในหมู่บ้าน “เมเดียน คุณไม่สามารถใช้พลังในการเทเลพอร์ตพวกเราไปไหนไกลๆ ได้หรอกนะ พวกเราทุกคนติดตั้งอุปกรณ์ที่ทำให้คุณใช้พลังของคุณกับพวกเราไม่ได้ ถ้าคุณไม่ห่วงสายโลหิตของคุณ แล้วคิดจะหนีแทนที่จะตามกลับไป หรือคิดจะกำจัดพวกเราด้วยการเข้าต่อสู้ ผมบอกให้คุณรู้ไว้ก่อนเลยว่าก็มันไม่ง่ายหรอก”

 

ภาพที่บรอธแสดงให้ดู ดับพรึบ

 

“เสร็จสิ้นการติดต่อจากภายนอกเกราะคุ้มกัน” บรอธรายงาน

 

“อย่างที่ผมบอก คุณจะต้องใจแข็งหน่อย ทัณฑ์ทรมานอาจจะเจ็บปวด แต่ลูกกับหลานของคุณล้วนเป็นชาวมัสตินที่อายุไม่น้อยแล้ว พวกเขาอดทนได้แน่” เฮเซคียาห์ย้ำกับเมเดียนไม่ให้เสียสติไปซะก่อน

 

เมเดียนหอบหายใจแรงเหมือนมีบางอย่างเข้าไปติดหลอดลมของเขา แต่อันที่จริงเขามีเพียงความโกรธแค้นที่แน่นในอกจนทำให้เขารู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก

 

“พวกเขาจะไม่ตายแน่ๆ ใช่ไหม” เมเดียนถามกับเฮเซคียาห์ด้วยน้ำเสียงเครียดอันเก็บซ่อนความกังวลไว้ไม่มิด

 

“ไม่มีใครจะฆ่าพวกเขาได้ คำสั่งประหารชีวิตชาวมัสตินจะมาจากไลฟ์ควอตซ์เท่านั้น และไลฟ์ควอตซ์ไม่เคยสังเวยชีวิตของทุกคนในครอบครัวหนึ่งเพราะมีคนใดคนหนึ่งในครอบครัวทำความผิด หรือถูกบ่งชี้ว่าเป็นภัย” เฮเซคียาห์บอกตามข้อเท็จจริง

 

แม้สมาชิกของราชวงศ์เองก็ไม่มีสิทธิจะสั่งสังหารหรือประหารพลเมืองชาวมัสตินสุ่มสี่สุ่มห้า

 

“ฉันจะไปที่ห้องวิทยุกระจายเสียงฯ จะตอบไอ้มัสตินนั่นไปว่าฉันไม่ไปไหนกับมันทั้งนั้น และพวกมันจะต้องได้เห็นดีกัน” เมเดียนพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกำลังอมอาหารขมๆ อยู่ในปาก และเขาลุกพรวดเผ่นไปที่ประตู เมื่อตอนเดินออกจากประตู มือยังฉวยบานประตูปิดตามหลังไปด้วย

 

บานประตูที่ถูกกระชากปิดตามหลังกระแทกเข้ากับกรอบประตูก็จริง แต่มันเด้งกลับ หลุดจากกรอบประตู ค่อยๆ เปิดแง้มออก

 

“เราก็ต้องเตรียมตัว” เฮเซคียาห์เหลียวไปมองแผนการที่เขาเขียนไว้บนกระดาน

 

เขาเดินไปฉวยลูกบิดประตูบานที่แง้มให้เปิดออกกว้าง ก้าวออกจากห้องโดยดึงประตูปิดตามหลังอย่างสุภาพ และพาตัวเขาเองไปยังห้องถัดไป เมื่อเขาอยู่ในนั้น เขาปิดล็อคประตู แล้วลงไปนั่งขัดสมาธิที่พื้นกลางห้อง หลังจากปิดตาลง เขาเริ่มเชื่อมโยงจิตของเข้ากับผู้ใช้เศวตศาสตราคนหนึ่งตามที่ตกลงกันไว้ เตรียมพร้อมนับถอยหลังเพื่อเข้าสู่การต่อสู้

 

 

นอกจากเฮเซคียาห์สามารถใช้ความสามารถที่ปรึกษาส่วนตัวเพื่อให้เห็นภาพการต่อสู้ระหว่างผู้ใช้เศวตศาสตราเป็นรายคนกับชาวมัสตินได้อย่างใกล้ชิดแล้ว จากการมีผู้ใช้เศวตศาสตราหลายคนในการต่อสู้ เขายังพบว่าตัวเองในวันนี้ เพียงเพ่งจิตไปที่ผู้ใช้เศวตศาสตราแต่ละคนในการต่อสู้ เขาสามารถเชื่อมโยงจิตเข้ากับผู้ใช้เศวตศาสตราทีละคนได้ในเสี้ยววินาที

 

การเคลื่อนที่ของดวงจิตของเขาไม่ต่างจากการเคลื่อนที่ของผีพรายในวรรณกรรมสยองขวัญ เขาบินท่องล่องไปและกระซิบกระซาบเข้าหูของคนที่เขาเข้าไปใกล้

 

“เมเดียน ระวัง!” เฮเซคียาห์ส่งโทรจิตผ่านบรอธไปหาเมเดียนที่อยู่ในวิสัยทัศน์การมองเห็นของเขา

 

จิตของเขาไม่สามารถพุ่งเข้าไปหาเมเดียนและกระซิบคุยได้เหมือนกับที่เขาทำกับผู้ใช้เศวตศาสตราด้วยกันเอง

 

“เมเดียน คุณโอเคไหม เอ็กซัสไม่ใช่คนที่จะต่อกรได้ง่ายๆ” เฮเซคียาห์ถามเมเดียนอย่างเสียไม่ได้ ตอนนี้เอ็กซัสกำลังใช้หอกซึ่งมีเปลวเพลิงล้อมรอบฟาดฟันเข้าใส่เมเดียนที่ใช้เพียงแขนข้างที่มีขนนกปกคลุมเพื่อป้องกันเอาไว้ตัว น่าแปลกที่ไฟจากหอกของเอ็กซัสไม่ไหม้ติดบนขนนกของเมเดียน

 

เฮเซคียาห์ใช้โหมดผู้บงการ กับผู้ใช้เศวตศาสตราที่ต่อสู้กับเพชฆาตชาวมัสตินบริเวณใกล้กับเมเดียน เขารีบจัดการปลิดชีวิตคู่ต่อสู้ชาวมัสตินที่กำลังสู้ติดพันด้วยอยู่ และสั่งอาวุธของผู้ถูกบงการ เป็นสายโซ่ ให้โผล่จากภายในเศวตศาสตราแล้วพุ่งเข้าไปรัดตัวเอ็กซัสไว้

 

เอ็กซัสเปลี่ยนร่างเป็นสไลม์แล้วใช้พลังย่อยสลายโซ่นั้นให้สลายหายไปในพริบตา

 

เมเดียนกระโจนเข้าไปฟันสไลม์ แต่มันกลับเหลวเละ ก่อนเอ็กซัสในรูปลักษณ์สไลม์จะกระโจนหนีไปทางด้านหนึ่งและแปลงร่างกลับสู่สภาพเดิม

 

เมเดียนกระโดดขึ้นสูงในอากาศ และบินทรงตัวด้วยปีกของเขา เขาฟาดแขนและมือข้างที่มีขนนกอย่างแรงในอากาศ ขนนกส่วนหนึ่งพุ่งตรงไปหาเอ็กซัสอย่างรวดเร็ว แต่เอ็กซัสเคลื่อนที่พลิ้วไหวได้ราวกับนักกายกรรมมืออาชีพ เขาพุ่งหลบขนนกแหลมคมได้ทั้งหมด ขนนกที่เมเดียนใช้ปักกระจายเกลื่อนอยู่บนพื้น

 

“อ๊ะ!” เฮเซคียาห์อุทาน เขาหลุดออกมาจากร่างที่เพิ่งสิงไปเพราะหมดเวลา 5 นาที

 

เฮเซคียาห์มองผู้ใช้เศวตศาสตราที่ดูเลิ่กลั่กตรงหน้า แต่ดีว่าผู้ใช้เศวตศาสตราคนนี้มีประสบการณ์ในการต่อสู้อยู่ไม่น้อย จึงสามารถตั้งรับชาวมัสตินที่กรากเข้าไปหาต่อได้ และต่อสู้ต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง

 

บรอธเคยบอกกับเฮเซคียาห์ว่า พวกผู้ใช้เศวตศาสตราที่ถูกเฮเซคียาห์ครอบงำจิต คนเหล่านั้นมีความทรงจำว่าพวกเขาขยับเคลื่อนไหวและทำสิ่งใดบ้างในช่วงเวลาที่เฮเซคียาห์ใช้ร่างของพวกเขาอยู่ เพียงแต่พวกเขาจะนึกไม่ออกถึงเหตุผลที่เขาตัดสินใจทำในสิ่งต่างๆ ลงไป

 

“นั่นมัน...” เฮเซคียาห์มองเอ็กซัสเปลี่ยนสภาพอีกครั้งไปเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่น่าตาคุ้นๆ

 

ใจของเฮเซคียาห์ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม

 

“เมเดียนจะไหวไหม?” เขารำพึง เพราะผู้หญิงที่เอ็กซัสเลือกแปลงกายมาเป็น คือเอเทรัส ภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้วของเมเดียน

 

เมเดียนมีท่าทีไม่ค่อยสบายใจ เขาใช้เพนดูลัมของเขารับเพนดูลัมของร่างแปลงที่ฟาดฟันลงมา แล้วเอาแต่ตั้งรับอย่างเดียว การได้เห็นภรรยาตัวปลอมทำให้เมเดียนทั้งโศกเศร้า และขณะเดียวกันก็โมโห แต่ยังไม่กล้าตัดใจจะลงมือรุนแรงกับร่างแปลงของเอ็กซัส

 

เสียงของบรอธดังเตือนในหัว เฮเซคียาห์ต้องดูแลให้ผู้ใช้เศวตศาสตราคนอื่นๆ ต่อสู้กับชาวมัสตินอย่างไม่บกพร่อง เพื่อลดจำนวนชาวมัสตินเกือบ 500 คน ให้เหลือเพียง 100-150 คน โดยก่อนจะลดปริมาณชาวมัสตินลงได้ตามเป้าหมาย เฮเซคียาห์ไม่ควรเข้าไปวุ่นวายกับการต่อสู้ระหว่างเมเดียนและเอ็กซัส

 

“นายต้องเชื่อใจเมเดียน ถ้าเขายังเอาชนะเอ็กซัสไม่ได้ เขามีหน้าที่ถ่วงเวลาให้ได้นานที่สุด และรั้งเอ็กซัสไว้จนกว่าการอพยพจะเสร็จสิ้น” บรอธย้ำไม่ให้เฮเซคียาห์วอกแวก

 

“กี่คน? เหลือชาวมัสตินอีกกี่คนที่นี่”

 

“รายงาน: ชาวมัสตินที่มีชีวิต จำนวน 350 คน”

 

“ขอพิกัดผู้ใช้เศวตศาสตราที่แข็งแกร่ง คนที่ช่วยให้การต่อสู้ครั้งนี้จบลงได้เร็วขึ้น” เฮเซคียาห์นำทุกคนต่อสู้กับชาวมัสตินมาราว 3 ชั่วโมงแล้ว เขาคิดเอาไว้ว่าการต่อสู้ต้องเสร็จสิ้นภายใน 5 ชั่วโมง เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่ทันการ เกราะคุ้มกันชั้นที่สองของหมู่บ้านคงแตกก่อน และการพยายามต่อสู้ที่ทำกันอยู่เพื่อเปิดทางแก่การอพยพจะไร้ค่า

 

“รายงาน:

ลำดับหนึ่ง ผู้ใช้เศวตศาสตราแห่งการอัญเชิญเทพ สามารถอัญเชิญเทพเจ้าจำลองจากในตำนานปรัมปราของมนุษย์ออกมาได้ครั้งละ 1 ตน ผลการอัญเชิญเป็นแบบสุ่ม ระยะเวลาในการอัญเชิญแต่ละครั้ง 30 นาที ปัจจุบันกำลังใช้งานเทพแอรีส เทพแห่งสงคราม การอัญเชิญครั้งต่อไป เทพเคออส เทพเจ้าแห่งความว่างเปล่า สิ่งมีชีวิตที่ถูกแตะต้องจะกลับสู่ความว่างเปล่า

ลำดับสอง ผู้ใช้เศวตศาสตราแห่งจอมบงการ สามารถควบคุมผู้อื่นให้ทำในสิ่งที่ต้องการได้คราวละ 10 คน คนละ 10 นาที ไม่จำกัดเผ่าพันธุ์ที่ความสามารถนี้มีผล

ลำดับสาม ผู้ใช้เศวตศาสตราแห่งดิน ผู้สามารถควบคุมดินในรูปแบบต่างๆ เพื่อการต่อสู้”

 

เฮเซคียาห์คิดอยู่อึดใจถึงกลยุทธ์การต่อสู้ และเขาปรึกษากับบรอธถึงวิธีการที่เขาคิดขึ้น ซึ่งบรอธยืนยันว่าวิธีที่เขาคิดตรงกับข้อวิเคราะห์ของบรอธ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบัน

 

“ฟังนะทุกคน...” เฮเซคียาห์พูดผ่านบรอธ ซึ่งทำให้เขาสามารถพูดกับทั้งสามคนได้ในเวลาเดียว

 

เฮเซคียาห์เรียกชื่อผู้ใช้เศวตศาสตราทั้งสามคน

 

“รีบออกจากจุดที่พวกคุณอยู่ แล้วแต่ละคนปีนไปบนต้นไม้ตามรูปที่ผมให้ไป คุณเห็นรูปใช่ไหม...” เฮเซคียาห์นิ่งฟังจนได้รับคำตอบครบจากทั้งสามคน “จากรูป คงไม่ยากที่จะหาต้นไม้ในรูปของแต่ละคน รีบไปเร็วเข้า ไปที่ต้นไม้แล้วปีนขึ้นไป พอพวกคุณปีนขึ้นไปแล้วให้ตอบกลับมาที่ผมด้วย”

 

เฮเซคียาห์หลับตาลง และรับภาพจากบรอธที่ตรวจสอบสถานการณ์แทนเขา เสียงของผู้ใช้เศวตศาสตราทั้งสามตอบหลับมาทีละคนจนครบทั้งสามคน

 

“เอาล่ะ อย่างแรก ช่วยจัดการบงการชาวมัสติน 10 คน ให้ไล่ฆ่าเพื่อนชาวมัสตินด้วยกันเอง เลือกเอาพวกที่อยู่ตรงจุดที่เป็นตรงกลางของวงต่อสู้ แล้วจากนั้น ผมขอให้ดินบริเวณที่พวกชาวมัสตินสู้กันเองอยู่เปลี่ยนเป็นโคลน ผมจะขอให้พวกเราทุกคนค่อยๆ หนีให้ห่างจากพื้นที่ที่เป็นดินโคลน ช่วยทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ นะ ทำกับพวกมัสตินทีละชุด ชุดหนึ่งน่าจะประมาณ 20 คน”

 

เฮเซคียาห์ได้รับเสียงโต้แย้งจากผู้ใช้เศวตศาสตราลำดับที่ 3 การเปลี่ยนสภาพดินปกติให้มีความชื้นสูงจนเป็นโคลนต้องใช้เวลา ไม่ใช่ปุบปับตั้งใจทำแล้วได้ดินโคลนเลย

 

“ใช้เวลาเท่าที่คุณต้องการ แต่พยายามให้มันเสร็จเร็วที่สุดก็แล้วกัน แล้วอีกคน ช่วยอัญเชิญเทพมาหน่อย ครั้งต่อไปคุณจะได้เทพเคออสมา ผมรู้ดี” เฮเซคียาห์ได้ยินเสียงอีกฝ่ายโต้เถียงกลับมาอย่างไม่เชื่อถือ “เอาเถอะน่า! บอกแล้วไงว่าอย่าเถียงผมในการต่อสู้ อัญเชิญมาแล้วจะดีเอง ได้ตัวนั้นแน่ๆ ผมต้องการให้เทพเคออสเข้าไปแตะต้องพวกมัสตินที่ติดอยู่ในโคลน” เฮเซคียาห์พูดรัวแทบไม่หายใจ

 

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด