ตอนที่ 209 ยุแยงตะแคงรั่ว
เฟิงเฟินไดออกจากห้องของนาง รีบวิ่งตรงไปที่เรือนของเฟิงเฉินหยู เมื่อนางไปถึงยี่หลินกำลังสั่งงานบ่าวรับใช้คนอื่นอยู่ เมื่อเห็นว่าเฟิงเฟินไดมาแล้ว นางก็รีบไปต้อนรับ “คุณหนูสี่มาทำอะไรหรือเจ้าคะ? บ่าวรับใช้คนนี้ขอคารวะคุณหนูสี่”
เฟิงเฟินไดมองหลินและเผยให้เห็นรอยยิ้มที่เป็นอันตราย “เจ้ากำลังพูดอะไร ก่อนหน้านี้เมื่อข้ามาที่เรือนของพี่ใหญ่ ข้ากลัวว่าผู้คนจะพูดลับหลังของข้าว่าข้ามาหาพี่ใหญ่ซึ่งเป็นบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ อย่างไรก็ตามตอนนี้พี่ใหญ่กลับมาอยู่ในสถานะเดิม ข้าจะมาหาไม่ได้หรือ?”
ท่าทีของยี่หลินเปลี่ยนไป แต่นางไม่กล้าโต้แย้งเฟิงเฟินได มีหลายครั้งที่เฟิงเฟินไดน่ากลัวอย่างกับสุนัขที่บ้าคลั่งที่จะกัดใครก็ตามที่นางเห็น “คุณหนูสี่พูดอะไรเช่นนี้เจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่ยินดีที่คุณหนูสี่มาหาเจ้าค่ะ เชิญคุณหนูสี่ตามข้ามาเจ้าค่ะ !”
ยี่หลินพาเฟิงเฟินไดไปที่ห้องของเฟิงเฉินหยู ภายในห้องเฟิงเฉินหยูกำลังจ้องมองที่หน้าที่ทาผงสีดำบนโต๊ะ หลังจากที่ทั้งสองเข้ามาในห้อง นางก็ตอบสนองด้วยการนางสะดุ้งจากเสียงตะโกนของเฟิงเฟินได
“พี่ใหญ่กำลังคิดเรื่องอะไรอยู่หรือเจ้าคะ ?”
เฟิงเฉินหยูมองไปที่เฟิงเฟินไดและจำเรื่องนี้ได้ทันทีเกี่ยวกับซวนเทียนฮั่ว นางต้องการถามคำถามเพิ่มเติมอีก แต่เมื่อนางเห็นยี่หลินมองนางเป็นเชิงเตือน คำถามที่นางกำลังจะถามก็ถูกกลืนลงไป นางยิ้มอย่างสงบและพูดกับเฟิงเฟินไดว่า “วันนี้หิมะตก ทำไมน้องสี่ถึงไม่สวมเสื้อคลุมก่อนออกมาข้างนอก ? ระวังจะไม่สบายนะ”
“พี่ใหญ่ เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแต่พี่ใหญ่ก็ยังสามารถนั่งนิ่ง ๆ อยู่ในห้องได้หรือเจ้าคะ” เฟิงเฟินไดแสดงท่าทีที่น่ารังเกียจต่อท่าทางใสซื่อของเฟิงเฉินหยู นางหาเก้าอี้ให้ตัวนางเองนั่งลงแล้วจ้องมองเฟิงเฉินหยู
เฟิงเฉินหยูตกตะลึงกับคำพูดของนาง “เกิดอะไรขึ้น ?”
เฟิงเฟินไดพูดด้วยความประหลาดใจ “เป็นไปได้อย่างไรว่าพี่ใหญ่ไม่รู้?”
ยี่หลินขมวดคิ้ว “วันนี้หิมะตก คุณหนูใหญ่ก็อยู่ข้างในตลอดเวลา คุณหนูไม่ได้ออกไปไหนเจ้าค่ะ”
“ถึงกระนั้นก็ยังมีบ่าวรับใช้ !” เฟิงเฟินไดเหลือบไปที่ยี่หลินแล้วส่ายหน้าพลางพูดว่า “บ่าวรับใช้ที่ไร้ความคิดเช่นนี้ เจ้าจะดูแลเจ้านายของเจ้าได้อย่างไร ?”
ยี่หลินรู้สึกโกรธมากแต่นางไม่สามารถพูดอะไรได้ ท้ายที่สุดเฟิงเฉินหยูก็ไม่ใช่บุตรสาวของฮูหยินใหญ่อีกต่อไป เรื่องนี้ทำให้บ่าวรับใช้ของนางถูกลดตำแหน่ง
เฟิงเฉินหยูไม่เข้าใจเลย จากสิ่งที่เฟิงเฟินไดพูดต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น ดังนั้นนางจึงอดไม่ได้ที่จะถาม “อย่าสนใจบ่าวรับใช้เลย เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?”
เฟิงเฟินไดโน้มตัวเข้ามาใกล้และยื่นหน้าของนางเข้ามาใกล้กับเฟิงเฉินหยูจนจมูกของพวกเขาเกือบจะสัมผัสกัน เฟิงเฉินหยูไม่คุ้นเคยกับเรื่องนี้และกำลังจะถอยห่างออกไป แต่นางได้ยินเฟิงเฟินไดพูดว่า "พี่รองขังองค์ชายเจ็ดไว้ในเรือนตงเซิง พระองค์อยู่ที่นั่นมาหลายวันแล้ว”
บ่าวรับใช้ที่มาพร้อมกับเฟิงเฟินไดได้แต่คิดกับตัวเองว่าคุณหนูสี่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการสร้างเรื่อง นางบอกเพียงแค่ว่านางเห็นเพียงองค์ชายเจ็ดเข้าไปคฤหาสน์ขององค์หญิงแห่งมณฑลเมื่อเช้านี้ คุณหนูสี่เปลี่ยนไปเป็น "องค์ชายเจ็ดเข้าไปในเรือนตงเซิงมาหลายวันแล้ว"?
อย่างไรก็ตามการโกหกนี้ทำให้เฟิงเฉินหยูโกรธได้สำเร็จ นางลุกขึ้นยืนทันทีและจ้องมองอย่างโกรธเคือง น้ำเสียงของนางเปลี่ยนไป “เจ้าพูดว่าอะไรนะ ?”
เฟิงเฟินไดคิดกับตัวเองว่า “ดีมาก” แต่นางใส่ไฟเพิ่มอีกนิด “ครั้งสุดท้ายข้าบอกพี่ใหญ่เกี่ยวกับสถานการณ์ที่ไม่ชัดเจนที่เฟิงหยูเฮงและองค์ชายเจ็ดอยู่ด้วยกัน และองค์ชายเจ็ดได้รับบาดเจ็บแต่พี่ใหญ่ไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ล่ะ คฤหาสน์องค์หญิงแห่งมณฑลปิดประตูไม่ต้อนรับผู้มาเยี่ยมเยียนหลายวันแล้ว แม้แต่บุตรสาวของช่างฝีมือเป่ยก็ไม่สามารถเข้าไปได้ อย่างไรก็ตามองค์ชายเจ็ดสามารถเข้าไปได้ โอ้ ไม่ถูกต้อง พระองค์เข้าไปแต่ไม่ได้ออกมา ทั้งสองขลุกกันอยู่ในคฤหาสน์ แต่พี่ใหญ่ก็ยังไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ด้วยกัน !”
“ที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือ ?” ใบหน้าของเฟิงเฉินหยูเปลี่ยนเป็นสีเขียว
“แน่นอน มันเป็นเรื่องจริงเจ้าค่ะ !” เฟิงเฟินไดกระตุ้นบ่าวรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ นาง “นี่เป็นสิ่งที่เจ้าเห็นเองหรือไม่ ? บอกพี่ใหญ่สิ”
ไม่มีอะไรที่หญิงสาวคนนี้ทำได้ นางได้แต่กัดฟันตอบไปว่า “แน่นอนว่าเป็นบ่าวรับใช้คนนี้ที่เห็นองค์ชายเจ็ดเสด็จเข้าไปในเรือนตงเซิง” โดยส่วนตัวแล้วนางไม่ได้พูดในวันที่เขาเข้าไป ถ้านางบอกเรื่องผู้ชายที่บริสุทธิ์และเหมือนเทพบุตรนั้น นางจะถูกคุณหนูสี่ฉีกร่างกายของนางออกเป็นชิ้น ๆ ในเวลาใดก็ได้
“นั่นมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ?” เฟิงเฉินหยูพูดพึมพำโดยไม่รู้ตัว เพราะความโกรธบนใบหน้าของนางก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ แต่เฟิงเฟินไดก็ยังคงเทน้ำมันลงบนกองเพลิง “พี่รองนั้นช่างโหดร้ายเกินไป แม้ว่านางจะไม่ได้อาศัยอยู่ในคฤหาสน์เฟิง แต่นางก็ยังคงเป็นบุตรสาวของตระกูลเฟิง นางยังไม่ได้แต่งงานแต่นางก็กล้าทำเช่นนั้น หากสิ่งนี้ไปถึงหูของคนนอก เราจะออกไปข้างนอกและสู้หน้าคนพวกนั้นได้อย่างไร ? ยิ่งกว่านั้นหากชื่อเสียงของคฤหาสน์ที่ถูกนางทำลาย ใครจะอยากคุยเรื่องแต่งงานกับเรา ?”
เฟิงเฉินหยูรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างในตัวนางกำลังจะลุกหือขึ้นมา ไม่ว่านางจะพูดเรื่องการแต่งงานหรือไม่ก็ตาม ชื่อเสียงไม่สำคัญ ตอนนี้จิตใจของนางจดจ่อกับเรื่องของซวนเทียนฮั่วที่อยู่ในเรือนตงเซิง
คนแบบนั้นถูกขังอยู่ในเรือนของหยูเฮงมาหลายวันแล้ว เฟิงหยูเฮง เจ้ากำลังทำอะไรกันแน่ ?
เมื่อเฟิงเฟินไดเห็นใบหน้าของเฟิงเฉินหยูเริ่มบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ จิตใจของนางก็เต็มไปด้วยความสุขมากขึ้น นางอดไม่ได้ที่จะกล่าวเพิ่มเติมว่า “ทั้งคู่เป็นบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ แต่เมื่อพี่ใหญ่เป็นบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ พี่ใหญ่ดูแลน้องสาวได้ดีเพียงใด จากบนลงล่างครอบครัวมีความสุข ในเวลานั้นท่านแม่ยังอยู่ที่นี่….”
“พอแล้ว !” เฟิงเฉินหยูหลับตาของนาง นางพยายามควบคุมตัวเองอย่างมากไม่ให้ระเบิดอารมณ์ต่อหน้าเฟิงเฟินได “น้องสี่มาบอกเรื่องนี้กับข้าวันนี้ ความตั้งใจของเจ้าคืออะไร ?”
เฟิงเฟินไดยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ข้าแค่ไม่ต้องการให้พี่รองทำเรื่องโสมมและทำลายคฤหาสน์เฟิง ดังนั้นข้าจึงมาหาพี่ใหญ่เพื่อขอความคิดเห็น เราควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้”
เฟิงเฟินไดตั้งข้อสังเกตว่าอารมณ์ในปัจจุบันของเฟิงเฉินหยูนั้นไม่มั่นคง ดังนั้นนางจึงผลักภาระหน้าที่นี้ให้นาง เฟิงเฉินหยูโกรธมากอย่างที่นางคาดหวังไว้ เฟิงเฉินหยูกล่าวโดยไม่ได้คิดเลยว่า “ข้าไม่สามารถทำอะไรได้ เราจะต้องบอกท่านย่าก่อน”
เฟิงเฟินไดพยักหน้า “พี่ใหญ่ ไปเรือนซูหยากับข้า !”
ยี่หลินขมวดคิ้วและดึงแขนเสื้อของเฟิงเฉินหยูเบา ๆ ใจของเฟิงเฉินหยูนั้นเปราะบาง นางกำลังจะออกเดินแต่หยุด คิดอีกเล็กน้อยนางพูดว่า “วันนี้หิมะตก และอาการปวดหลังของท่านย่าแย่กว่าเดิม เมื่อสภาพอากาศเย็นลง มันจะดีกว่าถ้าเรารอเมื่อเราไปคารวะในวันพรุ่งนี้ อย่ามารบกวนท่านย่าในวันนี้เลย”
“ดีเหมือนกันเจ้าค่ะ” เฟิงเฟินไดไม่ได้โต้เถียงกับนางในเรื่องนี้ “ตราบใดที่พี่ใหญ่จำเรื่องนี้ได้ดี เฟินไดจะกลับไปก่อน พี่ใหญ่ไม่ต้องกังวลกับมันมากเกินไป แม้แต่เฟิงหยูเฮงก็ไม่กล้าทำอะไรมากในเวลากลางวัน”
อารมณ์เฟิงเฉินหยูสงบลงอีกเล็กน้อยในทันที โชคดีที่เฟิงเฟินไดจากไปอย่างรวดเร็ว มิฉะนั้นสิ่งที่เพิ่งพูดไปก็จะเปลี่ยนไปเช่นกัน
ยี่หลินส่งเฟิงเฟินไดออกจากเรือน หลังจากเห็นนางเดินจากไป นางรีบถอยกลับ เมื่อมาถึงตรงหน้าเฟิงเฉินหยู นางแนะนำอย่างจริงจัง “คุณหนูใหญ่ ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้ ! อย่าสนใจเรื่องที่คุณหนูสี่พูดว่าจะเป็นความจริงหรือไม่ แม้ว่าสิ่งที่คุณหนูสี่บอกจะเป็นความจริง คุณหนูก็ไม่สามารถสร้างปัญหาให้กับคุณหนูรองได้ในเวลานี้ได้ ลองคิดดู หากคุณหนูรองถูกลงโทษหรือมีอะไรอย่างอื่นเกิดขึ้น คุณหนูจะเสียเงิน 2,000,000 เหรียญเงินไปเปล่า ๆ นะเจ้าค่ะ”
เฟิงเฉินหยูตกตะลึง จากนั้นนางก็คิดได้ 2,000,000 เหรียญเงินเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่นางเข้าใจความคิดของยี่หลิน หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเฟิงหยูเฮง ใครจะรักษานาง
“เจ้าพูดถูก” เฟิงเฉินหยูถอนหายใจยาว แล้วค่อยนั่งลง “ข้าเกือบจะโมโหจนหน้ามืดตามัวเพราะเด็กผู้หญิงคนนั้น ไม่สามารถหาเรื่องเฟิงหยูเฮงได้จนกว่าเรื่องของข้าจะได้รับการแก้ไข นางต้องทำหน้าที่เป็นบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ตระกูลเฟิงอย่างเหมาะสมและไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับนาง”
แม้ว่านางจะพูดแบบนี้ ใบหน้าที่โกรธแค้นของนางก็ยังคงอยู่ เมื่อมองดูแล้วจิตใจของยี่หลินก็เต็มไปด้วยความกลัว
วันรุ่งขึ้นตอนเที่ยงหิมะหยุด และทุกคนในคฤหาสน์เฟิงก็ไปที่เรือนซูหยาเพื่อคารวะ
ฮูหยินผู้เฒ่าได้สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว และได้เตรียมที่จะไปสวนดอกไม้ด้วยการสนับสนุนจากยายจาว เมื่อเห็นว่าทุกคนเข้ามา นางก็ตกตะลึงนิดหน่อย
"คืออะไร? วันนี้ไม่มีการแสดงหรือ“นางพูดอย่างนี้ ขณะมองออกไปข้างนอก”หิมะหยุดแล้วไม่ใช่หรือ? ดูเหมือนว่าวันนี้อากาศค่อนข้างดีและไม่ควรหนาวเกินไป” นางพูดอย่างนี้ขณะมองหาฮันชิ นางตั้งใจจะให้ฮันชิพูดอะไรบางอย่าง ในที่สุดนางก็เป็นคนหนึ่งที่จะนำคณะละครเข้ามาในคฤหาสน์
ฮันชิไม่ได้พูดอะไรเลย แต่มันคืออันชิที่พูดว่า "ท่านแม่สามี คุณหนูสี่บอกให้พวกเรามาที่นี่ นางบอกว่านางมีอะไรจะพูดเจ้าค่ะ”
ท่าทีของฮูหยินผู้เฒ่าเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ความคิดบอกนางว่าเฟิงเฟินไดไม่เคยพูดอะไรดี ๆ นางกลัวว่าวันนี้นางจะไม่ได้ดูการแสดง
นางจ้องมองที่เฟิงเฟินได โดยมียายจาวประคองไปที่นั่งไปที่ที่นั่งของนาง จากนั้นนางก็พูดว่า “เอาล่ะ พวกเจ้านั่งลงได้” เมื่อมองไปที่เฟิงเฟินได นางถามว่า “มีอะไรจะพูด?”
เฟิงเฟินไดถอนหายใจและมองไปที่เฟิงเฉินหยูก่อนที่จะพูดว่า “ควรเป็นพี่ใหญ่ที่จะพูด”
เฟิงเฉินหยูมองไปที่นางอย่างอยากรู้อยากเห็น “น้องสี่ให้เรามาที่เรือนซูหยา เจ้าจะให้ข้าพูดทำไม?”
สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว แต่นางไม่ได้โต้เถียงกับเฟิงเฉินหยู นางพูดว่า “ไม่กี่วันที่ผ่านมาข้าไม่เห็นพี่รองเลยเจ้าค่ะ ลองคิดดูสิตั้งแต่ท่านพ่อออกจากเมืองหลวง พี่รองยังไม่มาคารวะท่านย่าเลย?”
ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นว่านางนำเรื่องของเฟิงหยูเฮงมาพูดอีกครั้ง นางรู้สึกหงุดหงิด “มีเรื่องอะไรก็พูดมา เจ้าจะพูดถึงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำไม?”
เฟิงเฟินไดดูเศร้าใจ “นี่เป็นเรื่องเล็กน้อยได้อย่างไรเจ้าค่ะ เรื่องที่หลานต้องเล่าให้ท่านย่าฟังนั้นเกี่ยวข้องกับพี่รอง”
เมื่อได้ยินว่าเกี่ยวข้องกับเฟิงหยูเฮง ทุกคนนอกเหนือจากฮันชิและเฟิงเฉินหยูซึ่งรู้รายละเอียดแล้วก็ขมวดคิ้ว อันชิรู้ว่าเฟิงเฟินไดอาจจะสร้างปัญหา แต่จากสถานะของนาง นางไม่สามารถพูดอะไรได้เลย เฟิงเซียงหรูพูดแทน “พี่รองยุ่งกับงานคฤหาสน์ของนางเอง นางส่งบ่าวรับใช้มาทุกวันเพื่อคารวะท่านย่า พี่รองยังนำยาที่ท่านย่าต้องการมาให้ด้วย จริง ๆ แล้วน้องสี่ต้องการพูดอะไร ?”
ฟังเฟิงเซียงหรูพูด เฟิงเฟินไดเริ่มโกรธ แต่หลังจากคิดเล็กน้อย นางก็หยักยิ้มอีกครั้ง นางมองไปที่เฟิงเซียงหรู และจู่ ๆ ก็นึกถึงเรื่องหนึ่งโดยกล่าวว่า “ระหว่างงานเลี้ยงครั้งก่อนพี่สามได้รับเสื้อผ้าจากองค์ชายเจ็ดไม่ใช่หรือ ? ข้ายังจำได้ พี่สามสวมใส่มันแล้วสวยมาก ฝ่าบาททรงใส่ใจพี่สามจริง ๆ”
เฟิงเซียงหรูอายและก้มหน้าลงเมื่อได้ยินนางพูดถึงเรื่องนี้
เฟิงเฉินหยูกัดฟันเมื่อเห็นสิ่งนี้
“องค์ชายเจ็ดคือบุคคลแบบนั้น ในบรรดาคนทั่วไปมันเป็นไปไม่ได้ที่จะอดใจชมชอบเขา พี่สามถูกล่อลวงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น แต่…” นางมองที่เฟิงเฉินหยู และเห็นว่านางยังไม่ได้ตั้งใจพูดอะไรเลย ทำอะไรไม่ถูก นางได้แต่พูดต่อไปด้วยตัวนางเอง “แต่ไม่ว่าจะเป็นคนที่ดีแค่ไหน พระองค์ก็ไม่สามารถหลบหนีจากการถูกล่อลวงโดยเจตนาร้ายได้!”
เฟิงเซียงหรูตกใจอย่างมาก “น้องสี่ เจ้าหมายถึงอะไรด้วยคำพูดเหล่านั้น?”
เฟิงเฟินไดไม่ปล่อยให้ผู้คนคาดเดาอีกต่อไป นางลุกขึ้นยืนคำนับกับฮูหยินผู้เฒ่า และร้องเรียนดยกล่าวว่า “ท่านย่า คฤหาสน์ของพี่รองนั้นปิดประตูไม่รับแขกมาหลายวันแล้ว แม้แต่บุตรสาวของฮูหยินใหญ่ของตระกูลเป่ยก็เข้าไปไม่ได้ แม้กระนั้นมีคนเห็นองค์ชายเจ็ดเข้า-ออกคฤหาสน์ของพี่รองได้ตลอด นอกจากนี้องค์ชายเจ็ดยังไม่ได้ออกมาหลังจากที่เข้าไป นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วเจ้าค่ะ!”
“อะไรนะ?” ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกประหลาดใจมาก “เจ้าบอกว่าองค์ชายเจ็ดเข้าไปคฤหาสน์ของอาเฮงเมื่อไม่กี่วันก่อนแล้วยังไม่ออกมางั้นหรือ?”
เฟิงเฟินไดพยักหน้า “เจ้าค่ะ บ่าวรับใช้ของหลานสาวเห็นด้วยตาของนางเอง พี่ใหญ่ก็ทราบเรื่องนี้เช่นกันเจ้าค่ะ”
แต่เดิมนางคิดว่าเฟิงเฉินหยูจะพยักหน้าแล้วก็ออกมาตำหนิเฟิงหยูเฮงพร้อมกับนาง
ใครจะรู้ว่าเฟิงเฉินหยูจะมองนางอย่างสับสน นางกระพริบตาอย่างไร้เดียงสา นางถามว่า “น้องสี่พูดเรื่องอะไร ข้าไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อนเลย !”