13 ความอิจฉาและริษยาทั้งมวล
13 ความอิจฉาและริษยาทั้งมวล
“สรุปแล้ว ฉันจะเริ่มหว่านเมล็ดพวกนี้ในวันพรุ่งนี้และรดน้ำพวกมันด้วยน้ำแร่โบราณ แล้วก็ยังได้เวลาเก็บเกี่ยวเกาลัดแล้วด้วย”
หวังเย้ามองไปที่เกาลัดที่โตเต็มที่แล้ว ผลเกาลัดได้หล่นเต็มใต้ต้นของมัน หวังเย้าจึงเก็บมาได้หลายลูก พวกมันมีขนาดใหญ่และมีม่วงเข้ม
“ฉันควรจะเอามันกลับไปและคั่วมัน”
ในตอนกลางคืน จางซิวหยิงได้นำจานที่มีเกาลัดคั่วออกมา มันอร่อยมาก หวังเย้าหยิบขึ้นมาชิมหนึ่งลูก มันมีกลิ่นหอมและรสชาติที่หวานมาก
“อร่อย!”
“ใข่ มันอร่อยมาก นี้เป็นเกาลัดที่เก็บจากต้นบนเนินเขาเหรอ?” จางซิวหยิงถาม
“ครับ”
“พวกมันไม่ได้อร่อยขนาดนี้ตอนที่เราเก็บมาคราวที่แล้ว แต่ปีนี้มันกลับไม่เหมือนกัน?”
“บางทีเทวดาที่อยู่บนเนินเขาคงเห็นว่าผมทำงานหนักมาสามปีแล้ว ท่านคงไม่อยากเห็นผมผิดหวังจึงได้ให้ของขวัญกับผมก็ได้!” หวังเย้ายิ้ม
“อาจจะเป็นไปได้ก็ได้ เราควรจะไปเผากระดาษเพื่อศักระท่านนะ”
“แม่ครับ แม่อย่าพาซื่อขนาดนี้สิครับ ผมไม่เคยได้ยินเรื่องเทวดาอะไรในหมู่บ้านหรอก ผมแค่ล้อเล่นต่างหาก” หวังเย้ารีบหยุดแม่ของเขา “มันเป็นฤดูใบไม้ร่วง อากาศจะแห้งและลมแรงในฤดูนี้ แม่จะเผาเนินเขาหนานชานทั้งหมดแน่เพราะบนนั้นมันแห้งมาก
เช้าวันใหม่ หวังเย้าต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าสมุนไพรแก้พิษที่เขาปลูกเอาไว้เมื่อวานได้มียอดอ่อนและใบสีเขียวแตกออกมาแล้ว
“ความเร็วในการเจริญเติบโตของมันเร็วมาก”
หวังเย้าได้ใช้พลั่วขนาดเล็กขุดหลุมและหว่านเมล็ดสมุนไพรที่เขาซื้อมาเมื่อวานตามจุดที่เขาได้เลือกเอาไว้แล้ว และรดน้ำที่ผสมน้ำแร่โบราณเอาไว้อย่างระมัดระวัง
“ฉันหวังว่าพวกแกจะโตเร็วๆนะ!”
หลังจากปลูกสมุนไพรเสร็จแล้ว เขาจึงใช้ไม้ท่อนหนึ่งเคาะผลเกาลัดบนต้นให้ตกลงมา เขาเก็บเกาลัดไว้ในกระสอบเพื่อเอาไปขายในเมืองพรุ่งนี้
“เกาลัดพวกนี้จะต้องเปลี่ยนเป็นเงินได้แน่นอน”
แม้ว่าเขาจะได้เงินจากการขายพุทราและซิลเวิร์ทมาบ้างแล้ว แต่เขาก็ได้ใช้เงินถึง 400,000หยวนไปกับการเช่าเนินเขาหมดแล้ว เขาไม่มีเงินเหลือเลยและเขายังต้องการจะเก็บเงินเพื่อซื้อรถไว้ขับแทนการขี่มอเตอร์ไซด์ในหน้าหนาวอีกด้วย
“ซานเซียน นายต้องคอยเฝ้าสมุนไพรที่ฉันปลูกเอาไว้ไม่ให้มีปัญหาเข้าใจไหม” ก่อนที่เขาจะลงจากเขาไป เขาก็ได้มองไปที่สุนัขของเขาอย่างจริงจัง ตอนนี้ซานเซียนดูแข็งแรงขึ้นกว่าเดิม
โฮ่ง! โฮ่ง! ซานเซียนเฮ่าแสดงให้รู้ว่ามันเข้าใจแล้ว
เมื่อหวังเย้าขึ้นมาบนเนินเขาในวันต่อมา เขาพบว่าเมล็ดพันธุ์ที่เขาปลูกเอาไว้เมื่อวานยังไม่มียอดอ่อนแตกออกมาเลย ในขณะที่สมุนไพรแก้พิษที่เขาปลูกเอาไว้ก่อนหน้านี้กลับเติบโตเป็นอย่างดี
“เกิดอะไรขึ้นกัน? หรือเมล็ดพันธุ์ที่ฉันซื้อมามันจะไม่ดี?”
ในตอนนี้ หวังเย้าได้ให้ความสนใจกับการรดน้ำแร่โบราณในเมล็ดพันธุ์เหล่านี้มากขึ้น จากนั้นเขาจึงหยิบกระสอบใส่เกาลัดขึ้นขี่มอเตอร์ไซด์เข้าไปในเมือง เขาไปที่แผงลอยที่เขาเคยขายพุทราครั้งก่อน
“เฮ้ เจ้าหนุ่ม นายมาที่นี่อีกแล้ว วันนี้นายจะขายอะไรเหรอ? พุทราหรือเปล่า?” ชายที่เคยขายของข้างหวังเย้ายังคงอยู่ที่เดิม—ชื่อของเขาคือ เฉินคุณ
“ไม่ใช่ เป็นเกาลัดน่ะ”
“เกาลัดเหรอ แล้วนายจะขายมันที่เท่าไหร่ล่ะ?”
หวังเย้าคิดอยู่สักพักและตอบ “30หยวน”
“แน่นอน นายจะต้องมีลูกค้ามาซื้อแน่ๆ” การได้เป็นพยานในเหตุการณ์บ้าคลั่งที่หวังเย้าขายพุทราในครั้งก่อน ชายวัยกลางคนคิดว่าเกาลัดนั้นน่าจะขายในราคา 50หยวนได้ด้วยซ้ำและคงจะไม่มีคนบ่นเมื่อซื้อมันเลย
ทันใดก็ได้มีคนเข้ามาถามราคาของเกาลัด เเต่พวกเขาก็ได้จากไปทันทีที่ได้ยินว่ามันมีราคา 60หยวนต่อ 1กิโล พวกเขามองไปที่หวังเย้าและคิดว่าเขาบ้าไปแล้ว
“บ้าเอ้ย! พวกคุณสามารถจากไปถ้าคุณไม่ชอบมัน แต่นี้กลับมองมาที่ฉันแบบนั้น มันหมายความว่าอะไร?!” หวังเย้าพูดเมื่อพวกเขาจากไป
“อ้า คุณคือคนที่ขายพุทราใช่ไหม? แล้วคราวนี้มีของดีอะไรมาขายอีกเหรอ?” ชายที่เคยซื้อพุทราจากหวังเย้าตรงเข้ามาที่แผง ,นั้นคือเกาลัดใช่ไหม? พวกมันใหญ่มาก กิโลละเท่าไหร่?”
“60หยวนครับ” หวังเย้าตอบ
“งั้นเอามาให้ฉัน 1 กิโล” ชายคนนี้ไม่ได้แสดงออกเหมือนคนที่เข้ามาซื้อก่อนหน้านี้
“นี้ครับ”
หวังเย้าขายได้เพียงถุงเดียวเท่านั้นในตอนเช้า แต่เขาก็ไม่ได้กังวลอะไร เขากินขนมปังสองชิ้นในมื้อกลางวันและหลังจากนั้นก็อ่านเคล็ดลับการปลูกสมุนไพรในมือถือของเขา
ในตอนกลางวัน เหตุการณ์บ้าคลั่งเหมือนคราวก่อนได้เกิดขึ้นอีกครั้ง คนมากมายขับรถมาหาหวังเย้าและซื้อเกาลัดไป เพียงเวลาแค่ไม่นานเกาลัดจำนวนมากก็ขายหมด
“อ้า ฉันนับถือนายจริงๆ!” คนที่ขายของข้างเขารู้สึกอิจฉา
“เอานี่ไป และลองกินดูนะ!” หวังเย้าพูดกับเฉินคุณ
“ฉันจะเอามันไปได้ยังไง?” เฉินคุณรีบตอบ เกาลัดไม่กี่กิโลก็เทียบได้กับรายได้ของเขาแล้ว
“อา ทั้งหมดนี้ได้มาจากแปลงสมุนไพรของผมเอง รับไปเถอะครับ”
“ก็ได้ ขอบคุณนะ”
หวังเย้าร้องเพลงอย่างรื่นเริงในตอนที่เขาขี่มอเตอร์ไซด์กลับบ้าน
ปี้ม! อยู่ดีดีก็มีเสียงแตรรถดัง
หวังเย้ามองกลับหลังและพบว่ามันคือรถออดี้A4สีขาวอยู่ด้านหลังเขา กระจกหน้าต่างเลื่อนลงและหยางหมิงที่เขาเพิ่งพบไม่กี่วันก่อนนั่งอยู่ในรถ เขาใส่สูทและมันทำให้เขาดูสุภาพมาก ข้างๆเขามีหญิงสาวแต่งหน้าอ่อนๆนั่งอยู่ เธอมีริมฝีปากสีแดง ฟันขาวสะอาดและขนตางอนดูคล้ายกับนางแบบ
“ถงเวย?”
“หวังเย้า!” หญิงสาวรู้สึกประหลาดใจ
“นั้นเธอเหรอ? เธอไปเรียนอยู่ต่างประเทศไม่ใช่เหรอ?” หวังเย้าถาม
“เธอเพิ่งกลับมาปีนี้” หยางหมิงพูด “คืนนี้นายว่างรึเปล่า? ไปด้วนกันสิ—ฉันได้ชวนเพื่อนในชั้นคนอื่นออกมาด้วยนะ”
“ไว้วันอื่นแล้วกันนะ ฉันยังมีธุระต้องไปทำต่ออีก” หวังเย้าตอบหลังจากที่คิดดีแล้ว
“ตกลง ไว้ค่อยเจอกันวันอื่นนะ”
“ลาก่อน” ถงเวยโบกมือให้หวังเย้าด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มของเธอราวกับดอกไม้บานตรงหน้าของหวังเย้า
“ลาก่อน”
รถยนต์และมอเตอร์ไซด์ต่างแยกย้ายไปตามจุดหมายของแต่ละคน
หนึ่งสวมสูทอยู่ในรถหรูและหน้าที่การงานที่ดี ในขณะที่อีกหนึ่งอยู่ในชุดธรรมดาขี่มิไซด์มือสองและทำงานที่บ้าน หนึ่งเคยเป็นเด็กนักเรียนที่เกเร ในขณะที่อีกหนึ่งมีผลการเรียนอยู่ในระดับท็อปเสมอ มันได้มีช่องว่างของความแตกต่างระหว่างพวกเขาอยู่
“หวังเย้าเขาทำงานอะไรอยู่เหรอ?” ในรถยนต์ ถงเวยมองไปข้างนอกและถาม
“เขาทำงานเป็นชาวสวนอยู่ที่บ้าน” หยางหมิงพูดด้วยรอยยิ้มที่เสแสร้ง
“หลายวันก่อนฉันได้เจอกับเขา และเขาก็เพิ่งจะซื้อเมล็ดพันธุ์มา”
“ทำสวน? เป็นไปได้เหรอ?” ถงเวยพูดด้วยความประหลาดใจ นักเรียนระดับท็อปของโรงเรียน คนที่มีเกรดสูงกว่าค่าเฉลี่ยและยังได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยชิงฮวาและมหาวิทยาลัยปักกิ่ง—สองมหาวิทยาลัยระดับท็อป—เลือกที่จะทำสวนอยู่กับบ้าน? มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน!
“จริงสิ ฉันไม่ได้โกหกเธอนะ เขาบอกฉันเอง” หยางหมิงพูด
ถงเวยเงียบแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง นี่คือเมืองที่เธอได้จากไปถึงสามปี
“เธออยากจะไปฉลองการกลับมาของเธอที่ไหนดี?”
“แล้วแต่นาย” ถงเวยดูเหมือนไม่ค่อยสนใจเท่าไร
“ไปที่ หนานกั๋วจือชุน กัน อาหารที่ทำด้วยผักจากทางใต้ของที่ร้านรสชาติและเป็นต้นตำรับด้วย” หยางหมิงพูด
“ตกลง แต่ช่วยไปส่งฉันที่บ้านก่อนนะ”
...
มันน่าตกใจที่เธอได้กลับมาแล้ว! หวังเย้าขี่มอเตอร์อยู่แต่จิตใจของเขากลับเต็มไปด้วยความคิดเกี่ยวกับถงเวยผู้งดงามคนนั้น