ภาค 2 ตอนที่ 1 กล่องไม้ประดู่
ภาค 2 ศีรษะที่โดดเดี่ยว
ตอนที่ 1 กล่องไม้ประดู่
หอประกอบฌาปนกิจหฺวาหรงก่อตั้งขึ้นเมื่อสามสิบปีก่อน ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง เวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา รับบทเป็นเขตแดนระหว่างความเป็นและความตาย เนื่องจากความจำเป็นของงานนิติเวช สวินเข่อหรันได้ติดต่อกับหฺวาหรงช่วงก่อนหน้านี้ แต่วันนี้ต่างจากที่ผ่านมา เธอมาหาคนคนหนึ่งตามคำสั่งของท่านผู้เฒ่าฉาง
หาคนในหอประกอบพิธีฌาปนกิจ
เดินเลี้ยวไปหลายครั้งถึงพบบ้านหลังเล็กๆ ที่ไม่สะดุดตาในมุมที่ซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้
สวินเข่อหรันรู้สึกเหมือนถูกกลั่นแกล้ง อาจารย์ท่านผู้เฒ่าฉางไม่ได้กล่าวถึงเหตุผลก็ออกคำสั่งง่ายๆ ให้เธอมารายงานตัวที่สถานประกอบฌาปนกิจในวันหยุดสุดสัปดาห์เช่นนี้
ภายนอกของบ้านหลังเล็กนี้เหมือนตึกไม้เล็กๆ ในละครโทรทัศน์ ที่ประตูแขวนป้ายไม้ทรงยาวพร้อมกับคำว่า เซ่นไหว้
ที่ที่ขายกระดาษเงินกระดาษทองเหรอ เดี๋ยวนี้ยังมีสัญลักษณ์โบราณอย่างนี้อีกเหรอ
"มีคนอยู่ไหม" สวินเข่อหรันถาม เงียบ
ก้าวเข้ามาในบ้าน ความสว่างน้อยลง มองสำรวจโดยรอบ กลางห้องมีโต๊ะสี่เหลี่ยมจัตุรัสตั้งอยู่ ชั้นวางหนังสือขนาดใหญ่วางติดฝาผนัง บนชั้นมีกรอบรูปน้อยใหญ่เรียงรายไว้เต็ม แสงเลือนรางทำให้มองรูปในกรอบไม่ชัดแว็บแรกที่มอง พัดประดับที่มีรูปวาดห้อยพู่ระย้าแขวนอยู่เหนือเก้าอี้ไม้แบบโบราณ
ถ้าที่นี่เป็นที่ที่ขายกระดาษเงินกระดาษทอง ก็เหมือนร้านน้ำชามากเกินไปแล้ว โกโก้คิดในใจ
ผ้าม่านในที่มืดถูกแหวกขึ้น สตรีใส่กระโปรงยาวสีแดงผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ กำลังมองสวินเข่อหรัน
สวินเข่อหรันรู้สึกเขินอายเมื่อมองดูโดยรอบแล้วเหมือนตัวเองหลงเข้าไปในสถานที่ถ่ายทำละครโบราณที่ไหนสักที่
ถูกผู้หญิงจ้องจนขนลุก สวินเข่อหรันเอ่ยปากก่อน "ฉันมาหาเวยเวย อาจารย์ฉันฉางเฟิงให้มาหา"
ผู้หญิงเลิกคิ้ว "เธอคือสวินเข่อหรันเหรอ...ไอ้ขี้เกียจฉางเฟิง ฉันให้เขามาด้วยตัวเอง ยังจะมาบ่ายเบี่ยง"
"ท่านผู้เฒ่าตอนนี้เกษียณแล้ว คุณก็คือเวยเวยเหรอ...ไม่ทราบว่าให้ฉันมามีธุระอะไรเหรอ"
เวยเวยไม่พูดอะไร เดินเข้าหาเธอ กระโปรงยาวสีแดงนั้นพลิ้วไหวเบาๆ ทำให้รู้สึกเหมือนภูตผี สวินเข่อหรันแอบขมวดคิ้ว เวยเวยจ้องมองหน้าของโกโก้ หรี่ตามองแล้วไม่ขยับ สวินเข่อหรันก็กลั้นหายใจแล้วไม่ขยับตาม
"เด็กน้อย ทำงานหมดจดดีนี่" เวยเวยพูด
อะไรนะ
สวินเข่อหรันงุนงง ผู้หญิงคนนี้ประหลาดจนให้คนจับทางไม่ถูก ดูยังไงก็เหมือนคนทรงเจ้า
เวยเวยหยิบกาน้ำชามา แล้วเริ่มต้มน้ำบนเตา "อาชีพอย่างเธอกับอาจารย์เธอ ต้องมีอะไรที่ไม่สะอาดติดตัวมาไม่มากก็น้อย แต่เธอยังดี หรือว่าเธอไม่ได้เป็นหมอนิติเวช หรือไม่..."
โกโก้แอบเคลื่อนไปทางประตูอย่างช้าๆ
"หรือไม่...งานที่เธอทำได้ใจผีนะสิ" เวยเวยแสยะยิ้ม
สวินเข่อหรันรู้สึกเย็นวูบ "ถ้าคุณไม่มีธุระอะไร ฉันขอตัวกลับก่อน..." พูดพลางเคลื่อนไปทางประตู แต่ก็หยุดชะงักขณะเดินผ่านชั้นวางหนังสือ เธอเห็นรูปถ่ายใบหนึ่ง ขอบรูปออกเหลืองไปบ้างแล้ว ด้านซ้ายเป็นท่านผู้เฒ่าฉางสมัยยังหนุ่ม ใส่ชุดสีเขียวทหารที่ทุกคนใส่กันก่อนเปลี่ยนการปกครองเป็นคอมมิวนิสต์ ส่วนด้านขวาเป็นสตรีในชุดแดง หน้าคล้ายเวยเวย
ท่านผู้เฒ่าฉางในรูปถ่ายดูแล้วเพิ่งจะอายุยี่สิบนิดๆ ส่วนเวยเวยในรูปก็ไม่ต่างจากโกโก้ในขณะนี้เท่าไหร่
สวินเข่อหรันรู้สึกคอแข็งทื่อ
กึกๆ หันหน้าไปช้าๆ เวยเวยกำลังยืนอยู่ด้านหลังของตัวเอง สวินเข่อหรันรู้สึกตัวเองอยู่ในเหตุการณ์จริงของหนังสยองขวัญ
"คุณคือ...ใคร" โกโก้กลืนน้ำลายแล้วถาม
ฮิๆ...เสียงหัวเราะของเวยเวยลอยมา "แล้วเธอคิดว่าอะไรล่ะ คุณหมอสวิน..."
สามคำหลังที่พูดออกมา ทำให้สันหลังของโกโก้เย็นวาบ
โกโก้หายใจลึกๆ ยืดตัวตรง "อย่างมากก็เป็นผี ใช่ว่าไม่เคยเห็นมาก่อน" ที่จริงก็ไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ
เวยเวยหันไปยกกาน้ำชาที่เดือดแล้ว วางถ้วยชาเครื่องสังคโลกบนโต๊ะสี่เหลี่ยม แล้วพูดอย่างช้าๆ ว่า "ฉันไม่ใช่ผี...อืม ฉันอธิบายให้เธอฟังอย่างนี้ดีกว่า ฉันเป็นคน เพียงแต่ต่างจากคนธรรมดาทั่วไป โลกนี้กว้างใหญ่ไพศาล มีบางอย่างที่ผิดธรรมดาบ้างก็เป็นเรื่องปกติ ถ้าเธอสามารถเดาได้ว่าฉันผิดธรรมดาตรงไหน..."
ถ้าฉันเดาออก คุณจะไม่กินฉันใช่ไหม...สวินเข่อหรันบ่นในใจ "คุณจะไม่แก่ใช่ไหม หรือชราช้ากว่าคนทั่วไปมากๆ"
เวยเวยจ้องมองเธอ ในดวงตามีประกายเจิดจ้า "ไม่เลวนี่ เด็กน้อย มีสมองใช้ได้ ไม่เหมือนอาจารย์โง่ของเธอ"
ยุคสมัยเปลี่ยนไป ซีรี่ย์ไซไฟต่างประเทศไม่ได้ดูเปล่าๆ นี่! โกโก้ตะโกนอยู่ในใจ แต่สีหน้าก็ยังเรียบเฉย "อาจารย์ฉันก็ฉลาดมากเหมือนกัน"
"จริงเหรอ!" เวยเวยรินน้ำชาพลางหัวเราะ "ครั้งแรกที่อาจารย์เธอพบว่าฉันต่างจากคนทั่วไป เธอเดาซิว่าเขามีปฏิกิริยายังไง...เขาคว้าไม้กวาดชี้มาที่ฉันแล้วตะโกนว่า 'เจ้าเป็นปีศาจ มาจากไหนกัน'"
มุมปากของสวินเข่อหรันกระตุก "เรื่องนี้บอกให้รู้ว่า ไซอิ๋วดูเยอะไม่ดี"
เวยเวยชะงัก จากนั้นก็หัวเราะลั่น สั่นไปทั้งตัว
บรรยากาศแปลกประหลาดก่อนหน้านี้หายเป็นปลิดทิ้ง สวินเข่อหรันมองสำรวจเวยเวยอย่างจริงจัง หน้าเรียว คิ้วตาเล็ก หน้าสด มีกลิ่นอายสงบนิ่งเหมือนกับหาได้ในภาพวาดเท่านั้น หันไปดูรูปถ่ายทั้งหลายบนชั้นหนังสือ เห็นได้ชัดว่าถ่ายมาหลายปี บุคคลแตกต่างกันออกไป หลายรูปออกเหลืองแล้ว มีเพียงหน้าตาเวยเวยเท่านั้นที่ไม่แตกต่างเลยสักนิดเดียว
หรือผู้หญิงคนนี้จะอายุยืนยาวไม่มีวันชรา
แอบส่ายหน้า ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวกับตน สวินเข่อหรันเงยหน้ามองเวยเวย "เรียกฉันมามีเรื่องอะไรกันแน่"
เวยเวยละสายตาจากถ้วยน้ำชาแล้วเงยหน้าขึ้นมา เปล่งคำพูดออกมาคำหนึ่ง "หัว"
อะไร
เวยเวยลุกขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง กลับไปหยิบกล่องไม้ประดู่จากหลังม่าน กล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีด้านนอกสลักด้วยลายแปลกประหลาด ส่งกลิ่นอายของความลึกลับออกมา เวยเวยบอกใบ้ให้สวินเข่อหรันเปิดออกเอง
เธอเปิดล็อคที่ประณีตแล้วเปิดฝากล่องออก แล้วก็ตะลึงไปทันที
หัวคนหนึ่งหัววางอยู่ในกล่อง
"ด้านทิศใต้ของเมืองมีร้านรับซื้อของเก่าขนาดใหญ่อยู่ร้านหนึ่ง" เวยเวยอธิบายอยู่ข้างๆ "เมื่อวานพวกเขามาถึงสถานประกอบฌาปนกิจอย่างตาลีตาเหลือก บอกว่ามีของแปลกประหลาดอย่างหนึ่ง คนของสถานประกอบฌาปนกิจไปรับมา รู้สึกทะแม่งๆ ก็เลยส่งมาที่ฉัน"
"ทะแม่งยังไง" สวินเข่อหรันหยิบถุงมือที่ฆ่าเชื้อแล้วในกระเป๋าออกมาใส่ หยิบหัวคนออกจากกล่องอย่างระมัดระวัง
"หัวคนหัวนี้อยู่ที่ถังขยะมาหลายวันแล้ว ของรอบๆ มันบูดไปหมด มีเพียงมันที่ไม่เน่าเสียเลย คนของร้านรับซื้อของเก่ารู้สึกประหลาด คนของหอประกอบฌาปนกิจก็เช่นกัน เพราะเหตุนี้ พวกเขาก็เลยส่งของประหลาดมาที่ฉันเพื่อ ‘ทำความสะอาด’ ตามเคย"
สวินเข่อหรันเหลือบมองเวยเวย ดูเหมือนเธอไม่ได้พูดเล่น หัวคนที่ไม่เน่าเสียทำให้คนอดคิดต่อไม่ได้ แต่อย่างว่า คุณเวยเวยก็ไม่ได้ปกติซะด้วย
ก้มตัวลง สวินเข่อหรันเข้าใกล้หัวคนนั้น เปิดผมที่แห้งและยุ่งเหยิงออก เธอเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่ง ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่นเนื่องจากน้ำระเหยไปจนหมดแล้ว อวัยวะบนใบหน้าผิดรูปไปบ้าง อายุอยู่ระหว่าง 20-30 พอเห็นรางๆ ว่าตอนมีชีวิตอยู่หน้าตาดีใช้ได้
ไฮ คุณหัว เธอมาจากไหน สวินเข่อหรันพูดในใจ
"ทำไมคนของร้านรับซื้อของเก่าไม่แจ้งความล่ะ" เธอถาม
"ฉันไม่รู้" เวยเวยยักไหล่ "อาจจะกลัวตำรวจไปตรวจค้นที่ของพวกเขา กระทบธุรกิจรับซื้อของเก่าก็ว่าได้ แต่ตอนที่พวกเขาส่งหัวคนมา ฉันสังเกตเห็นรอยตัดที่คอของเธอเหมือนเป็นรอยเลื่อย อาจจะเกี่ยวกับฆาตกรรมแยกร่าง ฉันถึงโทรศัพท์ไปหาฉางเฟิง ฉันถามเขาว่าช่วงนี้มีศพที่ไม่มีหัวหรือเปล่า"
ภาพหนึ่งภาพแวบขึ้นในสมองของสวินเข่อหรัน...ศพไร้หัว ไม่ใช่มีเพียงศพด้วย
เหมือนเห็นรอยแผลแปลกๆ ที่ใต้คาง จึงเข้าใกล้สังเกตอีกนิด สวินเข่อหรันขมวดคิ้ว ลุกขึ้นหันไปมองเวยเวย "บางทีฉันอาจจะบอกคุณได้ว่าทำไมมันถึงไม่เน่าเสีย"
ชี้ไปที่หัวที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอพูดว่า "มันมีกลิ่นฟอร์มาลิน"
เวยเวยเลิกคิ้ว