บทที่ 19 จะเปิดประตูสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้
บทที่ 19 จะเปิดประตูสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้
การต่อสู้ประจันหน้ากันหนึ่งครั้ง มีคนตายไปถึงสี่คน ความจริงที่น่าเศร้านี้ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันหวาดกลัว
ไม่มีผู้รอดชีวิตคนไหนไม่เสียใจกับการตัดสินใจของตนเอง หากตอนนั้นเลือกอยู่ที่โรงเรียน ถึงแม้ว่าอาจจะต้องหิวตาย แต่ก็ยังดีเสียกว่าตอนนี้เยอะ ระหว่างการที่อาจจะตายได้ทุกเมื่อกับการค่อยๆ รอความตายอยู่ในสถานที่ปลอดภัย ทั้งสองล้วนเป็นแนวคิดที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ชายหนุ่มคนหนึ่งหันไปหาหนุ่มแว่นหวังเฉิงด้วยความโกรธเกรี้ยว แล้วคว้าจับคอเสื้อของเขาแน่นด้วยมือที่สั่นเทาไม่หยุด “เป็นเพราะแก! เป็นความผิดของแก! ฉันจะฆ่าแก!”
ขณะที่พูด เขาก็กำมีดที่อยู่ในมือแน่นทันที และกำลังจะแทงเข้าใส่หวังเฉิง
ภายใต้สภาพจิตใจที่ทั้งหวาดกลัวและโกรธแค้น ชายหนุ่มคนนี้ตาแดงก่ำทั้งสองข้าง ใบหน้าเปี่ยมด้วยความดุร้ายเหี้ยมเกรียม อีกทั้งลักษณะท่าทางก็ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าเขาตกใจกลัวจนบ้าไปแล้ว...ซึ่งคนที่อยู่ในสภาพเช่นนี้เป็นอันตรายอย่างมาก หนำซ้ำยังสามารถทำได้ทุกอย่างภายใต้แรงกระตุ้น
“ตึง!”
แม้เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ซย่าน่าก็ยังคงแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ในทันที เธอพลิกข้อมือใช้ดาบยาวปัดมีดในมือของชายหนุ่มทิ้ง
หลิวอวี่หาวเองก็ช็อคไปสนิท จนเมื่อได้ยินเสียงโลหะกระทบกันถึงได้สติกลับมาทันที จากนั้นพุ่งเข้าไปคว้าตัวชายหนุ่มคนนั้นและควงหมัดหนักๆ ใส่ “แกบ้าไปแล้วเหรอไง!”
ตอนนี้หวังเฉิงหน้าซีดเผือดไปเรียบร้อยแล้วและสั่นเทิ้มไปทั้งตัวอย่างควบคุมไม่อยู่ หลังจากปรับลมหายใจจนสม่ำเสมอกันแล้ว สายตาที่หวังเฉิงมองชายหนุ่มคนนั้นก็เปลี่ยนเป็นอาฆาตแค้นทันที!
ชายหนุ่มที่โดนต่อยคว่ำก็ดูมึนงงอย่างเห็นได้ชัด เขาใช้เวลาอยู่นานกว่าจะโงนเงนลุกขึ้นยืนได้ ดูท่าทางตกตะลึงพรึงเพริดอย่างมาก หลังจากเกิดอารมณ์หุนหันพลันแล่นนี้ ความคิดของเขาก็ตกอยู่ในสภาพสับสนยุ่งเหยิง ซึ่งก็ไม่แปลก เมื่อคนธรรมดาสัมผัสประสบการณ์เฉียดตายแบบใกล้ๆ อย่างกะทันหันเช่นนี้ ย่อมต้องเกิดอาการสติแตกชั่วคราวอยู่แล้ว แต่อันที่จริงแล้วความอดทนอดกลั้นของคนเรานั้นยอดเยี่ยมมาก หลังจากสติแตก แล้วได้เผชิญหน้ากับความจริงที่จำเป็นต้องก้มหน้ายอมรับ คนประเภทนี้ก็ยังคงกลับคืนสู่สภาพปกติได้อย่างรวดเร็ว
ขณะนั้นเองหลิงม่อที่ยืนดูอยู่เงียบๆ มาตลอดก็สังเกตเห็นสายตาของหวังเฉิง ในใจเขาอดที่จะตะลึงงันไม่ได้
เมื่อสายตาแบบนี้ออกมาจากนักเรียนที่ดูท่าทางแสนจะสุภาพอ่อนโยน ก็ชวนให้รู้สึกเย็นสันหลังวาบขึ้นมาจริงๆ...
“เอาละ รีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ...”
ภายในระยะเวลาสั้นๆ มีเพื่อนนักเรียนต้องสังเวยชีวิตไปแล้วทั้งหมดห้าคน สีหน้าของซย่าน่าจึงไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไร แล้วตอนนี้ยังจะมาเห็นเพื่อนๆ ทะเลาะกันเองอีก น้ำเสียงเธอก็เลยเย็นชาขึ้นมาทันที
หวังเฉิงสะดุ้งเฮือกและมองซย่าน่าด้วยความกังวลเล็กน้อย จากนั้นเผยรอยยิ้มเจื่อนออกมา “ไปกันเถอะ”
เพิ่งจะรอดตายมาอย่างหวุดหวิด แต่เพียงพริบตาเดียวก็ยิ้มออกได้แล้ว คนๆ นี้ช่างจิตใจหนักแน่นไม่สอดคล้องกับอายุเสียเลย...หลิงม่อแอบถอนหายใจอยู่ในใจ หันไปจูงมือเย่เลี่ยนและเดินตามพวกซย่าน่าออกจากอาคารพาณิชย์หลังนี้ไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อออกมาจากย่านที่มีซอมบี้อยู่กันชุกชุมที่สุดแล้ว เมื่อเทียบกันแล้วเส้นทางต่อมาปลอดภัยกว่ามาก จนถึงขนาดแวะพักเหนื่อยกันที่ซุปเปอร์มาร์เกตแห่งหนึ่งระหว่างทาง แล้วพวกเขาก็ถือโอกาสค้นหาอาหารเพื่อเสริมเพิ่มพลัง ซึ่งหากเจอเสบียงมาทำอาหารเย็นได้ก็จะยิ่งดีใหญ่
มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าซุปเปอร์มาร์เกตในเขตตัวเมืองถูกรื้อค้นกวาดข้าวของไปหลายรอบแล้ว พวกมีดที่ใช้เป็นอาวุธได้และเสบียงอาหารที่สำคัญล้วนแล้วแต่ถูกเอาไปจนหมดเกลี้ยง แม้จะมีหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ใต้ชั้นวางสินค้าที่ล้มครืน หรือไม่ก็เปรอะเปื้อนคราบเลือดน่าสะอิดสะเอียน และแม้กระทั่งอยู่ในกองกระดูก
แต่เดิมทีสภาพความเป็นอยู่ในช่วงวันสิ้นโลกก็โหดร้ายอยู่แล้ว การที่สามารถหาของกินได้ก็นับว่าใช้ได้แล้ว ดังนั้นทันทีที่เข้าไปในซุปเปอร์มาร์เกต บรรดาผู้รอดชีวิตเหล่านี้ก็เริ่มค้นหาข้าวของทันที
เมื่อเห็นว่าซย่าน่าเฝ้าอยู่ที่ประตูทางเข้า หลิงม่อก็เบาใจลง แล้วพาเย่เลี่ยนเดินดูรอบๆ ซุปเปอร์มาร์เกตที่ค่อนข้างกว้างขวางแห่งนี้
ภายในซุปเปอร์มาร์เกตตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและกลิ่นเหม็นเน่า แล้วก็สามารถพบเห็นเศษซากศพได้ทั่วทุกหนแห่ง อาหารมากมายที่ใช้เป็นวัตถุดิบได้อย่างเช่นข้าวสาร ฯลฯ ล้วนเน่าเสียหมด ไม่สามารถกินได้ แต่ถึงแม้จะหาเจอ คนพวกนี้ก็ก่อไฟหุงข้าวไม่เป็นอยู่ดี
หลังจากที่พลังจิตยกระดับขึ้น หลิงม่อรู้สึกว่าความเฉียบแหลมของตัวเองก็เพิ่มขึ้นมากด้วยเช่นกัน เช่น ภายใต้สภาพที่ความสามารถในการมองเห็นและวิธีการสังเกตเหมือนกัน ตัวเขากลับสามารถสังเกตเห็นรายละเอียดมากมายที่เมื่อก่อนทำได้แค่กวาดตามองแบบผ่านๆ พูดให้ถูกคือถึงแม้เขาจะยังคงไม่สนใจรายละเอียดพวกนี้เหมือนเดิม แต่เมื่อรายละเอียดเหล่านี้ผ่านสายตาเขา เขาก็จดจำมันได้ทันที
ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมหลิงม่อถึงสังเกตเห็นสายตาของหวังเฉิง เดิมทีเขาไม่ได้ใส่ใจผู้รอดชีวิตที่ดูธรรมดาๆ คนนี้เลย ก่อนหน้านี้หลิงม่อก็แค่มองเขาเผินๆ เท่านั้น...
ขณะที่กำลังเดินเล่นอยู่ในซุปเปอร์มาร์เกตอยู่นี้ แม้จะค้นไม่เจอข้าวของอะไร แต่หลิงม่อกลับรู้สึกตะหงิดๆ ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
เหมือนกับว่าใครบางคนกำลังแอบมองเขาอยู่!
แต่พอมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นมีใครอยู่...หลิงม่อขมวดคิ้วมุ่นพลางเดินสำรวจภายในซุปเปอร์มาร์เกตอย่างละเอียด ตอนที่เข้ามาในซุปเปอร์มาร์เกตแห่งนี้ ซย่าน่ากับหลิวอวี่หาวก็เดินตรวจไปแล้วรอบหนึ่งและจัดการกับซอมบี้ไปหมดแล้ว ตามหลักแล้วตอนนี้นอกจากพวกเขาแล้วก็ไม่มีคนอื่นอยู่ที่นี่อีก
แต่มีชั้นวางสินค้าอยู่มากมายเหลือเกิน แล้วขอบเขตในการมองเห็นของหลิงม่อก็อยู่ในวงจำกัด จึงยากมากที่จะตรวจดูทุกซอกทุกมุมของซุปเปอร์มาร์เกตแห่งนี้
ทว่าเมื่อเขาพาเย่เลี่ยนเดินไปที่ชั้นวางสินค้าแถวหนึ่ง จู่ๆ เขาก็แข็งทื่อไปทั้งตัวอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เผยสีหน้าดีอกดีใจออกมาทันที!
ปฏิกิริยาทางสัญชาตญาณของเย่เลี่ยนปรากฏความกระหายอย่างรุนแรงและความปรารถนาในการโจมตี! ซึ่งก็หมายความว่าภายในซุปเปอร์มาร์เกตแห่งนี้จะต้องมีซอมบี้กลายพันธุ์อยู่อย่างแน่นอน!
แต่ทำไมเพิ่งจะรู้สึกได้ตอนนี้ล่ะ...หลิงม่อรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีเอ่อท้นขึ้นมาในใจทันที
“อ๊า! ช่วยด้วย!”
แล้วก็เป็นดังที่คาดไว้ เสียงร้องโหยหวนน่าเวทนาดังขึ้นในฉับพลัน หลิงม่อรีบพาเย่เลี่ยนพุ่งตรงไปยังทิศทางที่มาของเสียงทันที
แน่นอนว่าเขาไม่ได้ไปช่วยชีวิตคน แต่จะไปดูซอมบี้กลายพันธุ์ต่างหาก!
หลังจากวิ่งผ่านชั้นวางสินค้าหลายต่อหลายแถว ในที่สุดภาพนองเลือดน่าสยดสยองก็ปรากฏต่อสายตาของหลิงม่อทันที บริเวณด้านหน้าประตูคลังเก็บสินค้าที่เปิดแง้มไว้ครึ่งหนึ่ง มีผู้รอดชีวิตคนหนึ่งถูกฉีกแขนขาด ลำไส้ถูกควักออกมา แต่ยังคงเบิกตาโพลงและกระตุกเล็กน้อย แล้วก็ยังมีชายหนุ่มอีกคนกำลังพุ่งมาหาเขาอย่างคลุ้มคลั่ง พอดูหน้าชัดๆ ปรากฏว่าเป็นลู่ซินนั่นเอง
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”
ไม่ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเคียดแค้นหลิงม่อสักแค่ไหนก็ตาม แต่ในเวลานี้ลู่ซินกลับกระโจนเข้าหาหลิงม่อด้วยความหวาดผวาสุดขีดพลางร้องขอความช่วยเหลือ
หลิงม่อหรี่ตาลงและไม่ได้มองลู่ซินอีก เขาหันไปควบคุมเย่เลี่ยนให้เดินตีโอบไปทางด้านข้าง
คนที่ตามอยู่ข้างหลังลู่ซินเป็นชายรูปร่างใหญ่มาก! ส่วนสูงอย่างน้อยหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร เนื้อตัวเต็มไปด้วยไขมัน ดวงตาคู่แดงก่ำคู่นั้นแผ่รังสีความกระหายเลือดอย่างบ้าคลั่ง แต่กลับเคลื่อนไหวอย่างปราดเปรียวว่องไว เพียงพริบตาเดียวก็พุ่งมาถึงด้านหลังลู่ซิน ทันทีที่โบกฝ่ามือขนาดใหญ่ราวพัดสานที่ทำจากใบต้นปาล์ม ก็ได้ยินเสียงลู่ซินกรีดร้องเพราะถูกตบกระเด็นไปไกลสามสี่เมตร
“ให้ตายเถอะ!”
ผู้ชายตัวใหญ่ถูกตบกระเด็นไปต่อหน้าต่อตาตัวเองแบบนี้ เป็นอะไรที่ช็อกมากสำหรับหลิงม่อ ทั้งการเคลื่อนที่ว่องไวและพละกำลังแข็งแกร่งขนาดนี้ มิน่าล่ะถึงสามารถฉีกแขนฉีกขาคนเป็นๆ ขาดได้อย่างรวดเร็ว
ดูจากสถานการณ์ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าลู่ซินกับผู้รอดชีวิตที่ใกล้จะขาดใจตายคนนั้นไม่ดูตาม้าตาเรือ ไปเปิดประตูคลังเก็บสินค้าที่ปิดสนิท ผลก็คือปล่อยซอมบี้กลายพันธุ์ที่ถูกขังอยู่ข้างในออกมา
การเปิดประตูสุ่มสี่สุ่มห้าในช่วงวันสิ้นโลกแบบนี้ก็เท่ากับรนหาที่ตายชัดๆ!
.....................................................................