ตอนที่แล้วบทที่ 18 ค่าตอบแทนความดี (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 20 ค่าตอบแทนความดี (4)

บทที่ 19 ค่าตอบแทนความดี (3)


บทที่ 19 ค่าตอบแทนความดี (3)

 

        ตอนที่เย่อินจู๋มาถึงหน่วยทหารรับจ้างหนามเหล็กโดยมีเกิร์นเดินนำหน้า เหล่าทหารรับจ้างกำลังจัดการเตรียมตัวเป็นครั้งสุดท้าย วันพรุ่งนี้ก็จะออกเดินทางตั้งแต่รุ่งเช้า

 

“คราวนี้นายจ้างให้ค่าจ้างดีมาก ฉะนั้นพวกเราหนามเหล็กจะออกเดินหน้าเต็มกำลัง พรุ่งนี้จะไปกันแต่เช้า อินจู๋ เจ้าคอยตามข้าตลอดก็พอแล้ว”

 

เย่อินจู๋มองเหล่าทหารรับจ้างที่กำลังยุ่ง “ลุงเกิร์น หน่วยทหารรับจ้างของพวกลุงมีหกสิบกว่าคน ทำไมเมื่อกี้ถึงซื้อวิลเดอร์บีสต์แค่ยี่สิบตัวล่ะ! ไม่พอขี่หรอก”

 

เกิร์นหัวเราะเจื่อนๆ “ข้าก็อยากซื้อให้ทุกคนนั่นแหละ แต่ปัญหาคือกำลังทรัพย์ของหน่วยทหารรับจ้างมีจำกัด วิลเดอร์บีสต์ที่ข้าซื้อก็เอาไว้ลากสินค้ากับขนส่งนายจ้างทั้งหมด ถ้าไม่ใช่เพราะนายจ้างออกเงินให้ แม้แต่ยี่สิบสี่ตัวข้าก็ซื้อไม่ลงหรอก ทหารรับจ้างอย่างเราวิ่งอยู่ข้างนอกนั่นจนชินแล้ว แถมยังใช้เกราะหนัง ไม่ได้หนักอะไร ความเร็วจึงไม่ช้าไปกว่าวิลเดอร์บีสต์ แต่เจ้าวางใจได้ เจ้าเป็นนักเวท ต้องได้ขี่อยู่แล้ว”

 

ระหว่างที่พูดเกิร์นก็ออกแรงตบฝ่ามือ ดึงดูดความสนใจของเหล่าทหารรับจ้างมาที่ตัวเขา “เอาล่ะ ทุกคนหยุดก่อน ข้าขอแนะนำให้ทุกคนรู้จัก น้องชายคนนี้คือเย่อินจู๋สมาชิกใหม่ของหน่วยทหารรับจ้างของพวกเรา เขาจะติดตามพวกเรามุ่งหน้าสู่มิลานด้วยกัน”

 

“หือ? มีคนใหม่มาอีกแล้ว ดูผอมแห้งแรงน้อยไปหน่อยนะ! หัวหน้า เขาทำอาชีพอะไร?” ทหารรับจ้างอายุประมาณสามสิบกว่าปีเอ่ยถามขึ้น

 

เกิร์นยิ้มมีเลศนัย “นักเวทระดับแดงขั้นสูง นับตั้งแต่นี้ไป หนามเหล็กของเราถือว่ามีนักเวทแล้ว ไว้รอให้พวกเราทำภารกิจที่เมืองมิลานครั้งนี้เสร็จ จะได้ถือโอกาสลงทะเบียนหน่วยทหารรับจ้างระดับดีที่สมาคมที่นั่นเลย”

 

เมื่อกล่าวออกไป เหล่าทหารรับจ้างก็รวมตัวกันโห่ร้องด้วยความดีใจทันที พวกเขารอวันนี้มานานมากแล้ว การเลื่อนระดับหน่วยทหารรับจ้างเกี่ยวข้องโดยตรงกับรายได้ของพวกเขา เป็นทหารรับจ้างก็เพื่อเงินเท่านั้นนี่นา ชั่วครู่เดียวอินจู๋ก็กลายเป็นคนโปรดของเหล่าทหารรับจ้างในทันใด แต่ละคนต่างมองเจ้าเด็กหนุ่มรูปหล่อคนนี้อย่างอยากรู้อยากเห็นพลางถามนู่นถามนี่ ถึงกับมีคนอยากให้อินจู๋ปล่อยพลังเวทมนตร์ให้ดูเป็นขวัญตา

 

“เอาล่ะๆ พวกเจ้าเงียบกันหน่อย อย่าทำให้น้องเย่ตกใจ” เกิร์นเช็ดเหงื่อเย็นบนหัว เขารู้ว่านักเวทต่างก็หยิ่งทะนงกันทั้งนั้น พวกลูกน้องเรารบเร้าให้เขาแสดงเวทมนตร์อย่างนี้ ถ้าเกิดเขาโกรธจัดจนถอนตัวขึ้นมาจะทำอย่างไรดีเล่า?

 

“ขอโทษที ข้าปล่อยพลังเวทมนตร์ให้พวกท่านดูไม่ได้” อินจู๋กล่าวอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย ไม่มีพิณอยู่กับมือ เขาจะปล่อยอะไรได้

 

เกิร์นรีบร้อนกล่าวว่า “ใช่ ไอ้เจ้าเด็กพวกนี้เงียบกันหน่อยสิ เวทมนตร์จะมาขอดูกันตามใจชอบได้เรอะ? อินจู๋ เจ้าไม่ต้องสนใจพวกเขา จริงสิ ตรานักเวทของเจ้าหายไปหรือยัง ถ้ามีก็ติดเอาไว้จะดีกว่า”

 

ตรานักเวทยังไม่หายไปจริงๆ ระหว่างที่รับตราจากสมาคมเวทมนตร์เมืองลูน่าวันนั้นอินจู๋ก็สอดเก็บติดตัวเอาไว้ แผนที่ หน้ากากที่ม่วงให้ก็ยังอยู่เพราะไม่ได้ใส่เข้าไปในแหวน

 

ถือโอกาสล้วงเอาตราสีแดงออกมาจากอกติดลงบนตำแหน่งอกข้างซ้ายของตัวเอง เย่อินจู๋ที่มีอายุเพียงสิบหกปีมองไปแล้วยังดูเยาว์วัยนิดหน่อย แต่อย่างน้อยตราบนหน้าอกก็ได้พิสูจน์สถานะอาชีพของเขาแล้ว ตราที่ผลิตโดยกรรมวิธีของสมาคมเวทมนตร์ไม่สามารถปลอมแปลงได้ มีคลื่นเวทมนตร์พิเศษอยู่ ตอนแรกเพื่อที่จะผลิตตราดวงนี้ ฉินซางยังเก็บเลือดของอินจู๋หยดหนึ่งส่งไปที่สมาคมโดยเฉพาะด้วย ตราดวงนี้ขอเพียงไม่บุบสลายก็จะอยู่กับอินจู๋ไปตลอดชีวิต ขอเพียงเลื่อนระดับก็สามารถไปเลื่อนระดับตราที่สมาคมเวทมนตร์โดยตรงได้เลย

 

พอหยิบตราออกมา เหล่าทหารรับจ้างก็เงียบลงในทันที ก่อนจะทำงานยุ่งกันต่อไปตามคำสั่งของเกิร์น

 

“หัวหน้าหน่วยเกิร์น ท่านอยู่พอดี เตรียมตัวเป็นยังไงบ้างคะ?” น้ำเสียงเสนาะหูดังเข้ามาจากตรงหน้าประตู อินจู๋หันหลังตามเกิร์นไปพร้อมกัน ชั่วขณะหนึ่ง เขารู้สึกแค่ว่าพลังจิตของตัวเองปั่นป่วนเล็กน้อย

 

หญิงสาวคนหนึ่งปรากฏตัวอยู่ที่หน้าประตูบ้าน กำลังเดินเยื้องย่างเข้ามาช้าๆ ชุดกระโปรงยาวเรียบง่ายสีขาวกลับสะท้อนรัศมีอันหรูหราโอ่อ่าบนตัวเธอ ผมยาวเป็นลอนสีฟ้าน้ำทะเลส่วนใหญ่สยายไปด้านหลังดุจระลอกคลื่น ห้อยปรกลงมาบนอกเพียงข้างละเส้น ปิดบังหูของเธอไว้ ใบหน้าขาวนวลน่ารักฉายแววอ่อนโยน จมูกเล็กจุ๋มจิ๋มโด่งเป็นสัน ลำคอเพรียวระหง ริมฝีปากแดงเปล่งปลั่ง เค้าหน้างามละมุนประหนึ่งพระเจ้าวาดร่างขึ้นมา มองไปแล้วดั่งราวกับเทพธิดาลงมาจุติ รูปร่างสะโอดสะองเหยียดตรงเป็นสง่า จากชายชุดกระโปรงยาวลงมาเผยให้เห็นเพียงน่องขาขาวเนียนดุจรากบัวชวนให้เพ้อฝันทั้งสองข้าง

 

การเคลื่อนไหวขณะที่เธอเดินนุ่มนวลมาก ผ่อนคลายเบาสบายและล่องลอยดุจละอองฝุ่น ราวกับดอกลิลลี่ที่สวยจับใจปลิวผ่านปุยเมฆ

 

อินจู๋รู้สึกงงงันขณะที่จ้องมอง เพราะเขามองอายุจริงของหญิงสาวคนนี้ไม่ออก มองเผินๆ ทีแรกเธอดูสวยงามอ่อนเยาว์เหมือนเด็กสาว แต่เมื่อสังเกตดูให้ดีตัวเธอก็ไม่มีความไร้เดียงสาแบบเด็กสาว บุคลิกสูงส่งสง่างามเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนที่เพ้อฝันรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ

 

การปรากฏตัวของหญิงสาวดึงดูดสายตาของทหารรับจ้างทุกคนในทันที แต่พวกเขาเพียงแค่จ้องมองอยู่เนิ่นนานแล้วจึงก้มหน้าลง แม้แต่เกิร์นก็ไม่ยกเว้น ประหนึ่งว่าถ้าจ้องมองต่อไปจะเป็นการล่วงเกิน ‘เทพธิดา’ เบื้องหน้าพวกเขา มีแต่สายตางงงวยของเย่อินจู๋เท่านั้นที่จดจ่อไปยังหญิงสาวตลอดเวลา ยืนอยู่ตรงนั้นเช่นเดิม ทั่วทั้งบ้านมีเพียงบุคลิกที่แผ่ซ่านออกมาโดยไม่รู้ตัวของเขาที่พอจะเทียบเคียงกับสาวน้อยคนนั้นได้

 

ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ อินจู๋ก็รู้สึกว่าสนิทสนมกับหญิงสาวที่มาปรากฏตัวคนนี้มาก ลมปราณจากตัวเธอทำให้รู้สึกสบายอย่างยิ่ง ความรู้สึกแบบนี้เคยเกิดขึ้นเฉพาะกับอาจารย์ฉินซางเท่านั้น

 

ในไม่ช้าหญิงสาวก็สังเกตเห็นสายตาจ้องมองของอินจู๋ สายตาอันอ่อนโยนของเธอสบประสานกับอินจู๋กลางอากาศ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าเบื้องหน้าสว่างวาบ ใบหน้าสวยฉายแววตกใจเล็กน้อย แสงประหลาดสองสายแล่นออกมาจากนัยน์ตาสวย ไม่มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด เพียงแค่เฉียดผ่านสายตาของอินจู๋เพื่อหยั่งเชิงเท่านั้น

 

ในหัวของเย่อินจู๋มึนงงเล็กน้อย สายตาของเขานิ่งงันไปตามกัน ศีรษะวิงเวียนไปหมด แต่เพียงชั่วครู่ก็กลับมาเป็นปกติ หัวใจพิสุทธิ์อันบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้ซึ่งความฟุ้งซ่านใดๆ และเป็นเพราะสาเหตุนี้เองอินจู๋จึงสามารถพัฒนาได้เร็วขนาดนั้นขณะที่ฝึกฝน ไม่ว่าพลังจิตหรือปณิธานล้วนสมกับเป็นอัจฉริยะดังที่ฉินซางเรียกขาน ภายใต้การกระตุ้นจากแสงประหลาดในดวงตาของหญิงสาว รัศมีสีแดงเข้มเปล่งออกมาจากหว่างคิ้วของเขาอีกครั้ง ก่อเกิดเป็นม่านพลังจิต การหยั่งเชิงระดับพลังจิตโดยเฉพาะแบบนี้เป็นสิ่งที่นักเวทกระทำระหว่างกันอย่างเคยชินที่สุด ใช้เพื่อตัดสินความสามารถของอีกฝ่าย

 

“อ๊ะ! เป็นไปได้ยังไง” แววตาตกใจของหญิงสาวเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย “หัวหน้าหน่วยเกิร์น ท่านจะไม่แนะนำข้าสักหน่อยหรือ?”

 

ตอนนี้เกิร์นเพิ่งจะรู้สึกตัวขึ้นมา แอบตำหนิตัวเองในใจว่ามีสมาธิไม่เพียงพอ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พบนางแล้ว ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่อีกล่ะ? ก่อนจะรีบกล่าวว่า “คุณหนูอันยา คนนี้คือเย่อินจู๋นักเวทที่ผมเพิ่งเชิญมาใหม่ครับ และจะร่วมภารกิจกับพวกเราในครั้งนี้ด้วย มีเขาเพิ่มเข้ามา พวกเราจะสามารถคุ้มครองคุณหนูและสินค้าของคุณหนูได้ดียิ่งขึ้นอย่างแน่นอน”

 

ฟังเกิร์นพูดแล้ว เย่อินจู๋ถึงได้รู้ว่าหญิงสาวผู้มีบุคลิกสูงส่งสง่างามตรงหน้าคือนายจ้างในการเดินทางครั้งนี้

 

“สวัสดีครับ พี่อันยา” นัยน์ตาแจ่มใสของอินจู๋จ้องมองอันยา ก่อนจะเลื่อนไปหยุดอยู่ที่ทรวงอกอวบอิ่มของเธอโดยไม่รู้ตัว ในใจแอบคิดว่าหน้าอกของพี่อันยาคนนี้ก็บึกบึนดีเหมือนกัน!

 

อันยาเห็นอินจู๋มองมายังส่วนที่น่าอายของตัวเองจึงโกรธเล็กน้อยในตอนแรก แต่พอเธอเห็นสายตาที่ไร้ซึ่งมลทินใดๆ ของอินจู๋ ความโกรธเคืองในใจกลับจางหายไปอย่างเงียบๆ ความรู้สึกเหมือนกับอินจู๋ที่มีต่อเธอ เมื่อเจอกับเด็กหนุ่มผู้หล่อเหลาและบุคลิกดีเยี่ยมคนนี้ ความรู้สึกประทับใจก็เพิ่มพูนขึ้นในใจเธอโดยไม่รู้ตัว ไม่ใช่เพราะหน้าตาของอินจู๋ แต่เป็นเพราะลมปราณที่ไร้ซึ่งมลทินจากตัวเขา

……………………………………….

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด