ตอนที่ 63 สิ้นสุดการทดสอบ
ในฐานหุบเขาอีกาดำ กิลด์เทพเจ้ากำลังรวมตัวเพื่อประชุมกัน
สิ่งต่างๆไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ด้วยความที่ผู้ทดสอบคนอื่นกำลังหมกมุ่นกับการเลื่อนระดับ การตั้งรางวัลพวกเขาจึงไม่ได้รับการตอบกลับ ขณะที่จูปิเตอร์กำลังคิดหาวิธี บางคนก็ร้องตะโกน“หัวหน้า!คำใบ้ภารกิจเปลี่ยนไป!”
จูปิเตอร์หันไปมอง หลังตรวจสอบภารกิจ เขาก็พบว่าตำแหน่งภารกิจได้ถูกอัพเดทแล้ว ตอนนี้มันระบุว่าซีโร่อยู่ในเมืองหลวงตะวันตก
“ภารกิจได้รับการอัพเดต?!”
จูปิเตอร์เกาหัว อย่างไรก็ตามขณะที่เขากำลังสับสน เขาก็ไม่ได้อารมณ์เสีย พวกเขารู้แล้วว่ามันอยู่ในเมือง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อพวกเขา แต่นี่คือวันที่12และเป็นวันสุดท้ายของการทดสอบ
“เราจะส่งสมาชิกไปค้นหาเมืองหลวงตะวันตกหลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ”
เมื่อเกมเปิด กิลด์จะสามารถใช้ประโยชน์จากจำนวนได้อย่างเต็มที่ ด้วยสมาชิกจำนวนมาก ไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่อาจหาตัวซีโร่ได้พบ
จูปิเตอร์กำหมัดแน่น
“ภารกิจระดับBนี้จะเป็นตัวผลักดันเรา!”
นี่คือโอกาสให้พวกเขาก้าวล้ำหน้าเหนือคู่แข่ง
...
สำนักงานใหญ่องค์กรต้นกำเนิด รายงานถูกส่งให้หัวหน้าได้อ่าน
“ผู้บัญชาการโรซ่า(นอซ่าน่าจะเป็นชื่อในฐานะนักฆ่า)อยู่ในเมืองหลวงตะวันตกเป็นครั้งสุดท้าย ชายอีกคนหายไปพร้อมเขา ลู่เกอ หรือก็คือผู้ติดต่อในเนตรพายุของเรา หลี่รั่วบอกว่าเขาจะหาคนมาแทนที่ทันที...”
“มันคือซีโร่”หัวหน้ากล่าวเสียงเย็น“เขาปิดปากโรซ่าและลู่เกอเพื่อรักษาตำแหน่งของเขาไว้เป็นความลับ ฮึมมม งั้นแกก็อยู่ในมังกรดารา แผนก13มังกรดาราต้องคอยคุ้มครองเขาอยู่!”
โรซ่าคือนักฆ่ามือหนึ่งขององค์กรต้นกำเนิด ส่วนลู่เกอก็ถือเป็นคนโปรดเขา มันนับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่
ซีโร่!
หัวหน้าโกรธจัด
‘ซีโร่...แกคิดว่าแกจะปลอดภัยภายใต้การคุ้มครองนั่น?’
ด้วยความที่เขาเมินเฉยหานเซี่ยวมาตลอด เขาจึงเพิ่งตระหนักถึงภัยคุกคามนั้น
ตามการวิเคราะห์ของกล้องตรวจจับจากห้องทดลองวัลคีรี่ ซีโร่ไม่เคยแสดงพฤติกรรมผิดปกติใดๆ เรื่องของข้อมูลที่เขาได้รับยังคงเป็นปริศนา
“สั่งเนตรพายุให้ระบุตำแหน่งของซีโร่ ฉันไม่สนว่าเขาจะหลบซ่อนภายใต้ร่มเงาของแผนก13รึเปล่า หาตัวเขาให้พบไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม!”
เสียงของหัวหน้าเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
เนื่องจากพวกเขาไม่รู้ว่าซีโร่ครอบครองข้อมูลสำคัญอะไรบ้าง การกำจัดเขาก่อนจะเสียหายไปมากกว่านี้คือทางเลือกเดียว
“ให้5ผู้บัญชาการและนกฮูกรัตติกาล200นายเตรียมปฏิบัติการทันทีที่พบตัวซีโร่ ฉันอนุญาติให้ใช้ขีปนาวุธนำทาง”
“ซีโร่ แกต้องตาย!”
…
‘การทดสอบกำลังสิ้นสุดลง’
00:00:00:30
ดาบคลั่งถอนหายใจขณะเฝ้าดูการจับเวลา หากเขามีเวลาเพิ่มฝึกเพิ่มสักเล็กน้อยก็คงดี
แน่นอน โดยรวมเขาค่อนข้างมีความสุขกับความก้าวหน้าที่เขาทำ ภารกิจที่หานเซี่ยวมอบให้อาจดูไร้สาระ แต่ก็ให้ค่าประสบการณ์มาก นอกจากนี้ อุปกรณ์ทั้งหมดที่เขาซื้อจากหานเซี่ยวก็ยังช่วยเพิ่มพลังการต่อสู้เขาได้มาก
แม้ชุดทักษะของสายช่างจะเกี่ยวกับการประดิษฐ์ ซึ่งเขาไม่ค่อยชอบ แต่ความแข็งแกร่งของหานเซี่ยวก็เป็นตัวบ่งชี้
‘ฉันเองก็จะค่อยๆแข็งแกร่งขึ้น!’
‘ฉันจะต้องเฉิดฉายเหนือใคร!’
…
สรุปการทดสอบ : นับถอยหลังการเปิดเกม : 122วัน 1ชั่วโมง 23นาที
หานเซี่ยวส่ายหัวเมื่อพบว่าปุ่มกระดานสนทนาเป็นสีเทา
‘ดูเหมือนว่าฉันจะเดาถูก ระยะห่างเวลาการเปลี่ยนเวอร์ชั่นในโลกจริงไม่เชื่อมกับเวลาปัจจุบันของฉัน’
“ทำไมคุณถึงส่ายหัว?”กู่ หุ่ยถาม“ผมสงสัยว่าคุณมีข้อมูลอะไรอื่นอีกไหม”
หานเซี่ยวกำลังนั่งอยู่ในห้องประชุมที่สำนักงานใหญ่ของแผนก13 มีหัวเรือใหญ่สามคนนั่งอยู่ตรงหน้าเขา : ผู้อำนวยการใหญ่ กู่หุ่ย ผู้อำนวยการฝ่ายข่าวกรองและผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการลับ
แผนก13รู้มาตลอดว่าหานเซี่ยวต้องมีความสามารถการต่อสู้ในระดับหนึ่ง แต่นี่กลับเกินความคิดไปมาก สิ่งที่น่าสับสนคือการที่เขาสามารถระบุตัวลู่เกอได้
ลู่เกอทำงานอยู่ในเมืองมากว่าสองปีโดยไม่ทิ้งร่องรอย แผนก13พยายามหาเขาอยู่หลายครั้งแต่ก็ล้มเหลว ความจริงที่หานเซี่ยวสามารถระบุตำแหน่งเขาได้ง่ายๆเป็นหลักฐานว่าเขารู้มากกว่าที่พวกเขารู้มาก
ดังนั้นการประชุมนี้จึงถูกจัดขึ้น พูดง่ายๆ กู่หุ่ยอยากได้ข้อมูลของหานเซี่ยวเพิ่มนั่นเอง
หานเซี่ยวทำลายความสับสนขณะหลีกเลี่ยงคำถาม“ตำแหน่งผมถูกเปิดโปงแล้ว พวกมันอาจยังไม่รู้ว่าผมอยู่ไหน แต่พวกมันจะต้องส่งนักฆ่ามาเพิ่ม”
กู่หุ่ยขมวดคิ้ว แม้จะไม่พอใจกับคำตอบ เขาก็ต้องทำตามการนำของหานเซี่ยว
“งั้นคุณตั้งใจจะทำอะไร?”
“ไม่ต้องเล่นซ่อนหาอีกต่อไป ผมอยากเข้าร่วมปฏิบัติการครั้งต่อไป”
“มันอันตรายเกินไป!”กู่หุ่ยคัดค้าน“หากคุณเผยตัว นั่นจะเป็นการเปิดโอกาสให้พวกนั้นลงมือ”
หานเซี่ยวแกล้งไอออกมา
“เราสามารถคุยกันเพียงลำพัง?”
หัวหน้าแผนกทั้งสองลอบสบตากัน’เราดูไม่น่าเชื่อถือ?’
หานเซี่ยวกวาดตามองก่อนกระซิบ“ผมสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้”
กู่หุ่ยรู้สึกตกใจอย่างมาก
“คุณมีพลังพิเศษ?!”
หานเซี่ยวส่ายหัว
“ผมสามารถสร้างอุปกรณ์ที่ช่วยให้ผมเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ ดังนั้น พวกมันย่อมไม่มีทางหาตัวผมพบ
‘หน้ากากผิวหนัง?ไม่เลว’กู่หุ่ยคิด อย่างไรก็ตาม ฟังจากน้ำเสียงหานเซี่ยว สิ่งที่เขาเสนอควรจะเป็นอะไรที่ล้ำหน้ากว่าหน้ากากผิวหนังของแผนก13
“แม้คุณจะใช้หน้ากาก มันก็ยังเสี่ยงเกินไป ยังไงคุณก็ต้องถอดหน้ากากอยู่ดี”
มุมปากของหานเซี่ยวงอเล็กน้อย
“หน้ากากผมสะดวกกว่านั้น”
“เอาละ งั้นแสดงมันให้ผมดู แล้วผมถึงจะอนุมัติ”
มีเหตุผลสองประการที่ทำให้หานเซี่ยวต้องการทำเช่นนั้น อย่างแรก แน่นอน เพื่อค่าประสบการณ์ อย่างที่สองคือเขาไม่ต้องการอยู่ในเมืองหลวง นี่เป็นวิธีเดียวที่เขาจะสามารถมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ได้มากขึ้น
นับตั้งแต่ความพยายามลอบสังหารล้มเหลว หานเซี่ยวก็ใช้เวลาส่วนใหญ่คิดถึงการเคลื่อนไหวต่อไป
ฐานหุบเขาอีกาดำตั้งอยู่ใกล้กับชายแดนเฮสล่า 1ใน6ประเทศ มันเป็นฐานสำคัญที่แตกต่างจากฐานสามแห่งที่แผนก13จัดการไปก่อนหน้า ไม่เพียงแต่ระบบความปลอดภัยจะรัดกุม ผู้บัญชาการของฐานยังเป็นยอดมนุษย์!เขาเป็นที่รู้จักกันในนามวิญญาณดาบ พู่ กวง นักสู้ผู้ใกล้จะถึงระดับD
ใกล้กับหุบเขาอีกาดำคือจุดนัดพับสำหรับคนจรที่รู้จักกันอย่างหมู่บ้านอีกาดำ มันคือโซนเริ่มต้นนั่นเอง
หานเซี่ยววางแผนทำลายฐานหุบเขาอีกาดำเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เล่นใหม่จำนวนมากเข้าร่วมองค์กรต้นกำเนิดเพียงเพราะอยู่ใกล้กับจุดเกิด ความคิดนี้เกิดขึ้นเมื่อค้นพบตำแหน่งของกิลด์เทพเจ้า หลังจากนั้นเขาก็คิดแผนการนี้ขึ้นมาได้
มันไม่เพียงแต่จะเป็นการแก้แค้นหัวหน้าองค์กรต้นกำเนิด แต่ยังเป็นการจู่โจมที่ให้ผลกระทบร้ายแรงซึ่งมองไม่เห็นในอนาคตอันใกล้
หานเซี่ยวแสยะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์