ตอนที่ 62 การสกัดกั้น
ลู่เกอจากไปได้ไม่ถึงสองชั่วโมง นั่นหมายความว่าเขาต้องได้รับข้อมูลจากนอซ่า
เนื่องจากนอซ่าเข้ามาลอบสังหารเขาโดยตรง เขาก็ต้องมอบหมายให้ลู่เกอรายงานข้อมูลกลับไปยังองค์กร ลู่เกอย่อมไม่คิดว่าหานเซี่ยวจะรู้จักเขา ดังนั้นเขาจึงไม่รีบไปส่งข้อมูล ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น ด่านตรวจที่เขาใช้ย่อมเป็นอันที่ใกล้สุด-ด่านตรวจตะวันตกเฉียงเหนือ
อย่างไรก็ตาม มันยังเป็นไปได้ที่เขาจะใช้ด่านตรวจอื่น
ไม่มีทางที่จะบอกได้อย่างมั่นใจ
“เห้ หานเซี่ยว เรามาแล้ว นายเรียกเรามาทำไม?”
หลี่ย่าหลิน จางเหว่ย และแลมเบิร์ตมาถึง พวกเขาสามารถมาถึงได้ทันเวลาก็เพราะรถสปอร์ตสีเหลืองของหลี่ย่าหลิน
“ภารกิจฉุกเฉิน หนึ่งในสายลับขององค์กรต้นกำเนิดได้รับข้อมูลสำคัญไป มีโอกาสที่เขาจะยังไม่ออกนอกเมือง แต่เขาอาจอยู่ที่ใดก็ได้ในสามด่านตรวจ”
หลี่ย่าหลินลบรอยยิ้มขี้เล่นออกจากใบหน้าเธอเมื่อได้ยินความรุนแรงของสถานการณ์
“นายมีรูปเขาไหม?”เธอถาม
หานเซี่ยวหยิบเศษหนังสือพิมพ์รอบตัวเขาขึ้นมาและเริ่มวาดภาพคร่าวๆของลู่เกอจากความทรงจำแสนเรือนราง จากนั้นก็ดึงชายจรจัดข้างๆขึ้นมาและตะโกน“ดูนี่ มันเหมือนลู่เกอไหม?”
“ตาควรต่ำลงหน่อย..จมูกเขาคดเล็กน้อย..ผมสั้นกว่า..”
ด้วยความช่วยเหลือของชายคนนั้น หานเซี่ยวสามารถวาดภาพร่างของลู่เกอที่มีความคล้ายคลึง70-80% จากนั้นก็ส่งให้ทั้งสามและสั่ง“แยกกันไปและบอกเจ้าหน้าที่ให้จับตาดูคนๆนี้ไว้ หลี่ย่าหลินและผมจะใช้รถเธอไปยังทางเข้าที่ไกลสุด ส่วนพวกคุณก็ไปอีกสองแห่ง”
สีหน้าของจางเหว่ยเปลี่ยนไปเมื่อหานเซี่ยวมอบคำสั่งให้พวกเขา’นี่ฉันยังเป็นหัวหน้ากลุ่มอยู่รึเปล่า?’
อย่างไรก็ตาม เขาก็ปล่อยมันไปเพราะมันคือสถานการณ์ฉุกเฉิน
เมื่อพวกเขาแยกย้าย หานเซี่ยวก็กระโดดขึ้นที่นั่งคนขับทันที
“เห้ นั่นรถฉันนะ!”หลี่ย่าหลินบ่น“ฉันจะขับเอง”
“เธอขับช้าไป”
“นายไม่เชื่อใจทักษะการขับของสายลับชั้นนำ?!”หลี่ย่าหลินโกรธจนคิ้วขมวดแน่น น่าเสียดาย เธอรู้ว่าไม่มีเวลาให้เถียง ดังนั้นเธอจึงขึ้นที่นั่งคนขับอย่างไม่พอใจ
“รัดเข็มขัดด้วย”หานเซี่ยวเตือน
หลี่ย่าหลินกลอกตา“นายต้องล้อเล่นแน่ๆ ฉันเป็นนักสู้ ต่อให้นายขับเร็วแค่ไหนฉันก็ไม่เป็นไรหรอก”
“งั้นก็ระวังตัวด้วย”หานเซี่ยวตอบด้วยการพยักหน้าเรียบๆขณะเหยียบคันเร่ง
...
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถสปอร์ตสีเหลืองก็ปรากฏตรงทางเข้าทิศใต้ หลังหมุนเกือบครบวง รถก็ทิ้งรอยยางไหม้สีดำไว้บนพื้น
“อ้วกกกก-”
“เห้ เห้ ฉันคิดว่าเธอเป็นนักสู้ซะอีก”
“นาย...อย่าพูดกับฉัน—อ้วกก-”
หลี่ย่าหลินคลื่นไส้ไม่หยุดขณะเอนพิงประตูรถ
“ครึ่งชั่วโมง และอุบัติเหตุทางรถยนต์27...หรือ28ครั้ง?การหมุนของหัวฉันมากจนไม่อาจนับได้”
“ใครสอนนายขับรถกัน”
หานเซี่ยวเลิกคิ้ว
“ฉันต้องเรียนขับรถด้วยหรอ?”
“มะ-ไม่งั้นหรอ?”
“คนขับรถคนแรกก็ต้องมีคนสอนเขาด้วยรึไง?”
หลี่ย่าหลินอ้าปากค้างกับตรรกะของหานเซี่ยว เธอคิดเถียงเขากลับแต่อาการคลื่นไส้ก็ตีกลับมาอีกครั้ง ส่งผลให้เธอต้องโยนหัวไปด้านข้าง
“จริงหรอ?ฉันแค่ขับเร็วไปนิดหน่อยเอง”
“นิดหน่อย?คำว่า’เบรค’ยังมีในหัวของนายรึเปล่า!”
“เอาละ เอาละ หยุดเสียเวลากันได้แล้ว”
ขณะที่หลี่ย่าหลินพยายามลุกขึ้น เธอก็เสียสมดุลและเกือบล้มทับอาเจียนตัวเอง โชคดี หานเซี่ยวสามารถคว้าตัวเธอได้ทัน เขาส่ายหัว และเริ่มลากเธอไปพร้อมกับเขา
เมื่อพวกเขาเข้าใกล้ด่านตรวจ ทหารประจำการก็ร้องตะโกน“หยุด!แสดงบัตรประจำตัวออกมา!”
เมื่อหานเซี่ยวล้วกมือเข้าไปเพื่อหยิบบัตรยืนยัน สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเพราะเขาลืมนำพวกมันมาด้วย โดยไม่ต้องขอ เขาเอื้อมไปในกระเป๋าของหลี่ย่าหลินเพื่อหาบัตรเธอ
กระเป๋าบน..ไม่มี
กระเป๋าล่าง...ไม่มี
“บัตรผ่านเธออยู่ไหน?”เขาถาม
ด้วยความที่หลี่ย่าหลินยังคงวิงเวียนเกินกว่าจะคิดได้ หานเซี่ยวจึงควานหาบนตัวเธอต่อ
‘ฉะ-ฉันถูกฉวยโอกาส?!’
“อ่า!เจอแล้ว”หานเซี่ยวร้องดีใจ จากนั้นก็ส่งบัตรผ่านให้ทหารยามที่กำลังกลืนน้ำลายกับภาพตรงหน้า
“โอ้ พวกคุณคือสายลับ เข้ามาเลยครับ”
เมื่อหานเซี่ยวก้าวไปข้างหน้า เขาก็พบว่าหลี่ย่าหลินยังคงยืนนิ่งและจ้องมองเขาอย่างอาฆาต
“มีอะไร?เร็วเข้า”
หลี่ย่าหลินสูดหายใจลึกเพื่อสงบสติลง
“เอาบัตรฉันคืนมา”เธอกล่าวเสียงแข็ง
“ทำไมถึงจู้จี้นัก?”หานเซี่ยวตอบอย่างหมดความอดทน จากนั้นก็เดินกลับไปหาเธอและสอดบัตรกลับไปยังกระเป๋าด้านหลังเธอ(กระเป๋าตูด)
ดวงตาของหลี่ย่าหลินเบิกกว้าง
‘ฉะ-ฉันถูกเอาเปรียบอีกแล้ว?!’
จากนั้นหานเซี่ยวก็มุ่งหน้าไปยังทหารยามผู้รับผิดชอบตรวจภาพร่างของลู่เกอ
“โปรดรอสักครู่ ระบบกำลังทำการสแกนครับ”
หลี่ย่าหลินเดินเข้าป้อมตรวจไปด้วยริมฝีปากกัดแน่น วิธีที่หานเซี่ยวแสดงกับเธอดูเหมือนจะไม่มีเจตนาร้ายอะไรเลย เช่นนั้น เธอจึงคิดอย่างยากลำบากแม้จะโกรธเขาก็ตาม เธอไม่มีความสุขเอามากๆ ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอยังคงจ้องเขาเขม็ง
...
การทำงานของลู่เกอให้องค์กรข่าวกรองเป็นที่รู้จักกันในฐานะเนตรพายุ หนึ่งในหลายกลุ่มย่อยภายใต้ปีกขององค์กรต้นกำเนิด
ในเมืองส่วนใหญ่ เนตรพายุคือ’หัวเรือใหญ่’ที่รับผิดชอบการส่งข้อมูลกลับให้องค์กรต้นกำเนิด รวมถึงสายลับแอบแฝงหลายคนที่รวบรวมข้อมูลและส่งกลับไปยังสำนักงานใหญ่
หนึ่งในสายลับของลู่เกอรายงานว่าเห็นคนที่ตรงกับคำอธิบายของซีโร่ในเขต7 ด้วยความที่ยังไม่ชัดเจนนัก ลู่เกอก็ค้นพบหลังตรวจสอบหลายครั้งว่าพื้นที่ในเขต7ดูเหมือนจะถูกปิดล้อมและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดโดยแผนก13 มันมีความเป็นไปได้มากว่าซีโร่จะซ่อนตัวอยู่
หลังพบว่าการส่งสัญญาณออกนอกเมืองถูกบล็อค เขาก็ตระหนักว่าแผนก13ต้องได้กลิ่นเขาจากที่ไหนสักแห่ง ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจออฟไลน์และแยกชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์เพื่อป้องกันการถูกติดตามก่อนมุ่งตรงไปยังทางออกเมือง
ในปัจจุบัน ลู่เกอผสานตัวเข้ากับฝูงชนที่ทางเข้าเมืองแห่งหนึ่ง
‘นอซ่าต้องทำการลอบสังหารเสร็จแล้วเป็นแน่’
ทันใดนั้น ประตูรั้วเหล็กขนาดใหญ่ตรงหน้าเขาก็ปิดลง
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ทำไมเราถึงถูกหยุด?”
“เรามีคำสั่งให้ปิดทางออกชั่วคราว”ทหารคนหนึ่งประกาศ
‘ทำไมพวกเขาถึงปิดประตู?!’ลู่เกอตกใจ’นอซ่าล้มเหลว?’
เขาระวังตัวมาตลอดและไม่เคยถูกค้นพบ
“คนนั้น!”
ทันใดนั้นเสียงก็มาจากด้านหลังทำให้ลู่เกอหันไปมอง มีกองทหารจำนวนหนึ่งกำลังเดินมาทางเขาอย่างน่ากลัว เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายก็คือเขา
‘เป็นไปไม่ได้!’
ลู่เกอกวาดตามองเพื่อหาทางหลบหนี แต่มันก็สายเกินไป ไม่เพียงแต่เขาจะถูกล้อมไปด้วยฝูงชน แต่ยังมีกองทหารจำนวนมากในบริเวณใกล้เคียง เมื่อความสิ้นหวังครอบงำ เขาจึงยอมให้ทหารกดเขาลงกับพื้นโดยไม่ต่อต้าน
เมื่อหานเซี่ยวมาถึง เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เรามาได้ทันเวลาพอดี”
“นายพูดจริง!”หลี่ย่าหลินประหลาดใจ
“พวกแกรู้ได้ยังไงว่ามันเป็นฉัน?”ลู่เกอถามพลางยกหัวมองหานเซี่ยว
หานเซี่ยวมองกลับ ในกาแล็กซี่ ลู่เกอคือผู้ติดต่อหลักสำหรับผู้เล่นที่เป็นพันธมิตรองค์กรต้นกำเนิดในเมืองหลวงตะวันตก
ด้วยความที่ลู่เกอถึงชะตาแล้ว เขาจึงตัดสินใจใช้ถุงพิษที่เก็บไว้ในฟัน เขาอยากตายมากกว่าเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรที่เขาอุทิศชีวิตให้
ทันนั้น หานเซี่ยวก็ดึงปืนพกออกมาเพื่อยิงหัวลู่เกอ ส่งผลให้เศษสมองกระจายออกมา
ท่านได้ฆ่าลู่เกอ(ระดับ12) ได้รับค่าประสบการณ์3500หน่วย
หานเซี่ยวยกปืนขึ้นเพื่อเป่าควันจากปากกระบอกปืน
‘หากแกอยากตาย อย่างน้อยก็ให้ค่าประสบการณ์ฉันหน่อย’
“ทำไมนายถึงฆ่าเขา?”
หลี่ย่าหลินตกตะลึงกับการลงมืออย่างฉับพลันของหานเซี่ยว เห็นได้ชัดว่าแผนก13สามารถดึงข้อมูลสำคัญได้จากเขา
“มีพิษเก็บอยู่ในฟันเขา เล็บเขาและแม้กระทั่งเข็มบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในเสื้อผ้าเขา เราไม่อาจหยุดเขาจากการฆ่าตัวตายได้”
หานเซี่ยวส่ายหัว
ไม่ว่าจะยังไง การตายของลู่เกอก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไรนัก เขามีข้อมูลทั้งหมดที่เขาต้องการอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม สิ่งต่างๆก็เริ่มเลวร้ายลง
‘ดูเหมือนว่าฉันต้องทำทุกอย่างให้เร็วขึ้น’เขาคิด