ตอนที่ 35: ก่อนฟ้าสาง
ตอนที่ 35: ก่อนฟ้าสาง
เฮเซคียาห์นอนนิ่งบนเตียงในห้องรับรองแขกในบ้านของโซเฟีย หน้าต่างห้องเปิดอยู่ ลมเย็นๆ โชยเข้ามาทางหน้าต่าง พัดพาม่านลายลูกไม้ให้พลิ้วไหวเบาๆ แสงจันทร์นวลตาทอดเป็นลำมาที่ปลายเท้า สายตาของเฮเซคียาห์เลื่อนจากปลายเท้าไปมองบรอธที่ลอยตัวอยู่เหนือร่างของเขา
“ฉันขอทดลองอีกครั้ง” เขาบอกกับบรอธแล้วหลับตาลง
“อธิบาย: โหมดที่ปรึกษาส่วนตัวเปิดใช้งาน” เสียงของบรอธดังเข้าหู
เฮเซคียาห์รับรู้ว่าร่างกายของเขาร้อนซ่าน และฉับพลันความมืดจากการหลับตาลงหายวับ เขาพบว่าตัวเขาเสมือนมายืนอยู่หน้าผู้ใช้เศวตศาสตราหญิงคนหนึ่ง แต่เธอไม่รู้สึกถึงตัวตนของเขา เมื่อเขายกมือสองข้างของตัวเองขึ้นขณะทอดสายตาลงต่ำ เขาก็ไม่พบอะไรทั้งนั้นด้วย เพราะมีเฉพาะจิตของเขาที่มาอยู่ต่อหน้าหญิงสาว
เฮเซคียาห์หัวเราะออกมาเบาๆ และเขาจ้องมองผู้ใช้เศวตศาสตราสาวตรงหน้าที่สะดุ้งสุดตัว เธอปิดหนังสือในมือและมองไปรอบห้องพักอย่างแปลกใจระคนกังวลใจ
“สงสัยหูฝาด” เธอพึมพำ ค่อยๆ ผ่อนคลายลง และเปิดหน้าหนังสือออกอ่านต่อ
“เปิดโหมดผู้บงการ” เฮเซคียาห์แย้มยิ้ม
ฉับพลันเขารับรู้ได้ถึงอุณหภูมิที่อบอุ่นขึ้น เพราะตอนนี้จิตของเขาย้ายมาอยู่ในร่างของหญิงสาวที่เขาเฝ้าดูอยู่ เธอตั้งค่าเครื่องทำความร้อนไว้ที่อุณหภูมิสูง ทางเฮเซคียาห์ใช้ฐานะผู้บงการของเขาชักใยให้ร่างบางอรชรลุกขึ้น และเดินไปที่ห้องครัว เขาบังคับให้เธอหยิบกาน้ำชามารินใส่ถ้วย และควบคุมมือของเธอหยิบถ้วยชามาจิบ
รสชาติของชาในปากของหญิงสาว และสัมผัสของของเหลวที่เคลื่อนที่ผ่านหลอดอาหารของเธอ ไม่ต่างจากที่เฮเซคียาห์ได้รับในเวลาปกติเมื่อเขาควบคุมร่างกายของตัวเอง
“อู้ยยย” เขาคราง ยกมือขึ้นแตะหน้าท้อง
“รายงาน: ความเจ็บปวดจากอาการปวดประจำเดือน ทำให้ทุเลาลงได้ด้วยถุงประคบร้อน ยาพาราเซตามอล ดื่มน้ำอุ่น...” บรอธร่ายวิธีการที่ดีต่อร่างกายของหญิงสาวอย่างต่อเนื่อง เสียงของมันดังในห้วงความคิดของเฮเซคียาห์
ระหว่างที่เฮเซคียาห์อยู่ในโหมดผู้บงการ เขาจะไม่เห็นบรอธ แต่ยังได้ยินเสียงของบรอธ
“วิธีรักษาอาการบ้านี่คงไม่จำเป็น เอาล่ะ ไหนลองดูซิว่าถ้าฉันอยู่ในร่างของเธอ ฉันจะใช้เศวตศาสตราของเธอได้ใช่หรือเปล่า” เฮเซคียาห์กุมท้องของหญิงสาว หายใจฟืดฟาด เขาหมุนกายมองไปที่โต๊ะสำหรับนั่งรับประทานอาหาร เศวตศาสตราของหญิงสาวถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะ มันถูกรวมกับตุ๊กตาตัวเล็กๆ จำนวนมากซึ่งเจ้าของห้อยเอาไว้กับกระเป๋าสตางค์สีน้ำตาล
“ดวงไฟจงลุกโชน” เฮเซคียาห์พูดกับเศวตศาสตราขณะหยิบมันขึ้นมา
ไฟสีแดงฉานลุกโชติช่วงรอบเศวตศาสตราแต่ไม่ร้อนมือที่ถืออยู่ และไฟไม่ไหม้ตุ๊กตาห้อยกระเป๋าสตางค์หรือตัวกระเป๋า
“ดวงไฟสีน้ำเงิน วงกลมมฤตยู” เฮเซคียาห์จำได้ว่าเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ใช้เศวตศาสตราของเธอแบบนี้ให้มัลคอมดู แต่ความสามารถของเธอเป็นหนึ่งในความสามารถที่มัลคอมขโมยได้ไม่สำเร็จเมื่อเช้าวันต่อสู้กับพวกมัสติน ดวงไฟของเธอจึงไม่ถูกใช้ในความต่อสู้คราวนั้น
“เยี่ยมไปเลย ดีจริงๆ” เฮเซคียาห์หัวเราะ เศวตศาสตราในมือโอบล้อมด้วยไฟสีน้ำเงิน และยังมีดวงไฟอีกหลายสิบดวงปรากฏขึ้นด้านหน้าของร่างกายที่เฮเซคียาห์บงการอยู่ โดยดวงไฟเรียงตัวกันเป็นวงกลม
“อ๊ะ!” เฮเซคียาห์อุทาน ทัศนียภาพของเขาแปรเปลี่ยน ดวงจิตของเขาหลุดจากผู้ถูกบงการ ตอนนี้เขาหมดสิ้นสถานะผู้บงการ
โหมดการทำงานของบรอธในเวลานี้ทำงานอยู่เพียงแค่โหมดที่ปรึกษาส่วนตัว
“อะไร? ฉันทำอะไรอยู่” หญิงสาวที่เฮเซคียาห์เชื่อมโยงจิตกับเธอและได้ลองบงการดูนั้นเกิดอาการสับสน
เธอกำมือของตัวเองรอบเศวตศาสตราให้แน่นขึ้น ไฟสีน้ำเงินดับลง
“บ้าจริงๆ เลย ปวดท้องจัง” เธอยกมือขึ้นกุมท้องน้อย แล้วหมุนกายเดินกลับไปรินน้ำชามาจิบ ไม่มีท่าทีกังวลถึงช่วงเวลา 5 นาทีที่หายไปจากชีวิต
ทางด้านเฮเซคียาห์ เขาพอใจแล้วกับการทดลองครั้งนี้ ดังนั้นจึงมองขึ้นไปบนเพดาน หลับตาลง ซึ่งการหลับตานี้ไม่ใช่การหลับตาจริงๆ แต่เป็นการปิดการเชื่อมต่อกับผู้ที่เขาเลือกไว้ และหลังจากนั้นเขาคิดในสมองว่าเขาต้องการลืมตาจริงๆ ของตัวเองเพื่อตื่นขึ้นจากภวังค์
เปลือกตาจริงๆ ของร่างเนื้อมีการตอบสนองกับความคิดอยากลืมตาของเขา เฮเซคียาห์รู้สึกถึงเปลือกตาที่มีน้ำหนัก เขาค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมา และพบว่าเขายังนอนอยู่บนเตียงในห้องของโซเฟีย
บรอธยังลอยอยู่เหนือร่างของเขา
“ตกลงว่าถ้าฉันอยู่ในร่างกายของอีกฝ่ายตอนที่เขาบาดเจ็บ ฉันก็จะเจ็บด้วยสินะ และการใช้เศวตศาสตราของคนอื่นตอนอยู่ในร่างของพวกเขาก็สามารถทำได้ด้วย” เฮเซคียาห์รำพึงกับบรอธ แต่บรอธไม่ตอบเขา ซึ่งนั่นคงแปลได้ว่าทุกอย่างที่เฮเซคียาห์เข้าใจถูกต้องแล้ว
“น่าเสียดาย ฉันไม่สามารถทำแบบเดียวกันกับชาวมัสตินได้” เฮเซคียาห์ลุกขึ้นมานั่ง “กับเมเดียนก็ไม่ได้ ได้แต่เฉพาะกับพวกผู้ใช้เศวตศาสตราด้วยกันเอง”
บรอธพาตัวเองไปวางลงบนโต๊ะหัวเตียง เฮเซคียาห์ชำเลืองมองมันแวบหนึ่ง และทิ้งตัวลงนอนหงายบนเตียงอีกครั้ง ถอนหายใจยาว
เขาคิดถึงมูนนี่ แต่พอลองสั่งบรอธให้ใช้โหมดที่ปรึกษาส่วนตัวกลับพบว่าไม่สามารถเชื่อมโยงจิตไปหามูนนี่ได้ บรอธได้อธิบายว่าการเชื่อมโยงจิตจะทำได้ในรัศมี 50 กิโลเมตรเท่านั้น มูนนี่คงอยู่ไกลออกไปมากกว่านั้น
“บางทีฉันควรติดต่อหาซาแมนต้า เธออาจยินดีรับฝากข้อความไปหามูนนี่” เฮเซคียาห์เก็บอุปกรณ์สื่อสารแบบใช้ได้ครั้งเดียวที่ซาแมนต้าทิ้งไว้ให้ไว้ในโต๊ะหัวเตียง เขาคิดลังเลมาตลอดเรื่องจะใช้หรือไม่ใช้มันตั้งแต่กลับมาถึงเซนต์กิลเจน
ก๊อก ก๊อก...
ประตูห้องนอนแง้มเปิด เมเดียนโผล่หน้าเข้ามา มือกดสวิตซ์ไฟทำให้ทั้งห้องสว่างไสว
“ปิดหน้าต่าง เปิดเครื่องทำความร้อน แล้วรีบนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า” เมเดียนเอ็ด แล้วเขาปิดประตูตามหลังดังโครม
“ให้ตายเหอะ ไม่ปิดไฟให้อีก” เฮเซคียาห์หยิบหมอนมาปิดหน้า พลิกกายนอนตะแคง
เขาใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะงัดตัวเองขึ้นมานั่งได้ และเดินไปปิดสวิตซ์ไฟเอง ส่วนหน้าต่างก็เปิดไว้ และกลับไปที่เตียงโดยไม่สนใจเรื่องอุณหภูมิที่ค่อนข้างเย็น เพราะเขามีความรู้สึกสบายตัวที่ระดับอุณหภูมินี้
“ฝันดี บรอธ” เฮเซคียาห์คุยกับบรอธ ตลบผ้านวมขึ้นคลุมศีรษะ
เขาหลับไปอย่างรวดเร็ว ไม่รับรู้ว่าบรอธค่อยๆ ลอยตัวของมันขึ้นและบินออกไปข้างนอกผ่านทางหน้าต่างที่เปิดเอาไว้
เฮเซคียาห์สะดุ้งตื่นจากฝันร้าย เขาลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับหอบหายใจแรง เหงื่อแตกพลั่กๆ มือจับผ้านวมออกจากร่างแล้วลุกไปเปิดไฟ สายตามองไปรอบตัวด้วยความตระหนก ก่อนจะถอนหายใจยาวเมื่อตั้งสติได้ว่าเขาอยู่ในห้องนอนจริงๆ ไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายไปไหนระหว่างหลับลงไป
มือของเฮเซคียาห์แตะบนคอของเขา เขาฝันว่าคอของเขาถูกแยกออกไปจากร่าง
“ตีห้าครึ่ง” บรอธส่งเสียงมาจากข้างหน้าต่าง
“โอ้! หิมะตก” เฮเซคียาห์ขยับมาตรงหน้าต่าง มองออกไปด้านนอก ปุยขาวของหิมะแรกโปรยลงมาจากฟ้าอย่างเชื่องช้า เมื่อมองลงไปที่ถนน หิมะบางส่วนกองอยู่แล้ว พื้นบางจุดเปียกชุ่มเพราะหิมะที่หล่นถึงพื้นบางส่วนได้ละลายลงไป เฮเซคียาห์สูดอากาศเย็นเข้าปอด แล้วเหยียดกายบิดขี้เกียจ
“นัดทุกคนไว้หกโมงครึ่ง ตั้งแกให้ปลุกฉันตอนหกโมง แต่ดันตื่นตั้งแต่ตีห้าครึ่ง” เฮเซคียาห์ออกกำลังกายเบาๆ ด้วยการเหวี่ยงแขนข้ามศีรษะ ซ้ายที ขวาที เขาต้องการตื่นตัวและกระปรี้กระเปร่า
“รีบแต่งตัวเถอะ เกราะคุ้มกันชั้นที่สองจะแตกลงในวันนี้ ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า” บรอธลอยขึ้นมาตรงหน้าเฮเซคียาห์
“วะ ว่ายังไงนะ” ชายหนุ่มตกใจ
“เมื่อวานนี้มีกำลังสมทบส่งมาจากทั้งเขตการปกครองที่ 1 และ 3 พวกเขาโหมจัดการส่งพลังเพื่อจัดการเกราะจากภายนอกตลอดคืน เป้าหมายของพวกมัสตินตอนนี้ไม่ใช่แค่ทำลายหมู่บ้านนี้แล้ว แต่พวกมันต้องการตัวเมเดียนกลับไปด้วย” บรอธทำให้เฮเซคียาห์อ้าปากค้าง
“จับตัวเมเดียน?”
“คำสั่งของเจ้าชายเฮเซเคียว เขาสนใจพลังของเมเดียนมาก และขณะเดียวกันเขามองว่าเป็นเรื่องอันตรายที่มนุษย์กลายพันธุ์เที่ยววิ่งเล่นไปทั่วโดยไม่มีสังกัด จากข่าวที่ฉันได้เมื่อคืน ดูเหมือนลูกและหลานของเมเดียนถูกจับขังเป็นตัวประกันอยู่ในพื้นที่ซึ่งฝังเครื่องมือแทรกแซงการเทเลพอร์ตของตัวเมเดียนเอง เมเดียนจะเทเลพอร์ตไปช่วยพวกเขาก็คงไม่ได้ เจ้าชายเฮเซเคียวทำแบบนี้เพราะต้องการให้เมเดียนละมือจากการปกป้องที่นี่และตามเอ็กซัสกลับไป”
“เมเดียน! เขารู้เรื่องนี้แล้วหรือยัง”
“นายไปบอกเขาสิ”
“ให้ตายสิ แกรู้เรื่องทั้งหมดตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่รีบปลุกฉัน” เฮเซคียาห์กระโจนไปเปิดประตู และตรงไปเคาะประตูห้องนอนของเมเดียนอย่างบ้าคลั่ง
เมเดียนเปิดประตูให้กับเขาด้วยใบหน้าปกติ ดูไม่เหมือนเพิ่งตื่นนอน
“ยังพอมีเวลาอยู่บ้าง ไม่ขี้เซาอยู่บนเตียงสักหน่อยล่ะ” เมเดียนเหลือบสายตามองไปทางนาฬิกาตั้งโต๊ะทางอีกด้านหนึ่งของห้องซึ่งเฮเซคียาห์สามารถมองเห็นได้เช่นกันจากทางหน้าประตู
เฮเซคียาห์เบียดตัวเข้าไปหาเมเดียน ปากละล่ำละลักเล่าสิ่งที่ฟังมาจากบรอธ
“จริงเหรอ?” เมเดียนมองไปทางบรอธ สีหน้าและแววตาเปลี่ยนเป็นตึงเครียด “นี่มันถึงขนาดจับพวกลูกกับหลานของฉันขังคุกเลยอย่างนั้นเหรอ”
“เมื่อคืนฉันไปสืบข่าวที่เมืองหลวงมาแล้ว เป็นความจริง”
“ไปสืบข่าวที่เมืองหลวง?” เฮเซคียาห์งุนงง สงสัยว่าบรอธแค่พูดไป หรือหมายความตามนั้นจริงๆ
เมืองหลวงน่าจะไกลจากหมู่บ้านเซนต์กิลเจนพอสมควร
“ฉันรับรู้ได้ว่าชาวมัสตินจำนวนมากกำลังพุ่งมาที่นี่ เลยบินออกไปที่กระโจมของพวกเขาเพื่อสืบข่าวดูสักหน่อย ได้แอบฟังแผนของพวกเขา ที่ว่าพวกเขาจะประกาศกับเมเดียนให้ยอมแพ้ตอน 7 โมงเช้าวันนี้...”
เฮเซคียาห์เหลือบมองนาฬิกาในห้องเมเดียน อีก 15 นาทีจะ 6 โมงเช้า
“...ฉันอยากตรวจสอบให้แน่ใจว่าเมเดียนจะเทเลพอร์ตไปช่วยคนของเขาไม่ได้แน่อย่างที่พวกมัสตินคุยกัน แต่ไลฟ์ควอตซ์มีคลื่นพลังงานรบกวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงของฉัน ฉันเลยรีบเดินทางไปที่เมืองหลวงด้วยเครื่องเคลื่อนย้ายมวลสารสำหรับจัดส่งพัสดุภัณฑ์...” บรอธเล่าเรื่องที่เฮเซคียาห์คิดไม่ถึงว่ามันจะคิดเอง ทำเอง เล่นเอาเฮเซคียาห์หน้าเหวอ
“...แล้วก็พบว่าทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมไว้ เมเดียนหายตัวไปยังที่คุมขังลูกและหลานของเขาไม่ได้เพราะอุปกรณ์ที่ถูกปรับแต่งให้แทรกแซงการเทเลพอร์ตของตัวเขาเอง และต่อให้เขาเทเลพอร์ตไปใกล้ที่นั่นและบุกเข้าไปเอง เขาเทเลพอร์ตหนีออกมาไม่ได้ ก็จะติดกับดักอื่นๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หนีออกมาเองให้สำเร็จไม่ได้แน่” บรอธอธิบายฉอดๆ
เฮเซคียาห์ยกมือขึ้นจะฉวยบรอธมา แต่มันหลบมือของเขา
“ทำไมไม่รีบปลุก! แล้วนี่แกเป็นของของฉัน หรือแกเป็นสัตว์ไม่มีเจ้าของกันแน่ แอบออกไปตอนกลางคืนไม่มีบอกกล่าว” เฮเซคียาห์ตวาดบรอธอย่างหัวเสียหลังจากได้ฟังคำรายงานของมันทั้งหมด
“ฉันก็ร้อนใจไม่แพ้เธอ แต่ว่าบรอธต้องมีเหตุผล บรอธอุตส่าห์เดินทางทั้งคืนไปมาระหว่างเมืองหลวงกับเซนต์กิจเจน” เมเดียนจับไหล่ของเฮเซคียาห์ไว้ทางด้านหลัง แล้วก้าวมายืนข้างเฮเซคียาห์ “บรอธ ทำไมไม่รีบปลุก”
“ทุกคนต้องการการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ไม่เช่นนั้น พวกเขาจะไม่พร้อมในการต่อสู้วันนี้”
“สู้เหรอ? ได้แน่นะ? พวกมัสตินแห่มา” น้ำเสียงของเมเดียนคาดคั้นเอาคำตอบ
“แน่นอน เราสามารถเอาชนะได้” บรอธตอบเชิงพรรณนา ไม่ได้ให้ข้อมูลเป็นตัวเลข
“แน่นะ” เฮเซคียาห์ไม่ไว้ใจบรอธ “แกพูดมาให้หมด แกคิดอะไรไว้ เราจะชนะได้ยังไง โอกาสชนะกี่เปอร์เซ็นต์”
“พวกเราหมายถึงฉัน เมเดียน และนายด้วย คีห์” บรอธทำให้คำตอบมีความชัดเจนขึ้น “ส่วนคนอื่นไม่ได้เรียกว่าสามารถเอาชนะพวกมัสตินได้ แต่พวกเขาสามารถเอาชีวิตรอดได้ การอพยพจะต้องถูกทำให้เกิดขึ้นเร็วที่สุด การที่พวกนายจะเอาชนะเกมนี้ได้คือการจับเอ็กซัสไว้ได้ เมื่อจับเอ็กซัสไว้ได้แล้ว โอกาสที่ชาวบ้านทั้งคนปกติและผู้ใช้เศวตศาสตราจะหนีรอดโดยไม่เกิดการสูญเสียชีวิต 99.99%”
“โว้ย!!!” เฮเซคียาห์ส่งเสียงออกมาอย่างระบายอารมณ์ เขาเครียดเมื่อคิดถึงสิ่งที่ต้องออกไปเผชิญวันนี้
ถึงเหตุการณ์ที่คาดหวังจะมีโอกาสเกิดขึ้นสูง แต่มันไม่ได้เกิดจากการเนรมิตขึ้น หรือลอยๆ อย่างเหตุการณ์ในฝัน
ทั้งเฮเซคียาห์ เมเดียน และผู้ใช้เศวตศาสตรา รวมถึงทุกคนในหมู่บ้าน ล้วนต้องมีส่วนร่วมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกัน โอกาสประสบความสำเร็จในการอพยพอาจสูง แต่ถ้าปัจจัยแวดล้อมเปลี่ยนไป ตัวเลขที่บรอธคำนวณมาได้ก็เปลี่ยนไปได้ เฮเซคียาห์มีประสบการณ์มาก่อนทั้งจากการต่อสู้กับมูนนี่และเมเดียน
เมเดียนมองบรอธ
“พวกลูกๆ กับหลานๆ ฉันปลอดภัยดีใช่ไหม พวกเขาไม่ได้ถูกทรมานใช่หรือเปล่า” ใจของเมเดียนไม่อาจจดจ่ออยู่กับการเอาตัวรอดของคนในหมู่บ้านเซนต์กิลเจนเพียงอย่างเดียว
“พวกเขาปลอดภัย และไม่มีท่าทีตื่นกลัว”
“เธอไม่ได้คุยกับพวกเขาเลยเหรอ” น้ำเสียงของเมเดียนแฝงความกังวล มือของเขาสองข้างกำแน่น
“บรอธเป็นเศวตศาสตรา ถ้าออกไปให้พวกเขาเห็น พวกเขามีแต่จะสาปแช่ง และไม่มีวันหรอกที่พวกเขาจะพูดกับบรอธ” บรอธตอบคำถามของเมเดียนด้วยตัวของมันเอง
“แล้วฉันจะช่วยพวกเขาได้ยังไง” เมเดียนดูหวังพึ่งพาความช่วยเหลือจากบรอธ “ถ้าฉันไม่ยอมศิโรราบให้กับพวกมัสติน...”
เฮเซคียาห์มองไปที่บรอธอย่างคาดหวังคำตอบเช่นกัน ก่อนหน้านี้มันบอกแต่ให้เขากับเมเดียนต่อสู้
“วิธีน่ะมี ฉันจะบอกให้รู้ แต่คุณต้องปฏิเสธการมอบตัวเองให้กับพวกมัสตินเช้านี้ และเชื่อฟังทุกอย่างที่คีห์บอกให้คุณทำ แม้ว่าสิ่งที่คีห์บอกคุณจะไม่ได้เป็นสิ่งที่มาจากฉันก็ตาม”
เฮเซคียาห์จ้องมองบรอธ สีหน้าตื่นตระหนก
“เด็กนี่? ทำไมฉันต้องเชื่อ? เชื่อได้เหรอ?” เมเดียนกำมือขึ้นหลวมๆ ขึ้นมาตรงหน้า โยนมือพลางชี้นิ้วโป้งไปทางเฮเซคียาห์ด้วยความเป็นกังวล
“เชื่อเขาก็พอ!” บรอธรวบรัดสรุปความสั้นๆ
“คุณแสดงออกมาตลอดว่าจะเชื่อที่บรอธบอก ตอนนี้ก็ช่วยเชื่อมันด้วย” เฮเซคียาห์กอดอก มองหน้าเมเดียนที่ดูมีสีหน้าสับสน
“เธอไม่น่ามีใจอยากช่วยฉัน...”
“ก็จริงที่ว่าผมเป็นคนไร้น้ำใจ” เฮเซคียาห์โคลงศีรษะ “แต่ผมไม่ชอบที่เฮเซเคียวเป็นคนสั่งการ ทั้งให้ขังลูกและหลานของคุณ ให้คนมาเอาตัวคุณไป และผมเชื่อว่าสิ่งที่เขาทำไม่ใช่พระประสงค์ของเสด็จแม่ ดังนั้นผมจะช่วยผม และถ้าบรอธบอกว่าผมช่วยคุณได้ ก็ให้เชื่อมันด้วย คุณก็มีจุดยืนมาตลอดนี่ว่าคำพูดของบรอธเชื่อถือได้”
เมเดียนกะพริบตาปริบๆ ดูไม่ค่อยสบายใจอยู่ดี
“เทเลพอร์ตผมไปที่ศาลาว่าการฯ เราต้องรีบเตรียมตัวให้พร้อมสู้กับพวกมัสติน” เฮเซคียาห์เสียงกร้าวเร่งเร้าเมเดียน เมื่อชาวมัสตินเตรียมพร้อมเข้าโรมรันนอกเกราะคุ้มกัน เวลาไม่ควรถูกพวกเขาปล่อยให้ผ่านไปอย่างไร้ค่าแม้แต่วินาทีเดียว