CLS ตอนที่ 35 สังหารต่อเนื่อง!
#35: สังหารต่อเนื่อง!
เผชิญหน้ากับยามของตึกเทียนฟงนับไม่ถ้วน เขาไม่กลัวแม้แต่น้อย เขายกกระบี่หนักในมือขึ้นขวาง คั่นกลางระหว่างเขาและยามจำนวนมาก! สายตาเย็นชาของเขากวาดมองไปยังผู้คนรอบๆ เขาอยากจะเห็นจริงๆ ว่าใครจะเข้ามาเป็นคนแรก!
“เจ้ายังกล้าต่อต้าน! เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าได้สังหารศิษย์นิกายต้วนเสิ่นไป ยอมเชื่อฟังและให้พวกข้าจับซะดีๆ ไม่อย่างนั้นตำหนักเทียนเฉวียนของเจ้าจะต้องถูกดึงเข้ามาพัวพันด้วย!” เหลียงเทียนเฉิงใช้ตำหนักเทียนเฉวียนเพื่อให้อี้เทียนหยุนเชื่อฟัง
อิทธิพลของตำหนักเทียนเฉวียนจำกัดนักเมื่อเทียบกับนิกายต้วนเสิ่น ถ้าเกิดมีเรื่องกันขึ้นมา เป็นธรรมดาที่ตำหนักเทียนเฉวียนจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เขารู้ว่าอี้เทียนหยุนเป็นคนของตำหนักเทียนเฉวียน จึงใช้จุดนี้มาขู่เขา
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะเล่นลิ้นได้เก่งจริงๆ นะ มันฆ่าข้าได้ แต่ข้าฆ่ามันไม่ได้อย่างงั้นเหรอ!” อี้เทียนหยุนพูดอย่างดูถูก “ช่างเป็นเรื่องเหลวไหลอะไรขนาดนี้ คิดจะพึ่งพิงอิทธิพลของตน คิดว่าตัวเองร้ายกาจนักหรือไง?”
“เจ้า? ถ้าเจ้ายอมจำนนแต่โดยดี ตำหนักเทียนเฉวียนของเจ้าจะไม่ถูกลากมาพัวพัน ยอมให้พวกข้าจับเจ้าไปส่งคนของนิกายต้วนเสิ่นซะดีๆ!” เหลียงเทียนเฉิงโมโห เป็นแค่เด็กคนหนึ่งกล้ามาดูถูกเขาต่อหน้า? เขาเป็นถึงเจ้าตำหนัก คนที่นั่งตำหนักเจ้าตำหนักได้ย่อมไม่ธรรมดา
“เจ้าตำหนักเหลียง ท่านช่างมีความสามารถจริงๆ ต่อให้เป็นขุมกำลังชั้น 3 ก็ยังไม่กล้าพูดอย่างนี้ ตอนนี้ท่านเป็นตัวแทนของนิกายต้วนเสิ่นอย่างงั้นเหรอ?” ฉินเสวี่ยพูดออกมาอย่างเย็นชา เธอเห็นทุกอย่างตั้งแต่เริ่ม เป็นฝ่ายนิกายต้วนเสิ่นต่างหากที่ผิด ตอนนี้ยังกล้ามาขู่ตำหนักเทียนเฉวียนของเธอ ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจอย่างแรง
ขุมอำนาจของตำหนักเทียนเฉวียนค่อนข้างต่ำ แต่ศิษย์ที่แต่งออกไปมีมากมาย มีหลายคนที่แต่งให้กับขุมอำนาจชั้น 3 ไม่ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่อะไร ก็จะมีขุมอำนาจจากภายนอกยื่นมือเข้าช่วย ยังไงก็ตาม ถ้าเป็นเรื่องธรรมดาพวกเขาจะไม่ยื่นมือมา มีเพียงช่วงเป็นตายเท่านั้นที่จะใช้ความสัมพันธ์นี้
ถึงยังไงคนที่แต่งออกไปก็ไม่ใช่ตัวแทนของขุมอำนาจนั้น แต่ยังไงก็ถือว่าเป็นคนของสำนัก ดังนั้นจึงพอจะติดต่อขอความช่วยเหลือได้อยู่
ดังนั้น แม้ว่าจะมีขุมอำนาจอื่นที่แข็งแกร่งกว่า แต่ก็ไม่มีใครกล้าลงมือจริงๆ ไม่อย่างนั้นเกิดไปทำให้ขุมอำนาจที่ร้ายกาจกว่ารำคาญเข้า พวกเขาก็อาจจะถูกทำลายล้างได้ง่ายๆ
เหลียงเทียนเฉิงที่ถูกคำพูดของฉินเสวี่ยขัดก็พลันหมดคำจะพูด เขาเป็นเพียงตัวแทนของตึกเทียนฟง ไม่ใช่ตัวแทนของนิกายต้วนเสิ่น
ยังไงก็ตาม เขาก็ยังตะโกนออกมาอย่างเดือดดาลว่า “แต่ถึงยังไงเจ้าก็ต้องไปนิกายต้วนเสิ่นกับข้า ไม่อย่างนั้นอย่ามาโทษว่าข้าไม่เกรงใจ!”
ที่จริงแล้วแม้จะพาอี้เทียนหยุนกลับไปยังนิกายต้วนเสิ่นก็ยังไม่เพียงพอ ศิษย์ของพวกเขาถูกฆ่า แล้วพวกเขาจะปล่อยเขาไปง่ายๆ ได้ยังไง เมื่อนำอี้เทียนหยุนกลับไป เขาก็ยังต้องชดใช้ด้วยราคาที่สาหัสอยู่ดี
ในเวลานี้ จื่ออวี่เหว่ยก็ไม่กล้าเอ่ยปากออกมา เธอไม่กล้าพูดว่าตึกอวี่เทียนจะสนับสนุนอี้เทียนหยุน นี่เป็นเพราะความรับผิดชอบที่มีต่อสำนัก เธอไม่กล้าพูดในสิ่งที่ไม่สามารถรับผิดชอบออกมาได้ เธอไม่สามารถแบกรับผลที่ตามมาได้
แม้ว่าจะเป็นเจ้าตำหนัก แต่เธอก็ไม่ได้เป็นตัวแทนของขุมกำลังขนาดใหญ่ จะให้สู้กับขุมกำลังพวกนี้คงเป็นไปไม่ได้
เธอรู้สึกปั่นป่วนในจิตใจเป็นเวลานาน อี้เทียนหยุนช่วยเธอไว้มาก แต่เธอกลับไม่เลือกที่จะยืนข้างเขา เรื่องนี้เหมือนไม่ถูกต้อง จื่ออวี่เหว่ยที่ดูอยู่ ในที่สุดก็ตัดสินใจที่ออกหน้าพูด แต่ขณะที่กำลังจะก้าวออกไปนั้น ก็ได้ถูกผู้อาวุโสที่อยู่ใกล้ๆ ดึงไว้
“เจ้าตำหนักจื่อ ท่านจะใจร้อนไม่ได้! เขาไม่ควรทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น นิกายต้วนเสิ่นไม่ใช่สำนักที่เราจะไปตอแยได้!” ผู้อาวุโสพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
จื่ออวี่เหว่ยไม่สามารถเข้าไปสอดแทรกได้ การที่อี้เทียนหยุนสังหารหม่าเหลียงเผิงเป็นเรื่องใหญ่อย่างมาก ไม่ใช่เรื่องที่จะแก้ได้ง่ายๆ
ดังนั้น เธอจึงทำได้เพียงดูอยู่อีกด้าน ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง ถ้าเข้าไปยุ่ง นั่นก็เท่ากับว่าสนับสนุนให้อี้เทียนหยุนสังหารหม่าเหลียงเผิง มันจะเป็นการลากปัญหาเข้ามาใส่ตึกอวี่เทียนของเธอ ความรับผิดชอบนี้ นี่ไม่สามารถแบกรับได้ เธอจึงทำได้เพียงมองแขกผู้ทรงเกียรตินี้อยู่เบื้องหลังเท่านั้น
นี่เป็นความจริงที่โหดร้าย มีเพียงอี้เทียนหยุนชดใช้ให้พวกเขาเท่านั้น
จื่ออวี่เหว่ยกัดริมฝีปากแน่น แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงยอมแพ้ เธอสามารถเป็นตัวแทนของตัวเองได้ แต่ไม่สามารถเป็นตัวแทนของตึกอวี่เทียน ในที่สุดเธอก็เลือกที่จะรักษาตึกอวี่เทียนไว้
ยังไงก็ตาม อี้เทียนหยุนไม่สนใจ เขามองไปยังเหลียงเทียนเฉิงด้วยสายตาที่เป็นประกาย พูดอย่างเย็นชาว่า “ข้าเป็นตัวแทนของข้าเอง จากนี้ไป ข้าไม่ใช่ศิษย์สายนอกของตำหนักเทียนเฉวียนอีก ข้าจะทำอะไรก็เป็นเรื่องของข้า เจ้าสามารถลงมือกับข้าได้เต็มที่!”
เขารู้ว่าชิเสวี่ยอวิ๋นจะต้องปกป้องเขาแน่นอน แต่เขาไม่ต้องการลากตำหนักเทียนเฉวียนเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นจึงเลือกที่จะถอนตัวจากตำหนักเทียนเฉวียน ไม่นับตัวเองเป็นศิษย์สายนอกอีก
อันหลิงและฉินเสวี่ยพลันหน้าเปลี่ยนสี พวกเธอรู้ว่าอี้เทียนหยุนทำแบบนี้ไปทำไม แต่ถึงตำหนักเทียนเฉวียนจะด้อยอำนาจ แต่เหลียงเทียนเฉิงก็ไม่กล้าทำตัวไร้ยางอายอย่างแน่นอน
“ดี นับว่าเจ้ากล้ามาก! จับมัน ข้าต้องการมันเป็นๆ!” หลังจากที่เหลียงเทียนเฉิงได้ยิน ก็หัวเราะออกมาคราหนึ่ง ตอนนี้เขาไม่ต้องกังวลเรื่องของตำหนักเทียนเฉวียนอีกต่อไปแล้ว
และในตอนนี้ ผู้จัดการสามคนที่อยู่ข้างๆ ก็ได้พุ่งเข้าใส่อี้เทียนหยุนพร้อมกันโดยไม่ลังเล แต่ละคนต่างก็ปล่อยพลังในระดับปรับแต่งวิญญาณขั้นที่ 5 ออกมาโดยไม่มีกั๊ก!
ผู้จัดการที่นี่มีพลังอยู่ในระดับปรับแต่งวิญญาณขั้นที่ 4 ที่ 5 ในช่วงวิกฤตสามารถจัดการกับศัตรูบางคนได้
“มาได้ดี!”
รองเท้าศึกหมาป่าหิมะที่เขาใส่อยู่เปล่งแสงสีฟ้าออกมา ทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอีกหลายขั้น กลายเป็นแสงสีฟ้าที่วูบไหวไปมา ไม่ว่าจะความเร็วหรือพลัง ต่างก็พากันปะทุถึงขีดสุด โดยเฉพาะเมื่อเปิดใช้งานโหมดคลั่ง พลังโจมตีของเขาจึงเพิ่มขึ้นอีก!
ทันใดนั้น เขาก็ยกกระบี่หนักขึ้น พร้อมกับวิ่งเข้าใส่ทันที เป็นราวกับประกายแสงสีฟ้า ฟาดใส่ผู้จัดการคนแรกที่โถมเข้ามาอย่างดุดัน
เปิดใช้งานโหมดคลั่ง หมวดค่าประสบการณ์!
เปิดใช้งานโหมดคลั่ง หมวดพลังโจมตี!
เปิดใช้งานโชคดี!
“เปรี้ยง!”
ผู้จัดการคนนี้ไม่ทันได้ตอบสนอง ก็ถูกกระบี่หนักของเขาฟาดจมพื้น ร้องออกมาอย่างน่าสงสาร เผชิญกับวิกฤตเป็นตาย! แท้จริงแล้วเขามีพลังพอๆ กับอี้เทียนหยุน แต่ภายใต้โหมดคลั่ง พลังที่อี้เทียนหยุนใช้ออกมา เขาจะไปต้านรับได้ยังไง?
“ตายซะ!”
ในพริบตาที่เขาล้มลง เขาก็ถูกตัดผ่านกลางด้วยความรวดเร็ว ภายใต้กระบี่หนักที่คมปลาบ เขาก็ร้องโหยหวนออกมา จากนั้นก็ไร้ซึ่งลมหายใจ
“ติ๊ง ยินดีด้วย ท่านสังหารผู้จัดการตึกเทียนฟงสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 8,000, แกนวิญญาณฟื้นฟูชั้น 3, ค่าความคลั่ง 400!”
จากนั้นเขาก็โจมตีใส่ผู้จัดการคนต่อไป เขาเป็นราวกับสัตว์อสูรยักษ์ที่ป่าเถื่อน กระบี่หนักในมือเขาถูกกวัดแกว่งอย่างคล่องแคล่ว ผู้จัดการคนที่สองโจมตีเข้ามาปะทะอย่างหักโหม “ปัง” แต่ก็ถูกพลังโจมตีของอี้เทียนหยุนซัดปลิว
พริบตาก็ถูกซัดปลิวไป อี้เทียนหยุนก็เกร็งแขนแน่นจนเส้นเลือดปูดออกมา จากนั้นก็ตวัดกระบี่หนักในมือออกไป ลำแสงเย็นเยียบพุ่งออกไป กวาดทุกสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า
“วายุสะบั้น!”
นี่คือกระบวนท่าที่หม่าเหลียงเผิงใช้เมื่อก่อนหน้า แต่ตอนนี้ถูกใช้ออกมาด้วยกระบี่หนัก พลังของมันมากกว่าตอนที่หม่าเหลียงเผิงใช้ซะอีก
“ฉัวะ!”
คลื่นกระบี่ที่มีขนาดกว่าสองจั้งตัดผ่านร่างผู้จัดการที่ลอยออกไปจนขาดออกเป็นสองท่อน!
“ติ๊ง ยินดีด้วย ท่านสังหารผู้จัดการตึกเทียนฟงสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 10,000, ยาฟื้นฟูชั้น 3, ยาคลุ้มคลั่ง, ค่าความคลั่ง 500!”
หลังจากสังหารผู้จัดการคนนี้ไปแล้ว เขาก็ยังไม่หยุด ใช้วิชาเหยียบเวหาพุ่งออกไป ความเร็วยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก ทันใดนั้นก็ประจันหน้ากับผู้จัดการคนสุดท้าย พร้อมกับตวัดกระบี่ในมือฟันออกไป!
คลื่นกระบี่ขนาดใหญ่ที่เหมือนกับก่อนหน้าตัดผ่านร่างผู้จัดการคนนั้นราวกับผ่าเนย ตัดผ่านร่างของเขาไปอย่างง่ายดาย
“ติ๊ง ยินดีด้วย ท่านสังหารผู้จัดการตึกเทียนฟงสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 10,000, บัตรประสบการณ์กลั่นโอสถ x2(10 นาที), ค่าความคลั่ง 500!”
“ติ๊ง ยินดีด้วย ผู้เล่นอี้เทียนหยุนได้เข้าสู่ระดับปรับแต่งวิญญาณขั้นที่ 5!”
หลังจากสังหารผู้จัดการทั้งสามคนอย่างต่อเนื่อง เขาก็ได้รับสมบัติมาบางส่วน พร้อมกับเข้าสู่ระดับปรับแต่งวิญญาณขั้นที่ 5 ในอึดใจเดียว ความเร็วในการทะลวงระดับของเขา รวดเร็วกว่าที่จะจินตนาการถึง!