CLS ตอนที่ 34 สังหาร!
#34: สังหาร!
อี้เทียนหยุนเผชิญหน้ากับเขาด้วยความเย็นชา เอาตามจริงแล้ว อาวุธของเขานั้นไม่ได้อ่อนแอเลย ถ้ากระบี่ในมือเขาเป็นศาสตราวิญญาณระดับกลางแล้วล่ะก็คงจะถูกกระบี่บางในมือของหม่าเหลียงเผิงแทงจนพรุนไปแล้ว
นี่คือความต่างของระดับที่สามารถทำลายของที่ต่ำชั้นกว่าได้อย่างง่ายดาย ด้วยความสัมพันธ์ของระดับและพลัง แต่แม้จะเป็นของระดับเดียวกัน แต่ในระดับเดียวกันก็ยังมีแบ่งเป็นสูง กลาง ต่ำ
แต่ตอนนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่ากระบี่ของหม่าเหลียงเผิงถึงกลับโค้งงอจนสุด แม้ว่านี่จะเป็นอาวุธระดับเดียวกัน แต่เห็นได้ชัดว่าศาสตราวิญญาณระดับสูงในมือหม่าเหลียงเผิงนี้ เมื่อเทียบกับอี้เทียนหยุนแล้วด้อยกว่าหน่อย
ทุกคนต่างมองดูด้วยสีหน้าว่างเปล่า ก่อนหน้านี้พวกเขาพากันคิดว่าอาวุธในมืออี้เทียนหยุนเป็นศาสตราวิญญาณระดับกลาง ตอนนี้พวกเขากลับมองอย่างไม่เชื่อสายตา หรือว่านี่จะเป็นศาสตราวิญญาณระดับสูงจริงๆ? คนของนิกายต้วนเสิ่นคนนี้พูดจาเหลวไหล ใส่ร้ายจริงๆ น่ะเหรอ?
“เจ้าทำร้ายข้า.....” หม่าเหลียงเผิงเช็ดเลือดจากมุมปาก ในสายตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร จับกระบี่ในมือแน่น พร้อมกับคำรามก้อง ถีบเท้าพุ่งเข้ามาอย่างเดือดดาลจนพื้นที่แข็งยุบตัวลง
พลังระดับปรับแต่งวิญญาณขั้นที่ 4 ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างถึงที่สุด ภายใต้ความเร็วของวิชาตัวเบา ทำให้ความเร็วของเขาเร็วกว่าก่อนหน้านี้มาก ราวกับสายฟ้า อยู่ๆ เขาก็ปรากฏขึ้นข้างๆ อี้เทียนหยุน จากนั้นก็แทงกระบี่บางในมือใส่อี้เทียนหยุนในทันที
“วายุสะบั้น!”
กระบี่ที่แทงเข้ามาเหมือนกับกลายเป็นพายุหมุน ทะลวงผ่านอากาศตรงเข้าใส่ไหล่ของอี้เทียนหยุน ความเร็วเมื่อเทียบกับก่อนหน้าแล้วเร็วกว่าหลายเท่า เห็นได้ชัดว่าเป็นผลจากวิชายุทธ์ที่ใช้ ทำให้เพิ่มพลังของกระบี่ขึ้นไปอีกหลายระดับ สายลมหอบหนึ่งหมุนอยู่รอบๆ ตัวกระบี่ ส่งพลังงานที่แข็งแกร่งออกมา เห็นได้ชัดว่ามีการรวบรวมพลังวิญญาณเข้าไปในตัวกระบี่
“ไสหัวไป!”
อี้เทียนหยุนไม่เห็นการโจมตีนี้อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย เขาฟาดกระบี่หนักในมือลงมา เส้นเลือดเปล่งออกมาจากแขนของเขาอย่างเห็นได้ชัด เปิดใช้งานโหมดคลั่งอีกครั้ง พร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นสองเท่า! ภายใต้พลังที่กดขี่ กระบี่บางก็ได้โค้งงออีกครั้ง พลังลมก็ไม่สามารถทำลายแรงกดที่ฟาดลงมาของกระบี่หนักเอาไว้ได้ และก็เป็นอีกครั้งที่อี้เทียนหยุนได้แสดงพลังกดขี่ที่ไม่สามารถต้านทานได้ออกมา!
“ปัง!”
หม่าเหลียงเผิงถูกทำให้ถอยไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ยังไม่จบ อี้เทียนหยุนเงื้อกระบี่ในมือขึ้นต่อ ความเร็วของกระบี่ไม่สัมพันธ์กับความใหญ่โตของมันแม้แต่น้อย เมื่อเทียบกับกระบี่บางของหม่าเหลียงเผิงแล้ว กระบี่หนักในมืออี้เทียนหยุนถึงกับเร็วกว่า
หม่าเหลียงเผิงสีหน้าเปลี่ยนไปครั้งใหญ่ รีบเหวี่ยงกระบี่ขึ้นมาต้านทานอย่างว่องไว แต่เมื่อต้องรับแรงปะทะที่หนักหน่วงจากกระบี่หนักก็ไม่ต่างกับก่อนหน้า ร่างของหม่าเหลียงเผิงค่อยๆ ทรุดลงกับพื้นทีละน้อยภายใต้แรงฟาดเหวี่ยงที่น่าสะพรึงของอี้เทียนหยุน
“แกรก” หม่าเหลียงเผิงที่ถูกทุบลงกับพื้นด้วยแรงที่เกินกว่าพันจิน ถูกกระแทกจนกระดูกในร่างแตกไปหลายซี่ ความเจ็บปวดที่ได้ทำให้เขาแทบสลบ
เมื่อเรื่องมาถึงตอนนี้แล้วก็สามารถพูดได้ว่าจบแล้ว ใครแพ้ใครชนะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน หม่าเหลียงเผิงถูกกดดันจนไม่แม้แต่จะมีโอกาสหายใจ ไม่มีกระทั่งหนทางตอบโต้ สุดท้ายก็ถูกฝ่ายตรงข้ามตบฟาดเอาตามใจ จนสุดท้ายก็บาดเจ็บล้มลง
เหลียงเทียนเฉิงที่อยู่อีกด้านมีสีหน้าน่าเกลียด ไม่คิดเลยว่าหม่าเหลียงเผิงจะถูกโจมตีจนไม่มีแต่หนทางตอบโต้ นี่ต่างจากภาพที่เขาจินตนาการไว้ก่อนหน้า ในตอนแรกเขาคิดว่าอี้เทียนหยุนจะต้องพ่ายแพ้แล้วถูกเชือดทิ้งราวกับหมู มาตอนนี้กลับเหมือนว่าสิ่งที่พวกเขาคิดนั้นผิด พวกเขาคิดง่ายเกินไป
ภาพที่เห็นตรงหน้านี้ทำให้ผู้คนพากันตกตะลึง ไม่เชื่อในภาพที่เห็น หม่าเหลียงเผิงแพ้? ทั้งอี้เทียนหยุนยังสบายดี ไม่มีรอยขีดข่วนแม้แต่น้อย ภายใต้พลังที่น่าสะพรึงกลัว เขาบดขยี้ฝั่งตรงข้ามโดยสมบูรณ์
จื่ออวี่เหว่ยที่มองไปที่อี้เทียนหยุนรู้สึกว่าพลังที่อี้เทียนหยุนแสดงออกมาไม่ใช่พลังทั้งหมดของเขา ที่แสดงออกมาตอนนี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือเขายังเยาว์นัก ช่างเกินกว่าจินตนาการที่พวกเธอคิดไว้จริงๆ
โดยทั่วไป คนที่จะหลอมศาสตราได้อายุของพวกเขาไม่ใช่น้อยๆ โดยเฉพาะความเชี่ยวชาญที่จำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์ แต่อี้เทียนหยุนกลับทำลายสามัญสำนึกทั้งหมด ยังเยาว์ทั้งพลังยังไม่อ่อนด้อย ความเชี่ยวชาญไม่ต่ำทราม นี่มันอัจฉริยะระดับปีศาจชัดๆ!
อี้เทียนหยุนชักกระบี่กลับ มองไปที่หม่าเหลียงเผิงที่กองอยู่บนพื้นอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า “เจ้าแพ้แล้ว! อาวุธของเจ้าสู้ของข้าไม่ได้ ทำไมเจ้าถึงพูดว่าอาวุธของข้างอ่อนแอกว่าอาวุธของเจ้า?”
“ข้ายังไม่แพ้!”
ในตาของหม่าเหลียงเผิงมีจิตสังหารเข้มข้น เขาอดทนต่อความเจ็บปวด เหวี่ยงกระบี่บางในมือโจมตีออกมาอีกครั้งโดยไม่ลังเล ภายใต้ความโกรธที่อัดแน่น ทำให้พลังของมันแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้า แต่กระบี่หนักในมือของอี้เทียนหยุนกลับเร็วกว่าหลายขั้น เขาฟันกวาดเป็นแนวขวาง เกิดเป็นแสงประกายวาบผ่าน
“ฉัวะ” ร่างของหม่าเหลียงเผิงถูกตัดเป็นสองท่อน กระบี่บางในมือที่ใช้ลอบโจมตีก็ถูกตัดเป็นสองส่วน!
“เจ้า.....”
หม่าเหลียงเผิงเบิกตากว้าง ร่างกายแยกออกจากกัน เลือดไหลออกมาราวกับน้ำพุ ดูเหมือนกับน้ำตกสีเลือดก็ไม่ปาน ภายใต้ร่างกายที่แยกออกจากกัน เขากระอักเลือดออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่อี้เทียนหยุนกลับไม่เป็นอะไร
“แพ้แล้วไม่ยอมรับ ทั้งยังลอบโจมตีข้าอีก แต่ว่าเสียใจด้วย น้ำหน้าอย่างเจ้ายังไม่ดีพอ!”
อี้เทียนหยุนพูดอย่างเย็นชา ก่อนหน้านี้ก็คิดจะสังหารเขาทั้งที่เป็นการประลองชี้แนะ นี่มันการประลองชี้แนะที่ไหน ถ้านี่ไม่เรียกว่าการประลองเป็นตายแล้วจะเรียกว่าอะไร?
ตั้งแต่แรกแล้ว หม่าเหลียงเผิงต้องการจะฆ่าเขา ไม่ต้องการปล่อยตัวปัญหาไว้ในอนาคต เมื่อเป็นอย่างนี้ เขาก็ไม่มีทางที่จะปล่อยมันไป ในเมื่อมันอยากจะฆ่าเขา เขาก็จะฆ่ามันก่อน!
“ท่านได้สังหารหม่าเหลียงเผิง ได้รับค่าประสบการณ์ 10,000, ทอง 1,200, วิชากระบี่ไล่ลม, ท่าเท้าเหยียบเวหา, ค่าความคลั่ง 400!”
“ติ๊ง ยินดีด้วย ท่านทำภารกิจสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 5,000, ค่าความชำนาญในการหลอมศาสตรา 500, ทอง 520!”
แม้ว่าเขาจะเปิดใช้งานโชคดี แต่ของที่ได้ก็ไม่ได้ระเบิดออกมา หม่าเหลียงเผิงคนนี้ช่างยากจนจริงๆ ทั้งค่าชื่อเสียงของเขายังไม่สูงพอด้วย
ยังไงก็ตาม เมื่อเทียบกับจุดนี้แล้ว ทุกคนต่างพากันตกใจ กระทั่งจื่ออวี่เหว่ยกับพวก เมื่อบอกว่าฆ่าก็คือฆ่า ไม่มีการลังเลเลยสักนิด นี่เป็นถึงศิษย์ของนิกายต้วนเสิ่นเลยนะ จะฆ่าก็ฆ่ากันง่ายๆ อย่างนี้เลย!
อี้เทียนหยุนก็เป็นของเขาอย่างนี้อยู่แล้ว ตัวเขาเป็นคนให้อภัยคน แต่ถ้าฝั่งตรงข้ามไม่รู้ขีดจำกัดล่ะก็ เขาจะพูดอะไรได้จริงไหม?
“สวรรค์ คนของนิกายต้วนเสิ่นถูกสังหาร แขกของตึกอวี่เทียนคนนี้โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว?”
“เจ้าไม่เห็นหรือว่าศิษย์นิกายต้วนเสิ่นคนนั้นต้องการฆ่าเขาก่อน การที่จะเอาคืนก็เป็นเรื่องปกติ!”
“จบแล้ว เขาสังหารศิษย์นิกายต้วนเสิ่น เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน ไปตอแยนิกายต้วนเสิ่นแบบนี้ ดูสิว่าเขาจะตายยังไง!”
ทุกคนพากันส่ายหัว ถ้าเป็นพวกเขาคงจะอดทนไว้ อย่างมากก็หลบเลี่ยง แต่ไม่คิดที่จะสังหารฝั่งตรงข้าม แต่ว่าเขาได้สังหารหม่าเหลียงเผิงไปแล้ว นี่ไม่ใช่แค่การฆ่ากันธรรมดา แต่เป็นการตอแยขุมอำนาจของนิกายต้วนเสิ่น!
นี่ไม่ต่างไปจากการตอแยขุมอำนาจที่ปกครองเมืองเทียนฟงแห่งนี้!
เหลียงเทียนเฉิงตกใจหนัก จากนั้นก็ตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราดว่า “เจ้า เจ้าฆ่าหม่าเหลียงเผิง จับมันให้ข้า ข้าจะคุมตัวมันกลับนิกายต้วนเสิ่น!”
หม่าเหลียงเผิงเป็นแขกที่ตึกเทียนฟงเชิญมา ตอนนี้หม่าเหลียงเผิงตายแล้ว ตึกเทียนฟงของพวกเขาไม่มีทางปัดความรับผิดชอบทิ้งไปได้ ถ้าจับอี้เทียนหยุนไม่ได้ พวกเขาเจอปัญหาหนักแน่!
“จะจับข้า? ข้าอยากจะเห็นว่าใครหน้าไหนที่กล้ามาจับข้า!” อี้เทียนหยุนยกกระบี่หนักขึ้นขวาง พร้อมกับเปล่งสังหารออกมาในทันใด!