CLS ตอนที่ 32 ดวล
#32: ดวล
“หม่าเหลียงเผิง......”
อี้เทียนหยุนหรี่ตา พร้อมกับเผยให้เห็นถึงความเกลียดชังที่มีต่อหม่าเหลียงเผิงคนนี้ ใช้ตัวตนของนิกายต้วนเสิ่นของตน ปฏิเสธทุกอย่างอย่างงั้นเหรอ? นี่ไม่เท่ากับว่าอุปกรณ์วิญญาณระดับสูงทุกอย่างที่ช่างหลอมหลอมออกมาไม่ใช่อุปกรณ์วิญญาณระดับสูงที่แท้จริง เป็นเพียงแค่อุปกรณ์ระดับสูงเก๊ ราคาที่แท้จริงเพียงเทียบเท่ากับอุปกรณ์ระดับกลางเท่านั้น!
“นายน้อยอี้รู้จักหม่าเหลียงเผิงคนนี้ด้วยเหรอ?” จื่ออวี่เหว่ยได้ยินอี้เทียนหยุนพูดชื่อนี้ออกมา ก็ถามด้วยความสงสัย
“ไม่รู้จัก แต่เคยได้ยินมาบ้าง” อี้เทียนหยุนตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“ศิษย์น้องอี้ หม่าเหลียงเผิงคนนี้เป็นหนึ่งในคนที่นิกายต้วนเสิ่นมอบสิทธิ์ให้เข้าไปยังซากโบราณสถานเทียนเฉิน ไม่คิดเลยว่าเขาจะโหดเหี้ยมขนาดปฏิเสธศาสตราวิญญาณที่เจ้าหลอมออกมา!” อันหลิงพูดด้วยความโมโห อยากจะตรงไปยังตึกเทียนฟงเพื่อถกเหตุผลกับมันให้รู้แล้วรู้รอด
แม้ว่าคำประกาศจากตึกเทียนฟงจะไม่ได้เจาะจงมายังศาสตราวิญญาณของพวกเธอ แต่การพูดว่านอกจากอุปกรณ์วิญญาณที่มาจากตึกเทียนฟงแล้วเป็นดั่งขยะ นี่ก็เห็นได้ชัดอยู่แล้ว
ขณะที่พวกเธอต้องการจะไปถกเหตุผลกับตึกเทียนฟง ก็ได้มีคนกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยความเดือดดาล ในมือของพวกเขาถือศาสตราวิญญาณระดับสูงที่ก่อนหน้านี้ซื้อมาจากที่นี่ หลังจากเข้ามาแล้วก็พูดด้วยความโมโหว่า “พวกเราขอคืนสินค้า ศิษย์นิกายต้วนเสิ่นบอกว่าศาสตราวิญญาณของเจ้ามันของเก๊ ความจริงแล้วมีค่าเท่ากับศาสตราวิญญาณระดับกลางเท่านั้น!”
“ใช่! ไม่แปลกเลยที่จะขายถูกขนาดนั้น ที่แท้ก็ของเลียนแบบ เอาศาสตราวิญญาณระดับกลางมาย้อมให้กลายเป็นศาสตราวิญญาณระดับสูง คืนเงินมาให้พวกเราเร็วเข้า!”
“ถึงว่าข้าใช้แล้วขัดๆ ที่แท้ก็แค่ศาสตราวิญญาณระดับกลางเท่านั้นเอง ไม่คิดเลยว่าตึกอวี่เทียนของพวกเจ้าจะขายของปลอมอย่างนี้!”
พวกเขาพากันตะโกนลั่น ต้องการคืนสินค้าท่าเดียว กระทั่งศาสตราวิญญาณระดับกลางก็ยังมีกับเขาด้วย พวกเขาคิดว่าเป็นการเอาศาสตราวิญญาณระดับต่ำมาย้อมแมวเหมือนกัน
“พวกเราขอรับประกัน อาวุธพวกนี้เป็นศาสตราวิญญาณระดับสูงจริงๆ ด้านความสามารถของมันไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย!” จื่ออวี่เหว่ยพูดอย่างจริงจัง พวกเธอยืนยันแน่นอนแล้วว่าอาวุธพวกนี้ผ่านมาตรฐานของศาสตราวิญญาณระดับสูง กระทั่งเป็นของชั้นดีในหมู่ศาสตราวิญญาณระดับสูงด้วยกันเอง
“เจ้าคิดว่าคำพูดของเจ้ายังใช้ได้อีกเหรอ? ครั้งนี้คนที่พูดคือคนจากนิกายต้วนเสิ่น ถ้าว่ากันด้านหลอมศาสตราแล้ว ข้าไม่เชื่อพวกเขาแต่ให้เชื่อเจ้าแทนเนี่ยนะ?”
“ใช่ ก็แค่พวกหลอกลวง พวกเราจะคืนของ!”
นิกายต้วนเสิ่นเพียงสามคำนี้ก็เท่ากับหลักฐานที่เป็นจริง แล้วคำพูดของพวกเธอจะไปมีความหมายอะไร ด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจ ต่อให้พวกเธอเป็นของแท้ แต่ก็ยังคงถูกปฏิเสธอยู่ดี
“คืนเงินให้พวกเขา!” สีหน้าอี้เทียนหยุนดำคล้ำ นี่ไม่ใช่อะไรเลย แต่เป็นสถานการณ์ที่ตึกเทียนฟงสร้างขึ้นโดยอาศัยอำนาจของนิกายต้วนเสิ่นเพื่อท้าทายขีดความอดทนของเขา
นี่ไม่ใช่เพียงแค่การท้าทายธรรมดา แต่เป็นการทำลายชื่อเสียงฝั่งตรงข้ามอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เขารู้สึกโกรธขึ้นมาในทันที
“ตกลง ข้าจะคืนเงินให้!” จื่ออวี่เหว่ยเชื่อคำพูดของอี้เทียนหยุน พร้อมกับคืนเงินให้พวกเขา
และหลังจากที่พวกเขาคืนเงินเสร็จ อี้เทียนหยุนก็รับศาสตราวิญญาณระดับสูงนี้มา แล้วพูดกับพวกเขาว่า “ดูท่าครั้งนี้พวกเราคงไม่ทำอะไรไม่ได้แล้ว ไป พวกเราไปตึกเทียนฟงกัน!”
อันหลิงและฉินเสวี่ยพยักหน้า พวกเธอก็ไม่สามารถทนได้เช่นกัน เป็นไปได้ยังไงที่ศาสตราวิญญาณของพวกเธอจะเป็นของปลอม?
จื่ออวี่เหว่ยก็พยักหน้า พร้อมกับเรียกให้ยามคนอื่นๆ ตามพวกเธอไป เดินไปยังตึกเทียนฟงพร้อมกันด้วยท่าทางที่คุกคาม และเมื่อไปถึงตึกเทียนฟง ยามก็รีบเข้ามาสกัดพวกเขาไว้ ไม่ยอมให้พวกเขาเข้าไปข้างใน
ในตอนนี้เอง เหลียงเทียนเฉิงก็ได้เดินออกมา เหมือนกับคาดเอาไว้แล้วว่าพวกเขาจะต้องมา ที่ตามเขามาเป็นวัยรุ่นคนหนึ่งที่สูงยาวและดูแข็งแกร่ง บนใบหน้ามีรอยแผลที่เกิดจากอาวุธมีคม สายตาของเขาถมึงถึง ราวกับมีเสือร้ายจับจ้อง ท่วงท่าไม่อ่อนแอ
เขาก็คือหม่าเหลียงเผิง หนึ่งในตัวแทนที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งของนิกายต้วนเสิ่น พลังของเขาอยู่ในระดับปรับแต่งวิญญาณขั้นที่ 4 เป็นธรรมดาที่ท่าทางของเขาจะไม่อ่อนแอ
“ที่แท้ก็เจ้าตำหนักจื่อนี่เอง ไม่ทราบว่ามาที่นี่มีเรื่องอะไร?” ดวงตาของเหลียงเทียนเฉิงมีประกายแห่งความยิ้มเยาะฉายชัดอยู่ในนั้น เห็นได้ชัดว่าเขารู้อยู่แล้วแต่ยังถาม
“เจ้าตำหนักเหลียง นี่ท่านกำลังถามทั้งที่รู้อยู่แล้วอย่างงั้นเหรอ? นอกจากอุปกรณ์วิญญาณของตึกเทียนฟงแล้ว ทุกอย่างล้วนเป็นขยะ ต่อให้ไม่เอ่ยชื่อ แต่ก็ไม่เท่ากับบอกว่าศาสตราวิญญาณระดับสูงที่พวกเราขายไม่ใช่ศาสตราวิญญาณของแท้อย่างงั้นเหรอ?” จื่ออวี่เหว่ยพูดอย่างเย็นชา แม้จะเป็นหญิง แต่ท่าทางของเธอก็ไม่อ่อนแอแม้แต่นิด สามารถนั่งในตำแหน่งเจ้าตำหนักได้ แน่นอนว่าเธอต้องไม่ธรรมดา
“ใช้ ข้าได้ดูศาสตราวิญญาณระดับสูงที่พวกเจ้าหลอมออกมาแล้ว ทั้งหมดล้วนไม่ใช่ศาสตราวิญญาณระดับสูง อย่างมากก็เป็นได้แค่ศาสตราวิญญาณระดับกลางเท่านั้น!” ไม่รอให้เหลียงเทียนเฉิงพูด หม่าเหลียงเผิงคนนั้นก็ได้เดินออกมา พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ศาสตราวิญญาณระดับสูงที่แท้จริงนั้น ความสามารถของมันจะต้องน่าตื่นตะลึง แต่ของเจ้ากลับอ่อนแออย่างยิ่ง!”
ขณะที่เขาเดินออกมา เขาก็ปลดปล่อยพลังของตน แต่ตัวตนที่ยืนอยู่ตรงนี้ ล้วนแต่ต้านทานพลังของเขาได้อย่างง่ายดาย
“งั้นมาเทียบกันหน่อยไหมว่าศาสตราวิญญาณระดับสูงของใครจะแข็งแกร่งกว่า?” เสียงนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นอี้เทียนหยุนนั่นเอง เขามองมายังหม่าเหลียงเผิงอย่างเย็นชา เขาอยากจะรู้นัก ว่าอะไรที่เรียกว่าศาสตราวิญญาณระดับสูงที่แท้จริง
“เจ้าเป็นใคร?” สายตาของหม่าเหลียงเผิงเบนมาทางเขาในทันที
“ศาสตราวิญญาณระดับสูงเก๊ที่เจ้าพูดน่ะ ข้าเป็นคนหลอมเอง” อี้เทียนหยุนพูดออกมา
“ที่แท้ก็เจ้านี่เองที่หลอมศาสตราวิญญาณระดับสูงเก๊ออกมา?” หม่าเหลียงเผิงมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ในสายตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เพราะว่าอี้เทียนหยุนยังเด็กนัก และเมื่อเห็นอันหลิงและฉินเสวี่ยที่อยู่ข้างหลังเขาก็พลันเผยอปากขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เจ้าคือขยะที่ไม่มีเลือดฉีของตำหนักเทียนเฉวียนคนนั้นเหรอ? ไม่คิดจริงๆ ว่าเจ้าจะหลอมศาสตราได้ ข้าก็สงสัยอยู่ว่าใครกันที่เป็นคนหลอมศาสตราพวกนั้น ทำไมถึงได้ทำศาสตราวิญญาณระดับสูงเก๊ออกมา”
ในตำหนักเทียนเฉวียนที่เต็มไปด้วยศิษย์หญิง ข่าวลือที่ว่ามีชายคนหนึ่งที่เป็นขยะ ไร้ซึ่งเลือดฉีอยู่ ได้แพร่ออกมาอย่างกว้างขวาง หม่าเหลียงเผิงก็เคยได้ยินเช่นกัน
“ขยะที่ไม่มีเลือดฉี ไม่ทราบว่าเจ้าได้ยินมาจากไหน มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่เชื่อ!” อี้เทียนหยุนพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “เจ้าอยากจะลองทดสอบศาสตราวิญญาณเล่มนี้ดูไหม มาเทียบกันว่าศาสตราวิญญาณของใครกันแน่ที่แข็งแกร่งกว่า!”
“เจ้าว่าข้าโง่?” หม่าเหลียงเผิงเชื่อข่าวนี้จริงๆ ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็กลายเป็นเดือดดาล “ข้าก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าใครกันแน่ที่โง่ อยากจะลองอย่างงั้นเหรอ ได้ มาลองกัน! เจ้าคงไม่คิดจะให้คนอื่นมาทดสอบแทนเจ้าหรอกนะ!”
“อาวุธที่ข้าเป็นคนหลอมมันออกมาถูกปฏิเสธ เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่ข้าจะต้องพิสูจน์ ข้าจะเป็นคนทดสอบเอง อาวุธของเจ้าหรือข้ากันแน่ที่เก๊ ทดสอบกันดูก็จะรู้เอง!” อี้เทียนหยุนพูดออกมา
“ได้!” หม่าเหลียงเผิงแสยะยิ้ม “ดี ไปลองกันข้างนอก ให้ผู้คนได้รู้กันไปเลยว่าของใครกันแน่ที่จะพ่ายแพ้!”
“ไม่มีปัญหา!”
อี้เทียนหยุนรับคำท้าโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย พลังของพวกเขาพอๆ กัน เขาไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้ สมบัติของเขามีมากมาย ยิ่งกว่านั้นยังมีโหมดคลั่งอีก แล้วเราจะได้รู้กัน!