CLS ตอนที่ 28 บดขยี้
#28: บดขยี้
“ครั้งนี้พวกเราก็ลดราคาลงเหมือนกัน สุดท้ายแล้ว ลูกค้าก็จะต้องกลับมาซื้อสินค้าของเราในที่สุด ไม่ใช่มีแต่พวกเขาเท่านั้นที่ลดราคาได้!” เจ้าตำหนักเหลียงพูดอย่างเย็นชา ที่ตึกอวี่เทียนทำอย่างนี้ได้ แท้จริงแล้วเป็นเพราะพวกเขาไม่ทันตั้งตัว แต่ในเมื่อสถานการณ์กลายเป็นแบบนี้แล้ว นี่ก็จะเป็นเหตุผลใหญ่ที่เขาจะทำให้อาจารย์ขง “เป็นหนี้บุญคุณ”!
พูดเสร็จแล้วเขาก็หันไปมองอาจารย์ขงอย่างเย็นชา เรื่องนี้แท้จริงแล้วเป็นเรื่องที่อาจารย์ขงสร้างขึ้น ถ้าก่อนหน้านี้อาจารย์ขงไม่สร้างเรื่องขึ้น แล้วตึกอวี่เทียนจะไปมีโอกาสทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง? ตอนนี้พวกเขาไม่เพียงแต่จะไม่ได้กำไร หนำซ้ำยังกลายเป็นขาดทุนด้วยซ้ำ
อาจารย์ขงที่อยู่ข้างๆ ก็กระอักกระอ่วน เขาจะไปคิดได้ยังไงว่าขยะอย่างอี้เทียนหยุนจะหลอมศาสตราวิญญาณระดับกลางออกมาได้ แต่ต่อให้เขาไม่เชื่อ แต่อี้เทียนหยุนก็สามารถหลอมศาสตราวิญญาณพวกนั้นออกมาได้จริงๆ
“เจ้าตำหนักเหลียง ข้าสงสัยว่าพวกนั้นแค่ตั้งใจจะลองเชิงพวกเราเท่านั้น พวกเราลองส่งคนไปสืบที่ตึกอวี่เทียนดูไหม!” อาจารย์ขงเริ่มพูดเหลวไหล เปลี่ยนหัวข้อหาเรื่องอี้เทียนหยุนไม่หยุด
เจ้าตำหนักเหลียงสีหน้าจมลง ในเวลาอย่างนี้อาจารย์ขงยังกล้าพูดจาเหลวไหลอยู่อีก เห็นได้ชัดว่าอี้เทียนหยุนกับพวกมาจากตำหนักเทียนเฉวียน แล้วยังจะไปสืบอะไรที่ตึกอวี่เทียนอีก? แล้วต่อให้ส่งคนไปสืบจริง ก็ไม่สามารถลากตัวคนของตำหนักเทียนเฉวียนออกมาได้ พวกเขาเป็นนักธุรกิจไม่ใช่พวกกุ๊ยที่จะหาเรื่องกันได้ง่ายๆ
และตอนนี้เอง ได้มียามวิ่งเข้ามาจากด้านนอกอย่างรวดเร็ว เขาหายใจอย่างเหนื่อยหอบ เห็นได้ชัดว่ารีบวิ่งขึ้นมาขนาดไหน และเมื่อมาถึงเขาก็พลันร้องขึ้นมา “แย่แล้ว แย่แล้ว..... ตึกอวี่เทียนเริ่มประมูลศาสตราวิญญาณระดับสูง ราคา..... ราคาของพวกเขาต่ำกว่าพวกเราถึง 50,000 เหรียญทอง!”
“อะไรนะ!?”
พวกเขาพากันตกใจในทันที ไม่เพียงแต่จะเอาศาสตราวิญญาณระดับสูงออกมาขายได้ ทั้งยังลดราคาลงอีก ความเป็นไปได้มีไม่กี่อย่าง อย่างแรกคือพวกเขามีสินค้ามากพอ อย่างที่สองคือเล็งเป้ามาที่พวกเขา โดยเฉพาะการลดราคานี้ ถ้าพวกเขาไม่ลดราคาตาม ชื่อเสียงของพวกเขาจะอยู่ในขั้นวิกฤตในทันที
เพราะว่าชื่อเสียงของตึกอวี่เทียนเพิ่มขึ้น นั่นจะทำให้ชื่อเสียงตึกเทียนฟงของเขาลดลง และตั้งแต่ที่ตึกอวี่เทียนเริ่มทำการกดหัวตึกเทียนฟงของพวกเขา ถ้าพวกเขามีศักยภาพมากพอที่จะทำมันได้อย่างมั่นคง นั่นจะทำให้พวกนั้นได้เชิดหน้าแทนพวกเขา
แม้ว่าจะเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะมีของขายเพียงแค่ในตอนนี้ และจากนี้ไปจะไม่มีมาขายแล้ว แต่มนุษย์นั้นเป็นพวกรักหน้าตา การเสียหน้าในครั้งนี้ก็ทำให้พวกเขาอับอายอยู่ดี
นี่ก็เหมือนกับการประลองยุทธ์ เมื่อประลองก็ต้องมีแพ้มีชนะ เมื่อแพ้แล้วก็ต้องมีวันที่ชนะ แต่เมื่อแพ้ก็คือแพ้ มันจะทำให้เกิดความอับอาย เป็นรอยด่างพร้อยในชีวิต ถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป โอกาสที่จะสู้กลับก็จะไม่มี
“ตอนนี้พวกเขาได้ทำการตัดราคาของศาสตราวิญญาณระดับสูง เจ้าตำหนักอวี่เทียนคนนี้บ้าไปแล้วหรือไง!” เจ้าตำหนักเหลียงสีหน้ากลายเป็นน่าเกลียด สถานการณ์ในตอนนี้ร้ายแรงกว่าก่อนหน้าอย่างมาก ถ้ามีศาสตราวิญญาณระดับสูงแค่ 1 หรือ 2 ชิ้นก็ยังดี เพราะว่าพวกเขาก็มีสำรองไว้เหมือนกัน แต่ถ้าเป็น 6 หรือ 7 ชิ้น หรือกระทั่งเยอะกว่านี้ นั่นก็จะกลายเป็นเรื่องน่าสะพรึงแล้ว.....
“ศาสตราวิญญาณระดับสูงนี้ ใครเป็นหลอม?” เจ้าตำหนักเหลียงพลันได้คิด จากนั้นก็รีบถามขึ้น
“รายงานครับ จากที่ได้ไปสืบมา เป็นอี้เทียนหยุนคนนั้นที่เป็นศิษย์สายนอกของตำหนักเทียนเฉวียน” ยามรายงาน
“เป็นมันจริงๆ!” สีหน้าของเจ้าตำหนักเหลียงดำคล้ำโดยสมบูรณ์ และเป็นอีกครั้งที่ถ้วยชาที่อยู่ใกล้ๆ ถูกเขวี้ยงลงพื้นอย่างแรงด้วยความโกรธ
สีหน้าอาจารย์ขงที่อยู่ใกล้ๆ ก็กลายเป็นน่าเกลียด เรื่องในครั้งนี้เหนือกว่าที่คาดไปมาก มันกลายเป็นเรื่องจริงจังสุดๆ ไปแล้ว
“มันสามารถหลอมศาสตราวิญญาณระดับสูงได้ มันอายุพึ่งเท่าไหร่เอง?” อาจารย์ขงมีสีหน้าน่าเกลียด แทบจะหมดสติไป นี่เขาไปตอแยปีศาจแบบไหนเข้ากัน
การที่เขาจะเป็นอาจารย์หลอมศาสตราชั้น 4 ได้ ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ และต่อให้เขากลายเป็นอาจารย์หลอมศาสตราชั้น 4 อัตราความสำเร็จในการหลอมศาสตราวิญญาณระดับสูงก็ต่ำจนน่ากลัว กระทั่งศาสตราวิญญาณระดับกลางที่เขาต้องทุ่มกำลังสุดๆ ในการหลอมมันขึ้นมา อัตราความสำเร็จของเขาก็ยังน้อยกว่า 30%!
ถ้าให้เขาไปเทียบกับอี้เทียนหยุนล่ะก็ เขาก็เป็นราวกับก้อนอาจมก้อนหนึ่งเท่านั้น!
ยังไงก็ตาม เจ้าตำหนักเหลียงก็ไม่ได้หันไปต่อว่าอะไรอาจารย์ขง ตอนนี้เขากำลังรอรายงานที่ตามมาอยู่
และรายงานนี้ก็ไม่ต้องรอนาน อย่างรวดเร็ว สายสืบที่ส่งตัวไปก็กลับมา เขาพูดด้วยสีหน้าแตกตื่นว่า “เขา พวกเขาหลอมออกมาได้ 3 ชิ้นแล้ว ไม่ 4 ชิ้นแล้ว พวกเขาหลอมศาสตราวิญญาณระดับสูงออกมาได้ 4 ชิ้นแล้ว แล้วยังจะหลอมต่อไปอีก ได้ยินว่าพวกเขาจะหลอมศาสตราวิญญาณระดับสูงออกมามากกว่า 10 ชิ้น.....”
ตึกเทียนฟงของพวกเขามีศาสตราวิญญาณระดับสูงเก็บไว้แค่ 2-3 ชิ้นเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ได้จัดแสดงขึ้นที่เมืองหลวง สำหรับผู้ที่หลอมศาสตราวิญญาณระดับสูงออกมาได้ ล้วนแต่เป็นตัวตนที่อยู่ในกลุ่มอิทธิพลระดับ 2 หรือไม่ก็ระดับ 3!
และเมื่อมองมาที่สถานการณ์ในตอนนี้ ชื่อเสียงของตึกอวี่เทียนได้เหนือล้ำไปกว่าตึกเทียนฟงของพวกเขาแล้ว และเมื่อใดก็ตามที่ตึกอวี่เทียนหลอมอาวุธออกมา ก็จะมีคนไปต่อแถวอย่างบ้าคลั่ง บดขยี้ตึกเทียนฟงของพวกเขาไป
ในฐานะตึกการค้า คุณภาพของสินค้าเป็นส่วนสำคัญที่สุด เมื่อคุณภาพของสินค้าของเจ้าด้อยกว่าคนอื่น นั่นก็หมายความว่าพลังของเจ้าด้อยกว่า ไม่ว่าจะเป็นตระกูล หรือผู้ฝึกตน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวเลย นี่จึงไม่แปลกที่จื่ออวี่เหว่ยจะตื่นเต้น เธอสามารถเห็นอนาคตที่รุ่งโรจน์ของตึกอวี่เทียนต่อจากนี้ได้เลย
“ขงเสิ้งเฟิง เจ้าเยี่ยมมาก ถึงกับทำให้ตึกเทียนฟงของพวกเราไปตอแยกับตัวตนอันดับหนึ่งแบบนั้น!” เจ้าตำหนักเหลียงเรียกชื่อจริงของอาจารย์ขง ตอนนี้เขาเดือดสุดๆ โดยเฉพาะเมื่อเขานึกไปถึงคำพูดที่อี้เทียนหยุนพูดไว้ก่อนจะจากไป
คนบางคนเหมาะที่จะเป็นสหาย ขณะที่บางคนไม่เหมาะที่จะเป็น นี่เป็นความจริงที่ยากจะเข้าใจ!
“เจ้าตำหนักเหลียง ข้า.....” ขงเสิ้งเฟิงอยากจะพูดอะไร แต่เจ้าตำหนักเหลียงกับโบกมือ บอกปัดคำแก้ตัวของเขา
“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว แขกผู้ทรงเกียรติอย่างเจ้า พวกเราไม่ต้องการ โปรดออกไปซะ!” เจ้าตำหนักเหลียงตัดสินใจในทันที เขารู้ว่าอี้เทียนหยุนเล็งเป้ามายังขงเสิ้งเฟิง ถ้าไม่เพราะแบบนั้น ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ตึกอวี่เทียนมีความสามารถพอที่จะเผชิญหน้ากับตึกเทียนฟงของพวกเขา
สีหน้าของขงเสิ้งเฟิงน่าเกลียดอย่างมาก เมื่อเผชิญหน้ากับความกราดเกรี้ยวของเจ้าตำหนักเหลียง ในสายตาก็ได้เผยให้เห็นถึงจิตสังหาร แต่จิตสังหารนี้ไม่ได้มุ่งเป้าไปยังเจ้าตำหนักเหลียง แต่เป็นอี้เทียนหยุน!
“งั้นข้าขอลา!”
ขงเสิ้งเฟิงหมุนตัวเดินจากไป เขากัดฟันกรอด สีหน้าดำคล้ำ เปล่งจิตสังหารเข้มข้นออกมา “ดีมาก ไม่คิดว่าเจ้าจะใช้วิธีการชั่วร้ายอย่างนี้ เมื่อเป็นอย่างนี้ อย่าได้โทษข้าที่อำมหิตก็แล้วกัน!”
หลังจากที่ขงเสิ้งเฟิงจากไปแล้ว เจ้าตำหนักเหลียงก็ไม่ได้ส่งคนไปเพื่อขอโทษ เพราะว่าสถานการณ์ได้มาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าตึกเทียนฟงของพวกเขาไม่รักษาหน้าที่เหลือไว้ พวกเขาก็ไม่อาจอยู่ในเมืองเทียนฟงนี้ได้อีกต่อไป
“ดูท่าคงได้แต่ขอให้นิกายต้วนเสิ่นช่วยเท่านั้น ศิษย์สายนอกตำหนักเทียนเฉวียน อี้เทียนหยุน..... คิดจะสั่งสอนข้า เหลียงเทียนเฉิง เจ้ายังอ่อนนัก!” เหลียงเทียนเฉิงมีสีหน้าเย็นชา ในใจเดือดจนไม่รู้จะเดือดยังไงแล้ว ส่วนเรื่องที่ใครจะเป็นคนผิดนั้น ด้วยระดับที่สูงอย่างพวกเขา ต่อให้ผิดก็ไม่มีทางยอมรับว่าตนผิด มีแต่จะหาวิธีแก้และตอบโต้กลับอย่างโหดเหี้ยมเท่านั้น