CLS ตอนที่ 22 จิ่วหลิงจวิน
#22: จิ่วหลิงจวิน
“ติ๊ง ท่านยินดีจะรับภารกิจจัดการความโอหังของศิษย์นิกายต้วนเสิ่น หม่าเหลียงเผิงหรือไม่ รางวัลเมื่อสำเร็จ ค่าประสบการณ์ 5,000, ค่าความชำนาญในการหลอมศาสตรา 500, ทอง 520”
เมื่อรถม้าของนิกายต้วนเสิ่นลับสายตาไป ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงดังขึ้นในสมองของเขา
“รับ!”
อี้เทียนหยุนรับไปโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อรับภารกิจสำเร็จ เขาก็พลันตกใจ ไม่คิดเลยว่าจะมีแบบนี้ด้วย! ระบบเพิ่มเลเวลแสนบ้าคลั่งนี้ เขายังไม่เข้าใจการทำงานของมันดีนัก ตอนนี้ยังมีระบบสุ่มภารกิจอีก ทั้งตัวเขาเองยังรับภารกิจมาแล้วด้วย ดูท่าคงมีแต่ต้องทำให้สำเร็จเท่านั้น
ทั้งรางวัลที่ได้หลังจากทำสำเร็จยังค่อนข้างดี แม้จะไม่มีสมบัติที่ท้าทายสวรรค์ เป็นแค่รางวัลสามัญ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางได้สมบัติพวกนั้นมาเสียทีเดียว เพียงแค่เขาต้องไปจัดการกับสัตว์อสูรหรือคนที่มีระดับสูงเสียหน่อย หลังจากนั้น บางทีสมบัติที่ท้าทายสวรรค์อาจจะระเบิดออกมาก็เป็นได้......
“ถ้าเกิดใช้โชคดีรวมกับการสังหารสัตว์อสูร สมบัติที่ได้หลังจากสังหารจะไม่น่าตกใจหรอกเหรอ?” ในสมองของอี้เทียนหยุนหมุนเร็วจี๋ คิดหาวิธีจัดการที่สมบูรณ์แบบที่สุดออกมา
นี่ก็เหมือนการเล่นเกม สังหารสัตว์อสูรเพื่อของรางวัล แล้วของรางวัลที่ได้ตัดสินจากอะไรล่ะ? แน่นอนก็ต้องเป็นค่าโชคอยู่แล้ว ยิ่งมีค่าโชคมากเท่าไหร่ รางวัลที่ได้ก็ยิ่งดีมากเท่านั้นไม่ใช่เหรอ?
ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น ก็พลันได้ยินเสียงของอันหลิงดังขึ้นที่ข้างหู
“ถึงแล้ว พวกเราลงกันเถอะ”
จากนั้น อี้เทียนหยุนก็พบกับอาคารที่หรูหรา เขาพยักหน้าแล้วเดินลงไปพร้อมกับพวกเธอ ที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นคืออาคารที่หรูหราเป็นอย่างมาก ที่มุมเผยให้เห็นชั้นทองที่เคลือบอยู่ มีไฟอยู่รอบๆ โดยที่มีเงินคลุมอยู่ ดูแล้วค่อนข้างโอ่อ่า
นี่คืออาคารเทียนฟงที่พวกเขาต้องมาในครั้งนี้
ที่นี่มีสิ่งที่พวกเขาต้องการซื้อและขายออกเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นทองให้มากขึ้น
“ช่างเป็นที่ที่หรูหราจริงๆ.....” อี้เทียนหยุนถูกอาคารตรงหน้าดึงดูดความสนใจ นี่คือตึกเทียนฟงที่งดงามจับตา
ขณะที่พวกเขากำลังจะไปนั้น ใกล้ๆ นั้นก็ได้ยินเสียงตะโกนออกมา
ทำให้พวกเขารู้สึกสนใจขึ้นมาทันที สิ่งที่พวกเขาเห็นคือหญิงสาวคนหนึ่งที่มีรูปลักษณ์ธรรมดา ไม่มีจุดเด่นอะไร มือของเธอจับแขนชายคนหนึ่งไว้แน่น ขณะที่นัยน์ตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความโกรธ
“หลิวลี่! ตามข้อตกลงเจ้าต้องให้ข้า 82 เหรียญเงิน! หญ้าวิญญาณหยกนี้ ไม่มีทางที่ราคาจะต่ำขนาดนี้ ถ้าข้าไปขายคนอื่น หญ้าวิญญาณหยกนี้อย่างน้อยต้องมีราคา 12 เหรียญเงิน แต่เจ้ากลับให้ข้าเพียง 32 เหรียญเงิน!” ตาของหญิงสาวคนนี้เต็มไปด้วยความโกรธ เสื้อผ้าที่ใส่ก็ขาดรุ่งริ่ง ดูแล้วท่าทางไม่ใช่คนร่ำรวยอะไร
หลิวลี่พยายามสะบัดแขนออกจากมือสกปรกของผู้หญิงคนนี้ แต่หญิงสาวคนนี้กลับจับแขนเขาไว้แน่น ถ้ายังฝืนดึงรั้งกันต่ออย่างนี้ เสื้อของเขาคงต้องขาดแน่ๆ
“ตอนนี้ตึกเทียนฟงรับซื้อหญ้าวิญญาณหยกในราคา 42 เหรียญเงิน ข้าต้องการค่านายหน้าแค่ 12 เหรียญเงินเท่านั้น ไม่ได้ต้องการมากมายอะไร! ถ้าเจ้ายังดึงอีก อย่ามาโทษหากข้าจะลงมือ! ปกติข้าก็เป็นคนช่วยเจ้าอยู่แล้ว ตอนนี้เจ้ายังมาดึงข้าไว้อีก ตอนนี้เสื้อของข้าถูกเจ้าดึงจนแย่ไปแล้ว..... มารดามันเถอะ สกปรกจริงๆ ข้านี่ช่างโชคร้ายชะมัด!” หน้าของหลิวลี่เต็มไปด้วยความโกรธ เขาไม่ใช่ผู้ฝึกตน เป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น
“เป็นไปไม่ได้ ก็ข่าวนั้นเพิ่งจะออกมาเมื่อวาน แล้วอยู่ๆ ทำไมราคาถึงได้กลายเป็นต่ำลงภายในคืนเดียว นี่ต้องเป็นเพราะเจ้าคิดจะโกงข้าแน่ๆ!” หญิงสาวคนนั้นยังคงดึงเสื้อเขาไม่ยอมปล่อย ขณะที่ร้องตะโกนด้วยความโกรธ “รีบจ่ายข้ามาเร็วๆ!”
ในตอนนี้เอง อี้เทียนหยุนและคนอื่นๆ ได้ชมอยู่ด้านข้าง แต่ละคนต่างมองกันด้วยสีหน้าว่างเปล่า ไม่รู้ว่าจะเข้าไปช่วยดีไหม
“ไม่ต้องดูแล้ว พวกเราไป” ฉินเสวี่ยส่ายหัว ไม่มีความคิดที่จะเข้าไปช่วย
ในความคิดของเธอ คนธรรมดาบางคนก็มีเรื่องให้ไม่พอใจอยู่เยอะมาก
อันหลิงนั้นตรงกันข้าม เธออยากจะเข้าไปช่วย เธอพอจะรู้อยู่นิดหน่อย เธอรู้ว่าหลิวลี่คนนั้นต้องโกงแน่ๆ เมื่อเป็นอย่างนี้ หญิงสาวคนนั้นจึงน่าสงสารอย่างมาก
ไม่เพียงแต่อันหลิงเท่านั้นที่ไม่สามารถทนต่อการเอารัดเอาเปรียบได้ อี้เทียนหยุนก็เช่นกัน แม้ว่าเขาจะพูดไม่เต็มปากว่าตัวเองเป็นคนดี แต่เมื่อเห็นสถานการณ์ที่คนแข็งแกร่งรังแกคนอ่อนแออยู่ตรงหน้าคาตา เขาก็ทำนิ่งเฉยไม่ได้
“ติ๊ง! รับภารกิจสำเร็จ ช่วยเหลือหญิงสาวผู้ใจดี จิ่วหลิงจวิน รางวัลเมื่อสำเร็จ ค่าประสบการณ์ 1,000, ค่าความชอบของจิ่วหลิงจวินเพิ่มขึ้น 100, ค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 5”
อี้เทียนหยุนไม่ทันได้ฟังว่ารางวัลที่ได้คืออะไรก็เดินอาดๆ เข้าไปแล้ว รางวัลจะมากจะน้อยไม่ใช่สิ่งสำคัญ
ในตอนนี้เอง ภายใต้การดึงของจิ่วหลิงจวิน เสียงแควกก็ดังออกมาจากเสื้อที่เธอดึง
“เจ้าทำเสื้อข้าขาด บ้าเอ๊ย ไสหัวไป!” ภายใต้ความโกรธ หลิวลี่เงื้อมือข้างที่ไม่ถูกจับขึ้น เตรียมจะตบใส่หน้าของหญิงสาว แต่หญิงสาวนางนี้ก็ไม่มีท่าทีว่าจะหลบ เธอยังดึงเสื้อเขาไว้อย่างดื้อด้าน ดวงตากลมโตคู่นั้นของเธอไม่มีวี่แววแห่งความกลัวแม้แต่นิด
“หมับ!”
มือข้างนั้นของเขาไม่ได้ตบลงบนหน้าของหญิงสาว แต่กลับถูกอี้เทียนหยุนคว้าเอาไว้
“นี่สหาย ราคาหญ้าวิญญาณหยกขายได้ 12 เหรียญเงินจริงๆ นี่เจ้ากำลังรังแกคนที่อ่อนแอกว่าเหรอ?” อี้เทียนหยุนพูดพลางขมวดคิ้ว
“แล้วเจ้ามายุ่งอะไรด้วย ไสหัวไป!” หลิวลี่ที่ตกอยู่ในความโกรธ สะบัดมือจนหลุมจากการจับของอี้เทียนหยุน จากนั้นก็กำหมัด ชกใส่หน้าของอี้เทียนหยุน
“ระวัง!” จิ่วหลิงจวินพลันปล่อยมืออีกข้างของหลิวลี่ แล้วปรี่เข้ามาขวางหมัดนี้เพื่อช่วยอี้เทียนหยุน
แต่หมัดนี้ไม่มีโอกาสเข้ามาใกล้ ก็ได้มีเสียงฝ่ามือดังขึ้น นี่ไม่ใช่อี้เทียนหยุนเป็นคนโดน แล้วก็ไม่ใช่จิ่วหลิงจวินด้วย แต่เป็นหลิวลี่ที่เป็นคนถูกฝ่ามือนี้จนปลิวออกไป
หลิวลี่ที่ถูกตบจนปลิว หลังจากสั่นอยู่หลายที ใบหน้าก็มีรอยฝ่ามือประทับอยู่ จากนั้น ฟันหลายซี่ก็หล่นออกมาจากปากของเขา
“ขยะ!” แล้วคนที่ลงมือก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นอี้เทียนหยุนเอง
“ไอ้ลูกสำส่อน เจ้า เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร!” หลิวลี่ลุกขึ้นมา บนใบหน้ามีรอยฝ่ามือขนาดใหญ่ประทับอยู่ เอามือกุมปากที่เต็มไปด้วยเลือด พลางมองมาที่อี้เทียนหยุนอย่างเดือดดาล
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร แต่ข้าแนะนำให้เจ้าคายเหรียญเงินที่เจ้าโกงไปมาแต่โดยดี ไม่อย่างนั้น ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะมอบฝ่ามือให้เจ้าอีกสักสองสามที!” อี้เทียนหยุนก้าวเข้าไป ท่าทางที่ขู่ขวัญเหมือนกับคมมีดที่เปล่งแสง พร้อมจะสับหลิวลี่ออกเป็นสองส่วนได้ทุกเมื่อ
กับคนธรรมดาจะเอาอะไรไปสู้กับผู้ฝึกตน เมื่อเห็นท่าทางขู่ขวัญของอี้เทียนหยุน เขาก็พลันตกใจกลัวจนแข้งขาอ่อน
“ผะ ผู้ฝึกตน.....” หลิวลี่พลันสะอื้น ลืมความโกรธที่มีเมื่อกี้ไปสิ้น หลังจากสะอื้นไม่กี่คำ เขาก็รีบหยิบเหรียญเงินจากอกเสื้อออกมาอย่างรวดเร็ว ดูแล้วไม่มากไม่น้อย แต่ก็มากกว่า 12 เหรียญเงิน ซึ่งเป็นเงินที่จิ่วหลิงจวินโดนโกงเมื่อขายหญ้าวิญญาณหยก
หลังจากวางเงินแล้ว เขาก็คุกเข่าลงพร้อมกับพูดด้วยท่าทางรนรานว่า “ขออภัยท่านผู้สูงส่ง ขอท่านผู้สูงส่งปล่อยคนตัวเล็กๆ อย่างข้าไปเถอะ คนตัวเล็กๆ อย่างข้าไม่กล้าสร้างปัญหาอีกต่อไปแล้ว.....”
เขาโขกคำนับไม่หยุด ด้วยหวาดกลัวท่าทางขู่ขวัญของอี้เทียนหยุน ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ เขาจะไปกล้าโกงเงินเล็กๆ น้อยๆ นี้ได้ยังไง
“ไปซะ!” อี้เทียนหยุนมองไปที่เขาอย่างเย็นชา ไม่ใช่ว่าเขาไม่กล้าฆ่า คนแบบนี้มีเยอะเกินไป เขาแค่กลัวว่ามือตัวเองจะสกปรกเท่านั้น
หลังจากหลิวลี่ได้รับอนุญาต เขาที่ตัวสั่นก็ได้รีบวิ่งไปอย่างไว ไม่กล้ากลับมาอีก
“ยินดีด้วย ผู้เล่นอี้เทียนหยุนทำภารกิจสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 1,000, ค่าความชอบของจิ่วหลิงจวินเพิ่มขึ้น 100, ค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 5”
ค่าความชอบ 100 ทำให้เข้าสู่สถานะเพื่อนสนิทในทันที ดูท่าแล้วการเข้าช่วยเหลือของเขาในครั้งนี้จะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยจริงๆ
เมื่อจิ่วหลิงจวินเห็นว่าหลิวลี่หนีไปโดยที่ไม่รอช้า เธอก็หยิบเหรียญเงินที่อยู่บนพื้นขึ้นมากอดไว้ในอก ดูราวกับเป็นของสำคัญ เงิน 12 เหรียญนี้ เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับครอบครัว 3 คนได้ถึง 1 เดือนเลยทีเดียว
จากนั้น เธอก็หยิบเอาเหรียญเงินที่เกินมา 52 เหรียญ พร้อมกับยื่นมาให้อี้เทียนหยุน “ท่านผู้มีพระคุณ นี่คือของของท่าน..... ข้าไม่ได้ต้องการมากขนาดนั้น ที่บ้านของข้ามีแค่ข้ากับน้องชายแค่สองคนเท่านั้น เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับพวกเราแล้ว”
มองเงิน 52 เหรียญเงินที่จิ่วหลิงจวินส่งมาให้ อี้เทียนหยุนก็ส่ายหัวแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าไม่เอาหรอก ไม่ทราบว่าเจ้าอยากจะติดตามพวกเราไปไหม? เข้าร่วมกับตำหนักเทียนเฉวียน”
“สวรรค์ ตำหนักเทียนเฉวียนอย่างงั้นเหรอ?” ตาของเธอเบิกกว้าง คิดว่าช่างไม่น่าเชื่ออย่างมาก จากนั้นก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “พรสวรรค์ของข้าต่ำมาก ไม่กล้าเข้าร่วมตำหนักเทียนเฉวียนของท่านหรอก”
มีหลายสำนักที่รับศิษย์ แต่ขณะที่รับก็จำเป็นต้องเข้ารับการทดสอบพรสวรรค์ของพวกเขาซะก่อน ถ้าพรสวรรค์ต่ำก็ไม่สามารถเข้าร่วมได้ จิ่วหลิงจวินกลัวว่าพรสวรรค์ของเธอจะไม่สูงพอ ดังนั้นจึงตัดสินใจปฏิเสธไป
“ศิษย์พี่ เธอสามารถเข้าร่วมตำหนักเทียนเฉวียนของพวกเราได้ไหม? ไม่จำเป็นต้องเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการก็ได้ แค่ให้จัดการเรื่องจิปาถะในสำนักก็ได้ พอจะเป็นไปได้ไหม?” อี้เทียนหยุนถาม
ศิษย์พี่ทั้งสองที่ราวกับนางเซียนเดินเข้ามา ทำให้จิ่วหลิงจวินมองตาค้างไป
“เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ยิ่งกว่านั้น ศิษย์น้องเจ้ายังเป็นคนที่มีชื่อเสียงอย่างมากในตำหนักเทียนเฉวียนเรา แค่พาคนกลับสำนักแค่คนสองคน เรื่องนี้ไม่มีปัญหา” อันหลิงขยิบตาคู่งามให้อี้เทียนหยุน ในสายตาคู่งาม มีความรู้สึกชื่นชอบเพิ่มขึ้นมาหลายจุด
เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะการยื่นมือเข้ามาช่วยเรื่องนี้ของเขา ทำให้เขาได้รับความรู้สึกชื่นชอบจากเธอ แม้ว่าฉินเสวี่ยที่อยู่ใกล้ๆ จะตัดสินใจไม่ช่วย แต่เมื่อเห็นจิ่วหลิงจวินคนนี้ ก็อดไม่ได้ต้องใจอ่อนลง
“เป็นอย่างนี้แล้ว เจ้าเต็มใจจะตามพวกเราไปไหม?” อี้เทียนหยุนยิ้ม เขาไม่ได้หมายถึงอย่างอื่น เขาก็แค่อยากจะช่วย เขาเห็นว่าศิษย์พี่ทั้งสองของเขานี้ไร้ซึ่งความกังวล ทั้งยังกลัวว่าหลิวลี่จะกลับมาแก้แค้นเธอ ดังนั้น ในเมื่อเขาคิดจะช่วยแล้ว ก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด
ในจุดนี้ ในใจของเขามีเพียงความคิดที่จะช่วยเหลือเพียงเท่านั้นจริงๆ!