ตอนที่แล้วChapter 21: ลอบสังหาร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 23: ต่อจากนั้น

Chapter 22: ฆ่า


 

“ฝ่ามือทรายดำ?”

ซ่งจื๋อเกาย่อมจำวิชายุทธ์ที่แพร่หลายนี้ได้

พูดตามตรง มันเป็นวิชายุทธ์งี่เง่าวิชาหนึ่ง มันต้องฝึกฝนเป็นระยะเวลายาวนานเพื่อให้กระดูกสามารถรับความแข็งแกร่งที่เกิดจากการฝึกวิชานี้ได้ เขานั้นได้รับการฝึกจากสำนักกุยหลิง วิชานี้จึงไม่นับเป็นกระไรได้สำหรับเขา

แต่ว่าซ่งจื๋อเกาก็ไม่อยากจะเชื่อว่าพลังจากวิชานี้จะยิ่งใหญ่เมื่อถูกใช้ออกโดยบางคน

เมื่อทั้งสองฝ่ายปะทะกัน ก็มีเสียงกระดูกหักดังทึบให้ได้ยิน ซ่งจื๋อเกาได้รับประสบการณ์เจ็บปวดสุดแสนที่แขนทั้งสองข้างและกรีดร้องออกมา ร่างของเขาปลิวไป เลือดของเขากระเซ็นไปทั่วตอนที่ร่างลอยอยู่กลางอากาศ

“เจ้า... พลังของเจ้า... เจ้ามันปิศาจ!”

เขาหล่นลงกระแทกพื้น เขากรีดร้องเมื่อเห็นตัวเองแขนหัก เขามองที่ฟางหยวนเหมือนฟางหยวนเป็นสัตว์ร้าย

‘พลังของข้าตอนนี้เกือบจะเป็นสองเท่าของคนทั่วไป! นี่ไม่เพียงเหนือกว่าที่เคยมีบันทึกไว้ แต่ยังทำให้พื้นฐานของข้านั้นดีกว่าผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดาทั่วไปมากเพราะผลจากข้าวหยกแดง!’

ฟางหยวนมองภาพเบื้องหน้าแล้วก็เข้าใจได้ว่าทำไมฝีมือเขาถึงได้ดีขนาดนี้

เมื่อผู้ฝึกวิชาประลองกันนั้น ความแตกต่างเพียงเล็กน้อยก็ส่งผลต่อผลลัพธ์ที่ออกมา ซ่งจื๋อเกานั้นเป็น [ผู้ฝึกยุทธ์ (ประตูทองที่ 3)] ร่างกายของเขาไม่ได้ดีเท่าฟางหยวน แล้วเขาก็ไม่ได้ลงมือต่อสู้เองมานานมากแล้ว เขาคุ้นเคยกับการเป็นกัมประโดมากกว่า แล้วเขายังขี้ขลาดนัก ดังนั้นก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายที่จะเป็นฝ่ายแพ้

“เจ้าเป็นใครกันแน่?”

ซ่งจื๋อเกานอนกองอยู่บนพื้น กลอกตามองด้วยความตกใจ “อย่าฆ่าข้า ข้าให้เจ้าได้ทุกอย่าง สมบัติ หรือแม้แต่ตำรายุทธ์...”

“เจ้านี่พูดมากจริง!”

ลึกลงไปข้างใน ฟางหยวนรู้ว่าไม่ควรต่อล้อต่อเถียงมากนักกับศัตรู เขาตรงไปบดขยี้กะโหลกของซ่งจื๋อเกา

“ปัง!”

ร่างของซ่งจื๋อเกานอนแผ่อยู่บนพื้น

“อ๋า!”

“ฆาตกรรม!”

การต่อสู้เกิดขึ้นเร็วมากจนเมื่อคนรับใช้ทั้งหลายมีปฏิกิริยานั้น ฟางหยวนก็ฆ่าซ่งจื๋อเกาไปแล้วเรียบร้อย

“ข้าไม่ใช่ฆาตกร!”

เพราะว่ามีหมวกและผ้าคลุมหน้าปิดปังตัวตนอยู่ เขาจึงไม่ได้คิดจะฆ่าปิดปากพยาน ซึ่งรวมถึงการจัดการกับคนที่กรีดร้องเสียงดังที่สุดจนสลบไป

นี่เป็นหนึ่งความคิดที่เขาได้จากโลกความฝัน

ทุกคนต้องการรางวัลหลังจากจัดการกับตัวการใหญ่ได้

มีแค่ครั้งนี้ที่ฟางหยวนคำนวณผิด

“เจ้าขโมย! เจ้ายังกล้าพูดเช่นนั้นหลังจากฆ่าคนไปอีกรึ!”

“ครึ่ก!”

กรอบประตูหักพังเป็นชิ้น ๆ ปลิวเข้าใส่ฟางหยวนราวกับเม็ดฝน!

ท่ามกลางเศษไม้ที่ปลิวว่อน คนผู้หนึ่งก็พุ่งผ่านเข้ามา เขาชี้นิ้วมือด้านขวาตรงมาที่หว่างคิ้วฟางหยวน

“ฝุ่บ!”

รังสีกระบี่ก่อเกิดเสียงวูบขึ้นเมื่อพุ่งผ่านอากาศ

“เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์!”

ฟางหยวนตอบโต้กลับด้วยฝ่ามือและปะทะเข้ากับคนผู้นั้นกลางอากาศ เขาล้มไปด้านหลังและเหลือบมองคนผู้นั้น

“เจ้าอยู่ที่ประตูทองที่สามรึ?”

คนผู้นั้นสวมเสื้อคลุมสีเขียวหยก สวมสายคาดเอวทองคำและแขวนป้ายหยกเอาไว้ เขาดูอายุน้อยและแต่งตัวดี เขามองที่ฟางหยวนอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะพูด “เจ้าอาจหาญเข้ามาเข่นฆ่ากัมประโดของสำนักกุยหลิงของข้า  เจ้ากล้าดีอย่างไร!”

ฟางหยวนมองรอยแดงที่ฝ่ามือของตนแล้วชะงักไปครู่หนึ่ง

จากการฝึกฝ่ามือทรายดำของเขา เขาเกือบจะสำเร็จระดับสูงสุดของวิชานี้แล้ว เขาทนทานต่อการจู่โจมจากหมัดธรรมดา แต่ไม่ใช่จากกระบี่

แต่คราวนี้ฝ่ามือของเขาเจ็บปวดมาก

“ข้าไม่คิดเลยว่าซ่งจื๋อเกาจะมีคนแบบนี้อยู่ข้างตัว คนผู้นี่น่าจะอยู่ระดับประตูทองที่สี่หรือห้า!”

ฟางหยวนประเมินอำนาจของศัตรูของเขาต่ำเกินไป และศัตรูของเขานั้นเป็นผู้มีอำนาจมากผู้หนึ่ง ดูเหมือนว่าศัตรูของเขาจะฝึกวิชามาเป็นระยะเวลานานและมีร่างกายแข็งแกร่ง ก่อนนี้ เขาสามารถจัดการกับซ่งจื๋อเกาได้ด้วยกระบวนท่าง่าย ๆ แต่คราวนี้เขาอาจจะแพ้ถ้าต้องประมือกับศัตรูผู้นี้

“ไม่กล้าพูดสินะ?”

ในตอนนี้เอง ศัตรูก็เข้าถึงตัวเขาอย่างใจเย็น “ไม่เป็นไรถ้าเจ้ายังไม่อยากพูดตอนนี้ ข้าจะจัดการกับเจ้าและทรมานเจ้าจนกว่าจะพูดด้วยสิบทัณฑ์ทรมานของสำนักกุยหลิง ข้าก็ไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าจะทนได้สักแค่ไหน... คนที่สังหารคนของข้าต้องชดใช้!”

“คนของเจ้า?”

ฟางหยวนถามด้วยเสียงแหบพร่า “เจ้าคือซ่งอวี้เจว๋?”

“โอ้? รู้จักข้าด้วย?”

ซ่งอวี้เจว๋สงสัยขึ้นมา

“ฟู่ว...”

ฟางหยวนไม่ตอบคำถามเขา แต่ผ่อนลมหายใจยาว

ถ้าเขาต้องประมือกับอัจฉริยะผู้อื่น เขาคงวิ่งหนีไปแล้ว

แต่ถ้าเป็นซ่งอวี้เจว๋?

พูดตามตรงเลย ซ่งจื๋อเกานั้นเป็นแค่ลูกน้องของซ่งอวี้เจว๋ ซ่งอวี้เจว๋คือคนที่ต้องรับผิดชอบที่แท้จริง!

“ดี ข้านี่โชคดีจริง ๆ เลยวันนี้!”

ฟางหยวนแบบมือทั้งคู่ออก ก่อนนี้ ฝ่ามือของเขานั้นอยู่ในสภาพดีราวกับหยกขาว ตอนนี้ฝ่ามือของเขาเป็นรอยแตกยับ

“เจ้าคงภูมิใจมากสินะที่สามารถฝึกฝ่ามือทรายดำถึงระดับนี้ได้ แต่กำลังภายนอกของเจ้านั้นอ่อนแอยิ่งนัก เจ้าจะเอาตัวของเจ้ามาเทียบกับพลังฟ้าของสำนักกุยหลิงข้าได้อย่างไร?”

ซ่งอวี้เจว๋ออกปากเยาะเย้ย ยกนิ้วมือขวาขึ้นชี้ตรงไปทางฟางหยวนเหมือนกระบี่ “ลิ้มรสวิชากระบี่ของสำนักกุยหลิงของข้าซะ!”

“รังสีกระบี่!”

ดวงตาของฟางหยวนจับจ้องที่นิ้วของอีกฝ่าย

เป็นพลังที่ออกมาจากพลังภายในระดับสูงและวิชากระบี่ชั้นยอด ซ่งอวี้เจว๋นับเป็นผู้มีพรสวรรค์อย่างแท้จริงที่สามารถฝึกได้ถึงระดับนี้

ถึงตอนนี้ ไม่มีหนทางให้ถอยกลับแล้ว ฟางหยวนไม่ได้คิดไว้เลยว่าเขาจะสามารถหนีจากผู้ฝึกยุทธ์ที่ระดับประตูทองที่สี่หรือห้าได้ เขาจ้องมองด้วยสายตาดุดัน ก่อนจะชกออกไปเหมือนคนบ้า “ทรายดำไร้สิ้นสุด!”

“ปัง!”

พลังจากฝ่ามือถูกพลังจากวิชากระปี่ทำลายลงอย่างง่ายดาย และซ่งอวี้เจว๋ก็รู้สึกถึงพลังจากฟางหยวนแค่เล็กน้อย

ซ่งอวี้เจว๋กดสายตาลง และเห็นรอยสีดำเล็ก ๆ ที่หลังมือของตน เขามองที่ฟางหยวนที่มีบาดแผลใหญ่ที่หน้าอก สีหน้าเปลี่ยนไป “เจ้ากล้าทำร้ายข้า?”

“ไม่เพียงแค่นั้น...ฮ่าฮ่า...ข้าไม่ใช่แค่ทำร้ายเจ้า แต่จะฆ่าเจ้าด้วย!”

ฟางหยวนหัวเราะแม้ว่าจะต้องกระอักเลือดออกมา

เมื่อต้องประมือกับคนที่มีร่างกายแข็งแกร่งเป็นสองเท่าของคนทั่วไป ความสามารถในการรักษาตัวของเขายังน่าตื่นตะลึง อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าการบาดเจ็บภายนอกนั้นไม่ได้ดูสาหัสมาก

“ทำไมเจ้าถึงยังไม่ยอมรับว่าเจ้าผิดไปแล้ว!”

ซ่งอวี้เจว๋เดินตรงมา มือขวาสั่นระริก เส้นแสงพลังที่ดูราวกับงูเลื้อยพันรอบนิ้วของเขาราวกับกระบี่คด!

หลังจากได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากฟางหยวน เขาก็ตัดสินใจว่าจะลงมืออย่างจริงจัง

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังไม่ได้ใช้พลังของเจ้าอย่างเต็มที่ คราวนี้ข้าโชคดีจริง ๆ ...ฮ่าฮ่า...”

ฟางหยวนรู้สึกโชคดีมาก

เขารู้ว่าต่อให้ตนเองได้เปรียบมากแล้วจากการมีพืชวิญญาณ แต่เขาก็ยังด้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับผู้มีพรสวรรค์จากสำนักยุทธ์

ถ้าซ่งอวี้เจว๋ใช้กระบี่คดนี่จู่โจมฟางหยวนตั้งแต่แรก เขาก็คงตายไปแล้ว

“โชคของข้าจริง ๆ...”

ซ่งอวี้เจว๋ขมวดคิ้ว

ไม่ว่าอย่างไร เขาก็รู้สึกว่าคนลึกลับผู้นี้ไม่มีโอกาสโต้กลับแล้วแท้ ๆ

แต่เมื่อตอนที่เขากำลังเตรียมจะออกกระบวนท่าใส่แขนของฟางหยวนและเค้นความจริงจากเขา เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ปกติ

“มือขวาของข้า... ชา...”

เขาจ้องที่รอยดำบนหลังมือก่อนจะพูด “เจ้าวางยาพิษข้า?! อำมหิตนัก!”

“ตอนนี้เราต่างสู้ตายกันไปข้าง ไม่มีคำพูดเช่นผู้ใดอำมหิตกว่ากันหรอก!”

ฟางหยวนค่อย ๆ ขยับมาด้านหน้าและเห็นใบหน้าของซ่งอวี้เจว๋เปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ ซ่งอวี้เจว๋รีบกินยาต้านพิษ “เจ้าไม่จำเป็นต้องกินหรอก ข้าได้ทดสอบพิษนี้แล้วและพิษชนิดนี้สังหารผู้ฝึกยุทธ์ที่ระดับประตูทองที่สามได้อย่างง่ายดาย...”

ซ่งอวี้เจว๋ล้มลงบนพื้นทันทีที่ฟางหยวนพูด เขารู้สึกหวาดกลัวเมื่อเห็นมือของตนค่อย ๆ เปื่อยยุ่ยไปกับตา

เขาถูกพิษงูจูเหว่ยกลายพันธุ์

หลังจากฝึก [ฝ่ามือทรายดำ (ระดับ 3)] สามารถใช้พิษร่วมในการจู่โจมธรรมดาได้ ฟางหยวนย่อมไม่ปรานีและตัดสินใจใช้พิษงูจูเหว่ยร่วมกับฝ่ามือทรายดำของเขาเนื่องจากเขามีบัญชาพญายมเป็นยาต้านพิษอยู่

ผลที่ได้นั้นน่าตระหนกและผู้มีพรสวรรค์เช่นซ่งอวี้เจว๋ที่ไม่ได้ระมัดระวังตัวมาก่อนก็พ่ายแพ้ไป

“ฝ่ามือทรายดำ... กับพิษ? เจ้าเป็นศิษย์ของโข่วเฟิง?”

ซ่งอวี้เจว๋คำรามเสียงลั่น “อ๊ากก... เจ้าต้องตาย บิดาข้าจากสำนักกุยหลิงจะตามหาเจ้า!”

“จนจะตายแล้วแต่เจ้าก็ยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้สินะ?”

ฟางหยวนขยับไปด้านหน้าและคลายความเจ็บปวดของเขาให้ด้วยการออกกระบวนท่าฝ่ามือใส่ศีรษะของซ่งอวี้เจว๋จนตายไป

“การใช้พิษประกอบกับฝ่ามือทรายดำดูเหมือนจะเป็นวิธีพิเศษ จึงมีแต่โขว่เฟิงผู้คิดค้นวิชาและลูกศิษย์ของเขาที่รู้วิธีนี้สินะ?”

คำพูดสุดท้ายของซ่งอวี้เจว๋ทำให้ฟางหยวนประหลาดใจได้นิดหนึ่ง

เมื่อแรกที่เขาเริ่มฝึกฝ่ามือทรายดำ ก็มีข้อความบอกความเป็นไปได้ในการใช้พิษร่วมกับฝ่ามือ และหลังจากพัฒนาวิชาไปได้ระดับหนึ่ง มันก็กลายเป็นวิชาประจำตัวเขา

“นี่เป็นผลข้างเคียงของระบบหรือเปล่า? พอข้าฝึกวิชาถึงขีดจำกัด ก็จะพบความสามารถที่ซ่อนไว้?”

แต่ว่ามีหลักฐานพิสูจน์ข้อสันนิษฐานนี้น้อยนิดตอนนี้เขาจึงยังได้แต่เดาเท่านั้น

“แต่ตอนนี้ ข้าคงต้องรีบหนีออกจากที่นี่แล้ว!”

เขาสังเกตรอบตัว

เพราะว่าเขาสังหารคนไปถึงสองศพ เคหาสน์ตระกูลซ่งตอนนี้จึงอยู่ในสภาพโกลาหล มีทั้งเสียงร้องไห้และเสียงกรีดร้องจากที่ด้านหลัง คนรับใช้จำนวนมากหนีออกไปทางประตูใหญ่

‘วุ่นวายเกินไป และดึงดูดความสนใจจากผู้อื่นนัก!’

ฟางหยวนทิ้งความคิดที่จะเข้าไปด้านหลังเพื่อขโมยของมีค่า เปลี่ยนเป็นค้นศพของซ่งจื๋อเกาและซ่งอวี้เจว๋แทน และพบของมีค่าบางอย่าง โดยไม่กระทั่งดู เขาก็เริ่มออกตัวหนีโดยกระโดดขึ้นบนกำแพง

ก่อนที่จะจากไป เขาจัดการเผาเคหาสน์ของซ่งจื๋อเกาและดูมันย่อยยับไปในเปลวเพลิง

นี่ไม่เพียงเป็นการระบายความโกรธแค้นของเขา แต่ยังเพิ่มความวุ่นวายลงไป ให้ผู้อื่นไปสนใจเหตุเพลิงไหม้และฟางหยวนก็สามารถหลบหนีได้แล้ว

อย่างไรเสีย ทางการจะไม่สนใจเรื่องไฟไหม้ และปล่อยให้ลามไปส่วนอื่นของเมืองได้หรือ?

ควันดำลอยขโมงขึ้นเต็มฟ้า

เขาเติบโตบนภูเขาตั้งแต่ยังเล็ก และสามารถท่องไปตามป่าได้ง่ายดาย

“นี่สนุกยิ่งนัก!”

เขามาถึงลำธารหลังจากหนีมาได้ระยะหนึ่ง ฟางหยวนดื่มน้ำพุเข้าไปเต็มที่ และเผาหมวกและชุดคลุมทิ้ง

บทกลอนหนึ่งจากโลกความฝันปรากฏขึ้นในใจเขา ณ ตอนนี้

‘ทหารหาญห้าพันนาย ภายใต้คำสั่งของแม่ทัพ ลอบเข้าสนามรบ เข่นฆ่าราวกับไม่มีวันพรุ่งนี้’

“แย่จังเลยนะ แม้ว่าจะฆ่าคนพวกนั้นได้อย่างอยากลำบาก แต่ว่าข้าก็พอใจมาก!”

 

 

 

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด