บทที่ 17 ตัวเลือกของหลีจื่อ
บทที่ 17 ตัวเลือกของหลีจื่อ
ช่วงบ่าย หลีจื่อพาสือเสี่ยวไป๋ตระเวนชมรอบเมืองไอรอนทาวน์ ซึ่งเมืองนี้แบ่งอาณาเขตสำคัญไว้เป็น 5 ส่วน มีเขตการปกครองพิเศษ 4 หน่วยงานใหญ่แบ่งปกครองเขตทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศใต้และทิศเหนือ สำหรับพื้นที่ส่วนกลางคือหอประชุมและพื้นที่สาธารณะที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ถึงแม้ว่าชื่อเสียงของ [ไกอา] ในทุกวันนี้จะยังไม่เสื่อมถอย ทว่าก็เคยรุ่งเรืองในเซี่ยกั๋วอยู่ช่วงหนึ่ง ฐาน [ไกอา] ได้ก่อตั้งขึ้นในยุคที่รุ่งเรืองนั้น ด้วยเหตุนี้เครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ในไอรอนทาวน์จึงครบครัน อันที่จริงก็มีครบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นโรงอาหาร ห้างสรรพสินค้า หรือว่าคาราโอเกะ ผับบาร์ ถึงขนาดว่าลานเกมก็ยังมีด้วย
เพียงแต่ "เทคโนโลยีเสมือนจริง" ของโลกใบนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างไม่ธรรมดา ดังนั้นเกมส่วนใหญ่จึงพัฒนาเป็น “เกมเสมือนจริง” เพื่อให้เหล่าฮีโร่ใช้ฝึกฝนความสามารถ สือเสี่ยวไป๋สองตาพร่างพราวคิดอยากจะลองเล่นดูสักหน่อย แต่หลีจื่อไม่ว่างพอที่จะมาเสียเวลาอยู่เป็นเพื่อนเขาในลานเกม จึงได้แต่ลากเขาออกมา สือเสี่ยวไป๋แอบนึกเสียดาย แต่ก็ตั้งใจไว้ว่าคราวหน้าต้องหาโอกาสมาเล่นให้หมดลานเกมเลย
หลีจื่อไปหารถยนต์จากไหนมาก็ไม่รู้ แล้วคนทั้งคู่ก็ขับๆ จอดๆ ตระเวนทัวร์รอบไอรอนทาวน์ตลอดทั้งบ่ายจนเกือบครบทุกส่วนแล้ว และแน่นอนว่าส่วนสำคัญที่สุดที่ต้องแนะนำก็คือเขตการปกครองพิเศษของ [ผู้ทำลาย]
เขตการปกครองพิเศษของหน่วยผู้ทำลายตั้งอยู่ทางทิศใต้ของไอรอนทาวน์ มีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานไม่ต่างไปจากเขตการปกครองพิเศษสามหน่วยที่เหลือ สิ่งสำคัญคือหลีจื่อต้องการให้สือเสี่ยวไป๋เข้าใจโครงสร้างของเขตปกครองพิเศษขั้นแรกก่อน ไม่ใช่พอออกพ้นประตูก็หลงทาง เพียงแต่สือเสี่ยวไป๋จะตั้งใจฟังหรือไม่นั้นเธอก็ไม่อาจรู้ได้
ผลคะแนนการทดสอบความสามารถเด็กใหม่นั้นออกมาตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว มีข้อความเด้งขึ้นในมือถือของหลีจื่อไม่หยุด สือเสี่ยวไป๋ทำให้ [ผู้ทำลาย] ได้รับอันดับที่หนึ่งของการจัดอันดับเด็กใหม่รอบนี้ไปอย่างไม่มีข้อกังขา อีกทั้งยังเป็นเด็กใหม่ระดับ S- คนที่สองของปีนี้ด้วย ถ้าหากว่าในการทดสอบความสามารถนั้น สือเสี่ยวไป๋สามารถทำคะแนนได้อีกสักหน่อย ก็อาจจะได้สักระดับ S หรือกระทั่งระดับ S+ ก็เป็นได้ อันที่จริงคุณสมบัติ S คู่ของเขานั้นหลายปีกว่าจะปรากฎบนโลกใบนี้สักคน ซึ่งสำหรับ [ไกอา] แล้วยิ่งถือว่าเป็นครั้งแรกเลยตั้งแต่ก่อตั้งองค์กรมา
ยังมีอีกข้อความหนึ่งที่ออกจะมีกลอุบายแฝงอยู่ จากการตรวจสอบขององค์กรแล้ว ปรากฎว่าข้อมูลตัวตนของสือเสี่ยวไป๋ว่างเปล่า! นี่หมายถึงว่าขนาดหน่วยข่าวกรองของ [ไกอา] เองก็ยังไม่สามารถระบุข้อมูลตัวตนของสือเสี่ยวไป๋ได้ เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมันมีความเป็นไปได้เพียงสองข้อคือ ข้อหนึ่งตัวตนของสือเสี่ยวไป๋เป็นความลับเกินกว่าอำนาจของ [ไกอา] จะรู้ได้ ข้อสองสือเสี่ยวไป๋ออกมาจากห้วงอากาศ ข้อแรกดูเป็นเรื่องเกินจะเชื่อถือได้ ส่วนข้อหลังก็ยิ่งกว่าคำโกหกน่าขันเสียอีก
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร [ไกอา] ไม่มีทางปล่อยเด็กใหม่ระดับเทพที่ร้อยปีจะโผล่มาให้เห็นสักครั้งคนนี้ไปง่ายๆหรอก แม้จะต้องใช้วิธีการล้างสมองเพื่อให้สือเสี่ยวไป๋รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนของ [ไกอา] ก็ตาม
ขนาดว่ามีสองข้อความส่งมาหาเธอ แต่ออกดูจะขัดแย้งกันเพราะเรื่องนี้อยู่ ข้อความแรกส่งมาจากหัวหน้าระดับสูงของ [ไกอา] ในเนื้อความบอกให้หลีจื่อปกป้องตัวเองให้ดีแต่กลับแฝงด้วยคำสั่งให้เธอพยายามทำให้สือเสี่ยวไป๋ยินยอมเป็นคนขององค์กรให้ได้ อีกความหมายหนึ่งคือขอร้องให้หลีจื่อเล่นกับความรู้สึกของสือเสี่ยวไป๋ หลอกล่อให้เขาหลงรักเธอ อ่านข้อความนี้แล้วหลีจื่อรู้สึกอยากหัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมกันทั้งยังรู้สึกโมโหอยู่ไม่น้อย
ส่วนอีกข้อความหนึ่งค่อนข้างจะรักษาบาดแผลในใจของหลีจื่ออยู่บ้าง คือข้อความที่ส่งมาจากบิดาของเธอเอง ในข้อความของบิดานั้นได้เขียนด่าสือเสี่ยวไป๋มายกหนึ่ง พร้อมออกสั่งเข้มให้เธอออกห่างจากสือเสี่ยวไป๋ อีกทั้งแสดงเจตจำนงว่าปัญหาขององค์กรตนจะเป็นคนจัดการเอง ให้เธอตั้งใจทำเรื่องของตัวเองให้ดี อย่าได้ทำให้ตนต้องขายหน้า
หลีจื่อรีบอธิบายแก้ไขข้อเข้าใจผิดพร้อมทั้งบรรยายสือเสี่ยวไป๋ที่ตัวเองรู้จักตอบกลับข้อความบิดาทันที หลังจากที่บิดาของเธอได้รับข้อความนั้นก็รีบตอบกลับมาทันที “ยังมีเด็กซื่อบื้อแบบนี้อยู่จริงเหรอ?”
หลีจื่อถึงกับหลุดขำกลิ้ง ระเบิดเสียงหัวเราะลั่นก่อนพิมพ์ข้อความเกี่ยวกับเรื่องราวที่ตนได้เห็นถึงความซื่อบื้อของสือเสี่ยวไป๋อีกยกใหญ่ส่งไป สักพักหนึ่งเธอก็อารมณ์ดีขึ้นอย่างมาก
ต่อมาหลีจื่อได้ส่งข้อความหาหัวหน้าระดับสูง อธิบายอย่างละเอียดว่าสือเสี่ยวไป๋เป็นเด็กบริสุทธิ์จิตใจดีคนหนึ่ง อีกอย่างเธอเองก็เห็นสือเสี่ยวไป๋เป็นแค่น้องชายเท่านั้น
หัวหน้าระดับสูงตอบกลับมาเร็วมาก เป็นข้อความที่ทำให้หลีจื่อปวดหัวเป็นที่สุด ใจความหลักๆ คือองค์กรตัดสินใจให้หลีจื่อทำหน้าที่เป็นติวเตอร์ให้กับสือเสี่ยวไป๋ และเนื่องจากที่พักสำหรับเด็กใหม่ไม่เพียงพอ จึงจะให้สือเสี่ยวไป๋พักอยู่กับหลีจื่อเป็นการชั่วคราวก่อน อีกทั้งใช้เหตุผลว่า “น้องชายพักบ้านพี่สาวถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม”
ตามหลักแล้ว [ไกอา] จะต้องจัดหาติวเตอร์ที่เหมาะสมหนึ่งคนให้กับเด็กใหม่ระดับ A ขึ้นไป เพื่อช่วยชี้แนะและช่วยเหลือเด็กใหม่ระดับ A ขึ้นไปในช่วงระยะแรกๆ โดยทั่วไปแล้วเหล่าที่ปรึกษานี้จะให้อาสาสมัครหนุ่มสาวขององค์กรเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนฐานะของหลีจื่อนั้นค่อนข้างพิเศษเพราะไม่เพียงเป็นคุณหนูของตระกูลวังทักษิณ แต่ยังเป็นพอนทัสแห่งมหาสมุทรในรุ่นนี้ด้วย หากยึดตามฐานะของเธอแล้วก็ไม่จำเป็นต้องทำหน้าที่ที่ปรึกษาเด็กใหม่เลย จึงเห็นได้ชัดว่าเป็นการจัดฉากอย่างจงใจของหัวหน้าระดับสูง
เรื่องที่พักเด็กใหม่ไม่พอนี่ยิ่งห่วยแตกชะมัด เป็นถึงองค์กรฮีโร่ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศเลื่องชื่อถึงระดับนานาชาติแล้ว แค่เรื่องห้องพัก [ไกอา] จะหาไม่ได้เลยหรือไง? ข้ออ้างแบบนี้ช่างเสแสร้งเกินไปแล้วล่ะ! เห็นชัดว่านี่เป็นการจงใจบังคับให้สือเสี่ยวไป๋พักที่เดียวกับเธอหน่ะสิ!
หลีจื่อรู้สึกโกรธจนแทบจะปามือถือทิ้ง อันที่จริงด้วยฐานะของเธอแล้วหากจะปฏิเสธไปตรงๆ หัวหน้าระดับสูงก็ไม่มีทางทำอะไรได้ ไม่เช่นนั้นหัวหน้าระดับสูงคงไม่มีทางใช้น้ำเสียงเชิงเจรจาหรอก ถึงขนาดที่ต้องยกข้ออ้างแย่ๆ แบบนี้มาใช้
ทว่าหลีจื่อกลับไม่ได้ปฏิเสธทันควัน เธอครุ่นคิดพิจารณาอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจตกลงกับข้อเสนอของหัวหน้าระดับสูงขององค์กร จะว่าไปอย่างแรกสือเสี่ยวไป๋ก็เป็นคนที่เธอพามา ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของเธออย่างแน่นอน อย่างที่สองเธอก็ไม่ได้รังเกียจที่จะอยู่ร่วมกับสือเสี่ยวไป๋ อีกอย่างสือเสี่ยวไป๋ก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง ที่บ้านของเธอนั้นความจริงก็ยังมีห้องว่างหลายห้อง อย่างที่สามเธอรู้สึกเป็นกังวลอยู่หน่อยๆ ว่าหากตัวเองปฏิเสธไปแล้วองค์กรจะไปหาสาวน้อยน่ารักคนอื่นมาหว่านเสน่ห์สือเสี่ยวไป๋แทน ถึงตอนนั้นคงจะรู้สึกผิดกับสาวน้อยที่ถูกองค์กรบังคับคนนั้นอยู่มากเลยทีเดียว
สือเสี่ยวไป๋ทำให้หัวหน้าระดับสูงไม่ลังเลที่จะทำถึงขั้นนี้ได้ ดูท่าคุณสมบัติของเขาน่าตกใจอยู่ไม่น้อย หลีจื่อไม่ต้องการให้สือเสี่ยวไป๋กลายเป็นเหยื่อในการต่อสู้ของพวกชนชั้นบริหารอันเน่าเฟะของ[ไกอา] เธอตระหนักว่าตนเองมีหน้าที่ต้องปกป้องเด็กหนุ่มวัยสิบสามปีคนนี้ประดุจพี่สาวคนหนึ่ง
......
ตลอดทางหลีจื่อเอาแต่คิดหมกหมุ่นเรื่องนี้ สือเสี่ยวไป๋เองก็มัวแต่คิดเรื่องของตัวเองอยู่ในใจเช่นกัน ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกับหลีจื่อ ภาพเหตุการณ์ที่เธอจับปีศาจซาฮัตตันมาสับเป็นชิ้นๆ ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวของเขาไม่จางหาย ในตอนนั้นเขาได้บอกกับตัวเองไว้ว่า สาวน้อยผู้นี้คือฮีโร่ที่เขาเฝ้าตามหามาโดยตลอด เขาจะต้องทำให้เธอมาเข้าร่วมทีมฮีโร่เสี่ยวไป๋ให้จงได้
ณ เวลานี้ ในที่สุดเขาก็ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ ดังนั้นความปรารถนาอีกสิ่งหนึ่งในใจก็พลันผุดขึ้นมา แต่ด้วยต้องสงวนท่าทีของราชาไว้ สือเสี่ยวไป๋จึงได้แต่อดทนไม่เอ่ยปากจนมื้อค่ำได้ผ่านพ้นไป แล้วตามหลีจื่อกลับไปยัง “บ้าน” ที่เขาต้องพักอาศัยนับตั้งแต่วันนี้ไป มันเป็นบ้านที่มีโครงสร้างเป็นเปลือกเหล็กห่อหุ้มอันแสนอบอุ่น จนกระทั่งหลีจื่อเปิดทีวีจอแก้วขนาดสี่สิบนิ้ว เขาเห็นฮีโร่ในลีกกำลังทยอยลงสนามประลอง นั่นเป็นฉากการต่อสู้ที่จริงจังและงดงามเหลือเกิน จวบจนหลีจื่อเตรียมตัวเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ ท้ายที่สุดสือเสี่ยวไป๋ก็ไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป เขารีบคว้ามือของเธอขึ้นก่อนระบายความต้องการที่เก็บซ่อนลึกไว้ในใจออกมา
“ฉันอยากแข็งแกร่ง โปรดช่วยฉันที”
สือเสี่ยวไป๋ไม่ได้ตระหนักเลยว่าอนาคตของตัวเองนั้นจะถูกรัศมีอย่างไรล้อมรอบ จะมีพลังอำนาจหรือผลประโยชน์มากน้อยเพียงใดวิ่งตาม เขารู้เพียงว่า ณ เวลานี้ตัวเขาเป็นเพียงคนธรรมดา เป็นคนอ่อนแอไร้กำลังความสามารถต่อหน้าซาฮัตตันตนนั้นเช่นเดิม ด้วยเหตุนี้เขาจึงอยากจะแข็งแกร่งขึ้น และสาวน้อยตรงหน้า เธอคนที่เป็นสมาชิกของทีมฮีโร่เสี่ยวไป๋ เป็นคู่หูของเขา เป็นคนที่เขาหวังว่าจะสามารถช่วยเขาได้
วินาทีนี้ สือเสี่ยวไป๋ไม่ได้เรียกตัวเองว่า “ข้า” ดวงตาสดใสเจิดจ้า ประดุจเดือนดาราสุกสกาวเต็มท้องนภา
นาทีนั้น เมื่อหลีจื่อมองเห็นแววตาของชายหนุ่มก็รู้สึกว่าตนเองโชคดีมากที่ได้เลือกตอบตกลงกับคำขอขององค์กร