บทที่ 17 ชี กึม บู ทอ กัล เต กา จี กา บุล กา
บทที่ 17 ชี กึม บู ทอ กัล เต กา จี กา บุล กา
เรื่องที่เย่เลี่ยนไปกับหลิงม่อด้วย แม้ซย่าน่าจะรู้สึกสงสัยนิดหน่อย แต่ต้องขอบอกว่าตอนที่พวกเขาล่าถอยออกมา สีหน้าสงบนิ่งเจือรอยยิ้มของหลิงม่อนั้น ทำให้ในใจซย่าน่ารู้สึกช็อกมากจริงๆ
สำหรับคนอื่นที่เหลือต่างคนต่างก็มีความคิดไม่เหมือนกัน...
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเรื่องที่หลิงม่ออาสาช่วยเหลือเสี่ยงอันตรายอย่างใหญ่หลวงนี้ ก็ยังคงทำให้หลายคนรู้สึกซาบซึ้งใจ จนบางคนถึงกับแอบรู้สึกละอายใจและเสียใจที่เคยเกิดความรู้สึกต่อต้านหลิงม่อมาก่อน
แต่หลิงม่อที่เวลานี้ยืนอยู่ที่เดิมไม่ได้ครุ่นคิดถึงเรื่องเหล่านี้ในสมองเลย สำหรับเขาแล้ว ไม่ว่าคนอื่นจะมองเขาอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเหล่านี้ที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา เขาสามารถมองข้ามไปได้ทั้งหมด สิ่งสำคัญคือทำในสิ่งที่ตัวเขาอยากจะทำโดยที่ไม่มีอะไรต้องละอายใจ
แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือ สำหรับหลิงม่อแล้วเรื่องนี้เป็นอันตรายต่อชีวิตหรือไม่
คำตอบคือไม่! ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าในภูเขามีเสืออยู่ แล้วยังจะกระโดดเข้าไปรนหาที่ตาย เรื่องพรรค์นี้หลิงม่อไม่ทำหรอก! ถึงแม้ปมฮีโร่จะปะทุขึ้นสักแค่ไหน ก็ไม่มีทางทำให้เขาวิ่งไปรนหาที่ตายเสียเปล่าๆ หรอก
หลังจากพวกซย่าน่าหายไปกันหมดแล้ว หลิงม่อก็ลูบจมูกแล้วเดินเข้าไปในร้านขายโทรศัพท์มือถือร้านหนึ่งที่อยู่ด้านข้างราวกับเดินช้อปปิ้ง
ตอนที่เพิ่งมาถึงที่นี่ ซอมบี้สามสี่ตัวด้านในนี้ก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวและพุ่งถลาออกมา แต่แล้วก็ถูกซย่าน่าจัดการฆ่าเรียบ กลายเป็นซากนอนตายขวางอยู่ที่หน้าประตูทางเข้า หลิงม่อกันเย่เลี่ยนให้อยู่ข้างนอก ส่วนตัวเขาเดินข้ามซากซอมบี้เข้าไปในร้าน
นับตั้งแต่เกิดหายนะจนถึงตอนนี้ สาธารณูปโภคทั้งหมดล้วนใช้การไม่ได้ ไม่เว้นแม้แต่อุปกรณ์สื่อสาร แต่สิ่งที่หลิงม่อมองหาไม่ใช่โทรศัพท์มือถือธรรมดาทั่วไป แต่เป็นมือถือที่มีสมรรถนะสูง เรียกว่าโทรศัพท์มือถือลอกเลียนแบบแบบพกพา!
โชคดีที่ร้านขายโทรศัพท์มือถือร้านนี้ไม่ได้ขายแค่ยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่ง มีขายหมดทุกยี่ห้อเลย แล้วหลิงม่อก็ค้นเจอโทรศัพท์มือถือที่มีแบตเตอรี่อยู่เต็มสามสี่เครื่องในเคาน์เตอร์ที่ระเกะระกะ จากนั้นเดินออกจากร้านด้วยความพอใจ
ได้อุปกรณ์เสียงมาแล้ว ถ้าเขาโยนมือถือพวกนี้ลงไปบนพื้น ก็จะสามารถดึงดูดซอมบี้จำนวนหนึ่งมาได้ แต่ยังไม่เพียงพอที่จะดึงดูดซอมบี้ตลอดทั้งถนนได้ นอกจากนี้การทำแบบนี้ก็เป็นอันตรายสำหรับตัวเขาเองอย่างมาก ลองคิดดู ทันทีที่เสียงดังขึ้น ซอมบี้จากทั่วทุกสารทิศก็จะมารวมตัวกัน ถึงแม้เย่เลี่ยนจะไม่เป็นไรเวลายืนอยู่ท่ามกลางฝูงซอมบี้ แต่ตัวเขาล่ะจะวิ่งหนีไปที่ไหนได้
ยิ่งไปกว่านั้นในเมื่ออาสารับหน้าที่แล้ว เขาก็จะต้องทำให้ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นไม่เสียดายความสามารถที่เขามีอยู่หรอกเหรอ
ใช่แล้ว สำหรับคนธรรมดาทั่วไป ภารกิจเช่นนี้มีความเป็นไปได้ที่จะไม่รอดชีวิตสูงถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่สำหรับหลิงม่อแล้ว มันค่อนข้างง่ายทีเดียว...
เริ่มแรกเขาค่อยๆ เดินไปยังถนนอย่างระมัดระวัง แล้วใช้ความสามารถในการควบคุมหุ่นซอมบี้มาควบคุมซอมบี้สามตัว
แต่เพื่อไม่ให้พวกซย่าน่าที่ไม่รู้หลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหนมาเห็นเข้า หลิงม่อจึงจงใจเลือกมุมบอดมุมหนึ่ง แล้วค่อยสั่งการให้ซอมบี้สามตัวนั้นเดินมาอยู่ตรงหน้าเขา
“มานี่ เอาไปคนละเครื่อง”
หลิงม่อยิ้มแปลกๆ แล้วแจกโทรศัพท์มือถือให้กับซอมบี้พวกนี้
เขาตั้งใจคัดเฉพาะซอมบี้หนุ่มที่แข็งแรงมีพลัง ทั้งนี้พวกเขาจะได้เคลื่อนไหวได้เร็วขึ้นหน่อย
หลังจากมองดูสถานการณ์บนถนนใหญ่ทีหนึ่งแล้ว หลิงม่อก็ควบคุมซอมบี้พวกนี้ให้ถือโทรศัพท์มือถือและเดินกลับไปบนถนนใหญ่ ส่วนเขาซ่อนตัวอยู่ที่มุมบอดนี้กับเย่เลี่ยน ในใจก็คำนวณระยะห่างระหว่างตัวเขาและหุ่นซอมบี้เหล่านี้ไปด้วย
ว่ากันตามเหตุผลแล้ว เวลาที่ควบคุมซอมบี้สามตัวพร้อมกัน ระยะห่างในการควบคุมย่อมลดลงตามไปด้วย แต่หลังจากผ่านการวิวัฒนาการแล้ว ความแข็งแกร่งทางพลังจิตของหลิงม่อก็ไม่เหมือนกับแต่ก่อนแล้ว
สามสิบเมตร...ห้าสิบเมตร...หนึ่งร้อยเมตร...หนึ่งร้อยห้าสิบเมตร...สามร้อยเมตร!
หลิงม่อที่ใบหน้าซีดขาวขมวดคิ้วพลางเช็ดเหงื่อเย็นๆ บนศีรษะ “ระยะห่างสูงสุดอยู่ที่สามร้อยเมตร...แล้วก็อยู่ในสภาพที่เกือบจะหลุดจากการควบคุมอยู่แล้ว แต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว”
หลิงม่อเบนสายตาไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลนัก ในใจก็คิดแผนอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ทันที
ระยะห่างแนวตรงระหว่างเขาและโรงพยาบาลอย่างมากก็ไม่เกินหนึ่งร้อยเมตร...
“เริ่มได้!”
หลิงม่อควบคุมซอมบี้สองตัวให้เดินไปอีกด้านหนึ่งของถนนใหญ่ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้ จนกระทั่งหัวเขาแทบจะระเบิดออกถึงได้หยุดเดิน แล้วชั่ววินาทีที่หนึ่งในซอมบี้กดปุ่มเพลย์ หลิงม่อก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเป็นลมไปจริงๆ
โทรศัพท์มือถือลอกเลียนแบบสมัยนี้มักจะต้องมีเพลงๆ หนึ่งอยู่ในนั้น แถมยังเสียงดังกังวานอีกต่างหาก!
หลังจากกดปุ่มเพลย์ มันก็จะเงียบอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเสียงสนั่นหวั่นไหวจนหูแทบหนวกก็ดังขึ้นมาทันที “ชี กึม บู ทอ กัล เต กา จี กา บุล กา! กา! กา! กา! กา!”
ทันทีที่เสียงเพลงดังขึ้น เจ้าซอมบี้ตัวนี้ก็วิ่งพุ่งไปที่ประตูทางเข้าโรงพยาบาลทันทีราวกับลูกธนู
ซอมบี้ตัวอื่นๆ ที่เดินเตร่อยู่บนถนนเบนความสนใจมาที่เครื่องเสียงเดินได้ตัวนี้แทบจะในทันที จากนั้นไม่นานพวกมันก็ส่งเสียงคำรามที่ไม่มีความหมายออกมาจากลำคอและพุ่งกระโจนเข้าใส่ในฉับพลัน
แล้วก็เป็นอย่างที่หลิงม่อคาดเอาไว้ มีซอมบี้อยู่บนถนนมากมายเหลือเกินจริงๆ หุ่นซอมบี้ตัวนี้ยังเดินไปได้ไม่ถึงครึ่งทางก็ถูกฝูงซอมบี้พุ่งชนจนล้มลง ส่วนเสียงเพลงก็เงียบหายไปอย่างรวดเร็ว
แต่ไม่เป็นไร หลิงม่อได้ยกเลิกการควบคุมซอมบี้ตัวนี้ไปเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้วินาทีที่เสียงเพลงหายไป โทรศัพท์มือถือเครื่องที่สองก็ดังขึ้นทันที
เพลงเดียวกัน การเคลื่อนไหวเหมือนกัน แต่ดึงดูดฝูงซอมบี้ได้มากกว่าและไกลกว่าเดิม อีกทั้งยังพาซอมบี้ที่เดินโงนเงนอยู่ไกลๆ พวกนั้นมาที่ตรงหน้าด้วย
เพียงไม่นานบริเวณที่อยู่ห่างจากหลิงม่อร้อยกว่าเมตรก็แทบจะเต็มไปด้วยเหล่าซอมบี้!
เมื่อโทรศัพท์มือถือเครื่องที่สามดังขึ้น ทิศทางของเสียงกลับไม่ได้มาจากท่ามกลางซอมบี้พวกนี้ แต่มาจากประตูทางเข้าโรงพยาบาล!
ขณะที่ควบคุมซอมบี้สองตัวนั้น หลิงม่อก็ได้ควบคุมซอมบี้ตัวที่สามให้เดินไปที่ประตูทางเข้าโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้วินาทีที่โทรศัพท์มือถือเครื่องที่สองถูกทำลาย ซอมบี้ตัวที่สามก็กดปุ่มเพลย์
ซอมบี้ฝูงใหญ่พุ่งไปทางโรงพยาบาลทันที ภาพอันน่าตื่นเต้นนี้ทำให้หลิงม่อที่กำลังสังเกตการณ์ผ่านมุมมองของซอมบี้ตัวที่สามอดที่จะตัวสั่นเทิ้มไม่ได้
ซอมบี้พวกนี้ไม่เหมือนกับในภาพยนตร์ พวกมันทั้งรวดเร็วและโหดร้ายอำมหิต เวลาที่ซอมบี้พุ่งเข้ามาฝูงใหญ่ขนาดนี้ มันให้ความรู้สึกช็อกที่ไม่ธรรมดาเลย!
ทว่าพอเห็นฝูงซอมบี้ที่มารวมตัวกันเกิดการเคลื่อนไหว หลิงม่อก็ควบคุมซอมบี้ตัวที่สามให้วิ่งเข้าไปในโรงพยาบาลทันที
ซึ่งภายในโรงพยาบาลเองก็มีซอมบี้อยู่เป็นจำนวนมากเช่นกัน ถึงแม้ซอมบี้ตัวที่สามจะกระโดดไปซ้ายทีขวาทีตามที่หลิงม่อบังคับควบคุม แต่สุดท้ายก็ถูกสกัดกั้นอยู่ที่โถงผู้ป่วยนอก
คงเป็นเรื่องที่ยากมากที่คนเป็นๆ จะได้มีประสบการณ์การถูกคนสามสี่ร้อยคนวิ่งไล่ห้อมล้อม แล้วก็ไม่มีทางรู้ว่าเวลาที่มีมือนับไม่ถ้วนยื่นมาหาตัวเองจะรู้สึกอย่างไร และก็ยิ่งไม่อาจเข้าใจว่าตอนที่เบิกตาดูตัวเองถูกฉีกเป็นชิ้นๆ มีรสชาติอย่างไร แต่เพื่อที่จะถ่วงเวลาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หลิงม่อจำต้องอดทนกับความรู้สึกเช่นนี้
ซอมบี้ไม่มีความรู้สึกเจ็บ ช่างเป็นความโชคดีในความโชคร้ายเสียจริงๆ...
นอกจากนี้ในระหว่างนี้เองโทรศัพท์มือถือเกือบจะร่วงลงพื้นอยู่หลายครั้ง แต่หลิงม่อก็รวบรวมพลังจิตของตัวเองอย่างเต็มที่ และคอยสับเปลี่ยนเป้าหมายการควบคุมอยู่เรื่อยๆ ซึ่งก็ยืดเวลาออกไปได้สามสี่นาทีเลยทีเดียว!
สามสี่นาทีเป็นระยะเวลาที่สั้นมาก แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงซอมบี้นับร้อย เวลาสามสี่นาทีนี้ก็มากพอที่ผู้คนเรือนร้อยจะถูกจับฉีกเป็นชิ้นๆ ในพริบตา
ซึ่งสำหรับหลิงม่อแล้ว นี่เป็นการทดสอบพลังจิตและความรวดเร็วในการตอบสนองทางจิตครั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง
สำหรับซย่าน่าและพวกเพื่อนๆ แล้ว ทันทีที่เสียงเพลงดังขึ้น พวกเขาก็รู้สึกช็อกไปในทันที!
“นี่มันรนหาที่ตายชัดๆ!” ซย่าน่าขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโมโห เธอถือมีดยาวแล้วพุ่งออกจากตึกเล็กๆ ที่เป็นที่หลบซ่อนชั่วคราวทันที คนอื่นๆ ไม่สามารถรั้งตัวเธอไว้ได้ทัน
แต่พอเธอเห็นเหตุการณ์บนท้องถนนจากไกลๆ เธอก็ตกใจช็อกไปในทันที!
ภาพซอมบี้หลายร้อยตัววิ่งพุ่งไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากจะเคยเห็นตอนที่เพิ่งเกิดหายนะใหม่ๆ แล้ว ก็ไม่ค่อยได้พบเจออีกเลย...อีกทั้งมันยากที่จะจินตนาการว่านี่เป็นฝีมือของมนุษย์เรานี่เอง!
ในชั่วขณะหนึ่ง ในใจซย่าน่าทั้งรู้สึกตื่นตกใจและดีใจ ขณะเดียวกันก็เปี่ยมไปด้วยความกังวล!
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมากังวล...หลังจากพลิกมือไปฆ่าซอมบี้สามสี่ตัวด้านหลังที่ถูกเสียงดึงดูดมาเรียบร้อยแล้ว ซย่าน่าก็รีบวิ่งขึ้นข้างบนทันที “โอเคแล้ว ไปกันเถอะ!”
“เร็วขนาดนี้เลยเหรอ”
“ผ่านไปได้จริงๆ น่ะเหรอ”
“น่ารำคาญจริง คนเขาอุตส่าห์เสี่ยงชีวิตเคลียร์ทางให้เรา ยังไม่รีบอีก!”
ไม่ใช่ว่าบนถนนจะไม่มีซอมบี้แล้ว ในทางกลับกันยังมีซอมบี้ที่ซ่อนตัวในที่มืดอีกจำนวนหนึ่งถูกดึงดูดออกมา แต่การที่สุดท้ายหลิงม่อดึงดูดซอมบี้ส่วนใหญ่เข้าไปในโรงพยาบาล ทำให้พวกเขาหลีกเลี่ยงการปะทะซอมบี้จำนวนมากได้
ดังนั้นตอนนี้ไม่อาจพูดได้ว่าบนถนนปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็เดินผ่านไปได้ง่ายกว่าเดิมมากทีเดียว
ตอนที่ซย่าน่าพาพวกเพื่อนๆ วิ่งพุ่งมาที่ถนน พวกเขาไม่พบหลิงม่อ ทว่าสนใจแต่เหตุการณ์ที่ซอมบี้ส่วนใหญ่ล้วนพุ่งเข้าไปในโรงพยาบาล
หรือว่าหลิงม่อกับเย่เลี่ยนจะเข้าไปในโรงพยาบาล นั่นไม่เท่ากับเป็นการฆ่าตัวตายเหรอยังไง!
ซย่าน่ากระวนกระวายใจจนกระทืบเท้า แต่เธอก็ไม่อาจเมินเฉยทิ้งคนกลุ่มนี้ที่อยู่ด้านหลังได้ ขณะที่กำลังลำบากใจอยู่นั้นเอง เธอก็เห็นหลิงม่อที่เหงื่อโชกท่วมหัวพาเย่เลี่ยนที่สีหน้าเรียบเฉยวิ่งออกมาจากซอยเล็กๆ ซอยหนึ่ง
“เร็ว! รีบวิ่งเร็ว! ถึงขีดจำกัดของฉันแล้ว!”
ทันทีที่หลิงม่อพูดจบ ก็ได้ยินเสียงดังสนั่นลอยมาจากโรงพยาบาล เศษกระจกนับไม่ถ้วนร่วงลงมาจากชั้นสอง พร้อมกับมีซอมบี้สิบกว่าตัวตกลงมาด้วย ในขณะเดียวกันประตูทางเข้าของโรงพยาบาลก็ถูกอัดเบียดจนแตกละเอียด ซอมบี้จำนวนหนึ่งสังเกตเห็นพวกซย่าน่าทันทีและวิ่งพุ่งตรงเข้าหาพวกเขา
“วิ่ง!”
ซย่าน่าไม่มีเวลาที่จะถามไถ่อะไรทั้งสิ้น ในสถานการณ์เช่นนี้ แม้เธอจะไม่ตะโกนบอก คนกลุ่มนี้ก็วิ่งหนีกันสุดชีวิตอยู่แล้ว
เพราะขอเพียงถูกดึงตัวไว้ พวกเขาก็จะถูกซอมบี้นับร้อยๆ ตัวเข้ารุมล้อมจนหนีไปไหนไม่ได้!
......................................................................