ตอนที่แล้วบทที่ 16 พลังของม่วง (4)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 18 ค่าตอบแทนความดี (2)

บทที่ 17 ค่าตอบแทนความดี (1)


บทที่ 17 ค่าตอบแทนความดี (1)

 

        เมื่อเข้าสู่ตลาดทาสทางประตูใหญ่โดยทั่วไปจะมีคนอยู่แค่สองประเภท ประเภทแรกคือมาขาย อีกประเภทคือมาซื้อ ผู้ที่มาขายย่อมเป็นพวกพ่อค้าหรือคนที่ครอบครัวขัดสนจนต้องขายตัวเองหรือลูกชายลูกสาวอย่างหมดทางเลือก ส่วนผู้ที่มาซื้อ กลับเป็นพวกขุนนางชั้นผู้ใหญ่และเศรษฐี แต่ไม่ว่าประเภทไหนก็ยากจะเกิดความรู้สึกอยากทำบุญทำทาน พ่อค้าเห็นแก่ผลประโยชน์จึงไม่สนใจขอทาน คนยากจนแค่ตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่น สำหรับเหล่าขุนนางทั้งหลาย สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือพวกขอทานจะมาทำให้เสื้อผ้าหรูหราของตนสกปรก ฉะนั้นการที่ขอทานคนนี้เลือกมาขอทานที่นี่ เห็นชัดว่าไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดนัก หากร่างกายของเขาแข็งแรงกว่านี้สักหน่อย ไม่แน่ว่าอาจถูกเอาไปเป็นทาสไว้ค้าขาย แต่เขาซูบผอมมากจริงๆ ในสายตาของพ่อค้าที่ค้าขายทาสพวกนั้น เขาถึงกับมีค่าน้อยกว่าน้ำล้างตัว

 

ครั้งแรกที่เห็นขอทาน อินจู๋ผู้มีจิตใจบริสุทธิ์แอบคิดในใจ ดูท่าทางเขาเหมือนจะตัวใหญ่พอๆ กับข้า แต่ว่าเขากลับซูบผอมขนาดนี้ สามขวบไม่มีแม่ สิบขวบถูกพ่อทิ้ง ช่างเป็นเคราะห์กรรมที่น่าเวทนาอะไรอย่างนี้! ความรู้สึกสงสารเอ่อล้นขึ้นมา จึงเดินไปหยุดลงตรงหน้าขอทานคนนั้นโดยไม่รู้ตัว

 

ขอทานน้อยเห็นว่าตรงหน้ามีคนมาหยุดยืน ดวงตาจึงเป็นประกายทันที “คุณชาย คุณชายกรุณาบริจาคทานด้วยเถิด”

 

“เอ้านี่” อินจู๋หยิบเหรียญทองทั้งหมดที่ตัวเองเก็บติดตัวไว้เตรียมซื้อวิลเดอร์บีสต์ออกมาจากอก ประมาณสามสิบกว่าเหรียญได้ สองมือประคองไปไว้ตรงหน้าขอทานน้อย ก่อนวางลงในมือของเขาที่ยื่นออกมา

 

ขอทานน้อยตะลึงงัน สิ่งที่เขามองเห็นคือนัยน์ตาสีดำที่แจ่มใสไร้ซึ่งมลทินคู่นั้น ไม่รู้ว่าทำไม ความรู้สึกส่วนลึกภายในใจสั่นระรัวเล็กน้อย เพียงแต่ไม่นานก็ถูกแทนที่ด้วยความยินดีเมื่อได้รับเหรียญทอง

 

“ขอบคุณขอรับ ขอบคุณขอรับคุณชาย” สองมือสั่นระริก เขาแทบจะยัดเหรียญทองเข้าไปในอกอย่างรวดเร็วท่ามกลางความตื่นตระหนก การเคลื่อนไหวว่องไวจนแม้แต่อินจู๋ยังสะดุ้ง

 

“รีบลุกขึ้นเถอะ พื้นมันเย็น” ระหว่างที่พูด อินจู๋ก็ดึงมือสองข้างของเขาเอาไว้โดยไม่สนใจว่ามือของอีกฝ่ายจะสกปรกแม้แต่น้อย เขาสัมผัสได้ว่านั่นเป็นมือที่อ่อนนุ่ม แม้มือจะเล็กมาก แต่นิ้วมือกลับเรียวยาวอย่างยิ่ง

 

ตอนนี้ขอทานน้อยก้มหน้าลง ใต้แสงอาทิตย์สาดส่อง จึงมองเห็นแหวนมิติที่ส่องประกายบนนิ้วของอินจู๋พอดี มือบอบบางและคล่องแคล่วของเขาสั่นระริกเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นยืนตามแรงฉุดของอินจู๋แล้วกล่าวอย่างซาบซึ้งใจว่า “คุณชาย ขอบคุณขอรับ ท่านช่างเป็นคนดีจริงๆ” เพราะขณะลุกขึ้นยืนเคลื่อนไหวแรงเกินไป ร่างกายของเขาจึงสัมผัสกับอินจู๋เล็กน้อย ตอนที่อินจู๋ออกแรงจับมือพยุงเขาไว้ มือบอบบางและเรียวยาวของเขาก็แอบลูบเบาๆ พลางทำอะไรบางอย่างลับๆ

 

อินจู๋ยิ้มออกมา รอยยิ้มอ่อนโยนและเมตตาปานทูตสวรรค์ เขารู้สึกสุขสบายในใจ คิดกับตัวเองว่าที่แท้การช่วยเหลือคนทำให้รู้สึกดีอย่างนี้นี่เอง “ลาก่อน” เขาโบกมือให้ขอทานน้อย แล้วจึงเดินเข้าไปในตลาดทาส

 

พอมองแผ่นหลังของอินจู๋หายลับไป ดวงตาของขอทานน้อยก็ฉายแววดิ้นรนเล็กน้อย ก่อนกัดฟันมุ่งไปอีกทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็มุดหายไปท่ามกลางฝูงชน

 

ตลาดทาสแบ่งออกเป็นเจ็ดเขต เขตนอกสุดคือสถานที่ค้าขายทาสประชาชนชั้นต่ำ เมื่ออยู่ที่นี่ ต่อให้เป็นทาสมนุษย์ที่แข็งแรงก็มีราคาแค่ห้าสิบเหรียญทองเท่านั้น เขตถัดไปคือสถานที่ค้าขายสัตว์เวทชั้นต่ำ อีกห้าเขตต่อจากนั้น ขณะที่เดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ ของที่ค้าขายก็จะราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน แน่นอนว่าในเมืองเล็กเช่นลัวร์คงไม่มีของมีค่าขายมากนัก มีแต่ตลาดทาสในเมืองใหญ่เท่านั้นถึงจะมีของดีจริงๆ อย่างเช่นมังกรเลี้ยงและหญิงงามเผ่าพราย

 

พอเย่อินจู๋เข้าสู่ตลาดทาส ความรู้สึกแรกคือเสียงดังจอแจ เสียงต่างๆ นานาดังต่อเนื่องกันเป็นระลอกอยู่ข้างหูเขา ที่นี่ใหญ่มาก ชั่วครู่หนึ่ง เขาที่ไร้ซึ่งประสบการณ์จะรู้ได้อย่างไรว่าต้องไปซื้อวิลเดอร์บีสต์ที่ไหน จึงรีบเดินเข้าไปถามชายวัยกลางคนที่เดินผ่านมาตรงหน้าว่า “สวัสดีครับคุณลุง ขอถามหน่อยว่าที่นี่มีวิลเดอร์บีสต์ขายไหม?”

 

ชายวัยกลางคนดูท่าทางน่าจะอายุประมาณสี่สิบกว่าปี สวมเกราะหนังสีดำอันงดงามประณีต ตำแหน่งอกซ้ายประทับตราดาบและโล้ไขว้กัน บนนั้นยังพันล้อมด้วยภาพพุ่มไม้มีหนาม รูปร่างสูงใหญ่เท่ากับม่วง ข้างหลังแบกดาบหนักสองมือยาวถึงหนึ่งเมตรครึ่งเล่มหนึ่ง

 

“เจ้าอยากซื้อวิลเดอร์บีสต์เรอะ! ข้าก็กำลังจะไปซื้อพอดี ข้าจะพาเจ้าไปเองแล้วกัน” ชายวัยกลางคนกล่าวอย่างเปิดเผย

 

“ดีจัง ขอบคุณครับคุณลุง” อินจู๋ขอบคุณชายวัยกลางคนอย่างมีมารยาท บุคลิกสง่างามที่หล่อหลอมบ่มเพาะออกมาท่ามกล่างเสียงพิณตลอดหลายปีเผยออกมาโดยธรรมชาติ รวมกับรูปลักษณ์ภายนอกอันหล่อเหลาของเขา ทำให้เกิดความรู้สึกที่ดีได้ง่าย

 

ชายวัยกลางคนพาอินจู๋เดินเข้าไปข้างในตลาดทาส เดินไปพลางเอ่ยถามไปพลางว่า “น้องชาย ข้าชื่อเกิร์น เจ้าชื่อว่าอะไร? มาจากไหน?”

 

“ข้าชื่อเย่อินจู๋ มาจากอาร์คาเดีย”

 

“ชื่อเจ้าแปลกจัง อ้อ พวกเรามาถึงแล้ว” ระหว่างที่พูดเกิร์นก็ชี้ไปยังคอกใหญ่มหึมาข้างหน้า

 

พอเข้าไปในคอกม้า กลิ่นเหม็นสาบที่ลอยมาเตะจมูกก็ทำให้อินจู๋อดขมวดคิ้วมุ่นไม่ได้ เขาคุ้นชินกับอากาศสดชื่นในทะเลโพรงมรกต สภาพแวดล้อมที่สกปรกแบบนี้ทำให้รู้สึกไม่สบอารมณ์จริงๆ ภายในคอกม้ามีวิลเดอร์บีสต์อยู่ประมาณหลายสิบตัว พ่อค้าม้ากำลังถกราคากับบรรดาลูกค้า

 

ดูเหมือนว่าเกิร์นจะคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมแบบนี้มาก “ตลาดทาสเมืองลัวร์ก็เป็นอย่างนี้ล่ะ ถ้าวันหลังเจ้าไปตลาดทาสในเมืองใหญ่ก็จะได้เห็นคอกม้าใหญ่เป็นพิเศษ ที่นั่นถึงจะมีวิลเดอร์บีสต์ชั้นเยี่ยม อย่างน้อยก็มีให้เลือกได้หลายร้อยตัว”

 

พ่อค้าม้าดูเหมือนจะรู้จักเกิร์น เมื่อเห็นเดินเข้ามาได้สักครู่ก็แยกตัวออกมาต้อนรับ “อ้าว นี่ท่านหัวหน้าหน่วยเกิร์นไม่ใช่รึ ว่ายังไง พวกท่านออกเดินทางอีกแล้ว? วิลเดอร์บีสต์พวกนี้เพิ่งมาใหม่ทั้งหมด เลือกไปสักตัวแล้วกัน”

 

เกิร์นแค่นหัวเราะแล้วกล่าวว่า “ฮาเธอร์ วิลเดอร์บีสต์ของเจ้าระดับไหนข้าไม่รู้หรือไง? ช่างเถอะ เลือกตัวที่แข็งแรงหน่อยให้ข้าสักยี่สิบตัว เอ้อ จริงสิ เลือกให้น้องชายคนนี้สักตัวด้วย”

 

ฮาเธอร์รีบยิ้มพลางขานรับแล้วไปเลือกวิลเดอร์บีสต์อย่างรวดเร็ว เวลาเพียงครู่เดียว วิลเดอร์บีสต์ยี่สิบเอ็ดตัวก็ถูกจูงเข้ามา เห็นชัดว่าเกิร์นเป็นลูกค้าประจำของเขา จึงไม่ได้ไปเลือกดูอย่างถี่ถ้วนอีก ก่อนจะล้วงถุงเงินออกมาจากอก “จ่ายเหมือนเดิม สองตัวห้าเหรียญทอง นี่ห้าสิบเหรียญทอง เจ้าลองนับดู”

 

ฮาเธอร์รับถุงเงินแล้วสอดเข้าไปในอก ยิ้มพลางกล่าวว่า “นับอะไรกัน ข้ายังไม่เชื่อใจท่านอีกหรือ? หน่วยทหารรับจ้างหนามเหล็กของพวกท่านคือหน่วยทหารรับจ้างที่ประจำการอยู่เพียงหนึ่งเดียวในเมืองลัวร์ของเรา”

 

เกิร์นหัวเราะเจื่อนๆ แล้วกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าข้าชอบอยู่ในที่เฮงซวยนี่เรอะ? ไม่มีความสามารถพอก็ไม่มีทางอยู่ในเมืองใหญ่พวกนั้นได้ เอาเถอะ น้องชายคนนี้ข้าพามาเอง เห็นแก่หน้าข้าเถอะ ขายให้เขาถูกๆ หน่อย สองเหรียญทองก็พอแล้ว น้องชาย เจ้าเลือกจากในยี่สิบเอ็ดตัวนี้เอาเองก็แล้วกัน ถึงไม่ใช่วิลเดอร์บีสต์ชั้นดีอะไร แต่ของฮาเธอร์พลังความทนทานไม่เลวเลย”

 

อินจู๋ย่อมมองออกว่าราคาที่เกิร์นซื้อวิลเดอร์บีสต์เป็นราคาลด “ขอบคุณครับ ลุงเกิร์น” เหรียญทองที่เขาพกติดตัวให้ขอทานน้อยเมื่อครู่นี้ไปหมดแล้ว จึงกระตุ้นพลังจิตไปหยิบเงินจากแหวนมิติโดยไม่รู้ตัว ทว่าชั่วขณะต่อมาสีหน้าบนใบหน้าของเขากลับแข็งทื่อ

 

สองมือยื่นออกมา นิ้วมือทั้งแปดของเขาว่างเปล่า เหลือเพียงรอยที่แหวนทิ้งไว้บนนิ้วข้างที่สวมแหวนมิติ

 

“อ้าว! แหวนมิติของข้าหายไปแล้ว” อินจู๋ร้องอุทานอย่างตกใจ ความรู้สึกตื่นตระหนกแล่นเข้ามาในใจอย่างฉับพลัน แหวนมิติมีค่าในตัวมันเองอยู่แล้ว แต่สำหรับเขา สิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าคือคือพิณห้าตัวในแหวนมิติ! แล้วยังมีเหรียญทองที่เหลือกับจดหมายที่ฉินซางให้แก่เขารวมอยู่ในนั้นทั้งหมดด้วย ตอนนี้แหวนมิติหายไป เขาก็กลายเป็นคนยากจนทันที

 

“น้องชาย นี่เจ้า...” เกิร์นก็สะดุ้งตกใจกับปฏิกิริยาฉับพลันของอินจู๋เช่นกัน

 

อินจู๋ไม่ได้ตอบ นัยน์ตาสีดำอันแจ่มใสประกายแววเย็นเยือก เมื่อหลับตาทั้งคู่ลง รัศมีสีแดงอ่อนก็แผ่ซ่านจากบริเวณหว่างคิ้วของเขาเงียบๆ ก่อเกิดเป็นดาวเวทมนตร์หกแฉกสีแดงเข้มเบื้องหน้าเขา

……………………………………….

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด