ตอนที่ 61 ขอบคุณสำหรับของขวัญ
เฟิงจุนกับพวกของเขามาถึงช้าไป เมื่อเขาเห็นเลือดบนหน้ากากหานเซี่ยว ปฏิกิริยาแรกเขาคือการถามอาการ
“คุณบาดเจ็บ?”
“คุณตาบอดรึไง?”หานเซี่ยวชี้ไปยังรอยถากตรงแก้มเขา
“ดีแล้ว..”เฟิงจุนถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนมองหานเซี่ยวอย่างขอโทษ พวกเขาล้มเหลวในหน้าที่
“มันไม่ใช่ความผิดคุณ”หานเซี่ยวปลอบใจ
“ชายคนนี้คือมือสังหารจากองค์กรต้นกำเนิด”เขาอธิบาย ชี้ไปยังศพของนอซ่า“เขาคือมือสังหารที่ไม่เคยพลาด”
“นอซ่า คอนเนอร์?!”
นอซาเป็นที่หวาดกลัวกันไปทั่วใน6ประเทศ ครั้งหนึ่ง เขาเคยยิงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของมังกรดารากลางวันแสกๆแม้จะมีความปลอดภัยสูง
เมื่อยืนยันตัวของศพ ความตกใจของเฟิงจุนก็เปลี่ยนเป็นประหลาดใจ
“เดี๋ยว เขามาเพื่อฆ่าคุณ..แต่คุณกลับฆ่าเขาแทน?!คุณแข็งแกร่งจริงๆงั้นหรอ?!”
“คุณเพิ่งรู้ตัว?”
หานเซี่ยวเหลือบมองเขาก่อนตรวจสอบหน้าต่างสถานะเพื่อรับรางวัล
บัตรเรียกตัวละคร : ท่านสามารถใช้ความสามารถของตัวละครนี้ได้ครั้งหนึ่ง
ตัวละคร : นอซ่า คอนเนอร์
ความสามารถ : พลังลวงตา(E)-เฉพาะเป้าหมายที่มีสติปัญญาต่ำกว่า50หน่วย
จำนวนการใช้งาน : 0/1
บัตรเรียกตัวละครค่อนข้างแปลกในกาแล็กซี่ พวกมันจะหาได้จากภารกิจพิเศษเท่านั้น และคุณสมบัติพวกมันก็คือการช่วยให้ผู้เล่นสามารถใช้ความสามารถของNPCได้ ในกาแล็กซี่ ผู้คนเลือกทำไร่นาและขายสิ่งนี้แลกเงิน แต่มันก็มีแค่ผู้เล่นรวยๆที่สามารถใช้พวกมันได้ตามใจชอบ แม้จะไม่ใช่สไตล์ของหานเซี่ยว แต่มันก็ถือเป็นเครื่องมือที่ดี
โชคดี หานเซี่ยวได้ยัดแต้มสถานะลงสติปัญญาไปจนหมด ไม่อย่างนั้น เรื่องราวคงแตกต่างออกไป
‘องค์กรต้นกำเนิด ขอบคุณสำหรับของขวัญ!’
ท่านต้องการรับรางวัลตอนนี้หรือไม่?
ใช่/ไม่
‘ใช่’
มันคือของ’ใช้’ที่สามารถเก็บไว้ในหน้าต่างสถานะได้ ทำให้หานเซี่ยวดึงมันออกมาตอนไหนก็ได้ตามใจชอบ
ในขณะเดียวกัน ดาบคลั่งก็ยังคงพยายามเข้าใจสถานการณ์ เมื่อเขาใช้คุณสมบัติตรวจสอบกลุ่มคนชุดดำ เขาก็ตระหนักว่าพวกเขาข้องเกี่ยวกับ’แผนกป้องกันมังกรดารา’ เขาอดมองหานเซี่ยวอย่างสงสัยไม่ได้
“คุณรู้จักเขา?”เฟิงจุนถามหานเซี่ยวขณะชี้ดาบคลั่ง
“ไม่ต้องสนใจเขา”
หานเซี่ยวปาดเลือดบนใบหน้าด้วยผ้าเช็ดหน้าที่เฟิงจุนส่งมาให้เขา และก็ต้องขมวดคิ้ว
“หากนอซ่าพบผม งั้นก็หมายความว่าองค์กรต้นกำเนิดต้องรู้แล้วว่าผมอยู่ไหน”
“ไม่จำเป็น”เฟิงจุนตอบ”แผนกข่าวกรองได้ปิดตายเครือข่าย อะไรก็ตามที่เอ่ยถึงคุณจะถูกบล็อคไม่ให้ส่งออก
“แน่ใจนะ?”
เฟิงจุนพยักหน้า
“แต่...นอซ่าต้องไม่ได้ทำงานคนเดียวอย่างแน่นอน เขาต้องส่งข้อมูลให้สายลับที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวงทุกคน มันคงเป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น”
หานเซี่ยวเริ่มวิ่งออกจากตรอก
“เห้ คุณจะไปไหน?”เฟิงจุนร้องถาม“ผมยังต้องนำตัวคุณไปยังสำนักงานใหญ่เพื่อซักถาม!”
“ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว!รีบส่งเรื่องขอให้ปิดทางเข้าออกเมืองทั้งหมด!”
มันเป็นไปได้ นอซ่าอาจรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนจากสายลับในเมืองและนั่นทำให้นอซ่าตรงมาหาเขาทันที ในกรณีเช่นนั้น มันก็ไม่สายเกินไปที่จะดำเนินการ!
หานเซี่ยวรู้ดีว่าใครคือหัวหน้าของเครือข่ายลับนั่น เหตุผลที่เขาไม่ลงมือจนถึงตอนนี้เพราะองค์กรต้นกำเนิดย่อมส่งคนมาแทนที่ ในทางตรงกันข้าม การปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามยังมีชีวิตถือเป็นข้อได้เปรียบ
การตายของนอซ่าจะยืนยันถึงตัวตนของหานเซี่ยวในเมืองหลวงตะวันตก แต่หากเขาสามารถหยุดข้อมูลไม่ให้รั่วไหล องค์กรต้นกำเนิดย่อมไม่อาจระบุตำแหน่งเขาได้
แน่นอน ทั้งหมดนี่เป็นแค่การคาดเดาคร่าวๆ มันเป็นไปได้ที่สายลับจะออกนอกเมืองเพื่อไปส่งข่าวแล้ว อย่างไรก็ตาม มันก็คุ้มค่า
“หลี่ย่าหลิน บอกคนอื่นให้มาพบฉันที่เขต8 นี่คือพิกัด....อย่าลืมขับรถมาละ!”
“ในสลัม?!ฉันเดาว่าอย่างน้อยก็ต้องเป็นร้านอาหาร!”
“ไม่มีเวลาแล้ว ทำตามที่ฉันบอก!”
หลังวางสาย หานเซี่ยวก็ทุบกระจกรถยนต์ที่อยู่ใกล้สุดและกระโดดเข้าไป
เจ้าของที่กำลังโทรศัพท์อยู่ข้างรถเขาได้ยินเสียงกระจกแตก เขาตกใจ รีบวิ่งไปยังฝั่งคนขับและคว้าคอเสื้อหานเซี่ยว
“แก!ออกมาเดี๋ยวนี้!”
วินาทีต่อมา เขาก็พบว่าตัวเองถูกกระชากลงไปในรถครึ่งตัว หัวเขาจมอยู่กับพวงมาลับ ทำให้เสียงแตรรถดัง
“มาพอดีเลย!”
หานเซี่ยวเริ่มหากุญแจรถยนต์ของเจ้าของรถยนต์ หลังพบมัน เขาก็ผลักเจ้าของรถออกไปอย่างไร้มารยาทและขับรถออกไปไกล
ขณะที่เจ้าของรถนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่กับพื้น เขาก็ตะโกนเสียงดัง“บ้าเอ้ย โจรสมัยนี้มันขโมยรถกันอย่างนี้แล้วหรอวะ?!”
…
เมื่อหานเซี่ยวขับผ่านไฟจราจรด้วยความเร็วสูง ในไม่ช้าเขาก็ได้ยินเสียงไซเรนของตำรวจ
“รถคันหน้า หยุดเดี๋ยวนี้!”เจ้าหน้าที่ตำรวจตะโกนบนรถมอเตอร์ไซค์เขา
หานเซี่ยวโยนใบอนุญาติขับขี่ของเจ้าของรถออกนอกหน้าต่างและตะโกนกลับ“หักแต้มไปตามต้องการเลย!”
เจ้าหน้าที่ตามหานเซี่ยวไปตลอดทางจนถึงเขต8 ที่หานเซี่ยวลงจากรถอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำการอยู่รีบวิ่งมาขวางเส้นทางเขา
“หยุด อย่าขยับ!”
หานเซี่ยวกลอกตาอย่างไม่พอใจ เขาสับหลังมืออย่างรวดเร็ว ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหมดสติไป
ผ่านตรอกซอยที่คดเคี้ยว-หลังกำจัดพวกอันธพาลไปสามคน หานเซี่ยวก็มาถึงโบสถ์ขนาดเล็กที่ทรุดโทรม ตอนนี้มันถูกใช้เป็นสถานที่หลบภัยของคนจรจัดบางคน
ในยุคสงคราม ศาสนาใช้ความเชื่อเป็นเครื่องมือบงการจิตคนจำนวนมาก จนถึงจุดหนึ่ง โบสถ์นี้ก็รวบรวมผู้ศรัทธาได้หลายล้ายคน
อย่างไรก็ตาม ‘ผู้ไถ่บาป’ที่พวกเขาเชื่อกลับไม่เคยปรากฏ ดังนั้น ท้ายที่สุดผู้คนก็พากันหยุดเชื่อ
มีคนจรอยู่มากในโบสถ์ แต่เมื่อหานเซี่ยวไม่อาจเห็นคนที่เขากำลังหา เขาก็คว้าตัวคนที่อยู่ใกล้สุดขึ้นมาและถาม“เคยเห็นชายตัวสูง ไว้หนวดเคราพร้อมรอยสักรูปหมาป่าสีแดงบนหลังมือไหม?”
คนจรจัดตัวสั่นเมื่อเห็นคราบเลือดบนตัวหานเซี่ยว
“คุณหมายถึงลู่ เกอ?”เขาตอบ“เราเรียกเขาว่า’ไร้ลิ้น’เพราะเขาไม่เคยพูด ผมคิดว่าเขาคงไปที่ไหนสักแห่งตั้งแต่บ่าย”
บ่าย?
แม้กระทั่งประชาชนทั่วไปก็ยังต้องผ่านการตรวจสอบจากหนึ่งในสามด่านก่อนออกนอกเมืองหลวงได้ ด้วยความที่มันเพิ่งบ่าย2 หานเซี่ยวก็ยังมีโอกาสหยุดยั้งเขาได้
เขาไม่อาจพึ่งแผนก13เพื่อออกคำสั่งได้ แม้พวกเขาจะเต็มใจ มันก็ต้องใช้เวลาเพื่อตัดสินใจ ตอนนั้น ลู่เกอคงออกนอกเมืองหลวงไปแล้ว
หานเซี่ยวขมวดคิ้ว ลู่เกออยู่ทางออกไหนกันแน่?
ปล.มันส์ๆ