ตอนที่แล้วบทที่ 38 แม่มดผู้สื่อสารกับมังกร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 40 ชื่อของเจ้าคือ...

บทที่ 39 มังกรที่น่าสงสาร


บทที่ 39 มังกรที่น่าสงสาร

เบื้องหน้าปรากฏมังกรขนาดมหึมาตัวหนึ่ง ร่างกายของมันสูงใหญ่ยิ่งกว่ามังกรแดงของไอช่าอยู่นิดหน่อย แต่รูปลักษณะของมันกลับแตกต่างกว่ามังกรแดงตัวนั้นมาก  เกล็ดแข็งทั่วร่างของมันมีร่องรอยบาดลึกมากมาย คล้ายดั่งพึ่งรบพุ่งทำสงครามกับอะไรบางอย่างมาได้ไม่นาน พอมองดูให้ชัดแน่แล้ว กลับพบว่าตัวมันเองไม่ได้อยู่ในสภาพที่สู้ดีสักเท่าไรนัก ที่บอกว่าจำศีลอยู่คงจะไม่ใช่เรื่องจริง มันเหมือนกับกำลังเก็บตัวเพื่อเยียวยาบาดแผลตนเองเสียมากกว่า

“มีใครบางคนทำร้ายมัน”

ไอช่ากล่าวด้วยเสียงที่แผ่วลง ในฐานะของสตรีผู้สื่อสารกับมังกรได้ เธอย่อมรับรู้ความรู้สึกของมันได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะทั้งความอัปยศ โศกเศร้า อับอาย หรือโกรธเกรี้ยว ล้วนรวมอยู่ภายในใจของมังกรดำตัวนี้ ทั้งชีวิตไอช่านั้นเห็นมังกรมานับพันตัว เธอยังเคยเดินเข้าไปในรังของมังกรแล้วพบกับลูกมังกรมากมายที่อาศัยอยู่ร่วมกัน แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่ได้เจอกับมังกรที่เต็มไปด้วยความรู้สึกด้านลบนานานับประการถึงเพียงนี้

“มีคนมาถึงที่นี่...ก่อนพวกเรา”

ฟาร์ชูลันกล่าวสรุปเช่นนั้นเมื่อมองเห็นสภาพการณ์ตรงหน้า มังกรดำตัวนั้นแม้นจะยกร่างอันใหญ่โตขึ้น กางปีกใหญ่ออกแล้วคำรามเสียงดังใส่ แต่เมื่อดูจากภาพรวมแล้วกลับรู้สึกเหมือนตัวมันไม่ได้มีใจคิดอยากจะต่อสู้ สิ่งที่มันแสดงออกคือความระแวดระวังภัยที่มีต่อผู้บุกรุกต่างหาก

“ไอช่า”

“อืม”

แม่มดผู้พี่เรียกชื่อผู้เป็นน้องสาวขึ้นหนึ่งคำโดยไม่กล่าวอะไรต่อ ไอช่าพยักหน้ารับคำเพราะรู้ถึงความหมายที่พี่สาวต้องการจะสื่อออกมา เธอก้าวนำออกไปข้างหน้าโดยไม่สนใจเสียงร้องอันเกรี้ยวกราดที่มังกรดำปล่อยออกมา กระทั่งพลังเวทมนตร์ยังไม่มีท่าทีจะรวบรวมออกมาใช้ นี่ไอช่าอยากตายหรือยังไง?

รอคอยอยู่นานก็ยังไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากของไอช่า แต่ทว่ามังกรดำกลับเริ่มมีท่าทีสงบลงอย่างเห็นได้ชัด ปีกที่กางออกกว้างเริ่มลดลงกลับมาแนบข้างลำตัวเหมือนเดิม สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความฉงนให้กับสองหนุ่มเป็นอย่างมาก

“ไอช่าเริ่มคุยกับมังกรแล้ว” เป็นฟาร์ชูลันที่ตอบคลายข้อสงสัยของทั้งสองคน

“คุย? ไม่เห็นจะพูดอะไรเลยนี่”

“แม่มดกับมังกรมีพลังเวทที่ไม่แตกต่างไปจากกัน แต่แม้จะเป็นอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะสื่อสารกันรู้เรื่อง ไอช่าเกิดมาพร้อมกับพลังเวทเหนือขอบเขตที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว เธอสามารถคุยกับมังกรผ่านจิตเวทของเธอได้ ซึ่งบนโลกนี้คงไม่มีใครอื่นทำได้แบบนี้อีกแล้ว”

คำตอบของฟาร์ชูลันทำให้สองหนุ่มอ้าปากร้องอ๋อออกมาด้วยความเข้าใจ

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ทั้งสองคนกำลังคุยเรื่องอะไรกันสินะ” เป็นเพราะสไปค์เห็นไอช่ากับมังกรยืนนิ่งอยู่นานสองนานจึงอดถามด้วยความสงสัยไม่ได้ แม้ตัวมังกรดำนั้นจะเลิกปล่อยรังสีอำมหิตออกมาแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ไม่อาจประมาทว่าจะไม่มีอะไรเกินเลยเกิดขึ้นมาอีก

“ก็ถ้าให้เดาก็คงจะเป็นการถามก่อนนั่นแหละ ว่าเพราะอะไรมังกรนิลกาฬถึงได้มีบาดแผลเต็มตัวขนาดนั้น หนำซ้ำ...” ฟาร์ชูลันเพ่งสายตาที่ฉาบด้วยพลังเวท จ้องไปยังปากของมังกรนิลกาฬจนพบเข้ากับอะไรบางอย่างที่หายไปจากตรงนั้น

“เขี้ยวมังกรนิลกาฬที่พวกเราจะต้องเอากลับไป...มันหายไปแล้ว”

“อะไรนะ!” สไปค์อุทานออกมา เรื่องนี้ถือได้ว่าสำคัญพอจะทำให้ตกใจได้ เพราะจุดประสงค์ที่พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อมาเอาเขี้ยวมังกรนั่นกลับไปไม่ใช่หรือ? พอเป็นแบบนั้นแล้วสไปค์ก็พยายามใช้สายตาของตนมองไปที่ปากของมังกร ดูตรงจุดที่น่าจะมีเขี้ยวอยู่นั่น และก็ไม่พบอะไรเลยเช่นกัน...

สไปค์ยิ่งเหนื่อยจากการใช้พลังปราณทำลายกฎของมังกรนิลกาฬอยู่ก่อน พอเจอทางตันของภารกิจตรงหน้ายิ่งรู้สึกเหนื่อยล้าไปอีกทั้งกายและใจ เขาทรุดเข่าลงนั่งกับพื้นเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง

หากเป็นเช่นนี้ก็หมดโอกาสที่จะทำภารกิจสำเร็จ และไม่มีทางได้สื่อสารกับฟลอร์เลนเป็นแน่...

สักพักหนึ่งไอช่าก็เดินกลับเข้ามา สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเครียด คิ้วบางยังขมวดเข้าหากันเหมือนกำลังหงุดหงิด

“เขี้ยวมังกรถูกชิงตัดหน้าไปแล้ว”

“เรื่องนั้นพวกเรารู้แล้ว”

“คนที่ชิงไปก็คือราชันย์มารอัชลี่ย์”

“อ้อ อย่างงี้นี่เอง...เดี๋ยวก่อนนะ ช่วยพูดอีกทีซิ” ซิลเวอร์อยากได้ยินอีกครั้ง

“ฉันบอกว่าคนที่ชิงเอาเขี้ยวมังกรตัดหน้าพวกเราไป ก็คืออัชลี่ย์! ไอ้บ้าอัชลี่ย์! เข้าใจรึยัง?” ไอช่าระเบิดอารมณ์ออกมาผ่านเสียงที่ดังก้องไปทั่วท้องถ้ำ สาเหตุที่เธอหงุดหงิดไม่ใช่อื่นใดเลยนอกเสียจากการได้เห็นมังกรที่เธอมองว่าเป็นเพื่อนคู่ใจต้องตกอยู่ในสภาพที่บาดเจ็บมากมายขนาดนี้ แล้วตัวการยังเป็นหัวหน้าใหญ่ของพวกมารที่บุกโจมตีเอทาเนียร์อีกด้วย ไม่ให้โกรธก็คงจะฝืนความรู้สึกเกินไปหน่อย

“มังกรนิลกาฬเล่าให้ฟังว่าก่อนหน้านี้ประมาณเดือนสองเดือนก่อน อัชลี่ย์บุกเข้ามาหาตัวมันพร้อมกับตั้งใจจะช่วงชิงเขี้ยวของมันไป แน่นอนว่าพลังของมังกรไหนเลยจะต้านทานอำนาจของราชันย์มารอย่างอัชลี่ย์ได้ พอถูกช่วงชิงเขี้ยวมังกรไปอัชลี่ย์ก็ทิ้งมันไว้แบบนี้ดื้อ ๆ โดยไม่ฆ่าให้ตาย ซึ่งนั่นถือเป็นการหยามเกียรติมังกรอย่างมันมาก บาดแผลที่อัชลี่ย์สร้างขึ้นยังรักษาไม่หายด้วยซ้ำ ทำให้มันต้องทนอยู่แบบนี้ในสภาพที่ไม่ต่างไปจากมังกรพิการ” ไอช่าเล่าพลางกำหมัดเข้าด้วยกันจนแน่น ความโกรธเริ่มผุดขึ้นทางสีหน้า

“ฉันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกมากมายที่มังกรนิลกาฬมี มันทั้งโศกเศร้าเพียงลำพัง อัปยศอดสูต่อสภาพที่ตัวเองเป็น แล้วยังโกรธเกรี้ยวต่อผู้ที่ทำให้มันกลายเป็นแบบนี้...”

ความรู้สึกของมังกรดำเหมือนส่งผ่านมาถึงไอช่า และไอช่าก็ส่งผ่านความรู้สึกนั้นให้กับทั้งสามคนที่เหลือ เธอทั้งอัปยศแทนมังกร โศกเศร้าแทนมังกร และโกรธเกรี้ยวแทนมังกร ด้วยการสื่อสารผ่านจิตเวททำให้สามารถเชื่อมโยงความรู้สึกถึงกันได้ จึงไม่แปลกเลยถ้าหากเธอจะเข้าใจในตัวมังกรนิลกาฬมากขนาดนี้

สไปค์จ้องมองไปทางมังกรดำตัวนั้น เขาเห็นมังกรที่กำลังสงบลงและเริ่มลดการป้องกันของตัวเองเพราะรับรู้แล้วว่าผู้มาเยือนไม่ได้มีพิษภัยกับตัวมัน แต่อย่างน้อยมันก็ยังไม่ได้สบายใจพอที่จะหลับตาสนิทได้ ดวงตาของมันยังคงจ้องมาทางนี้เป็นพัก ๆ จนสไปค์เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดขึ้นมา เขาเดินออกจากกลุ่มก่อนจะเข้าไปใกล้ตัวมังกรเพียงลำพัง

“เดี๋ยว นายจะทำอะไร?” ไอช่ารีบหันมาพูดกับสไปค์ทันที ซึ่งชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรกลับไปทั้งสิ้นจนไอช่าอดใจหายไม่ได้ “อย่าคิดทำอะไรบ้า ๆ นะ ถ้าไม่ใช่ฉันล่ะก็ ไม่มีทางที่จะคุยกับมังกรได้หรอก นายจะโดนมันฆ่าเอา!”

เดิมทีมังกรไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้ายโดยสันดาน หากแต่สิ่งที่มันทำไม่ว่าจะเป็นการไปทำร้ายมนุษย์นั้นล้วนแต่เกิดขึ้นตามสัญชาตญาณของสัตว์ที่โดนบุกรุกก่อน หรือต้องการหาอาหารเพื่อประทังชีวิตตัวเอง แม้พวกมันจะถือตนเป็นสัตว์มายาที่ยิ่งใหญ่และสูงส่งมากเพียงใด แต่ก็ยังมีความรู้สึกหวาดระแวงอยู่เสมอว่าการคงอยู่ที่มีจะถูกแทรกแซงและทำลายลงในสักวัน

พอเห็นสไปค์ก้าวเท้าเดินเข้ามามันก็ชูคอขึ้น ลำคอส่งเสียงสั่นเครือออกมาเหมือนกำลังขู่ฝ่ายตรงข้าม เดิมทีมันอาจจะคิดว่าชายผู้นี้ก็สามารถสื่อสารกับมันได้เหมือนอย่างที่เด็กสาวก่อนหน้านี้ทำ แต่ไม่เลย ไม่ว่ามันจะสื่อสารกับสไปค์ยังไงก็ไม่ได้มีเสียงตอบอะไรกลับมาทั้งสิ้น ดังนั้นมันจึงล้มเลิกความคิดที่จะสื่อสาร แล้วใช้ขาทั้งสองยันร่างอันใหญ่โตขึ้นก่อนจะทำท่าระมัดระวังอย่างเต็มที่

พลันนั้นความรู้สึกประหลาดบางอย่างกลับเอ่อล้นออกมาจากภายใน มังกรนิลกาฬที่ไม่ได้เข้าใจในการกระทำของชายหนุ่มเบื้องหน้ากลับกำลังรับรู้ว่าเขาคนนี้ไม่ได้มีพิษภัยและจุดประสงค์ร้ายเฉกเช่นคนที่ทำร้ายมันเมื่อเดือนสองเดือนก่อนเลยสักนิด มันลดการป้องกันลงทันที ก่อนจะทำเรื่องที่ทุกคนในที่นี้ต่างก็คาดไม่ถึงออกมา

มันยื่นหน้าของมันเข้ามาใกล้กับตัวของสไปค์ และพอเห็นแบบนั้นสไปค์ก็ยกมือขึ้นลูบไล้ศีรษะมันเบา ๆ อย่างไม่น่าเชื่อว่าจะทำได้ คนที่มีท่าทีประหลาดใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นมากที่สุดคงจะเป็นไอช่าอย่างแน่นอน กระทั่งฟาร์ชูลันและซิลเวอร์ยังไม่นึกฝันมาก่อนว่ามังกรนิลกาฬผู้เคยใช้อำนาจถล่มทลายสรรพชีวิตมานักต่อนักจะยอมสยบได้ง่ายถึงขนาดนี้

“จริงสิ ครั้งนั้นก็เหมือนกัน” เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้กะทันหัน ในตอนที่ฟาร์ชูลันพบกับสไปค์ครั้งแรกนั้น ตัวเขาก็สามารถขึ้นไปนั่งบนหลังของยูนิคอร์นได้ ทั้งที่ความจริงน่าจะมีเพียงสาวบริสุทธิ์เท่านั้นที่สามารถทำได้แบบนั้น เรื่องแปลกประหลาดเมื่อครั้งนั้นยังคงเป็นปริศนาที่ยังไม่ถูกไขกระจ่าง

และดูเหมือนว่าอีกสักพักข้อสรุปนี้จะคลายออก แล้วทำให้ทุกคนเข้าใจได้เสียทีว่าเป็นเพราะอะไรกัน

ณ ตอนนี้สไปค์ไม่ได้คิดอะไรอยู่เลย เขาไม่ได้ตั้งใจจะปลอบโยนมังกรตัวนี้เสียด้วยซ้ำ เขาเพียงแค่อยากเดินเข้าไปหามัน มองบาดแผลทั่วร่างและแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายคู่นั้น เพียงแค่นั้นมังกรนิลกาฬก็โน้มศีรษะลงมาเหมือนต้องการให้เขาลูบไล้ปลอบโยน ราวกับต้องการความผ่อนคลาย และสไปค์ก็ไม่ได้ใจร้ายพอที่จะไม่ทำแบบนั้นให้

ราวกับตัวตนของทั้งสองเชื่อมต่อกันอย่างน่าประหลาด สไปค์สัมผัสได้ว่ามังกรนิลกาฬเองก็รู้สึกกับเขาเช่นนั้นเหมือนกัน แม้ว่าภารกิจครั้งนี้จะล้มเหลวไปแล้ว แต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกตัวว่าไม่อาจปล่อยให้มังกรนิลกาฬต้องทนอยู่แบบนี้ที่นี่ เดียวดายอยู่แบบนี้ เขาเดินเข้าไปใกล้แผ่นอกของมังกรนิลกาฬ พลางใช้แขนทั้งสองข้างโอบกอดตรงส่วนนั้นเอาไว้อย่างทนุถนอมเต็มไปด้วยความอ่อนโยน

ทันใดนั้นบาดแผลที่ปรากฏบนแผ่นอกของมันก็เริ่มถูกอะไรบางอย่างเยียวยาและรักษาจนหายคล้ายไม่เคยมีบาดแผลมาก่อน ทุกผู้คนล้วนตกตะลึงต่อสิ่งที่เกิดขึ้น กระทั่งมังกรเองก็ยังไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร และดูเหมือนว่าสไปค์จะเป็นเพียงคนเดียวที่ยังไม่รู้ตัว

บาดแผลที่เคยปรากฏทั่วทั้งร่างของมังกร เริ่มถูกรักษาจนหายไปทีละจุดอย่างรวดเร็ว พอผ่านไปสักพักก็หายเป็นปลิดทิ้ง แม้กระทั่งเขี้ยวของมังกรยังงอกออกมาใหม่จนได้ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้จะต้องเรียกว่ามันคืออะไรกันแน่?

“ปราณไร้ลักษณ์...” เป็นฟาร์ชูลันที่กล่าวคำพูดนี้ออกมา “ตอนที่เขาบาดเจ็บเมื่อเดือนก่อน ผ่านไปไม่นานบาดแผลก็รักษาตัวเองได้จนหาย นี่น่าจะเป็นคุณสมบัติของปราณไร้ลักษณ์ แล้วยังเรื่องที่สัตว์มายาเชื่องต่อเขาก็น่าจะมีเหตุมาจากปราณของเขาเช่นกัน”

“แต่ถ้าสิ่งที่เจ้าพูดเป็นความจริงล่ะก็ พลังการรักษาตัวของสไปค์ยังส่งต่อไปหาผู้อื่นได้ ไม่รู้จะได้ผลกับมนุษย์ด้วยกันมั้ย แต่กับมังกรนี่น่าจะชัวร์แล้วล่ะ” ซิลเวอร์พยายามตั้งข้อสรุปเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน

“พี่คะ ชายคนนั้นเป็นใครกันแน่” ไอช่าเอ่ยถามฟาร์ชูลัน เป็นเพราะเธอในตอนนี้สัมผัสได้ถึงพลังเวทของมังกรนิลกาฬที่เริ่มถูกฟื้นฟูจนเข้ารูปเข้ารอยเดิมแล้ว เธอจับสัมผัสได้ว่าตอนนี้ตัวมังกรเองกำลังตื่นเต้นและดีใจเป็นอย่างมาก ในที่สุดแล้วตัวมันเองก็หลุดพ้นจากคำสาปร้ายที่เคยคิดว่าไม่มีทางรักษาหายได้แล้ว

“ฉันเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน...” ฟาร์ชูลันตอบกลับแบบไม่ต้องคิด

ความรู้สึกปลื้มปริ่มยินดีเอ่อล้นออกมาเต็มที่ มังกรนิลกาฬถึงกับเอาหน้าเข้าไปซุกกับอ้อมอกของสไปค์ ซึ่งแน่นอนว่าโอบไว้ไม่ได้ทั้งหมดเพราะศีรษะของมันใหญ่จนเกินไป สไปค์หลุดยิ้มแล้วส่งเสียงหัวเราะออกมาทั้งที่ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่นานนักมังกรนิลกาฬก็ดึงหน้ากลับมา มันจ้องไปทางไอช่าที่ตอนนี้ก็มองมันกลับอย่างสงสัยเช่นกัน

“เหมือนมันต้องการจะสื่อสารกับเธอนะไอช่า” ฟาร์ชูลันบอกแบบนั้น ไอช่าเลยเดินเข้าไปหามังกรทันที แล้วการสื่อสารผ่านจิตเวทก็เริ่มดำเนินขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เวลาผ่านไปเพียงไม่นานไอช่าก็เปลี่ยนสีหน้าไปเป็นความประหลาดใจอีกครั้ง

“มังกรนิลกาฬอยากจะให้ฉันเป็นคนกลางในการสื่อสารกับผู้ชายคนนั้น...” เธอหันมาบอกฟาร์ชูลันต่อสิ่งที่มังกรบอกกับเธอ ฟาร์ชูลันพยักหน้าลงเหมือนจะบอกเป็นนัยว่าให้ทำตามที่มังกรต้องการได้เลย ไอช่าจึงพยักหน้ารับก่อนจะหันมาสนทนากับมังกรต่อ

“ข้าขอบคุณท่านมากที่ช่วยเยียวยารักษาบาดแผลให้”

“พระคุณนี้ข้าจะไม่มีวันลืม ใบหน้าของท่านข้าจะจดจำไปจนวันตาย”

“จะต้องทำอย่างไรข้าจึงจะตอบแทนท่านได้ ไม่ว่าอะไรข้าก็พร้อมทำ”

ถ้อยคำทีละประโยคถูกเปล่งออกมาจากปากของไอช่า สไปค์เมื่อได้ยินดังนั้นก็ทำสีหน้าคิดหนักทันที เหมือนเขาจะพึ่งรู้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันเดินไปถึงไหนแล้ว บาดแผลมังกรที่หายเป็นปลิดทิ้งก็พึ่งจะสังเกตเห็น และแน่นอนว่าเขาไม่ได้รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าการที่บาดแผลมังกรหายไปทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากตัวเขาเอง

“ข้าไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยนี่”

“ให้ฉันบอกมังกรแบบนี้มั้ย?” ไอช่าถาม

“เอ่อ...ก่อนอื่นเลยนะ ข้าไม่รู้หรอกว่าข้าทำอะไรลงไป บางทีบาดแผลเจ้าอาจจะรักษาหายเองก็ได้ แล้วก็นะ ถ้าเกิดว่าข้าเป็นคนรักษาบาดแผลเจ้าจริง เจ้าก็ไม่ต้องตอบแทนอะไรหรอก เพราะข้าไม่ได้รู้สึกตัวว่าได้ทำอะไรไปเลย จะให้ตอบแทนมันก็แปลก ๆ ว่างั้นมั้ย”

ไอช่าหันไปคุยกับมังกรและถ่ายทอดคำพูดของสไปค์ให้ทุกถ้อยคำ พอฟังจนจบแล้วมังกรก็ส่งเสียงคำรามในลำคอออกมาอย่างแผ่วเบา ไอช่าเผลอหลุดยิ้มก่อนจะหันมาบอกสไปค์

“จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ท่านก็คือคนที่รักษาข้าจนหาย ไม่ว่ายังไงข้าก็จะตอบแทนท่านให้ได้! ...มันบอกมาแบบนี้อะ”

“อารมณ์แบบมัดมือชกนี่มันอะไร...” สไปค์รู้สึกจนใจขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นใบหน้าจริงจังที่มังกรมองมาทางเขา “จริงสิ เขี้ยวไง เขี้ยวมังกรนิลกาฬของมัน---”

“เจ้ามังกรพึ่งจะโดนหักเขี้ยวไปไม่นาน นี่นายยังกล้าขอแบบนี้เหรอ จิตใจทำด้วยอะไรยะ!?” ไอช่าตวาดเสียงดังจนสไปค์รู้สึกผิดขึ้นมาจริง ๆ ทันใดนั้นเหมือนมังกรดำจะสังเกตเห็นถึงปฏิกิริยานี้ได้ และไอช่ารู้สึกตัวว่ามันกำลังสื่อสารกับตัวเองอยู่จึงได้หันมาสนใจมันอีกครั้ง

“อะไรนะ! เธอไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้นี่!” คำว่าเธอที่ไอช่ากล่าวออกมาแน่นอนว่าหมายถึงมังกรนิลกาฬ แต่อะไรกันที่ทำให้ไอช่าต้องแตกตื่นขนาดนี้

“เกิดอะไรขึ้น” ฟาร์ชูลันเดินเข้ามาถาม ไอช่าหันหน้ามามองพี่สาวตัวเองด้วยใบหน้าที่ไม่อาจแสดงอารมณ์อะไรออกมาได้นอกเสียจากความกังวล

“มันบอกว่า...” กล่าวแค่นั้นแล้วก็เงียบไปสักพัก ราวกับคำพูดมันจุกอยู่ในลำคอ ไม่อาจดึงถ้อยคำที่หนักหน่วงนั้นออกมาได้

“ว่าอะไร?” ฟาร์ชูลันเร่งเร้าขึ้นมาทันที

“...”

“อะไร บอกมาสิ ไอช่า มันเรื่องคอขาดบาดตายขนาดไหนกัน?”

“เอ่อ...” จนแล้วจนรอดไอช่าก็ยังพูดออกเสียงไม่ได้ เธอพ่นลมหายใจออกมาเพื่อปรับสภาพจิตใจตนเอง ในฐานะของผู้ที่รักมังกรเป็นที่สุดแล้ว เรื่องนี้จัดว่าลำบากใจยิ่งนัก

“มันบอกว่าถ้าจะให้เป็นสัตว์เลี้ยงก็ได้นะ เพียงแค่ตอบตกลงมาเท่านั้น”

สีหน้าของทั้งสามคนที่อยู่ที่นี่ล้วนแตกตื่นไปในทิศทางเดียวกัน

“จะบ้าเหรอ มังกรเนี่ยนะเป็นสัตว์เลี้ยง! จะหยามเกียรติตัวเองเกินไปหน่อยมั้ยแกน่ะ!” คราวนี้เป็นฟาร์ชูลันที่หันไปตวาดใส่มังกรนิลกาฬจนมันทำหน้างงขึ้นมาบ้างว่าตัวเองผิดอะไร

“ใช่มั้ยล่ะคะ! เกิดมาฉันก็ไม่เคยเห็นหรอก มังกรที่สถาปนาตัวเองเป็นสัตว์เลี้ยงให้กับคนที่ไม่รู้จักมาก่อนน่ะ! ใครมันจะไปยอม!” คราวนี้เธอถลึงตาใส่สไปค์ทันที ต่อให้เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยก็ตาม

“ฝากบอกเจ้ามังกรโง่นี่ทีว่าให้เปลี่ยนความคิดซะ” พอเห็นฟาร์ชูลันบอกแบบนั้นแล้วไอช่าก็หันไปคุยกับมังกรนิลกาฬต่อ ก่อนจะหันกลับมาบอกฟาร์ชูลัน “เจ้าตัวบอกว่า มันเป็นสิทธิ์ของข้า อะ...”

เหมือนสีหน้าของฟาร์ชูลันจะเปลี่ยนไปเป็นสีแดงก่ำขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เธอหงุดหงิดจนแทบบ้า ไอ้มังกรตัวนี้มันกวนบาทากันชัด ๆ

“เอ่อ แล้วก็บอกมาอีกว่าการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับชายคนนั้น”

“สไปค์!” ฟาร์ชูลันหันไปจ้องสไปค์ตาเขม็ง

“เดี๋ยวสิเฮ้ย ข้ายังงงไม่หายเลย ยังไงก็ตามแต่นะ ข้าไม่คิดจะให้เจ้านี่เป็นสัตว์เลี้ยงหรอก ข้าไม่เคยเลี้ยงสัตว์มาก่อน แล้วไม่รู้วิธีการที่จะเลี้ยงด้วย ข้าเคยอยู่กับคนมาตลอดนะ ไม่รู้หรอกว่าการเลี้ยงสัตว์มันต้องทำยังไงบ้าง”

“ดีมาก ไอช่า ตอบเจ้ามังกรโง่นี่ทีซิ”

ไอช่าหันไปคุยกับมังกรอีกครั้ง แต่คราวนี้ใบหน้าของเธอกลับแสดงความประหลาดใจยิ่งกว่า เมื่อได้รับรู้ข้อความที่มังกรส่งผ่านออกมาทางจิตเวท

“มันตอบว่าอะไร?”

ไอช่าหันมามองทางพี่สาวตัวเองแล้วกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะตอบกลับไป

“มันบอกว่างั้นถ้าข้าเป็นคน ข้าก็อยู่ร่วมกับท่านได้ใช่มั้ย? น่ะค่ะ...”

“อะไรนะ? เดี๋ยวก่อนสิ มันพูดอะไรของมัน?” เหมือนฟาร์ชูลันจะต้องการคำตอบจากไอช่า แต่แม้จะเป็นไอช่าที่อยู่กับมังกรมาตั้งแต่ยังเล็กก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่มังกรตัวนี้ต้องการจะสื่อสารออกมา เพราะตัวมันเองคือมังกร แล้วมังกรจะกลายเป็นคนไปได้ยังไง

ทุกคนตกอยู่ในบรรยากาศนิ่งเงียบ เพราะไม่รู้ว่าควรต้องสื่อสารอย่างไรต่อ ยังไงก็ตามแต่ ไอช่าส่งผ่านข้อความของเธอไปหามังกรนิลกาฬเพื่อถามหาความหมายในสิ่งที่มันพูด และพอมันรับรู้ดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา แน่นอนว่าเสียงหัวเราะนั้นดังอยู่ในจิตเวทของไอช่าเท่านั้น คนอื่นไม่ได้ยิน

“มันบอกว่าจะแสดงให้ดูเดี๋ยวนี้แหละ” ทันทีที่ส่งผ่านข้อความสุดท้ายออกมา ร่างกายของมันก็เริ่มเปล่งแสงเรืองรองขึ้น แสงสว่างเจิดจ้าทำให้ถ้ำที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาจนมองเห็นหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นค้างคาวที่เกาะอยู่บนเพดาน พอเจอกับแสงสว่างมันก็ตกใจจนต้องบินหนีออกไป

แสงสว่างคลุมร่างของมังกรเอาไว้จนรายละเอียดร่างกายถูกลบออก พลันนั้นแสงสว่างก็บีบตัวมันเองลง กลายสภาพเป็นร่างกายที่เล็กเทียบเท่ากับมนุษย์ แค่นั้นยังไม่พอ เพราะลักษณะที่ปรากฏออกมามันมีทรวดทรงองเอวที่ไม่ต่างไปจากร่างกายมนุษย์เลยด้วยซ้ำ จนเมื่อแสงสว่างหายไปทุกคนก็ถึงกับอ้าปากค้างราวกับโดนจี้จุดจนร่างกายขยับไม่ได้

จากจุดที่มังกรเคยยืนอยู่ ปรากฏเป็นร่างของหญิงสาวผู้หนึ่ง ร่างกายของเธอเล็กกว่าไอช่าเล็กน้อย แต่ดวงตาสีส้มแดงนั่นไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ชวนให้รู้สึกคุ้นเคยยิ่งนัก...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด