บทที่ 16 เจ้าปมฮีโร่ช่วยหญิงงามบ้าบอนี่
บทที่ 16 เจ้าปมฮีโร่ช่วยหญิงงามบ้าบอนี่
ซย่าน่าเดินไปหน้าศพด้วยสีหน้าสลด ดวงตาฉายแววเศร้าโศกเสียใจเล็กน้อย
แต่แล้วเธอก็เบนสายตาไปอย่างรวดเร็ว และหันมาพูดเสียงเบาว่า “ไปกันเถอะ”
“แต่...” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งมองซย่าน่าด้วยความลังเล แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร
เหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงนี้ทำให้บรรยากาศเปลี่ยนเป็นหนักอึ้งอยู่พักหนึ่ง แล้วก็ทำให้คนเหล่านี้ตึงเครียดและระมัดระวังตัวมากขึ้น พวกเขาตระหนักได้ว่าแม้จะมีซย่าน่ากับหลิวอวี่หาวคอยกรุยทางอยู่ข้างหน้า อีกทั้งมีหลิงม่อเดินรั้งท้ายสุด แต่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าเหตุการณ์อย่างเมื่อสักครู่นี้จะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก
อย่างไรก็ตามจุดประสงค์ของพวกเขาคือรีบเดินทาง ไม่ใช่กวาดทุ่นระเบิด พวกซย่าน่าจะไม่ไปค้นหาในร้านรวงที่ตั้งเรียงรายตามทาง นอกเสียจากว่าจะมีซอมบี้พุ่งกระโจนเข้าหาเอง
ท่าทีที่ซย่าน่ามีต่อเหตุการณ์คนตายทำให้หลิงม่อรู้จักซย่าน่าเพิ่มขึ้นมาอีกนิด เธอเลี้ยงดูมอด อีกทั้งยังโง่งมดื้อรั้น แต่ความเด็ดขาดที่ควรมีในช่วงเวลาสำคัญก็ไม่ได้จางหายไปไหน
ซึ่งนี่ก็คงเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงยังมีชีวิตรอดมาได้ทั้งๆ ที่มีฝูงมอดขนาดใหญ่ที่เอาแต่แบมือขอของกินติดสอยห้อยตามมาด้วย
“หวังเฉิง เป็นเพราะนายแส่หาเรื่อง เสนอให้พวกเราตามมาด้วย! ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีใครต้องมาตาย!” ลู่ซินหันไปมองหลิงม่อ พอเห็นหลิงม่อไม่ได้มีท่าทางตึงเครียดกังวลเหมือนพวกเขา แต่กลับดูสงบเยือกเย็น ลู่ซินก็แสดงสีหน้ารังเกียจออกมาทันที อย่างไรก็ตามลู่ซินที่ได้รับบทเรียนและอับอายขายหน้ามาแล้วก็ไม่กล้าหาเรื่องอะไรหลิงม่ออีก ได้แต่เดินไปอยู่ข้างๆ หนุ่มแว่นและก่นด่าเสียงเบาด้วยความเกรี้ยวกราด
หวังเฉิงดันกรอบแว่นและตอบกลับเสียงเบาว่า “ถ้าไม่มีซย่าน่ากับหลิวอวี่หาว พวกนายจะมีชีวิตอยู่ยังไง อีกอย่างนายก็เห็นแล้วว่าเจ้าคนแซ่หลิงนั่นดูถูกเหยียดหยามเราสารพัด แล้วถ้าเกิดเขาโน้มน้าวซย่าน่าไปล่ะ แล้วที่สำคัญที่สุดคือหากคนพวกนั้นไม่ตาย ซย่าน่ากับหลิวอวี่หาวจะดูแลคนเยอะขนาดนี้ได้งั้นเหรอ”
“คือ...” ลู่ซินมองหวังเฉิงด้วยความประหลาดใจ จากนั้นขมวดคิ้วพลางถามว่า “งั้นพวกเราตามมามีประโยชน์อะไรเล่า! ให้ตายเถอะ ถ้าเป็นเมื่อก่อน มีเหรอที่ฉันต้องคอยดูสีหน้าผู้หญิง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจ้าหลิงม่อที่ดูก็รู้ว่าเป็นพวกชั้นต่ำนั่น! กล้าดียังไงมาตบฉัน...”
ด้านหลังเลนส์แว่น ดวงตาของหวังเฉิงฉายแววเยียบเย็น แล้วพูดขัดขึ้นมาขณะที่ลู่ซินกำลังด่าพึมพำ “ทำไมถึงตามมาน่ะเหรอ นายไม่คิดหรอกเหรอว่ายิ่งคนหายไปมากเท่าไร มันก็ยิ่งเป็นผลดีสำหรับเรามากเท่านั้น เอาอกเอาใจซย่าน่าดีๆ เถอะน่า ตอนนี้เธอเป็นที่พึ่งของนาย ถ้าฉันเป็นนาย ฉันจะเก็บความคิดนั่นเอาไว้ เมื่อก่อนนายจีบหล่อนไม่ติด ตอนนี้ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะได้หล่อนมาครอบครอง ส่วนเจ้าหลิงม่อนั่น ถ้าฉันเป็นนาย ฉันจะรีบๆ ลืมเรื่องนี้ซะ เขาน่ะไม่ใช่คนที่นายจะแหยมได้”
ลู่ซินนิ่งอึ้ง ตอนที่เงยหน้าขึ้นมองหวังเฉิง เขาถึงกับรู้สึกหนาวเยือกที่ก้นบึ้งหัวใจ ใครจะไปคาดคิดว่าหวังเฉิงที่ดูสุภาพเรียบร้อยจะมีความคิดที่ชั่วร้ายแบบนี้...
ระหว่างที่เขาตะลึงงันอยู่นั้นเอง หวังเฉิงก็กำมีดหั่นผักแน่นเดินตามหลังซย่าน่าไปเรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนตั้งใจจะร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ไปด้วยกันกับพวกเขา
แต่พอได้สติกลับคืนมา ลู่ซินกลับกัดฟันกรอดและด่าออกมาโดยไม่รู้ตัว “ไอ้สุภาพบุรุษจอมปลอม! ถ้าไม่มีเรื่องพรรค์นี้เกิดขึ้นล่ะก็ ฉันแค่ให้ของขวัญอะไรนิดๆ หน่อยๆ ซย่าน่าก็ยอมศิโรราบแต่โดยดีแล้วไม่ใช่เหรอ ส่วนคนชั้นต่ำนั่น ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคุกเข่าเลียเท้าฉันด้วยซ้ำ!”
การที่สถานะช่วงก่อนและหลังเกิดหายนะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างปุบปับ ทำให้ภายในใจของลู่ซินเปี่ยมไปด้วยความไม่สมดุล เมื่อถูกหลิงม่อทำให้อับอาย อีกทั้งโดนหวังเฉิงดูถูก ดวงตาของลู่ซินก็แดงก่ำ แต่ไม่สมดุลแล้วจะทำอย่างไรได้ ก็อย่างที่หวังเฉิงพูด ตอนนี้แม้แต่ชายเสื้อของซย่าน่า เขายังแตะต้องไม่ถึงเลย หนำซ้ำเจ้าหลิงม่อนั่นก็ยิ่งว่าร้ายเขาได้ตลอดเวลา
“ปัดโธ่โว้ย! ปัดโธ่โว้ย! ปัดโธ่โว้ย!” หลังจากสบถติดกันสามครั้ง ลู่ซินก็รู้สึกว่าความรู้สึกอัดอั้นตันใจลดลงไปบ้างเล็กน้อย
“แต่ที่เขาพูดมันก็ถูก...” เมื่อกวาดตามองพวกเพื่อนๆ ที่อยู่รอบตัว ในใจลู่ซินก็เริ่มครุ่นคิดว่าพวกไหนบ้างนะที่พอจะใช้สังเวยได้...
เนื่องจากมีผู้ที่ต้องสังเวยชีวิตไป ทำให้พวกเขาระแวดระวังตื่นตัวกันมากขึ้น เส้นทางต่อมาจึงผ่านไปได้โดยไม่มีการบาดเจ็บเสียหายแต่อย่างใด ซอมบี้สามสี่ตัวที่โผล่มาจากด้านหลังเป็นครั้งคราว ก็ล้วนถูกหลิงม่อจัดการฆ่าเรียบ โดยที่เย่เลี่ยนไม่จำเป็นต้องออกโรงเองเลย
ทว่าความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ เพียงไม่นานทุกคนก็มาถึงบริเวณใกล้ๆ กับโรงพยาบาล ไม่ต้องให้ซย่าน่าเตือน คนพวกนี้ก็รู้ว่าละแวกนี้เรียกได้ว่าเป็นเขตที่อันตรายมาก
เดิมทีแถวนี้จัดเป็นย่านที่เจริญรุ่งเรืองอยู่แล้ว แถมยังมีสถานที่ที่มีผู้คนอยู่กันหนาแน่นอย่างโรงพยาบาลอีก แค่ลองจินตนาการถึงจำนวนซอมบี้ที่อาจปรากฏตัว ก็มากพอที่จะทำให้ขาแข้งอ่อนยวบแล้ว อันที่จริงตอนนี้มีคนคิดที่จะถอนตัวกลางคัน ทว่ากลับโดนซย่าน่าถลึงตาใส่เข้าให้
แล้วก็เป็นดังที่คาดไว้ เพิ่งจะเดินเลี้ยวโค้งไปยังถนนใหญ่ ภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำให้รู้สึกชาที่หนังศีรษะและสั่นเทิ้มไปทั่วทั้งตัว
ซากรถยนต์ที่ถูกทิ้งร้างหรือเกิดการชนขณะที่ขับแล่นจำนวนนับไม่ถ้วนจอดแน่นขนัดอยู่เต็มท้องถนน ท่ามกลางสิ่งกีดขวางเหล่านี้ มีซอมบี้อยู่อย่างน้อยนับร้อยๆ ตัวกำลังเดินเตร่อย่างเลื่อนลอยอยู่
ภายในรถสปอร์ตคันหรูที่อยู่ใกล้กับพวกเขาที่สุด ใบหน้าครึ่งซีกที่บิดเบี้ยวและบวมปูดของชายคนหนึ่งแนบติดกับกระจกรถด้านหน้า นอกจากนี้ลำตัวครึ่งหนึ่งก็ถูกซอมบี้ลากออกจากช่องหน้าต่างรถด้านข้าง หาไม่เจอไปนานแล้ว เหลือเพียงแต่คราบเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวรถยนต์ไปครึ่งแถบ
“จะเดินผ่านตรงนี้ไปยังไง...”
ทุกคนหน้าซีดเผือดไปเรียบร้อยแล้ว แม้แต่หวังเฉิงก็มีเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผาก เขาเขยิบเข้าใกล้ซย่าน่าขึ้นอีกนิดอย่างเงียบๆ
แทนที่จะกลัวหัวหดหลบอยู่ด้านหลัง สู้อยู่ใกล้ๆ ซย่าน่าเอาไว้จะปลอดภัยกว่า ถึงแม้จะรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนอยู่หน่อยๆ ก็ตาม...
แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แม้แต่ซย่าน่าเองก็ยังรู้สึกปวดหัวเลย ตรงกันข้ามกับหลิงม่อที่ยังคงสีหน้าสงบนิ่ง ถึงซอมบี้บนถนนจะมีจำนวนมาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีผ่านไป สาเหตุที่ซย่าน่าเป็นกังวล จะว่าไปแล้วก็เป็นเพราะตัวภาระกลุ่มนี้นั่นแหละ...
“ฉันขอคิดหาวิธีดึงดูดความสนใจของพวกมันก่อน หลิงม่อ นายพาพวกเขา...” ซย่าน่ากำด้ามมีดแน่นและพูดอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่
“ให้ฉันดึงดูดความสนใจเจ้าซอมบี้พวกนี้ดีกว่า”
การที่จู่ๆ หลิงม่อเอ่ยปากแบบนี้ ทำให้ทุกคนต่างตะลึงงันกันหมด แม้แต่ซย่าน่าเองก็ยังแสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“นาย?”
เธอไม่ได้สงสัยว่าหลิงม่อไม่มีความสามารถด้านนี้ แค่รู้สึกว่าการที่หลิงม่อก้าวออกมาช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้กับพวกเขา ทำให้รู้สึกยากจะยอมรับได้อยู่พักหนึ่ง
“ฝืนใช้กำลังฝ่าไปจะยิ่งเป็นอันตราย พวกเธอหาที่หลบซ่อนตัวก่อนเถอะ พอพวกซอมบี้บนถนนเริ่มรวมตัวเข้ามาหาฉัน พวกเธอก็รีบเดินผ่านไปเลย”
ที่จริงแล้วการดึงดูดความสนใจพวกซอมบี้ไม่ใช่เรื่องยาก ก่อนหน้านี้หลิงม่อก็เคยลองใช้สิ่งของอย่างพวกประทัดมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเสียงหรือกลิ่นแรงๆ ต่างก็ดึงดูดความสนใจจากซอมบี้ได้ แน่นอนว่าถ้าจะดึงดูดซอมบี้ฝูงใหญ่ การใช้เสียงดังสนั่นเป็นวิธีที่ได้ผลมากที่สุด
แต่บนถนนมีซอมบี้มากขนาดนี้ แม้การดึงดูดพวกมันทั้งหมดจะไม่ใช่เรื่องยาก แต่คนที่ไปเป็นเหยื่อล่อจะต้องตกอยู่ในสภาวะที่เป็นอันตรายอย่างมาก นอกเสียจากว่าจะมีสิ่งของอย่างพวกระเบิดเวลาอะไรทำนองนี้ แต่ถึงแม้จะมีของเล่นชิ้นนี้ ใช้เสียงระเบิดตรึงเวลาพวกซอมบี้ไว้ได้ แต่ก็ไม่แน่ว่าพวกมันยังไม่ทันจะมารวมตัวกัน ก็เกิดหมดความสนใจและหยุดนิ่งกลางคันได้
ยิ่งไปกว่านั้นคือหลิงม่อไม่มีอาวุธทำลายล้างแบบนี้อยู่ในมือ แต่เขามีวิธีที่ปลอดภัยกว่าและเฉียบแหลมกว่า
“นายไม่เป็นไรจริงๆ เหรอ” ซย่าน่าถามด้วยความลังเล “ให้ฉันทำ...”
“รีบไปเถอะ” หลิงม่อยิ้มเรียบๆ พลางพูด
หลิวอวี่หาวมองหลิงม่อด้วยความชื่นชมเลื่อมใสอย่างมาก เขายกมือขึ้นตบบ่าหลิงม่อเบาๆ “พี่หลิง พี่โคตรเจ๋งเลย! ผมขอขอบคุณแทนทุกคนด้วย”
หมอนี่ไม่มีความเกรงใจเสียเลย! หลิงม่อแอบกลอกตา อีกอย่างเขาไม่ได้ทำเพื่อคนพวกนี้ แต่ไม่อาจทนดูเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไปเสี่ยงภัย ไม่ว่าใครก็มองออกว่าถ้าซย่าน่าไปจริงๆ ความหวังที่จะมีชีวิตรอดกลับมานั้นริบหรี่มาก นอกจากนี้ เขาก็ไม่อยากอยู่เป็นพี่เลี้ยงให้กับคนพวกนี้
ถึงอย่างไรหลิงม่อก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง แม้จะมีมุมที่เห็นแก่ตัว แต่ภายในขอบเขตที่พอจะสามารถช่วยได้ ปมฮีโร่ช่วยหญิงงามก็ผุดขึ้นมาในใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น นี่ไม่ใช่แค่ช่วยซย่าน่าเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยตัวเขาเองด้วย ตลอดทางที่เดินตามหลังพวกเขามา เขามาถึงที่นี่โดยไม่ต้องออกแรงอะไรเลย ตอนนี้ก็ควรถึงเวลาที่เขาต้องออกโรงบ้างแล้ว
แต่...ตัวเขาช่างอับโชคมาตั้งแต่เกิดเสียจริงๆ ชีวิตนี้ไม่รู้จักว่าอะไรเรียกว่าอยู่เฉยๆ อะไรเรียกว่าทำตัวเป็นภาระแบบสบายๆ!
ถึงแม้จะถูกสภาพความเป็นจริงบีบคั้น จะต้องก้มหัวปลกๆ แต่ในใจก็ยังคงยืนกรานยึดมั่นอย่างน่าขัน ไม่อาจล้มเลิกได้
อย่างเช่นปมฮีโร่ช่วยหญิงงามบ้าบอนี่...ยังดีที่คราวนี้ไม่นับว่าเป็นการรนหาที่ตาย อย่างไรเสียตัวเขาเองก็มีแผนอยู่ในใจอยู่แล้ว
พวกหวังเฉิงเองก็ดวงตาเป็นประกาย ขณะที่กำลังจะอ้าปากพูดแสดงความเกรงอกเกรงใจ ก็ได้ยินซย่าน่ากัดฟันพูดว่า “งั้นพวกเราไปซ่อนตัวก่อน!”
“อืม ฉันให้เวลาพวกเธอได้แค่ห้านาที”
หลิงม่อโบกไม้โบกมือพลางพูด
อีกห้านาทีต่อจากนี้ บริเวณที่เขายืนอยู่ตอนนี้จะเต็มไปด้วยพวกซอมบี้
.....................................................................