ตอนที่แล้วบทที่ 15 ล่องเรือไม่ใช้ไม้พาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 17 วังใต้ดิน

บทที่ 16 การค้นพบของเฉินเสี่ยวเลี่ยน


บทที่ 16 การค้นพบของเฉินเสี่ยวเลี่ยน

 

พื้นในถ้ำหินต่ำลงเรื่อยๆ

 

หลังจากเดินมาประมาณหลายร้อยเมตร เบื้องหน้าก็เห็นทางเปิดโล่ง

 

ทุกคนเดินเข้าสู่ลานกว้างใหญ่โต

 

ลานกว้างนี้ใหญ่ประมาณสนามหญ้าโรงเรียน ถึงจะมีคนเข้ามาจุอยู่ร้อยกว่าคนก็ยังดูไม่แออัด

 

หลายคนหยิบเครื่องมือเงาวับออกมา เป็นไฟฉายไฟฟ้าที่มีกลิ่นอายไซไฟหลากสีสัน มีของที่ดูคล้ายคทาที่เปล่งแสงเองได้ และมีบางคนกำลังจุดคบไฟอยู่

 

ชั่วครู่ ลานกว้างนี้ก็สว่างไสวราวกับกลางวัน

 

เหตุผลที่ทุกคนมาหยุดอยู่ตรงนี้ก็คือ...

 

ลานกว้างนี้มีเส้นทางแยกออกไปหลายเส้น

 

ทุกสมาพันธ์หยุดรั้งอยู่ที่นี่ จากนั้นคนจำนวนไม่น้อยก็มองมาทางนิวตัน

 

นิวตันแค่นหัวเราะเสียงเย็นชา พูดเสียงดังว่า “มองฉันกันทำไม ฉันเป็นเจ้าหน้าที่นำทาง ตอนที่เครื่องบินเริ่มร่วงสู่พื้น หน้าที่ของฉันก็จบลงแล้ว จะทำภารกิจอะไรก็ยังจะมาตั้งความหวังไว้กับฉันอีกเหรอ? เดินมาถึงจุดนี้แล้วก็ต้องพึ่งตัวเอง!”

 

สมาพันธ์อื่นๆ โวยวายแล้วก็แยกกันไป คนจำนวนไม่น้อยแยกออกไปดูรอบๆ ลานกว้างอย่างละเอียด คิดหาสัญลักษณ์ร่องรอยเล็กๆ น้อยๆ

 

เฉินเสี่ยวเลี่ยนเห็นว่าคนของสมาพันธ์ตัดวายุไม่ได้จำกัดการเคลื่อนไหวของตนหรือใครๆ ก็ลากหานปี้เดินสำรวจไปทั่วด้วยกัน

 

หลังจากสำรวจจนทั่วแล้ว เฉินเสี่ยวเลี่ยนก็แอบมองรอบๆ ให้แน่ใจว่าคนของสมาพันธ์ตัดวายุอยู่ห่างจากตนมาก... รอบๆ ก็ไม่มีคนอยู่ เขาก็ดึงหานปี้ทีหนึ่ง

 

“ถามอะไรหน่อยสิ”

 

“หือ?”

 

“เกี่ยวกับดันเจี้ยน 72 ปีศาจแห่งโซโลมอนนี้” เฉินเสี่ยวเลี่ยนทำท่าทางจริงจัง ค่อยๆ พูดว่า “ชื่อดันเจี้ยนนี้ นายเพิ่งรู้ตอนที่เห็นการแจ้งเตือนตอนที่อยู่นอกถ้ำ หรือว่า...รู้มาก่อนอยู่แล้ว?”

 

“ก็ต้องรู้มาก่อนอยู่แล้วแหงสิ” หานปี้เลิกคิ้ว “ตอนที่ฉันใช้ลูกโลหะก็รู้ชื่อดันเจี้ยนนี้แล้ว แต่ว่าตอนที่พวกเราอยู่ระหว่างเดินทางออกจากเครื่องบิน ก็ได้ยินพวกเขาคุยกันเรื่อง 72 ปีศาจโซโลมอนอะไรสักอย่าง ดูเหมือนว่าก่อนที่พวกเขาจะมาที่นี่ก็ได้เตรียมตัวมาแล้ว รู้อยู่ก่อนแล้วว่าดันเจี้ยนคือที่นี่”

 

“อ้อ เข้าใจละ”

 

เฉินเสี่ยวเลี่ยนได้ข้อสรุป พยักหน้าไม่พูดอะไร

 

“นายเจออะไรเข้าล่ะ?” หานปี้มองเฉินเสี่ยวเลี่ยนนิ่งๆ

 

“นิดหน่อยน่ะ ฉันยังต้องดูอีกหน่อย”

 

เวลาค่อยๆ ผ่านไป ไม่นาน บางสมาพันธ์ก็เลือกทางเข้าจากทิศทางหนึ่งออกมา แล้วออกเดินทาง

 

มองดูแต่ละสมาพันธ์ค่อยๆ จากไป คนในลานยิ่งลดน้อยลง

 

คนของสมาพันธ์ตัดวายุค่อยๆ กลับมารวมตัวกัน

 

“ทุกคนพบอะไรบ้างไหม?” นิวตันทำตัวเหมาะสมกับการเป็นกัปตันทีม “แต่ละคนว่ามาเลย ปรึกษากันก่อน ทางเยอะขนาดนี้ การเลือกเส้นทางที่ถูกต้องจะต้องเป็นกุญแจสำคัญในการทำภารกิจให้สำเร็จแน่”

 

“หรือว่าเราจะแยกกันไปดี?” ตู๋หย๋าเป็นคนพูดขึ้นมา

 

นิวตันหน้าหุบ พูดเสียงเย็นชาว่า “แยกกัน? พวกเรามีกันรวมสิบคน ถ้าแยกกันไปอีก เกิดมีการชิงสมบัติ ต้องแย่งกับสมาพันธ์อื่น คนน้อยกำลังน้อยจะเอาอะไรไปสู้เขา?”

 

ตู๋หยาเห็นว่าไม่ได้เรื่อง ก็ส่งเสียงเหอะแล้วไม่พูดอะไรอีก

 

เฉินเสี่ยวเลี่ยนลอบมองดู แต่แรกเขาก็จัดตู๋หยาเข้าประเภทไอ้โง่ไร้สมองไปแล้ว แต่ว่าจู่ๆ ก็เกิดความคิดอื่นขึ้นมา หากมีสมองแค่นี้แต่กลับมีที่ให้ยืนอยู่ในสมาพันธ์ นั่นคงเป็นเพราะว่าตู๋หยาจะต้องมีความสามารถด้านอื่นแน่!

 

อืม ตอนนี้ตัวเองเป็นเหมือนแกะในฝูงหมาป่า ต้องระมัดระวังให้มาก พลั้งเผลอไม่ได้เด็ดขาด!

 

“พูดมาว่าเจออะไรกันบ้างก่อนเถอะ” นิวตันเห็นไม่มีใครพูดอะไรก็รู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง “ก่อนมาก็รู้เรื่องดันเจี้ยน 72 ปีศาจย่อยแห่งโซโลมอนอยู่แล้ว ไม่มีใครเตรียมตัวเลยหรือไง? พื้นเพเนื้อเรื่องของภารกิจก็ควรรู้กันหมดมั้ง?”

 

เห็นว่าสายตานิวตันยิ่งไม่พอใจมากขึ้น เดม่อนก็กระแอมครั้งหนึ่ง เปิดปากพูด “นิวตัน ก่อนหน้านี้ฉันกับซารอสเพิ่งเข้าร่วมภารกิจกับทีมในดันเจี้ยนอื่น ตอนนั้นแทบต้องเอาชีวิตไปทิ้ง นายก็รู้ดี กลับมาจากครั้งนั้นพวกเราไม่ทันได้พักฟื้นก็รีบมารับภารกิจนี้ จะเอาเวลาที่ไหนไปเตรียมตัว... อีกอย่าง มันก็แค่ดันเจี้ยนระดับ B ไม่ใช่หรือไง ระดับที่สูงกว่านี้พวกเราก็ผ่านกันมาหลายครั้งแล้ว อีกอย่างในบรรดาประเภทดันเจี้ยนทั้งหมด ดันเจี้ยนทรัพยากรมีอันตรายน้อยที่สุดแล้ว ดังนั้น...”

 

“ดังนั้นพวกนายก็เลยปล่อยตัวตามสบายงั้นสิ?” สีหน้านิวตันดำทะมึน

 

“เอาน่านิวตัน ยังไงก็เป็นการรวมคนขึ้นมาชั่วคราวเพื่อลงดันเจี้ยนนี้” ชายหน้าลายพูดผ่อนคลายบรรยากาศ “ดันเจี้ยนนี้ก็ไม่ใช่เป้าหมายหลักที่ทีมมุ่งบุกในระยะนี้ด้วย แต่ละคนเลยไม่ได้สนใจมากนัก...”

 

“ไม่งั้นก็สุ่มเลือกเดินสักทางเถอะ” ไม่รู้ซารอสไปหยิบมีดสั้นมาจากไหน ยืนแต่งเล็บตัวเองอยู่อีกทาง พูดอย่างเอื่อยเฉื่อยว่า “ถ้าสุดท้ายชิ้นส่วนภารกิจดันเจี้ยน...มีสมาพันธ์อื่นได้ไป พวกเราก็ไปแย่งเอามา ถึงจะบอกว่าห้ามฆ่ากัน... ก็เหลือชีวิตให้พวกมันรอดสักหน่อยก็ได้ ระดับดันเจี้ยนนี้ไม่สูง พวกที่มาก็เป็นพวกปลายแถว จะมีใครสู้เราได้?”

 

“...” นิวตันไม่พูดอะไรอีก ดูท่า เขาไม่ใช่หัวหน้าระดับสูงของสมาพันธ์ตัดวายุ แต่เป็นแค่หัวหน้าชั่วคราวของทีมในครั้งนี้ จะให้กดดันอะไรต่อก็ไม่ค่อยเหมาะสม

 

เขาโมโหแต่ไม่มีที่ระบาย จึงก้มลงมองมาที่กลุ่มเด็กใหม่ไม่กี่คน

 

“พวกเธอล่ะ? ก่อนเข้ามาในเกมก็รู้รายละเอียดดันเจี้ยนนี้แล้วใช่ไหม? เตรียมตัวอะไรกันมาบ้าง?”

 

หลังจากความเงียบครู่หนึ่ง...

 

“ถ้างั้น...ให้ฉันพูดอะไรหน่อยได้ไหม?”

 

เฉินเสี่ยวเลี่ยนใช้น้ำเสียงราบเรียบ เอ่ยปากช้าๆ

 

ชั่วครู่เดียว สายตาของทุกคนในสมาพันธ์ตัดวายุก็มารวมอยู่ที่เขา โดยเฉพาะหานปี้ที่อยู่ข้างๆ ที่มีสายตาประหลาดใจระคนตกใจ

 

“โอ้?” เดม่อนมองดูเฉินเสี่ยวเลี่ยน ยิ้มเย็นชาพูดว่า “นาย? นายมีอะไรอยากจะพูดล่ะ?”

 

เฉินเสี่ยวคล้ายกับว่าฟังความนัยของอีกฝ่ายไม่ออก พูดต่อไปอย่างไม่รีบไม่ร้อนว่า “ทุกคนเห็นหรือเปล่าว่าพื้นที่ลานกว้างตรงนี้จริงๆ แล้วแต่ละด้านเรียงเป็นรูปดาวหกแฉก เมื่อกี้ฉันเดินไปรอบๆ แล้วรอบหนึ่ง แต่ละเส้นมีระยะประมาณห้าสิบก้าว ความต่างเล็กน้อยมองข้ามไปได้”

 

“แล้วยังไงล่ะ?” เดม่อนถาม

 

“ให้เขาพูดต่อ!” นิวตันขมวดคิ้วเอ่ยปากออกมา มองเดม่อนแวบหนึ่ง

 

“อะแฮ่ม” เฉินเสี่ยวเลี่ยนกระแอมคอให้โล่ง “พวกนายก็เห็นด้านข้างที่เป็นรูปหกเหลี่ยมแล้ว ทุกด้านมีเส้นทางอยู่หนึ่งเส้น พอรวมกันแล้วก็จะเป็นเส้นทางหกสาย... ถ้าหากมองลงมาจากด้านบนก็จะพบว่า จริงๆ แล้วนี่คือดาวหกแฉกที่ใหญ่มาก”

 

คราวนี้ไม่มีใครพูดขัดจังหวะเฉินเสี่ยวเลี่ยนอีกแล้ว นิวตันกับสมาชิกเก่าหลายคนต่างมองไปรอบๆ อย่างสนใจ พิสูจน์ว่าเป็นอย่างที่เฉินเสี่ยวเลี่ยนพูดไว้จริงๆ

 

“ดาวหกแฉก หรือที่เรียกกันว่าดาวแห่งดาวิด เป็นรูปสัญลักษณ์หนึ่งของศาสนายูดาห์ ส่วนชื่อดันเจี้ยนของพวกเราในครั้งนี้มีชื่อว่า ’72 ปีศาจแห่งโซโลมอน’ โซโลมอนคือใคร? โซโลมอนก็คือ กษัตริย์ในตำนานของชาวยิว!

 

ดาวแห่งดาวิด ในศาสนายูดาห์มีหลายชื่อเรียก มันถูกเรียกว่า ‘ตราโซโลมอน’ หรือเรียกว่า ’ผนึกดาว’

 

ดูสิ นี่มันเชื่อมกันได้พอดีเลยไม่ใช่เหรอ?”

 

“เชื่อมกันแล้วยังไง?” ตู๋หยาดูจงใจหาเรื่องเฉินเสี่ยวเลี่ยนอยู่บ้าง คงเพราะเพิ่งโดนนิวตันสั่งสอนไป กลับต้องมาดูเด็กใหม่พูดฉอดๆ จึงรู้สึกเสียหน้า ตู๋หยายิ้มเย็นชาพูดว่า “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการเลือกเส้นทางของพวกเรา?”

 

“เกี่ยวสิ!” น้ำเสียงของเฉินเสี่ยวเลี่ยนราบเรียบหนักแน่น!

 

นิวตันมองเขาครู่หนึ่ง “เกี่ยวยังไง?” ครู่เดียวเขาก็พูดเสริมขึ้นมาอีก “ถ้าคำพูดของนายใช้ได้ ฉันจะมีรางวัลให้”

 

“ขอบคุณครับกัปตัน” เฉินเสี่ยวเลี่ยนยิ้มก่อนจะพูดช้าๆ ว่า “ดาวแห่งดาวิดในคำสอนของศาสนายูดาห์มีคำอธิบายอยู่มากมาย ฉันจำได้ว่าเคยเห็นคำอธิบายหนึ่งบอกว่า ‘แฉกทั้งหกของดาวแห่งดาวิด เป็นตัวแทนของหกสิ่งที่จะคงอยู่บนโลกนี้ไปตลอดกาล หากว่าตามบันทึกลึกลับ แฉกทั้งหกมีโค้ดแทนคือ A D O N A I อักษรทั้งหกนี้พอนำมารวมกันจะกลายเป็นคำว่า ADONAI ในภาษาฮีบรูคำนี้แปลว่า... พระเจ้า เป็นตัวแทนถึงสรรพสิ่งทั้งโลกรวมเป็นหนึ่ง”

 

พูดถึงตรงนี้ เฉินเสี่ยวเลี่ยนมองดูคนอื่นๆ ก็พบว่าทุกคนกำลังมองและตั้งใจฟังเขาอยู่ จึงพูดต่อไปว่า

 

“พอแปลออกมาแล้ว ความหมายของแฉกทั้งหกแบ่งเป็น ความดีงาม ความชั่วร้าย ความรัก ความเกลียด การเกิด การตาย

 

ดี-ชั่ว-รัก-เกลียด-เกิด-ตาย... ความหมายทั้งหกนี้ ถูกนับเป็นสิ่งพื้นฐานและเป็นสิ่งที่จะอยู่กับโลกนี้ไปตลอดกาล

 

ความหมายทั้งหก รวมเป็นดาวหกแฉก

 

หากยึดตามความหมายที่แตกต่างกันทั้งหกแล้ว ฉันคิดว่าพวกเราสามารถตัดสินใจเลือกได้ว่าจะเดินทางเส้นไหน”

 

ในกลุ่มคน มีคนไม่น้อยที่มีสีหน้าสับสน มีเพียงนิวตันที่คล้ายกับใคร่ครวญบางอย่าง จากนั้นมองเฉินเสี่ยวเลี่ยนอย่างลึกซึ้งครู่หนึ่ง สายตาแสดงความเห็นด้วยและชื่นชมออกจางๆ

 

“พูดอยู่นานสองนาน ถ้าอย่างนั้น... ไอ้ดีชั่วรักเกลียดเกิดตาย หกความหมาย หกเส้นทางอะไรนั่น... จะแยกแยะมันยังไง? ฉันดูหมดแล้ว ทุกเส้นทางไม่มีสัญลักษณ์อะไรเลย พวกเราจะแยะแยะยังไงว่าเส้นไหนเป็นเส้นดี เส้นไหนเป็นเส้นชั่ว เส้นไหนเป็นเส้นรักหรือเกลียด?” คนที่ถามขึ้นมาคือชายหน้าลาย น้ำเสียงของเขาไม่ได้คิดก่อกวน เป็นคำถามอย่างเป็นกลาง

 

เฉินเสี่ยวเลี่ยนยิ้ม

 

ตอนนี้ บนใบหน้าใสๆ ของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา แสดงความใจเย็นสบายๆ อย่างชัดเจน

 

“ฉันไม่รู้ว่าทางสายไหนคือรักหรือเกลียด หรือสายไหนคือความดี... แต่ฉันรู้ว่าเราควรเดินทางสายไหน!

 

อย่าลืม ว่าเราตามหาอะไรกันอยู่

 

เสาปีศาจ! ในตำนาน ปีศาจล้วนเป็นสัญลักษณ์ของนรก ความตาย... หากต้องการหาผนึกปีศาจ จะต้องเดินทางสายไหนคงไม่ต้องให้พูดแล้วมั้ง”

 

“นายหมายความว่า ต้องเลือกเส้นทางที่หมายถึง ‘ความตาย’ ก็จะหาผนึกเจอ” นิวตันเข้าใจขึ้นมาทันที

 

ซารอสขมวดคิ้ว “แต่ปัญหาก็คือ... ที่นี่มีเส้นทางหกทาง ทางไหนเป็นตัวแทนของ ‘ความตาย’ กันล่ะ? มันไม่มีเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์อะไรเลย”

 

เฉินเสี่ยวเลี่ยนยิ้มบางๆ “พวกเราเข้ามาจากทางเส้นไหน?”

 

คราวนี้ ทุกคนเข้าใจทันที!

 

“พวกเราเดินจากข้างนอกเข้ามาข้างในด้วยทางเส้นนี้ ซึ่งก็เป็นหนึ่งในเส้นทางของดาวหกแฉกเช่นกัน... เส้นทางสู่ด้านนอก ฉะนั้นความหมายของเส้นทางสายนี้ ฉันเดาว่าจะต้องเป็นทาง ‘เกิด’ อย่างแน่นอน

 

หกความหมาย ดีชั่วรักเกลียดเกิดตาย เรียงแล้วความหมายล้วนตรงข้ามกัน ขัดแย้งกัน ดีกับชั่ว รักกับเกลียด เกิดกับตาย! ทางเกิดคือเส้นไหนพวกเราก็รู้กันแล้ว ส่วน...ทางตาย...”

 

“เส้นทางแห่งความตาย จะต้องอยู่ในทางตรงข้ามกับเส้นทาง ‘เกิด’ อย่างแน่นอน ซึ่งก็คือเส้นทางสายนั้นนั่นเอง!”

 

ทุกคนเข้าใจในทันที คราวนี้สายตาที่ทุกคนมองไปยังเฉินเสี่ยวเลี่ยนก็เปลี่ยนไปไม่น้อย

 

นิวตันมองเฉินเสี่ยวเลี่ยนด้วยสายตาประเมินอย่างจริงจัง เขาพยักหน้า พูดด้วยเสียงหนักแน่นว่า “ไม่เลว ดูท่านายเตรียมตัวมาเต็มที่ และยังฉลาดมากอีกด้วย เด็กใหม่แบบนี้อนาคตไกลแน่นอน... อืม หากต่อไปนายยังรักษาท่าทีแบบนี้ไว้ได้ หลังจากจบภารกิจนี้แล้ว ฉันจะเสนอให้หัวหน้าสมาพันธ์รับนายเข้าเป็นสมาชิกเต็มตัวเป็นกรณีพิเศษ”

 

นอกจากหานปี้แล้ว สายตาที่เด็กใหม่ทั้งสามคนมองมายังเฉินเสี่ยวเลี่ยน ก็มีความอิจฉาตาร้อนเพิ่มขึ้นมา

 

…………………………

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด