ตอนที่แล้วบทที่ 13 ยอมรับเงื่อนไขของฉันก่อน ฉันถึงจะยอมจดทะเบียนสมรสกับคุณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 15 หัวใจอันอ่อนแอบอบบางของเธอถูกทำร้ายอย่างหนัก

บทที่ 14 นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ลูกคือคนที่แต่งงานแล้ว


บทที่ 14 นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ลูกคือคนที่แต่งงานแล้ว

 

ณ จุดจดทะเบียนสมรส เพื่อให้เป็นความลับสุดยอด ซ่งฉู่อี๋จึงหาคนสนิทคุ้นเคยมาดำเนินการให้

 

เมื่อถึงเวลาเซ็นชื่อ จู่ๆ ฉางฉิงก็รู้สึกใจว่างเปล่าโหวงเหวงพิกล แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างน่าประหลาด

 

ความรักอันสวยงามที่เธอเฝ้าปรารถนาได้ขาดสะบั้นลงแล้ว

 

เจ้าหน้าที่หญิงที่ช่วยดำเนินการให้เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็ตกใจ “โอ๊ะ ร้องไห้ทำไมคะ ไม่อยากแต่งงานหรือเปล่า ฉันยังไม่ได้ประทับตรา พวกคุณลองคิดดูอีกทีนะคะ”

 

ซ่งฉู่อี๋ก้มลงมองเธอ บนขนตาเรียวยาวมีหยาดน้ำตาเกาะอยู่ ใบหน้าที่เนียนอมชมพูก็มีคราบน้ำตา เขานวดหว่างคิ้วและพูดอย่างจนใจว่า “ถ้าคุณไม่อยากแต่งก็ช่างมันเถอะ”

 

ช่างเย็นชาจริงๆ

 

“...ไม่ใช่ค่ะ” ฉางฉิงสูดจมูกฟุดฟิด แล้วดันเอกสารที่เซ็นชื่อเสร็จแล้วให้

 

“ต้องเป็นอาการวิตกกังวลก่อนแต่งงานแน่เลย คุณซ่ง คุณต้องปลอบเธอด้วยนะคะ ก็ผู้หญิงนี่นา ล้วนต้องการการปกป้องทั้งนั้น” เจ้าหน้าที่หญิงจัดการเรื่องทะเบียนสมรสเสร็จอย่างรวดเร็ว แล้วยื่นให้ทั้งคู่ “ขอให้มีความสุขนะคะ”

 

“ขอบคุณค่ะ” ฉางฉิงก้มหน้าก้มตาพลางรับมา

 

เมื่อเดินออกมาจากที่ว่าการอำเภอ เธอก็ยังคงก้มหน้าอยู่ ด้วยความที่ซ่งฉู่อี๋ตัวสูงมาก จึงมองไม่เห็นใบหน้าเธอ เขาพูดแค่ว่า “อีกเดี๋ยวผมจะโทรไปหาคุณพ่อคุณ แล้วตอนเย็นก็ไปที่บ้านคุณกัน จะได้ถือโอกาสบอกเรื่องที่เราจดทะเบียนสมรสแล้วด้วย”

 

“อืม งั้นฉันไปก่อนนะคะ” ฉางฉิงเดินไปที่รถตัวเอง ตอนนี้เธอรู้สึกเซื่องซึมจนไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้น

 

ซ่งฉู่อี๋มองดูเธอเดินไปขึ้นรถ แล้วก็เห็นรถของเธอด้วย ออดี้ A7 สีขาว ในดวงตาเขาฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นเขาถึงค่อยขับรถกลับโรงพยาบาล

 

_ _ _ _ _ _ _ _

 

ตอนเย็นฉางฉิงกลับมาที่บ้านตระกูลเยี่ยน ในลานบ้านมีรถออดี้สีดำจอดอยู่ เธอใจเต้นตึกตัก

 

เมื่อเข้าไปในบ้าน เสียงหัวเราะสดใสเบิกบานของหลินอี้ฉิน ผู้เป็นพี่เขยก็ดังลอยมา ซ่งฉู่อี๋นั่งอยู่ข้างเขา พอเห็นเธอเข้ามา มุมปากซ่งฉู่อี๋ก็โค้งเป็นรอยยิ้ม

 

ฉางฉิงเพิ่งเคยเห็นเขายิ้มแบบนี้เป็นครั้งแรก ดูสดชื่นเหมือนอยู่ท่ามกลางสายลมฤดูใบไม้ผลิที่อบอุ่น

 

“เด็กคนนี้นี่ จดทะเบียนสมรสเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมไม่เห็นบอกพ่อเลยสักคำ ปิดเงียบเชียว” เยี่ยนเหล่ยมีน้ำเสียงตำหนิ แต่แววตากลับเปี่ยมด้วยความสุขเจือสับสนงุนงง

 

ฉางฉิงกัดริมฝีปากและถลึงตาใส่ซ่งฉู่อี๋ด้วยความหงุดหงิดโมโห เขาไม่เห็นบอกเธอสักคำว่าจะล่วงหน้ามาก่อน เธอยังไม่ทันได้เตรียมใจให้พร้อมเลย

 

ฉางซินหยอกล้อ “พ่อคะ เมื่อกี้คุณหมอซ่งก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่า พวกเขาสองคนตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกเห็น หนูว่าตอนที่สองคนนี้เจอกันครั้งแรกที่โรงพยาบาลก็มีความรู้สึกดีๆ ให้กันแล้วล่ะ การดูตัวครั้งนี้ พรหมลิขิตได้มาเยือนแล้ว ต้องรีบตีเหล็กตอนร้อน โชคชะตาได้ลิขิตเอาไว้แล้ว”

 

“ถูกต้อง อย่างที่พูดนี่แหละครับ” ซ่งฉู่อี๋ยิ้มบางๆ พลางเออออห่อหมก

 

ฉางฉิงไม่อยากเชื่อว่าคำพูดแบบนั้นจะออกมาจากปากเขา

 

ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น โกหกทั้งเพ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเย็นชากับเธอจะตาย

 

เยี่ยนเหล่ยทั้งดีใจทั้งเศร้าซึม “ฉู่อี๋ ลูกสาวลุงคนนี้ถูกลุงตามใจจนเคยตัวมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยลำบากลำบน ต่อไปเธอก็ให้อภัยฉางฉิงหน่อยนะ แล้วก็ดูแลเอาใจใส่ฉางฉิงด้วย”

 

“คุณพ่อวางใจเถอะครับ” ซ่งฉู่อี๋สุภาพเรียบร้อยตั้งแต่ต้นจนจบ

 

“เรียกพ่อแล้วเหรอ...” ฉางฉิงบ่นพึมพำ

 

“ก็ว่าต้องเปลี่ยนคำเรียกใหม่สิ ลูกคิดว่าคนอื่นเขาจะไม่รู้เรื่องรู้ราวเหมือนลูกอย่างนั้นเหรอ” เยี่ยนเหล่ยตำหนิเล็กน้อย “ลูกน่ะ ต่อไปเวลาที่อยู่ด้วยกันกับฉู่อี๋ ก็ต้องขยันขันแข็งหน่อย อย่ามัวแต่เที่ยวเล่นจนดึกดื่นเที่ยงคืนถึงค่อยกลับบ้าน ต้องจำไว้ว่านับแต่วันนี้เป็นต้นไป ลูกคือคนที่แต่งงานแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไร ต้องคำนึงถึงครอบครัวเป็นหลัก”

 

“อยู่ด้วยกัน...?” ฉางฉิงกะพริบตาปริบๆ

 

“เหลวไหล จดทะเบียนสมรสแล้วก็ต้องไปอยู่ด้วยกันสิ” ถึงแม้เยี่ยนเหล่ยจะไม่อยากจากลูกสาว แต่อย่างไรลูกสาวก็ต้องออกเรือนไปอยู่ดี “ฉู่อี๋บอกว่างานแต่งงานจะจัดช่วงครึ่งปีหลัง คฤหาสน์ก็มีแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ตกแต่งซ่อมแซม แล้วเพื่อที่จะทำงานได้สะดวก เขาจะอาศัยอยู่ในย่านแถวๆ โรงพยาบาลเป็นการชั่วคราว ที่นั่นมีสามห้องนอน หนึ่งห้องทานข้าวและหนึ่งห้องรับแขก ซึ่งก็ใหญ่พอสำหรับลูกสองคน พรุ่งนี้ฉู่อี๋จะมาช่วยขนย้ายข้าวของของลูกไป”

 

“พรุ่งนี้?” ฉางฉิงงุนงง “พ่อคะ หนูเพิ่งจะแต่งงาน ให้หนูอยู่ที่นี่ต่ออีกสักพักไม่ได้เหรอคะ ให้หนูอยู่เป็นเพื่อนพ่ออีกสักหน่อยไง อีกอย่างพรุ่งนี้หนูต้องอัดรายการ ไม่มีเวลาย้ายหรอกค่ะ”

 

“งั้นย้ายวันมะรืนนี้ก็แล้วกัน” เยี่ยนเหล่ยลูบหัวเธอและถอนหายใจอยู่ในใจ “ข้าวใหม่ปลามันต้องอยู่ด้วยกันเยอะๆ”

 

“ค่ะ” แม้ฉางฉิงจะไม่ยินยอม แต่ก็ได้แต่ตอบตกลงอย่างว่าง่าย

 

.........................................................

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด