ตอนที่ 32: คำขอของเมเดียน
ตอนที่ 32: คำขอของเมเดียน
เฮเซคียาห์ยกมือขึ้นตั้งท่าป้องกันโดยอัตโนมัติ แต่เมเดียนแค่จ้องเขา ไม่ได้เคลื่อนไหว ดังนั้นเฮเซคียาห์จึงค่อยๆ ผ่อนคลายและลดมือลง
“คุณต้องการอะไรจากผมอีก” เฮเซคียาห์เป็นฝ่ายตั้งคำถามเพราะอีกฝ่ายเอาแต่เงียบ
เมเดียนถอนหายใจยาว และในชั่วพริบตา เฮเซคียาห์พบว่าตัวเขากำลังยืนอยู่ในลานโล่งที่ดูเหมือนเป็นสถานที่สำหรับเผาหญ้า กลิ่นเหม็นไหม้ของบางอย่างลอยมาติดจมูก แต่สถานที่นี้กลับคุ้นตาอย่างน่าประหลาด เฮเซคียาห์พยายามนึกว่าเขาเคยเห็นสถานที่แห่งนี้ที่ไหนมาก่อน แต่ตอนแรกเขายังนึกไม่ออก จนกระทั่งสายตาของเขาไปพบกับซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างซึ่งดูคล้ายบ้าน เฮเซคียาห์ถึงกับนิ่งอึ้ง ก่อนจะเบือนหน้ามาหาเมเดียนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
“มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่” เขาตั้งคำถามด้วยความตกใจ สถานที่ซึ่งเขายืนอยู่ คือป่าดาร์คเฮลฟอเรสบริเวณแถวบ้านของเมเดียน และซากบ้านที่เขาเห็นคืออดีตบ้านของเมเดียนนั่นเอง
“มีอุกกาบาตหล่นมาจากฟ้า ไฟไหม้ไปทั่ว พวกวิหคเหมันต์พยายามช่วยฉันดับไฟ แต่ทำไม่ได้”
“แล้ว...” เฮเซคียาห์กลืนน้ำลายลงคออย่างไม่เข้าใจ “คุณพาผมมาที่นี่ทำไม ความสัมพันธ์ของเราควรจบไปแล้ว”
“ตอนบรอธติดต่อกับฉัน ฉันไม่อยากเชื่อเลย ฉันคิดว่าเธอตายไปแล้ว” เมเดียนมีสีหน้าซึ่งยากจะอธิบายอารมณ์ของเขาได้
เฮเซคียาห์นิ่งมองอย่างไม่เข้าใจ เขาคิดว่าเห็นความสำนึกผิดบนสีหน้าของเมเดียน
“คุณตั้งใจฆ่าผม ผมเข้าใจผิดหรือเปล่า” เฮเซคียาห์ดำเนินบทสนทนาอันแสนอึดอัดกับเมเดียนต่อ
“ใช่”
“แล้วมายุ่งกับผมอีกทำไม ผมตายไปแล้วครั้งหนึ่ง มันควรถือว่าคุณได้ชำระแค้นไปแล้ว”
“ก็ใช่ แต่...” เมเดียนทำสีหน้าเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ฉันเสียใจ”
“ห๊า!?” เฮเซคียาห์ไม่แน่ใจว่าเขาหูฝาดหรือไม่
“ฉันเสียใจที่ทำแบบนั้นกับเธอ ฉันแทบไม่เคยส่งคนออกไปที่อวกาศเลย เพราะพวกเขาจะตาย” เมเดียนเหมือนสำนึกผิดจริงๆ เขาดูเศร้าสร้อย ไหล่ของเขาตกลู่ “ฉันกำลังอารมณ์เสีย ฉันทั้งโกรธเธอ และโกรธโซเฟีย เพราะว่าโซเฟียขอร้องฉันย้ำๆ ให้เอาเศวตศาสตราออกจากหัวใจเธอไปให้กับโซเฟีย ฉันเองก็ไม่คิดว่าทั้งที่โซเฟียได้รับบทเรียนจากการถูกเธอทำร้าย โซเฟียกลับไม่ได้มีความมุ่งมั่นน้อยลงที่จะได้ออกไปจากเซนต์กิลเจน”
“ตอนนี้คุณเลยจะยอมทำตามที่เธอต้องการ ด้วยการจะควักหัวใจของผมออกมาแล้วดึงเอาเศษไลฟ์ควอตซ์ไปให้กับเธออย่างนั้นสินะ”
“ไม่!” เมเดียนส่ายหน้า
เฮเซคียาห์รับรู้ได้ว่าเมเดียนมีเรื่องบางอย่างในใจ แต่เมเดียนยังไม่ยอมพูด ตอนแรกเฮเซคียาห์จะเปิดปากคาดคั้น แต่แล้วก็ปิดปากที่เผยอค้างปิดลง เขารู้สึกเหมือนเมเดียนจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาในที่สุด และเขาสมควรอดทนรอจนอีกฝ่ายพร้อมที่จะพูดเอง
“โซเฟีย เธอไปแล้ว” เมเดียนเสียงเบามาก แต่รอบข้างไม่มีเสียงรบกวน เฮเซคียาห์ได้ยินชัดเจน
“ไปไหน?”
“จะไปไหนล่ะ ก็ทิ้งเซนต์กิลเจนแล้วออกไปแล้ว แอบออกไปโดยไม่ล่ำลา ไม่มีแม้แต่จดหมายบอกลา” เมเดียนดูหมดอาลัยตายอยาก เขาสูดหายใจเข้าลึก และเงยหน้าขึ้น ท่าทางไม่ต่างจากคนพยายามกลั้นน้ำตา แต่เฮเซคียาห์สังเกตดูแล้ว เมเดียนก็ไม่ได้มีน้ำตา บางทีเมเดียนอาจพยายามกลั้นน้ำตาไว้สุดฤทธิ์
“คุณตามเธอไปได้ไม่ใช่เหรอ ก็แค่คิดถึงเธอ” เฮเซคียาห์แสร้งยิ้มให้เผื่อจะได้เห็นอีกฝ่ายสดใสขึ้นบ้าง เขายกมือขึ้นและขยับนิ้วชี้วนรอบบริเวณขมับของเขาเอง
เมเดียนส่ายหน้า
“คุณตามเธอไปไม่ได้เหรอ ทำไมล่ะ” เฮเซคียาห์ประหลาดใจ
“ฉันตามเธอไปน่ะ ตามไปได้ แต่ตามเธอกลับมาไม่ได้ต่างหากล่ะ” เมเดียนแก้ไขความเข้าใจผิดของเฮเซคียาห์ “เธอดูท่าทางมีความสุขกับมนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่งซึ่งบังเอิญเจอกันในป่า เขาเป็นผู้ใช้เศวตศาสตราซึ่งบังเอิญผ่านมาพบเธอเข้าพอดี ท่าทางของพวกเขาทั้งคู่ทำให้ฉันไม่สามารถพาเธอกลับไปเซนต์กิลเจนด้วยกันได้ ฉันมองก็รู้แล้วว่าพวกเขาตกหลุมรักกันและกัน”
เฮเซคียาห์เพียงกะพริบตา รอบตัวเขาเปลี่ยนไปเป็นอีกสถานที่หนึ่ง พอเขามองไปรอบๆ ให้ดี ก็ตระหนักว่าเขากำลังอยู่กับเมเดียนในบ้านของโซเฟีย
“โซเฟียหายไปจากบ้านนี้เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ก่อนจะเกิดไฟไหม้ป่าดาร์คเฮลฟอเรสวอดวายไปครึ่งหนึ่ง ตอนนี้ฉันเลยมาพักที่นี่” เมเดียนทำให้เฮเซคียาห์ตระหนักว่าเขาหายตัวไปสู่อวกาศนานกว่าที่เขาคิด ไม่ใช่แค่เพียงวันหรือสองวัน
สายตาของเฮเซคียาห์มองเมเดียนยกมือขึ้นแตะใบหน้าด้านหนึ่งของตนเอง เขาเข้าใจว่าอีกฝ่ายพยายามตั้งสติหลังจากระลึกถึงเหตุการณ์ไม่ดีที่ผ่านเข้ามา
“ตอนโซเฟียหายไป ฉันรู้สึกเหมือนเสี้ยวหนึ่งในชีวิตขาดหายไป แล้วพอพบว่าไฟไหม้บ้านที่ฉันเคยอยู่กับภรรยา ฉันก็รู้สึกเจ็บในอกมาก ฉันสูญเสียของรักสองอย่างไปในเวลาไล่เลี่ยกัน”
เฮเซคียาห์รับรู้ได้ว่าเสียงของอีกฝ่ายสั่นเครือแปล่งๆ เขามองเมเดียนอย่างสับสน ไม่คิดว่าจะได้มาเห็นเมเดียนในสภาพที่กำลังจิตใจอ่อนแอแบบนี้
“โซเฟีย เธออาจเป็นแค่เด็กกำพร้า แต่เธอมีลักษณะบางอย่างคล้ายกับภรรยาของฉันมาก ฉันก็เลยเอ็นดูเธอมากกว่าใคร” เมเดียนรำพึงรำพัน
เฮเซคียาห์กำลังรับฟังอย่างเสียไม่ได้ นึกแปลกใจกับคำพูดของเมเดียน
“เดี๋ยวก่อนนะ คุณไม่ได้เห็นเธอเป็นเด็กเป็นเล็ก แต่คิดกับเธอแบบชู้สาวอย่างนั้นเหรอ” เขาอดใจไม่ถามไม่ได้ ทั้งที่ตอนแรกว่าจะนิ่งฟังไปก่อน
“เปล่า ก็แค่เห็นโซเฟียเป็นเหมือนตัวแทนของภรรยาของฉันเท่านั้น เธอเป็นเหมือนหลานแท้ๆ”
“แล้ว...” เฮเซคียาห์ยังไม่ค่อยเข้าใจนักถึงเหตุผลที่เมเดียนพาตัวเขากลับมาที่เซนต์กิลเจนทั้งที่เขาไม่ได้ขอ “คุณพาผมกลับมาที่นี่ทำไม”
“ฉันอยากบอกว่าฉันเสียใจจริงๆ และอยากขอร้องเธอให้ช่วยเซนต์กิลเจนไว้ ถ้าหากว่าเราทำสำเร็จ ฉันจะพาเธอเทเลพอร์ตเข้าไปที่เมืองหลวงเป็นการแสดงความขอโทษและตอบแทนเธอ” เมเดียนเสนอข้อเสนอที่เฮเซคียาห์คาดไม่ถึง เขานิ่งฟังเมเดียนพูดต่อให้จบเพื่อเก็บรายละเอียด “ขณะที่ฉันกำลังพร่ำพรรณนาก่อนหน้านี้ ดีที่บรอธได้ยินเสียงของฉันและตอบกลับมาว่าเธอจะช่วยฉันได้”
“คุณจะไม่ขอโทษผมใช่ไหมถ้าหากผมไม่มีประโยชน์กับคุณ นี่รู้สึกผิดมากกว่านี้หน่อยได้ไหม ผมเกือบตายจริงๆ เพราะคุณ” เฮเซคียาห์ยิ้มหยัน ตาไม่มองหน้าอีกฝ่าย
“เธอจะไม่ถามหน่อยเหรอว่าตอนนี้หมู่บ้านนี้กำลังอยู่ในสถานการณ์แบบไหน”
“อย่างกับว่าผมต้องแคร์” เฮเซคียาห์หงุดหงิด
เขารู้สึกว่าเมเดียนงี่เง่า เขาไม่จำเป็นต้องถูกลากมาที่นี่เพื่อมาช่วยอีกฝ่าย
“รับปากเขาเถอะ ฉันได้ยินเสียงของเขาแว่วเข้ามา แล้วก็ตรวจพบว่าเขาเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าที่นายจะไปใช้เครื่องมือเทเลพอร์ตขาออกโดยต้องฝ่าพวกทหารสังกัดกลาโหมของชาวมัสตินเข้าไป” บรอธคุยกับเฮเซคียาห์แบบโต้ตอบกันแค่สองคน
เฮเซคียาห์จุ๊ปาก
“ไหนแกเคยพยายามป้องกันฉันไม่ให้ไปที่เมืองหลวง” เฮเซคียาห์นึกอยากจับบรอธเขวี้ยงลงพื้น
“แต่ถ้านายไม่ช่วยเมเดียนในครั้งนี้จะมีมนุษย์ต้องตายเป็นจำนวนมาก ฉันได้ยินเสียงคลื่นความคิดของพวกเขา และคิดว่านายควรได้ทำหน้าที่ช่วยเหลือพวกเขา แม้ว่าของที่นายจะได้รับมาเป็นรางวัลจะไม่ใช่สิ่งที่ฉันเห็นด้วยก็ตาม” บรอธทำให้เฮเซคียาห์ยิ้มอ่อนๆ
เขารู้สึกราวกับว่าบรอธกำลังใจอ่อนและกำลังจำนนกับความปรารถนาอันแรงกล้าของเขาบ้าง
“ฉันจำเป็นต้องพึ่งเธอ...” เมเดียนใช้น้ำเสียงขอร้องผิดแผกแตกต่างไปจากเวลาปกติ
“มันเกิดอะไรขึ้น เอาจริงๆ ผมก็แค่เด็กไร้ฝีมือคนหนึ่งในสายตาคุณด้วยซ้ำ เพราะอะไรถึงกล้ามาฝากความหวังทั้งหมดเอาไว้กับผม ผมสู้แพ้คุณนะ ผมจะไปปกป้องทุกคนในหมู่บ้านแทนคุณได้ยังไง”
“เธอฟังสถานการณ์ก่อนสิ” เมเดียนทำเสียงคล้ายเอ็ดเฮเซคียาห์อยู่เบาๆ “ตอนนี้เรากำลังถูกล้อมด้วยชาวมัสตินกลุ่มเพชฆาตฝีมือดี พวกเขาฝังอุปกรณ์แทรกแซงการเทเลพอร์ตของฉันรอบเกราะคุ้มภัยชั้นนอก ฉันยังสามารถเทเลพอร์ตเฉพาะตัวเองได้ในเวลานี้ แต่เทเลพอร์ตทั้งหมู่บ้านไปพร้อมกับฉันไม่ได้ ทั้งพื้นดินและภูเขาถูกยึดเอาไว้เหมือนตอกลงไปกับพื้น ถ้าจะเทเลพอร์ตเฉพาะคน มันต้องใช้เวลามาก และพวกมัสตินอาจตามรอยเจอและกำจัดคนของฉันรายคน ผู้นำกลุ่มในครั้งนี้คือเอ็กซัส ฟัสแตง สมุหเพชฆาต เขาแกะรอยของเราตั้งแต่การเทเลพอร์ตครั้งก่อน...”
“เอ็กซัส...” เฮเซคียาห์คิดถึงอดีตมือขวาของเขา
เขาอยากเจอเอ็กซัส
“แต่ว่าคุณคุยกับพวกเขาหรือยังว่าคุณเป็นใคร คุณคืออัลฟ่าแห่งการเดินทาง เมเดียนไม่ใช่เหรอ” เฮเซคียาห์สงสัยว่าคนที่เคยใหญ่โตในราชสำนักอย่างเมเดียนจะมาจนมุมให้กับสมุหเพชฆาตได้อย่างไร
“อดีตรัชทายาท...” เมเดียนจ้องเฮเซคียาห์เขม็งทำให้เฮเซคียาห์รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายยอมรับฐานะที่แท้จริงของเขา “ตอนนี้สถานการณ์ในราชสำนักไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว คนที่กุมความเป็นใหญ่ไม่ใช่ราชินีเอสเธอร์แต่เป็นเจ้าชายเฮเซเคียว”
“เฮซนะเหรอ” เฮเซคียาห์ไม่อยากเชื่อหู
ไอ้เด็กไม่ได้เรื่องคนนั้นน่ะเหรอ?
“เกิดอะไรขึ้นกับเสด็จแม่” เฮเซคียาห์ร้อนรน ด้วยความสามารถพลังจิต ไม่ควรมีคนที่สามารถต่อกรกับราชินีเอสเธอร์ได้
“พระองค์ทรงพักราชกิจ และไม่ยุ่งเกี่ยวกับงานราชการทั้งหมด ดังนั้นชาวมัสตินบางคน อย่างเอ็กซัสก็เลยมองว่าฉันไม่มีการอารักขาแบบเต็มที่แล้ว และไม่คิดจะยอมล่าถอยไปเมื่อฉันเปิดเผยตัว เจ้าหนุ่มนั่นจะไม่ฆ่าฉันแต่ก็จะไม่ปล่อยให้คนบริสุทธิ์ที่นี่รอดไปได้แม้แต่คนเดียว มันยังสะเออะมาบอกให้ฉันทิ้งหมู่บ้านของเล่นบ้าๆ นี่ไปแล้วไปสร้างที่อื่นใหม่อีกก็ได้ ไอ้บ้าเอ้ย!”
“เสด็จแม่ยังปลอดภัยดีใช่ไหม” เฮเซคียาห์ถามย้ำ
เมเดียนพยักหน้า
“แล้วตกลงผมจะช่วยอะไรคุณได้ ถ้าให้สู้กับเอ็กซัสตอนนี้ ผมว่าผมสู้ไม่ได้หรอก” เฮเซคียาห์ไม่ประเมินความสามารถของตัวเองสูงอีกต่อไป เขาบอกอนาคตที่มองเห็นได้ออกมาตรงๆ
“เธอสู้ได้แน่ เธอรู้จักเขามาตั้งแต่เด็ก ต่อสู้กับเขามาหลายหน เธอรู้จักวิธีการต่อสู้ และความคิดของเขา”
“บอกว่าสู้ไม่ได้ไงล่ะ หมายความว่ายังไงที่เถียงว่าสู้ได้” เฮเซคียาห์อยากให้อีกฝ่ายบอกมาเลยถึงสิ่งที่เขาสามารถช่วยได้
“เธอสามารถเป็นกุนซือในการสู้รบให้กับเรา ฉันจะสู้กับเขาเอง พร้อมกับผู้ใช้เศวตศาสตราจำนวนหนึ่งที่นี่ ฉันระดมกำลังทั้งพวกนักเดินทางที่แวะมาพักในหมู่บ้านนี้และผู้ใช้เศวตศาสตราที่ตั้งถิ่นฐานที่นี่ กองทัพเล็กๆ ของเรามีคนประมาณ 150 คน น่าจะพอตะลุมบอนกับกำลังของชาวมัสตินขณะที่เปิดทางให้พวกปกติหนีออกไป”
เฮเซคียาห์ไม่นึกว่าตัวเองจะได้รับเชิญให้ทำหน้าที่เป็นมันสมองของทีม และเมเดียนยังจะมารับคำแนะนำจากเขาอีกด้วย
“ผมมีอะไรในตัวที่คุณจะวางใจได้” ชายหนุ่มไม่มั่นใจในตัวเองเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
“จริงๆ ฉันก็ไม่ได้ไว้ใจเธอหรอก แต่ไว้ใจบรอธ”
“บรอธ?” เฮเซคียาห์ไม่ได้ผิดหวังนักหรอก แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้
“ฉันไม่ได้มองว่าเศวตศาสตราเป็นเทคโนโลยี แต่เชื่อว่ามันเป็นของขวัญจากสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าเทคโนโลยี”
“อะไร?”
“พระเจ้า” เมเดียนทำให้เฮเซคียาห์แทบหงายหลัง
“เดี๋ยวก่อนนะ สิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นหลังคุณเสียอีกนะ และอำนาจของมันก็ช่างน้อยนิด” เฮเซคียาห์ไม่อยากเถียงเรื่องความเชื่อกับเมเดียน แต่ก็คุยกันต่อ จะได้เข้าใจเมเดียนได้ดีขึ้น ตอนนี้เฮเซคียาห์ก็ตัดสินใจไว้แล้วด้วยว่าคงยอมช่วยอีกฝ่ายตามคำขอ เพราะถ้าเมเดียนชนะในศึกนี้กับเอ็กซัส เฮเซคียาห์จะได้เจอแม่ของเขาอีกครั้งสมใจ
“มีคนเคยเล่าให้ฉันฟังเมื่อนานมาแล้ว ระหว่างที่ฉันเดินทางท่องเที่ยวไปในอวกาศ ถึงบางอย่างที่คล้ายกับเศวตศาสตราก่อนที่มันจะมาปรากฏบนโลก และในเรื่องเล่า เศวตศาสตราที่พิเศษที่สุดคืออันที่พูดได้ มันจะทำให้พระเจ้ากลับมา และเผ่าพันธุ์ที่เล่าเรื่องราวของสิ่งที่คล้ายกับเศวตศาสตราให้ฉันฟังยังบอกฉันอีกว่า คนที่มีกล่องก็คือคนที่พระเจ้าเลือก คนที่ถูกเลือกจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่”
“โอ๊ะโอ่” เฮเซคียาห์รู้สึกไม่ดีกับตำนานที่เมเดียนเล่าให้ฟัง
มันทะแม่งๆ
“แค่เรื่องบังเอิญตรงกันล่ะมั้ง ใช่ไหมบรอธ”
บรอธเงียบ ไม่มีคำโต้แย้งหรือรับว่าเห็นด้วย
“ตกลง ผมจะช่วยคุณ แต่คุณก็ห้ามผิดคำพูด เรื่องช่วยผมเทเลพอร์ตกลับไปที่เมืองหลวง” เฮเซคียาห์เลิกสนใจประเด็นเรื่องความเชื่อ ใส่ใจกับปัจจุบันในโลกของความเป็นจริง
“เราต้องชนะเท่านั้น” เมเดียนเน้นย้ำเป้าประสงค์ของการร่วมมือกัน
“บรอธจะพยายาม ใช่ไหมบรอธ” เฮเซคียาห์กระเซ้า
“เธอเองก็ต้องพยายามด้วย ฉันไม่สามารถรับการสื่อสารในลักษณะเป็นภาพได้อย่างต่อเนื่องเหมือนกับที่มันเกิดขึ้นกับเธอ ดังนั้นเธอต้องเป็นคนช่วยสื่อสารแผนการของบรอธมาให้ฉันระหว่างการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงสั่งการคนอื่นๆ ในภาษาต่างๆ ให้ทำในสิ่งที่ทันต่อสถานการณ์”
“ว่าแต่เอ็กซัสทราบไหมว่าผมอยู่ในหมู่บ้านนี้” เฮเซคียาห์กำลังสงสัยว่าเขาเป็นปัจจัยหนึ่งในการทำให้หมู่บ้านนี้ถูกเพ่งเล็งถอนรากถอนโคน
“ไม่ ไม่รู้อะไรทั้งนั้น นอกจากว่าหมู่บ้านนี้มีฉันเป็นผู้สร้างและผู้คุ้มภัย”
“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผมคือใคร เห็นเรียกอดีตรัชทายาท” เฮเซคียาห์เอียงคอถามอย่างสัพยอก
“ฉันก็แค่เชื่อในสิ่งที่เธอเคยบอก เพราะอะไรๆ ดูแปลกๆ ไป พวกมัสตินในช่วงหลังมีการออกล่าพวกมนุษย์อย่างถี่ขึ้น พวกเขาฆ่ามนุษย์มากขึ้น จับมนุษย์ในหมู่บ้านต่างๆ ไปทำการทดลองมากขึ้น มันดูมีบางอย่างแปลกๆ เหมือนไม่มีคนปกครองให้ดี และบรอธก็บอกกับฉันเองว่าเธอคืออดีตรัชทายาท มันตื่นขึ้นในวันที่เธอวิ่งหัวซุกหัวซุนออกมา เมื่อบรอธพูดกับฉันอย่างนั้น ฉันก็เชื่อ”
“อะไรๆ ก็บรอธแล้วสิทีนี้ ฮะๆๆ”
“บรอธคือความมหัศจรรย์ ถ้าเกิดเรื่องเล่าจากเผ่าพันธุ์อื่นเป็นความจริง บรอธเป็นอุปกรณ์ของพระเจ้า เธอก็เป็นคนที่พระเจ้าเลือกให้ทำเรื่องสำคัญ ก็จัดเป็นคนสำคัญอยู่ อย่ามัวน้อยใจไร้สาระ” ตอนท้ายของคำพูดพล่ามดูเหมือนพยายามปลอบใจว่าเฮเซคียาห์มีคุณค่าภายในสายตาของเมเดียนเช่นกัน
แต่เฮเซคียาห์รู้สึกไม่ชอบใจกับคำพูดของเมเดียน
“ห๊ะ! พระเจ้าเลือกผมมา เลือกมาทำเรื่องอะไร ปลดปล่อยมนุษยชาติจากเผ่าพันธุ์มัสตินเหรอ”
"ก็เป็นไปได้" เมเดียนทำให้เฮเซคียาห์หัวเราะไม่ออก
"ถ้าพระเจ้าเลือกผม ก็คงเลือกคนผิดแล้ว“เฮเซคียาห์กล่าวอย่างเย้ยหยัน แล้วเขาก็หัวเราะได้ และหัวเราะออกมาเหมือนกับคนบ้า”หรือว่ารอดูเรื่องสนุกกันดีกว่า เพราะผมกำลังคิดว่าสิ่งที่คุณพูดอาจหมายถึงเผ่าพันธุ์อื่นในห้วงอวกาศที่เรายังไม่เคยพบก็เป็นไปได้ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นผมจะไล่ฆ่ามันทั้งหมดถ้ามันปรากฎตัวขึ้นมาเหมือนกับในเรื่องเล่าของคุณ"
เมเดียนยักไหล่
"แล้วเผ่าพันธุ์ที่เล่าตำนานบ้าๆ ให้คุณฟัง มันพวกไหนกันนะ"
"ไม่ใช่เผ่าพันธุ์ในสหพันธ์อวกาศ พวกเขายังแทบเป็นมนุษย์ถ้ำอยู่ตอนที่ฉันเจอพวกเขา ฉันไม่ได้ส่งบันทึกการเจอพวกเขาให้กับชาวมัสตินด้วย และจำพิกัดของดาวเคราะห์ของพวกเขาไม่ได้"
"ผมได้กลิ่นอายของอันตราย" เฮเซคียาห์พิจารณาเรื่องพระเจ้าของเมเดียนอย่างถ้วนถี่ "หรือว่าเผ่าพันธุ์นั้นจะเป็นคนสร้างเศวตศาสตราขึ้นมาในภายหลัง หลังจากคุณไปเยือนมาแล้วเป็นร้อยปี"
"ไม่หรอก พวกเขาพัฒนาเทคโนโลยีระดับเศวตศาสตราไม่ไหวแน่ๆ ตอนฉันเจอพวกเขา พวกเขาล้าหลังมาก"
"มั่นใจเหรอ คุณโกหกหรือเปล่า คุณจำพิกัดดาวเคราะห์นั้นไม่ได้จริงๆ เหรอ"
"ฉันไม่โกหกเธอ" เมเดียนหันไปคุยกับบรอธ ให้บรอธยืนยัน
เฮเซคียาห์รู้สึกเสียดาย เขากำลังคิดอยู่เชียวว่าอาจเจอเบาะแสสำคัญที่อาจช่วยให้เขาสืบหาวิธีทำลายล้างเศวตศาสตราได้อย่างถอนรากถอนโคน แต่แล้วก็พบทางตัน