ตอนที่ 207 ไม่กระทบเลย
จินเฉินและม่านซีรู้สึกหวาดกลัวและต้องการออกไปทันที น่าเสียดายที่พวกเขาช้ากว่าบ่าวรับใช้ของฮันชิ
พวกเขาเห็นบ่าวรับใช้ร่างใหญ่รีบเดินมา นางจ้องมองจินเฉินและพูดจาหยาบคายเสียงดังว่า “อนุจินเฉินมาด้อม ๆ มอง ๆ ที่นี่ทำไมหรือ ?”
เสียงตะโกนนี้ทำให้ฮันชิและเฟินเฟินไดตกใจ แม้แต่นักแสดงบนเวทีก็หยุด เมื่อมองตรงไปในทิศทางของจินเฉิน ฮันชิไม่ยิ้ม นางออกไปก่อนที่อารมณ์โกรธจะพุ่งออกมา ขณะที่นางกำลังจะทำร้าย เฟินเฟินไดคว้าข้อมือของนางไว้ จากนั้นนางก็ได้ยินเฟินเฟินไดพูดเสียงดังว่า “เป็นแม่รองจินเฉิน เป่ยเอ๋อ เชิญแม่รองจินเฉินมานั่งเร็ว”
บ่าวรับใช้ที่เรียกว่าเป่ยเอ๋อหันกลับมาและโค้งคำนับเฟินเฟินได พลางพูดว่า “เจ้าค่ะ” จากนั้นนางก็ทำสีหน้าไม่ยินดียินร้าย เมื่อนางทำท่าให้จินเฉินก้าวไปข้างหน้า “แม่รอง เชิญทางนี้” ท่าททางของนางไม่ได้จะชวนดูละครเลย แต่ดูเหมือนว่านางกำลังตัดสินความผิดทางอาญาซึ่งทำให้จินเฉินตัวสั่น
ม่านซีที่ตอบสนองเร็วขึ้น รีบพูดขึ้นมาว่า “เราผ่านมาที่นี่ เมื่อได้ยินเสียงของละครเราเลยมาดูกัน เราจะไม่รบกวนคุณหนูสี่และอนุฮันแล้วเจ้าค่ะ” ขณะที่นางพูดสิ่งนี้นางดึงจินเฉินและเดินออกไป
แต่เป่ยเอ๋อเร็วกว่า เดินไปขวางทาง นางไม่ได้พูดอะไรมากเพียงแค่พูดซ้ำ ๆ ว่า “คุณหนูสี่เชิญเจ้าไปดู”
ม่านซีขมวดคิ้ว เนื่องจากนางรู้ว่าเรื่องในวันนี้อาจไม่ง่ายเกินไปที่จะรับมือ เห็นได้ชัดว่าฮันชิกำลังจะสร้างปัญหา ถ้ามันเป็นแค่นางมันจะง่ายกว่าที่จะจัดการ พวกเขาเป็นอนุ ไม่มีใครอยู่ในอันดับที่สูงกว่าอีก อย่างไรก็ตามมีเฟินเฟินไดอยู่ แม้ว่านางจะเป็นเพียงบุตรสาวของอนุ แต่สถานะในครอบครัวของนางยังคงสูงกว่าของอนุ
“ไปดูกันเถอะ” จินเฉินพูดและจับเสื้อคลุมแน่น จากนั้นนางก็เดินไปที่สวน
ฮันชิมองจินเฉินเดินเข้าไปทีละก้าว เมื่อเห็นว่านางสวมเสื้อกันหนาวราคาแพง หัวใจของนางก็บีบรัดแน่น
ไม่กี่วันที่ผ่านมาเฟิงจินหยวนก็สามารถหาซื้อผ้าได้แต่ไม่ได้มอบให้กองกลางของคฤหาสน์ เขาเอาไปตัดชุดเสื้อผ้าให้จินเฉิน มีผู้หญิงหลายคนในคฤหาสน์ แต่มีเสื้อผ้าเพียงชุดเดียว นางอิจฉาอย่างมาก แต่นางก็รู้สึกกังวลได้
ตอนนี้จินเฉินสวมชุดนี้ต่อหน้านาง ถ้านางไม่พยายามยั่วยุ แล้วมันคืออะไร?
เมื่อคิดถึงประเด็นนี้ความโกรธของฮันชิก็พุ่งสูงขึ้น นางจ้องมองจินเฉินอย่างอาฆาตและถามอย่างเยือกเย็น “เจ้ามาด้อม ๆ มอง ๆ ที่นี่แทนที่จะอยู่ที่เรือนของเจ้าอย่างเชื่อฟัง ?”
จินเฉินไม่มีความตั้งใจที่จะโต้เถียง นางเพียงแต่พูดว่า “พี่สาวจ้างละครมาเล่นที่คฤหาสน์เฟิง ข้าได้ยิน ข้าก็มาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นและกำลังจะกลับเรือนเจ้าค่ะ”
“อยากรู้หรือ?” ฮันชิตะโกน “ในเมื่อเจ้ามา ทำไมเจ้าไม่เข้ามาดี ๆ กลับเลือกที่จะแอบมอง ?” นางหันไปมองไปทางนักแสดงบนเวที "น้องสาวไม่กล้าพบนักแสดงเพราะกลัวจะตกหลุมรักใช่หรือไม่ ? ”
“พี่สาวอย่าพูดไร้สาระเจ้าค่ะ” ใบหน้าของจินเฉินเปลี่ยนเป็นสีแดง “ข้าแค่จะมาดูและข้าก็จะกลับไปแล้วเจ้าค่ะ”
เฟินเฟินไดเหลือบมองไปที่จินเฉินพลางกล่าวว่า “แม่รองจินเฉินไม่ต้องรีบ ในเมื่อเจ้ามาแล้ว ทำไมไม่นั่งดูกับเรา โอ้ ใช่แล้ว” นางมองดูถ้วยชาบนโต๊ะ “ชาหมดแล้ว เราคงต้องรบกวนแม่รองจินเฉินช่วยเติมชาให้”
จินเฉินกัดฟันและคิดกับตัวเองว่าคุณหนูสี่ชอบก่อเรื่องตั้งแต่นางยังเด็ก หากนางโตกว่านี้นางจะเป็นเช่นไร
แต่นางไม่กล้าต่อต้านเฟินเฟินได ท้ายที่สุดไม่ว่านางจะเกี่ยวข้องกับบุตรสาวของฮูหยินใหญ่หรือบุตรสาวของอนุ อนุก็ถือว่าเป็นบ่าวรับใช้และไม่สามารถทำอะไรได้มาก เป็นไปได้ที่คุณหนูใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้น
นางเดินไปหยิบกาน้ำชาเพื่อรินชาให้เฟินเฟินได
เดิมทีนางเคยเป็นบ่าวรับใช้ ดังนั้นนางจึงไม่ต้องกังวลกับการรินชา นางไม่ได้อ้าปากค้างและมือของนางไม่สั่นเพราะนางเทน้ำชาอย่างต่อเนื่อง
“คุณหนูสี่ นี่คือน้ำชาของท่าน” วางหม้อชา นางโค้งคำนับ
เฟินเฟินไดหยิบถ้วยชาขึ้นมาแล้วนำไปที่ปากของนาง นางทำท่าเจ็บปวด ทันใดนั้นนางก็โยนถ้วยชาลงบนพื้นอย่างรุนแรง
ถ้วยแตกและน้ำชาก็กระเด็นบนพื้น
“เจ้าต้องการฆ่าข้าให้ตายเชียวหรือ ?” เฟินเฟินไดส่งเสียงร้องจ้องมองด้วยความโกรธ ขณะที่ชี้ไปที่จินเฉิน “จิตใจของเจ้าทำด้วยอะไร ? จึงเทชาร้อน ๆ ให้ข้าดื่ม เจ้าต้องการฆ่าข้าให้ตายงั้นหรือ ?”
ม่านซีไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป นางรีบพูดขึ้นมาว่า “กาน้ำชาวางอยู่บนโต๊ะมาพักหนึ่งแล้ว คุณหนูสี่ดื่มมานานแล้ว มันจะร้อนแค่ไหน ?”
“เจ้าพูดกับข้าหรือ ?” เฟินเฟินไดโกรธจัด “เอาล่ะ ! แน่นอนว่าเจ้าเคยเป็นบ่าวรับใช้ที่เรือนจินหยูมาก่อนหน้าถึงได้มีลิ้นที่แหลมคมกว่าคนอื่น ๆ แต่เจ้าไม่ได้เรียนรู้กฎใด ๆ เลยหรือ เจ้าเป็นใคร ? ข้าเป็นใคร ? เจ้ามีสิทธิ์พูดจาเช่นนี้กับข้าหรือ ?”
ม่านซีรู้ว่านางไปไกลเกินไปแล้ว ซักพักนางไม่รู้ว่านางควรทำอะไร
จินเฉินรู้ว่าพวกเขาโชคไม่ดีที่เข้ามาดูแม่ลูกคู่นี้ เห็นได้ชัดว่าเฟินเฟินไดแกล้งเจ็บปวด แต่ม่านซีก็ยังคงพูดและทำให้นางลำบาก ใครจะรู้ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น
นางยิ้มและแสดงท่าทีที่ดุร้าย และจงใจดุม่านซี “เจ้าขาดวินัย ! เมื่อเจ้านายพูด เจ้ากล้าพูดแทรกขึ้นมาได้อย่างไร ? เจ้าควรตบตัวเอง !”
ม่านซีรู้ว่าจินเฉินกำลังทำสิ่งนี้เพื่อบรรเทาความผิดของนาง ดังนั้นนางจึงยกมือขึ้นโดยไม่พูดอะไรเลยและตบหน้าตัวเองสองครั้ง
เมื่อเห็นม่านซีตบตัวเอง ฮันชิและเฟินเฟินไดก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้น ก่อนหน้านี้จินเฉินและม่านซีเป็นบ่าวรับใช้ของเฉินซื่อทั้งคู่ เฉินซื่อเป็นฮูหยินใหญ่ มักจะเย่อหยิ่งและเจ้ากี้เจ้าการอยู่เสมอ นางยังยกสถานะของบ่าวรับใช้ในสวนของนางเอง ทุกคนล้วนหยิ่งยโส เฟินเฟินไดเป็นเพียงบุตรสาวของอนุ และทั้งสองก็มองนางอย่างดูถูกเสมอ
อย่างไรก็ตามตอนนี้มันแตกต่างกัน เฉินซื่อเสียชีวิตและสถานะของพวกเขาเปลี่ยนไป บวกกับการที่เฟิงจินหยวนไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์เพื่อปกป้องพวกเขาอีกต่อไป พวกเขาเป็นเหมือนหงส์เพลิงไร้ขน
แต่เฟินเฟินไดไม่เชื่อว่าทั้งสองเป็นหงส์เพลิง พวกเขาไม่มีอะไรมากไปกว่าของเล่นสำหรับคนอื่น
“หืมม” นางจ้องมองที่จินเฉินและตะคอก เมื่อบ่าวรับใช้สามารถบินไปกิ่งก้านอื่นได้ นางก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าอีกา หากนางต้องการที่จะเป็นหงส์เพลิง
ทันใดนั้นฮันชิก็เกิดความคิดที่น่ารังเกียจ “จินเฉิน เจ้าร้องเพลงเป็นไม่ใช่หรือ ?”
จินเฉินตกตะลึงแล้วส่ายหัว “ไม่เป็นเจ้าค่ะ”
เฟินเฟินไดกล่าว “ถ้าเจ้าร้องไม่เป็น เจ้าก็สามารถเรียนรู้ได้! แม่รองฮันชอบดูละครเหล่านี้ เมื่อวานนี้ท่านพ่อพูดกับนางว่าเราสามารถเชิญนักแสดงให้มาแสดงที่คฤหาสน์ได้ วันนี้ทั้งคณะเพิ่งจะมาอยู่ที่นี่ ถ้ามีนักแสดงสอนเจ้า หลังจากที่เจ้าได้เรียนรู้ เจ้าก็จะสามารถแสดงให้เราดูได้”
จินเฉินรู้สึกถึงคลื่นของความอัปยศอดสูที่พุ่งขึ้นมา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น นางเป็นผู้หญิงของเฟิงจินหยวน แต่เฟิงเฟินไดต้องการให้นางเรียนรู้วิธีการแสดงจากนักแสดงเหล่านี้ นางจะเรียนรู้อาชีพชั้นต่ำได้อย่างไร
เมื่อเห็นว่าจินเฉินยืนอยู่ที่นั่นโดยไม่ขยับ ฮันชิจึงตวาดออกมาว่า “นี่มันอะไรกัน เจ้ากล้าที่จะเพิกเฉยต่อคำสั่งของคุณหนูที่สี่หรือ ?”
จินเฉินรู้สึกสับสนและมองเฟินเฟินไดพลางเอ่ยว่า “หากคุณหนูสี่และและพี่สาวฮันอยากดูละคร มีนักแสดงมาแสดง จริง ๆ จินเฉิน…”
“ข้าบอกให้เจ้าแสดง ดังนั้นเจ้าก็ต้องแสดง !” ทันไดก็เฟิงเฟินไดก็ตะโกนออกมา เสียงตะโกนเหล่านี้ทำให้แม้แต่ฮันชิก็สั่นไหว “เจ้ายืนอยู่ที่นั่นเพื่ออะไร ขึ้นไปบนเวที !”
เป่ยเอ๋อบ่าวรับใช้เห็นว่าเจ้านายของนางโกรธ นางรีบดึงจินเฉินและบีบแขนนางอย่างแรง “คุณหนูสี่บอกอนุจินเฉินให้ขึ้นไปบนเวที ก็รีบขึ้นไปสิ !”
จินเฉินส่ายหน้าของนาง “คุณหนูสี่ ท่านไม่สามารถทำเช่นนี้ได้”
“ทำไมข้าถึงทำไม่ได้ล่ะ ?” เฟินเฟินไดมองดูนางอย่างดูถูก “อนุกล้าบอกคุณหนูว่าไม่สามารถทำอะไรได้ ? เจ้ามีสิทธินั้นหรือไม่ ?”
เป่ยเอ๋อเข้ามาแทรกในเวลาที่เหมาะสม “อนุจินเฉิน คิดให้รอบคอบ คุณหนูสี่ใช้แซ่เฟิง ในขณะที่เจ้าเป็นแค่อนุที่ไม่สามารถใช้แซ่นั้นได้”
ด้วยคำพูดเหล่านี้จินเฉินก็รู้สึกเสียใจ
ถูกต้อง เฟินเฟินไดพูดถูก ? แม้ว่านางจะถูกรังแกอย่างเห็นได้ชัดเจน นางจะทำอะไรได้ ?
เมื่อคิดถึงอย่างนี้นางก็ไม่ได้ต่อสู้อีกต่อไป เมื่อมองไปรอบ ๆ นางเหลือบไปที่เวทีที่หยุดเล่น นางกัดฟันแล้วนางเดินขึ้นไป
นักแสดงย้ายไปด้านข้าง เพื่อให้ที่ว่างแก่จินเฉิน จากนั้นเขาก็ส่งยิ้มหวานกับฮันชิ และถามว่า “ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าผู้หญิงคนนี้ที่ขึ้นมาบนเวทีเป็นใคร ?”
ฮันชิหัวเราะแล้วตอบ “นางเป็นแค่อนุ”
ม่านซีจ้องมองที่ฮันชิ และคิดว่าผู้หญิงคนนี้ไร้ยางอายมาก นางก็เป็นอนุเช่นกัน แต่นางกลับพูดอย่างนั้น
จินเฉินหมดความสนใจในการโต้เถียงกับฮันชิ นางเพียงแค่พูดว่า “ข้าไม่รู้วิธีแสดงจริง ๆ โปรดอย่าสร้างปัญหาให้ข้าอีกต่อไป” ในใจของนาง นางสวดอ้อนวอนให้เฟิงหยูเฮงมาที่สวนดอกไม้ในเวลานี้ gab’จินหยวนออกจากเมืองหลวงไปแล้ว ดังนั้นคนเดียวที่สามารถปกป้องนางคือคุณหนูรอง
เฟินเฟินไดหยิบชาขึ้นมา 1 ถ้วยแล้วมองไปที่เวที ตาของนางเหล่มอง นางถามจินเฉิน “ทุกคนเป็นหญิงสาวที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีและมีทักษะในศิลปะทั้งสี่ แม้ว่าเจ้าจะไม่เก่ง เจ้าก็ควรมีทักษะหนึ่งหรือสองอย่าง เจ้าสามารถทำหนึ่งในนั้น เจ้าไม่รู้จักศิลปะทั้งสี่และเจ้าไม่รู้วิธีการแสดง เจ้าทำอะไรได้ ? เป็นไปได้อย่างไรที่คฤหาสน์เฟิงของเราเลี้ยงดูคนที่ทำอะไรไม่เป็นและไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ?”
คำพูดของเฟินเฟินไดไม่ดีและหยาบคาย จินเฉินยืนอยู่บนเวทีอย่างใจหาย นางรู้สึกว่านางโดนดูถูกเหยียดหยาม แต่นางไม่มีอำนาจที่จะต่อต้าน
ฮันชิโบกมือให้กับนักแสดง “แสดงต่อไป เปลี่ยนเพลง”
นักแสดงก็ปฏิบัติตามอย่างดี ในการจัดเลี้ยงตามความต้องการของผู้ชม ในขณะที่เขาร้องเพลงเกี่ยวกับบ่าวรับใช้ที่กลายเป็นเจ้านายซึ่งทำให้ฮันชิต้องแผดเสียงหัวเราะ
เฟินเฟินไดหัวเราะด้วย แต่นางก็เตือนฮันชิ “เจ้าอย่าหัวเราะแรงเกินไป ระวังอย่าให้กระทบต่อตั้งครรภ์ของเจ้า”
ฮันชิหัวเราะอีกครั้งแล้วลูบหัวของเฟิงเฟินไดว่า “มันไม่เร็วขนาดนั้น! คุณหนูสี่นั้นยังเด็กเกินไป เป็นเรื่องปกติที่จะไม่เข้าใจสิ่งต่าง ๆ” แม้ว่านางจะพูดเรื่องนี้นางก็กังวลอย่างมากเกี่ยวกับว่านางจะตั้งครรภ์หรือไม่ ผ่านมาหลายปีแล้ว เมื่อเฟิงจินหยวนโปรดปรานนางก่อนหน้านี้ นางทำได้เพียงให้กำเนิดเฟินเฟินไดคนเดียว เป็นไปได้หรือไม่ที่นางจะตั้งครรภ์อีกครั้ง? แต่ถ้านางไม่ตั้งครรภ์ ไม่ต้องพูดถึงเฟินเฟินไดว่านางจะถูกกระทำอย่างไรบ้าง แม้ว่านางจะไม่รู้สึกง้อ
ด้านล่างเวทีคู่มารดาและบุตรสาวนั้นหยิ่งมาก ในขณะที่อยู่บนเวทีจินเฉินก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้ ในขณะที่นักแสดงยังคงแสดงต่อไป นางไม่รู้ว่านางจะต้องยืนบนเวทีนี้นานแค่ไหนเพราะคุณหนูรองไม่ปรากฏตัวตามที่นางหวัง ในความเป็นจริงไม่มีใครในคฤหาสน์เดินมาที่สวนดอกไม้ นางเริ่มตระหนักว่านางหุนหันพลันแล่นและสอดรู้สอดเห็นมากเกินไป มันเป็นไปไม่ได้ที่การกระทำดังกล่าวจะเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น แต่พวกเขาสามารถแกล้งทำเป็นว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นแล้วทำไมนางถึงรีบเร่ง ? ในท้ายที่สุดมันก็ยังไร้ความสามารถ
ในเวลานี้เฟิงหยูเฮงอยู่ในร้านขายยาเตรียมตรวจขาของซวนเทียนหมิง
นางสามารถระบุได้ว่ามีการแตกหัก แต่นางต้องรอผลการเอกซ์เรย์ก่อนที่จะตัดสินความรุนแรง
ไม่มีสิ่งใดในร้านขายยาที่มีปัญหากับอายุการเก็บรักษา ในความเป็นจริงแม้แต่ยาที่ใช้ในการผ่าตัดก็ยังคงอยู่ในช่วงเวลาที่ดีที่สุด มีดผ่าตัดของนางจะไม่ขึ้นสนิมและก้านสำลีก็ไม่แห้ง บนโต๊ะทำงานของนางก็ไม่มีฝุ่น ถึงกระนั้นนางยังคงทำความสะอาดมีดผ่าตัดอย่างระมัดระวัง
ในวันแรกที่นางมาถึงโลกนี้ นางรักษาขาของซวนเทียนหมิง ในเวลานั้นนางเชื่อว่ามันได้รับการรักษาถูกต้องแล้ว อย่างไรก็ตามนางไม่คิดว่าขาที่นางดูแลเป็นการส่วนตัวจะได้รับบาดเจ็บอีกครั้งโดยพวกเฉียนโจว นางจะรู้สึกดีกับสิ่งนั้นได้อย่างไร