CLS ตอนที่ 9 กระบวนท่าเดียว!
#9: กระบวนท่าเดียว!
จัดการโม่เฉิงในกระบวนท่าเดียว?
ศิษย์นิกายเทียนหลิงเผยแววตาดูถูกออกมา พลังนับว่าดี แต่สมองกลับมีปัญหา การอวดเก่งเกินพอดีอย่างนี้ ไม่ต่างอะไรไปจากคนปัญญาอ่อน
ศิษย์ตำหนักเทียนเฉวียนก็พากันส่ายหัวเหมือนกัน เพิ่งจะชนะแค่รอบเดียวจำเป็นต้องหยิ่งขนาดนี้ไหม? นี่เท่ากับเร่งความพ่ายแพ้ให้กับตัวเองโดยไม่ต้องสงสัย พรสวรรค์ของโม่เฉิงนั้นดีเยี่ยม ในคนอายุรุ่นเดียวกันยากจะหาคู่ต่อกร ดังนั้น คำพูดของอี้เทียนหยุนจึงทำให้ความรู้สึกชื่นชอบในใจของพวกเธอตกลง นี่มันออกจะมั่นใจในตนเองเกินไป
“กระบวนท่าเดียว!”
โม่เฉิงไม่ต่อปากต่อคำกับอี้เทียนหยุนต่อ เขาก้าวขึ้นมาทันที ร่างพร่าเลือน เคลื่อนกายไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว ความเร็วของเขาในตอนนี้ไม่เร็วไม่ช้า บางครั้งก็หายไป ในขณะที่บางคราก็ปรากฏตัวขึ้น ดูแล้วช่างแปลกยิ่งนัก
“นี่คือวิชาลับของนิกายเทียนหลิง ท่าเท้าท่องเมฆา!” ชิเสวี่ยอวิ๋นขมวดคิ้ว โม่เฉิงกล้าที่จะพูดคำเมื่อก่อนหน้า แน่นอนว่าความสามารถต้องไม่ต่ำทราม วิชาตัวเบานี้ไม่ธรรมดา เขากลับฝึกสำเร็จด้วยพลังเท่านี้ การจะจัดการกับเขาได้นั้น นับว่าไม่ง่ายเลย
อี้เทียนหยุนมองไปยังโม่เฉิงที่เคลื่อนที่ไปมา ฝั่งตรงข้ามกระพริบวาบอยู่ไม่กี่ครั้ง ทันใดนั้นก็มาปรากฏยังเบื้องหน้าของตน ขณะที่เขายกมือขึ้นเบาๆ โม่เฉิงก็พลันหายไปจากตรงหน้าของเขา
และในอึดใจต่อมา เขาก็พลันรู้สึกได้ถึงวิกฤต โม่เฉิงได้ไปปรากฎยังข้างหลังของเขา!
ตามมาด้วยฝ่ามือที่ซัดเข้ามาอย่างหนักหน่วง ศิษย์ตำหนักเทียนเฉวียนที่มองเห็นเขาปรากฎตัวที่ข้างหลังอี้เทียนหยุนพลันร้องออกมาอย่างตกใจ พวกเขาเห็นโม่เฉิงทำการโจมตี อี้เทียนหยุนแน่นอนว่าไม่มีเวลาให้หลบ ความเร็วของโม่เฉิงนี้รวดเร็วมากจริงๆ
และในตอนนี้ ใบหน้าที่หล่อเหลาของโม่เฉิงก็ได้กลายเป็นดุร้าย ฝ่ามือนี้ไม่อาจเรียกได้ว่าหมัดเดียวปลิดชีพ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาบาดเจ็บหนักได้!
“ฮู่วววว!”
เสียงเหมือนกับเหยี่ยวคำราม อี้เทียนหยุนหมุนตัวกลับอย่างรวดเร็ว มือข้างหนึ่งกลายเป็นกรงเล็บเหยี่ยว ฟาดออกไปคว้าจับเข้ากับฝ่ามือที่ฟาดมาของโม่เฉิง!
เมื่อจับได้มั่น มหาเวทดูดดาวในร่างก็เริ่มโคจรอย่างบ้าคลั่ง พลังดูดที่น่าสะพรึงปะทุออก ดูดพลังวิญญาณเข้ามาในร่างของเขา จากนั้นเสียงในสมองของเขาก็ดังขึ้นไม่หยุด
“ได้รับค่าประสบการณ์ 5 แต้ม, 6 แต้ม, 4 แต้ม.....”
ขณะที่ดูดพลังวิญญาณในร่างของโม่เฉิงเข้ามา ค่าประสบการณ์ของเขาพุ่งพรวด พลังของโม่เฉิงคนนี้ค่อนข้างสูง แน่นอนว่าค่าประสบการณ์ที่ได้ย่อมสูงตาม ทันใดนั้นพลังวิญญาณในร่างของโม่เฉิงก็ถูกดูดออกมามากกว่าครึ่ง!
“นี่มันวิชาปีศาจอะไร!”
โม่เฉิงหวาดกลัวจนกลายเป็นขลาดเขลา อยากจะสลัดให้หลุดจากมือที่คว้าจับของอี้เทียนหยุน แต่ก็พบว่าทำไม่ได้ มือของเขาถูกจับไว้อย่างแนบแน่น ทำให้เขาต้องรีบใช้มืออีกข้างออกอย่างรีบร้อน แต่อี้เทียนหยุนก็ไม่ช้า มืออีกข้างก็ได้กลายเป็นกรงเล็บเหยี่ยวเช่นก่อนหน้า คว้าจับมืออีกข้างที่ฟาดเข้ามาอย่างแม่นมั่นจนไม่อาจขยับได้แม้แต่น้อย!
“กรงเล็บอินทรี!”
พวกเขาเผยแววตาตกตะลึง แม้ว่าวิชากรงเล็บอินทรีนี้จะไม่ใช่วิชาที่มีคนครอบครองเพียงคนเดียว แต่ก็นับว่าเป็นวิชาที่ดี แล้วตำหนักเทียนเฉวียนมีวิชานี้ได้ยังไง? แต่ไม่ว่าวิชานี้จะเป็นอะไร แต่ตอนนี้โม่เฉิงได้ถูกจับไว้แล้ว เขาเหมือนไม่อาจเคลื่อนไหวได้แม้แต่ครึ่งก้าว!
“ปล่อยข้า.....” ร่างของโม่เฉิงสั่นออกมา เหมือนกับลูกแกะที่หวาดกลัวตัวสั่นไม่หยุด พลังวิญญาณในร่างของเขาถูกดูดออกไปมหาศาล แล้วเขาในตอนนี้จะไปมีแรงต่อต้านได้ยังไง
แล้วอี้เทียนหยุนก็ไม่มีทางจะปล่อยเขาไป เพราะว่านี่เป็นตัวให้ค่าประสบการณ์ชั้นดีคนหนึ่ง!
ขณะที่เขายังคงดูดพลังวิญญาณในร่างของโม่เฉิงต่อ โม่เฉิงก็ได้แสดงสีหน้าน่ากลัว ตะโกนออกมาเสียงดัง “ข้าไม่มีทางแพ้!” หลังจากนั้น ฝ่ามือของเขาก็บิดหมุน พร้อมกับเผยลูกกลมสีดำที่ส่งกลิ่นอายอันตรายออกมาจากข้างใน
สายตาของอี้เทียนหยุนกลายเป็นเย็นชา ยกเท้าขึ้นอย่างรุนแรง เตะออกไปอย่างโหดเหี้ยม “เปรี้ยง” ร่างของโม่เฉิงบินออกไป ขณะเดียวกัน ลูกกลมๆ สีดำในมือของเขาก็ระเบิดออก
“ปัง!”
กลางอากาศ ลูกบอลในที่โม่เฉิงกำไว้ในมือพลันระเบิด ทำให้ความเร็วที่เขาบินไปยิ่งเร็วขึ้นอีก กลายเป็นสภาพที่น่าไม่น่าดูอย่างยิ่ง
“เฮ้ย นี่ไม่ใช่ระเบิดหรอกเหรอ!” อี้เทียนหยุนตกใจ เจ้าลูกสำส่อนนี่ซ่อนอาวุธอะไรไว้ในร่างบ้าง สู้ไม่ได้กลับแอบใช้อาวุธ นี่ช่างน่าอับอายเสียจริง!
โม่เฉิงกลิ้งตลบไปกับพื้น สภาพทุลักทุเล กระตุกอยู่บนพื้น ที่ทางฝั่งคนดู พวกเขาเห็นร่างของโม่เฉิงถูกเผาจนดำ เหมือนกับว่าตายไปแล้ว พลังระเบิดเมื่อกี้นี้ไม่เบาเลยจริงๆ ระเบิดที่ออกมาได้ฆ่าเขาไปในทันที
“ยินดีด้วย ท่านสังหารโม่เฉิงสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 800, วิชาตัวเบาท่าเท้าเหยียบเมฆา, เม็ดยาฟื้นฟู, ค่าความคลั่ง 5 แต้ม!”
“ได้รับวิชาตัวเบาท่าเท้าเหยียบเมฆาด้วย!” ในใจอี้เทียนหยุนให้รู้สึกมีความสุขอย่างมาก เขาคิดว่าวิชาที่โม่เฉิงใช้เมื่อกี้นี้ดีมาก อยู่ๆ ก็ปรากฏ อยู่ๆ ก็หายไป สามารถหลบการโจมตีได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังสามารถใช้ในการลอบโจมตีได้อีกด้วย ทำให้เขาต้องการมันอย่างมาก
“แพ้เหรอ.....” จ้าวฮัวหลงพึมพำออกมา ในสายตาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม เขากระทั่งให้โม่เฉิงเป็นคนขึ้นประลอง แต่ใครจะรู้ว่าผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้พวกเขาตกตะลึงอย่างนี้
ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาแพ้ ไม่เพียงแต่ไม่ชนะ ยิ่งกว่านั้นยังแพ้ในกระบวนท่าเดียว? กระทั่งโม่เฉิงใช้อาวุธลับออกมา แต่นั่นกลับเป็นอาวุธสังหารตัวเขาแทน
“ชนะแล้ว ชนะแล้วจริงๆ! นายน้อย ท่านเยี่ยมมาก!”
“นายน้อย ท่านแข็งแกร่งจริงๆ!”
“อี้เทียนหยุนชนะ เขาสามารถเอาชนะโม่เฉิงได้จริงๆ..... นี่ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม?”
...................................
เสี่ยวเหลียนตะโกนออกมา เธอดูแลอี้เทียนหยุนคนนี้เหมือนกับน้องชายในสายเลือดของเธอ ตอนนี้เขาเอาชนะศิษย์ที่มีพรสวรรค์ของนิกายเทียนหลิง ไม่ใช่ขยะอีกต่อไป แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เธอดีใจจนต้องกรีดร้องออกมาได้ยังไง?
กระทั่งศิษย์หญิงของตำหนักเทียนเฉวียนคนอื่นๆ ก็ยังร้องให้กำลังใจเขา! ตำหนักเทียนเฉวียนของพวกเธอไม่ใช่ฝ่ายแพ้ แต่เป็นนิกายเทียนหลิง!
อี้เทียนหยุนไม่ได้มีสีหน้าพึงพอใจเท่าไหร่ เพราะยังเหลือค่าประสบการณ์อีกกว่าครึ่งจากร่างของโม่เฉิงที่เขายังดูดมาไม่หมด ช่างน่าเสียดายนัก
“ศิษย์นิกายเทียนหลิงของท่านรู้จักแต่ลอบโจมตีหรือไง! ครั้งนี้กระทั่งใช้อาวุธลับ ถ้าแพ้ไม่ได้ก็อย่ามาลงแข่งสิ!” สายตาของอี้เทียนหยุนเย็นชา โชคดีที่เขาเร็วพอ ไม่อย่างนั้นเขาคงบาดเจ็บหนักไปแล้ว
“ผู้อาวุโสจ้าว ท่านจำเป็นต้องอธิบาย! ก่อนหน้าเป็นการประลองเป็นตาย แต่ตอนนี้คิดจะทำสงครามเป็นตายงั้นเหรอ?” ความโกรธของชิเสวี่ยอวิ๋นเทียมฟ้า นี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่า
“เรื่องนี้เป็นพวกเราผิดเอง แต่ในเมื่อคนทำได้ตายไปแล้ว พวกเราก็ไม่จำเป็นสืบสาวราวเรื่องต่อไป” ในใจจ้าวฮัวหลงให้รู้สึกโมโหขีดสุด นี่คือศิษย์ที่มีพรสวรรค์ดีเยี่ยมของพวกเขาในปัจจุบัน แต่ตอนนี้ได้ตายไปแล้ว แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เขาเกลียดชังอี้เทียนหยุนได้ยังไง
ส่วนเรื่องใช้ระเบิดนี้แน่นอนว่าไม่ได้เป็นความคิดของเขา แต่เป็นเพราะโม่เฉิงไม่สามารถโจมตีได้ จึงได้แต่ใช้วิธีการโหดร้ายนี้
“ช่างเป็นการไม่สืบสาวราวเรื่องที่ดีจริงๆ ทำให้ข้าถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว! เมื่อเป็นอย่างนี้ ก็ส่งคนสุดท้ายออกมาเถอะ!” ท่าทางของอี้เทียนหยุนกลายเป็นดุร้าย ทำให้ความรู้สึกของคนข้างล่างเวทีประลองต้องตัวสั่น
“เทียนหยุนพอได้แล้ว ที่เหลือให้พวกเราจัดการเอง!” เบ้าตาของชิเสวี่ยอวิ๋นแดงก่ำ นี่คืออี้เทียนหยุนที่ครั้งหนึ่งถูกเรียกว่าขยะ? แน่นอนว่าไม่ แต่เป็นคนปกติคนหนึ่งที่มีพรสวรรค์!
อี้เทียนหยุนช่วยพวกเธอจัดการคนไปสองคน นำความฮึกเหิมมาสู่พวกเธอ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
อี้เทียนหยุนเห็นสายตาที่มองมาอย่างกังวลของพวกเธอ ในหัวใจก็ให้รู้สึกอบอุ่น แต่รอบสุดท้ายนี้เขาต้องเป็นคนจัดการ เพราะว่าเขามีภารกิจให้ต้องทำ หลังจากจัดการพวกเขา เขาก็จะได้ค่าประสบการณ์และสมบัติ!