CLS ตอนที่ 4 รับคำท้า
#4: รับคำท้า
การแสดงออกที่กดขี่ของชิเสวี่ยอวิ๋นทำให้ทุกคนรู้ว่าอี้เทียนหยุนสำหรับเธอนั้นมีฐานะสูงส่งเพียงไหน เพื่ออี้เทียนหยุนแล้ว เธอไม่ลังเลเลยที่จะเป็นศัตรูกับนิกายเทียนหลิง!
ตามจริงแล้วชิเสวี่ยอวิ๋นได้ไตร่ตรองมาอย่างดีแล้ว นิกายเทียนหลิงจะไม่กล้าลงมืออย่างไร้เหตุผลแน่นอน ต่อให้ตบจ้าวฮัวหลงไปก็ไม่ทำสองสำนักเปิดศึกกัน แม้ว่าโดยรวมแล้วพลังของตำหนักเทียนเฉวียนจะด้อยกว่านิกายเทียนหลิง แต่จากความสัมพันธ์ส่วนบุคคลแล้ว ตำหนักเทียนเฉวียนมีผู้สนับสนุนแข็งแกว่งกว่านิกายเทียนหลิง
ศิษย์ตำหนักเทียนเฉวียนแต่งงานไปมากมาย แม้ฐานะภายนอกจะไม่ได้สูงเป็นพิเศษ แต่ถ้าให้พาคนมาสนับสนุนไม่ใช่ปัญหา
จ้าวฮัวหลงก็รู้ว่าคำที่เขาพูดออกจะไม่เหมาะสม แต่เขาที่ถูกตบหน้าจะไปใจเย็นลงได้ยังไง ทันใดนั้นเขาก็พลันพูดอย่างเหน็บแนมว่า “เจ้าตำหนักชิตบข้า เรื่องนี้สร้างความอับอายให้แก่ข้าโดยไม่ต้องสงสัย นี่ไม่ใช่แค่คำพูดไม่กี่คำหรอกเหรอ ถึงแม้ข้าอาจจะพูดอะไรผิดไปบ้าง แต่ทำไมท่านไม่ให้เขาขึ้นเวทีประลองล่ะ? นี่ไม่ใช่ข้าอยากทำให้เขาอับอาย แต่เขาทำร้ายศิษย์ของพวกเรา เขาต้องมีคำอธิบายให้พวกเรา เรื่องที่เขากล่าวหาว่าพวกเราคิดจะขโมยเม็ดยาเลือดมังกรศักดิ์สิทธิ์นั้น ข้าไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ตอนนี้พวกเราก็ไม่ได้มีเม็ดยาเลือดมังกรศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือ!”
เขาโกรธสุดๆ ชิเสวี่ยอวิ๋นตบหน้าเขาต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก ตบนี้สร้างความอับอายให้แก่เขาจนไม่อาจจินตนาการได้
“แล้วยังไง? ข้าเชื่อว่าเทียนหยุนไม่ใช่คนที่หาเรื่องใครพร่ำเพรื่อ ถ้าท่านต้องการขโมยเม็ดยาเลือดมังกรศักดิ์สิทธิ์ เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์นี้ท่านสามารถเอามันไปได้เลย แต่อย่าได้ใช้มันกับขยะ! แล้วก็อย่าได้ผลักความผิดมาที่เทียนหยุน ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่เกรงใจแล้ว!” ท่าทางของชิเสวี่ยอวิ๋นไม่มีเกรงใจ เธอเริ่มเบ่งพลังอีกครั้ง ความโกรธฉายชัดอยู่บนนัยน์ตาของเธอ
ถ้าให้อี้เทียนหยุนขึ้นประลองเขาจะต้องแพ้โดยไม่ต้องสงสัย ยิ่งเวลาผ่านไปเลือดฉีในร่างของเขาจะยิ่งอ่อนแอลง ทำให้ร่างกายของเขาเริ่มพัง ถ้าถูกทุบจนลอยไปสักครั้ง ต่อให้ไม่ตายก็จะอาจจะจบลงที่พิการ
เมื่อเป็นอย่างนี้ ชิเสวี่ยอวิ๋นไม่มีทางยอม นี่เป็นขีดสุดที่เธอยอมได้แล้ว!
แม้ท่าทางของเธอจะเป็นอย่างนั้น แต่อี้เทียนหยุนที่ยืนข้างๆ กลับประสบกับสายตาที่มองมาอย่างดูถูก ผู้ชายที่ยืนหลบหลังผู้หญิง มันไม่มีศักดิ์ศรีเลยหรือยังไง ต่อให้จะเป็นหนุ่มหน้าขาว แต่ก็ยังต้องมีศักดิ์ศรี ในโลกแห่งการต่อสู้นี้ นับเป็นเรื่องเสียหน้าอย่างใหญ่หลวง
อี้เทียนหยุนแน่นอนว่าไม่ใช่คนไร้ศักดิ์ศรี เขาไม่ใช่คนที่จะมีชีวิตอยู่โดยต้องถูกดูถูกไปทั้งชีวิต เขาอยากจะยืนด้วยลำแข้งของตน อยากจะแสดงว่าตนเองไม่ใช่ขยะ อยากจะแสดงให้น้าของตนได้เห็นว่าเธอไม่ได้ดูคนผิด!
“การต่อสู้นี้ข้ารับ ข้าจะเป็นตัวแทนของตำหนักเทียนเฉวียนขึ้นประลองในครั้งนี้” อี้เทียนหยุนออกมากล่าว สีหน้าแสดงออกอย่างไม่ใส่ใจ
เขาไม่ถอย ไม่ใช่คนขี้ขลาด ในตอนนี้เขาออกหน้าอย่างกล้าหาญ ต่อให้ตายบนเวทีประลอง เขาก็ต้องไป สายตาของเขามั่นคง ไม่หวาดหวั่นต่อความตาย
เมื่อเสียงของเขาสิ้นสุดลง “ติ๊ง” เสียงระบบก็ดังขึ้นในหัวของเขา
“รับคำท้าประลองศิษย์นิกายเทียนหลิงสำเร็จ”ทำให้ตำหนักเทียนเฉวียนเป็นผู้ชนะในการประลองครั้งนี้!””
“รางวัลเมื่อภารกิจเสร็จสมบูรณ์: ค่าประสบการณ์ 10,000 แต้ม, ทอง 120, เกราะเทียนเฉิน(ระดับเหล็ก)!”
“ภารกิจ? รางวัลนี้สูงมาก!” อี้เทียนหยุนรู้สึกมีความสุขสุดๆ ไม่คิดว่าจะมีภารกิจให้ด้วย ทั้งเมื่อทำสำเร็จรางวัลที่ได้รับก็ไม่ต่ำเลย โดยเฉพาะค่าประสบการณ์นั่น
ส่วนสมบัติที่ได้นั้น ไม่ใช่ว่าระดับของมันจะไม่ต่ำไปหน่อยเหรอ?
อาวุธและสมบัติต่างๆ แยกเป็นหลายระดับ: เหล็ก, วิญญาณ, จิตวิญญาณ, ศักดิ์สิทธิ์, สวรรค์!
คำพูดของอี้เทียนหยุนดึงดูดความสนใจของคนรอบๆ หลังจากที่จ้าวฮัวหลงหายตกใจ เขาก็พลันแสยะยิ้มที่มุมปาก เป็นรอยยิ้มของผู้ที่เหนือกว่า ในที่สุดปลาก็กินเบ็ด ชิเสวี่ยอวิ๋นไม่ยอมรับเขาไม่สนใจ ตราบเท่าที่อี้เทียนหยุนยอมรับเป็นใช้ได้ ไม่เสียแรงที่ทำไป
ฟางเฉินไม่นับว่าเป็นอะไร เป็นแค่ศิษย์ชั้นต่ำในนิกาย ตายแล้วก็ให้ตายไป ไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกเขา แต่ยังไงก็ตาม ฟางหยุนนั้นโกรธจริงๆ น้องชายของเขาตาย จะไม่ให้เขาโกรธได้ยังไง
ไม่มีใครรู้ว่าน้องชายของเขาได้กลายเป็นเหยื่อให้จ้าวฮัวหลงใช้งาน
ศิษย์หญิงของตำหนักเทียนเฉวียนมองมาที่อี้เทียนหยุนด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป อย่างน้อยเขาก็ไม่ทำตัวนิ่งเฉย เลือกที่จะเงียบปาก แต่กลับเลือกที่ยอมรับและออกหน้า นี่จึงจะสมกับเป็นลูกผู้ชาย!
ชิเสวี่ยอวิ๋นรีบเข้ามากระซิบเขาเสียงเบา “อย่าพูดเหลวไหล นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น!” สีหน้าของเธอจริงจัง เป็นครั้งแรกที่อี้เทียนหยุนได้เห็นสีหน้าอย่างนี้
“ถ้าข้าไม่ขึ้นประลอง ข้าจะเรียกตัวเองว่าลูกผู้ชายได้อีกเหรอ ข้าจะไม่ทำให้การปกป้องของท่านสูญเปล่า ข้ายอมรับคำท้าประลองนี้” อี้เทียนหยุนยิ้มอย่างบางเบา ในสายตาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
ชิเสวี่ยอวิ๋นถูกสายตาอี้เทียนหยุนทำให้สะท้าน เธอไม่เคยเห็นสายตานี้ของอี้เทียนหยุนมาก่อน สายตาที่คาดหวังในชัยชนะ! จากนั้นเธอก็สูดหายใจเข้าลึก แล้วพูดกับจ้าวฮัวหลงว่า “ได้ ข้ายอมรับคำท้าประลองนี้!”
“ดี ไว้เจอกันหลังจากนี้ครึ่งเดือนบนเวทีประลอง!” จ้าวฮัวหลงพูดเยาะเย้ยออกมา “เมื่อถึงตอนนั้นมันจะเป็นการประลองเป็นตาย อย่าถอดใจไปซะก่อนล่ะ!”
ในตอนนี้เอง อี้เทียนหยุนก็ได้ออกหน้า พูดอย่างเย็นชาว่า “ไม่มีปัญหา การประลองเป็นตายนี้ให้เป็นเฉพาะข้า ไม่นับการประลองอื่นๆ ของเหล่าศิษย์พี่ของข้า!”
“น่าสนใจนี่ นี่คงจะเป็นความกตัญญูและความเสียใจของเจ้าสินะ!” จ้าวฮัวหลงหัวเราะเยาะ จากนั้นก็หันไปพูดกับฟางหยุน “พวกเราไป!”
หลังจากพูดจบ ฟางหยุนกับพวกก็พากันจากไป แต่ในขณะที่จากไปนั้น ฟางหยุนยังไม่วายหันมาส่งสายตาเกลียดชังให้กับอี้เทียนหยุน แม้ว่าเขาอยากจะประลองกับอี้เทียนหยุนในตอนนี้เลย แต่ก็คงจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ มีชิเสวี่ยอวิ๋นอยู่ข้างๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าอี้เทียนหยุน
หลังจากพวกเขาจากไป ทั่วทั้งตำหนักเทียนเฉวียนก็พากันระเบิดขึ้น ไม่มีใครชอบอี้เทียนหยุน ในการประลองนั้น ใครที่พลังอ่อนด้อยต้องเป็นฝ่ายแพ้ อี้เทียนหยุนที่มีเลือดฉีไม่เพียงพอ ถ้าการต่อสู้ถูกลากถ่วงออกไปแม้เพียงนิด เขาก็จะต้องพ่ายแพ้โดยไม่ต้องสงสัย
เผชิญกับคำถามและความไม่พอใจของทั้งตำหนักเทียนเฉวียน สีหน้าของอี้เทียนหยุนยังคงไม่ใส่ใย เรื่องนี้เขาเตรียมใจรับไว้แล้ว และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกของเขา
“ทุกคนแยกย้าย” ชิเสวี่ยอวิ๋นโบกมือและพูดออกมา
“ค่ะ ท่านเจ้าตำหนัก”
ก่อนจะแยกย้าย ศิษย์หญิงทั้งหลายยังคงส่งสายตาไม่พอใจให้อี้เทียนหยุนก่อนจาก ชัยชนะและความปราชัยจะเป็นตัวตัดสินสิทธิ์ในการเข้าสู่ซากโบราณสถาน แน่นอนว่าพวกเธอจะต้องไม่พอใจ
หลังจากที่ทุกคนจากไป เหลือเพียงพี่สาวเสี่ยวเหลียนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา ชิเสวี่ยอวิ๋นก็พูดอย่างอ่อนโยนว่า “เมื่อถึงตอนนั้นให้ดูแลตัวเองให้ดี เรื่องแพ้ไม่ใช่ปัญหา ตราบเท่าที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ เรื่องอะไรก็สามารถพูดคุยกันได้”
“ท่านน้าไม่เชื่อข้าเหรอ?” อี้เทียนหยุนถามด้วยสีหน้ายืนยัน
“เชื่อ!” ชิเสวี่ยอวิ๋นพยักหน้าโดยไม่ลังเล แต่ก็ถอนหายใจออกมา “แต่ก็ต้องดูด้วยว่าเจ้าทำได้หรือไม่ ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของเจ้า.....” เธอพูดออกมาเบ้าตาก็แดงก่ำ นี่ทำให้เธอเสียใจมากจริงๆ เมื่อไร้ซึ่งเลือดฉีก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อ นั่นหมายความว่าอี้เทียนหยุนต้องตาย
“ข้าจะชนะ!” อี้เทียนหยุนจับมือน้อยๆ ของชิเสวี่ยอวิ๋น พร้อมกับแสดงรอยยิ้มสดใสให้เธอ “ยิ่งกว่านั้นข้าจะไม่ตาย ข้าไม่จะไม่ยอมจำนนต่อชีวิต ข้าจะมีชีวิตยืนยาว..... ข้าจะไม่ทำให้ท่านน้าถูกตำหนิอีก ไม่ทำให้ท่านน้าไม่สบายใจ.....”
“เด็กโง่ พูดบ้าอะไร.....” เบ้าตาของชิเสวี่ยอวิ๋นแดงก่ำ กลั้นไม่ไหวจนน้ำตาไหลออกมา
“เด็กโง่อะไรกัน เทียบกับข้าแล้ว ท่านอายุมากกว่าข้าไม่กี่ปี เรียกข้าว่าน้องชายยังได้เลย” อี้เทียนหยุนยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้กับเธอ ในสายตามีความมั่นใจที่ไม่เคยมีมาก่อน
............................
อี้เทียนหยุนกลับเข้าห้อง หลังจากทำใจให้สงบแล้ว เขาก็เปิดหน้าต่างระบบเพิ่มเลเวลแสนบ้าคลั่งขึ้นมาอีกครั้ง เพราะว่าเมื่อกี้มีเรื่องให้ต้องกังวล จึงมีหลายอย่างที่เขายังดูไม่ชัด