CLS ตอนที่ 17 หลอมศาสตรา!
#17: หลอมศาสตรา!
คำพูดของชิเสวี่ยอวิ๋นทำให้หัวใจอี้เทียนหยุนแทบหยุดเต้น นี่คือคนที่เชื่อในตนเองอย่างแท้จริง เชื่อมั่นในความสามารถของตน! ต่อให้คนทั้งโลกจะไม่มีใครเชื่อเขา แค่มีเธอคนเดียวที่เชื่อเขาก็พอแล้ว
อี้เทียนหยุนยิ้มออกมาบางเบา จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ในเมื่อท่านน้าเชื่อข้า ข้าก็จะไม่ทำให้ท่านน้าต้องผิดหวังอย่างแน่นอน!”
และภายใต้การนำของชิเสวี่ยอวิ๋นอีกครั้ง พวกเขาก็ได้มาถึงยังห้องหลอมศาสตรา ที่นี่เป็นที่ที่เตรียมไว้ให้อาจารย์ขง แม้ว่าตอนนี้จะผิดแผนไปบ้าง แต่ยังไงก็ต้องหาคนอื่นช่วยหลอมศาสตราให้อยู่ดี ดังนั้น ที่นี่จึงเตรียมไว้โดยไม่เสียเปล่า
ยังไงก็ตาม ห้องหลอมศาสตรานี้ค่อนข้างจะหยาบไปมาก แต่ถ้านับเรื่องความพร้อมแล้ว ถือว่าเพียงพอ
“นี่คือวัตถุดิบในการหลอมศาสตรา แต่ว่าเรามีเตรียมไว้เพียง 5 ชุดเท่านั้น ล้มเหลวได้เพียงแค่ 2 ครั้ง!” ชิเสวี่ยอวิ๋นบอกอี้เทียนหยุนว่าล้มเหลวได้เพียง 2 ครั้ง แต่เพราะว่านี่เป็นการหลอมศาสตราเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ดังนั้นต่อให้ล้มเหลว 4 ครั้งก็ไม่ใช่ปัญหา
“แค่นี้ก็พอแล้ว สำหรับข้าแล้วไม่มีคำว่าล้มเหลว” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่แยแส
ความสามารถในการหลอมศาสตราระดับพื้นฐานที่เขาได้ก่อนหน้านี้เขาเข้าใจมันดี มันเพียงพอที่จะหลอมศาสตราวิญญาณชั้นดีได้อย่างแน่นอน ยังไงก็ตาม เพราะว่าเลเวลของเขายังไม่สูงพอ ดังนั้นขีดจำกัดที่เขาทำได้ในตอนนี้เหมือนจะเป็นศาสตราวิญญาณระดับต่ำ แต่ว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
“ช่างพูดจาใหญ่โตเสียจริง นอกเสียจากว่าเจ้าจะไปถึงนักหลอมศาสตราชั้น 5 แล้วเท่านั้น หรือว่าเจ้าเป็นนักหลอมศาสตราชั้น 5 แล้วอย่างงั้นเหรอ?”
อาจารย์ขงที่ฟังอยู่ด้านข้างไม่พอใจ ด้วยระดับหลอมศาสตราวิญญาณของเขาในปัจจุบัน อัตราสำเร็จอยู่ที่ 50% เท่านั้น ไม่สามารถรับประกันว่าจะสำเร็จได้ 100% คำพูดของอี้เทียนหยุนเมื่อกี้นี้จึงทำให้เขาไม่พอใจ
“นักหลอมศาสตราชั้น 5 ล่ะก็ไม่ใช่ ใครบอกกันว่าถ้าไม่ใช่นักหลอมศาสตราชั้น 5 แล้วจะทำไม่สำเร็จ?” อี้เทียนหยุนพูดประโยคนี้ออกมาเบาๆ จากนั้นก็หันไปมองยังชิเสวี่ยอวิ๋น แล้วพูดว่า “ไม่ทราบว่าจะให้ข้าหลอมอาวุธอะไร?”
“กระบี่ยาว ที่นี่มีกระบี่ยาวเป็นพื้นฐาน” ชิเสวี่ยอวิ๋นพูด
อี้เทียนหยุนพยักหน้า หมุนตัวไปยังห้องเก็บวัตถุดิบ เลือกวัตถุดิบที่จะหลอมศาสตราวิญญาณ 1 ชิ้นออกมา จากนั้นก็เดินไปยังเตาหลอม ในเตาหลอมนี้มีไฟธรรมดาอยู่ การเผาไหม้ของมันค่อนค่อนข้างอ่อน ทำให้ยากมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
ยังไงก็ตาม สำหรับเขาแล้ว เรื่องนี้ไม่มีความต่าง ด้วยความชำนาญที่เขามีอยู่ เขาสามารถทำมันออกมาได้ 100%
“ทำเป็นวางท่า ข้าอยากจะเห็นนัก ว่าเจ้าจะทำท่าทางแบบนั้นได้ถึงเมื่อไหร่!” อาจารย์ขงคิดว่าอี้เทียนหยุนวางท่า จงใจอยากจะกดราคา หรือไม่ก็เหตุผลอื่น อย่างเช่นแกล้งทำเป็นปฏิเสธเขา
ถึงยังไงชื่อเสียของอี้เทียนหยุนก็ได้กระจายออกไป เรื่องที่เขาไม่มีเลือดฉีเป็นที่รู้กันทั่ว กระทั่งบ่มเพาะพลังยังยาก แล้วนี้ยังคิดจะหลอมศาสตรา?
อี้เทียนหยุนไม่สนใจเขาโดยสมบูรณ์ เขาเริ่มเตรียมเอาวัตถุดิบโยนเข้าไปในเตาหลอม
ผู้อาวุโสสามที่อยู่ใกล้ๆ สีหน้าอึมครึมไม่มั่นใจ ท่าทางเต็มไปด้วยความสงสัยในตัวอี้เทียนหยุน เธอมองไปที่เจ้าตำหนักของตนก็ให้รู้สึกว่าเจ้าตำหนักนั้น เชื่อมั่นในอี้เทียนหยุนอย่างแรงกล้า ถ้าเกิดว่าอี้เทียนหยุนชนะจริงๆ ก็มีแต่ทำให้ไม่ต้องสูญเสียทรัพย์สินขนานใหญ่ไป แต่การตอแยอาจารย์ขงนี้ ค่าชดใช้ที่ต้องเสียไปไม่ต่างกับเสียภรรยาและทหาร
“เจ้าตำหนัก ถ้าเกิดล้มเหลว.....” ผู้อาวุโสใหญ่อดพูดออกมาไม่ได้
“ข้าจะรับผิดชอบเอง” ชิเสวี่ยอวิ๋นตอบกลับเบาๆ
“เจ้าตำหนัก ท่านจะดื้อแบบนี้ไม่ได้ ข้ารู้ว่าท่านชื่นชอบเขา แต่ท่านจะหน้ามืดตามัวแบบนี้ไม่ได้! ถ้าเกิดล้มเหลว แล้วพวกเราจะอธิบายยังไง! แล้วพวกเราจะเข้าไปยังซากโบราณสถานเทียนเฉิงโดยไม่มีอาวุธได้ยังไง!” ผู้อาวุโสรองเข้าร่วมด้วย เธอเสียสิทธิ์ที่จะมอบให้กับลูกศิษย์ของตนแล้ว ถ้าตอนนี้เกิดแพ้อีก แม้แต่อาวุธก็จะไม่ได้
ราคาวัตถุดิบพวกนี้ไม่ใช่ถูกๆ การล้มเหลวแต่ละครั้งเกินจะรับไหวจริงๆ
“เรื่องทุกอย่างข้าจะรับผิดชอบเอง” ชิเสวี่ยอวิ๋นยังคงตอบกลับเบาๆ เหมือนเดิม
ผู้อาวุโสรองตกใจ ถอยกลับไปยังข้างหลังแล้วเงียบปากลง แต่ในสายตายังคงมีประกายแห่งความไม่พอใจ แต่เธอไม่ใช่เจ้าตำหนัก ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่เชื่อฟังเท่านั้น
ผู้อาวุโสสามก็ไม่ได้เอ่ยปาก ต่อหน้าการปฏิเสธผู้อาวุโสทั้งสองติดต่อกัน ต่อให้เธอพูดอะไรก็คงไม่มีผล
“ถ้าล้มเหลว พวกเราจะไปรายงานท่านบรรพบุรุษ เมื่อถึงตอนนั้น ก็ให้ท่านบรรพบุรุษเป็นคนตัดสิน!” อยู่ๆ ผู้อาวุโสรองพูดขึ้นมา
ในตำหนักเทียนเฉวียนแห่งนี้ ที่อาวุโสที่สุดไม่ใช่พวกเธอ แต่ยังมีบรรพบุรุษที่แยกตัวออกไปอยู่ พลังของพวกเธอไม่อาจจะวัดได้ เป็นขุมกำลังลับที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนัก
“ตามใจ” ชิเสวี่ยอวิ๋นพูดออกมาเบาๆ
คำพูดนี้เหมือนกับคำสาปที่เธอร่ายใส่ทุกคน ที่เธอทำอย่างนี้ก็เพื่อตำหนักเทียนเฉวียน
“ท่านเจ้าตำหนัก หรือว่าข้าควรจะรับปาก.....” เสี่ยวเหลียนคิดว่าเรื่องมันชักจะใหญ่เกินไปแล้ว ในใจข้างในรู้สึกเสียใจ พูดกับชิเสวี่ยอวิ๋นด้วยน้ำเสียงเบาหวิว
ชิเสวี่ยอวิ๋นตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ “เชื่อมั่นในเทียนหยุน”
เสี่ยวเหลียนตกใจ มองไปที่อี้เทียนหยุน นัยน์ตาที่งดงามมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน
ระหว่างที่คุย อี้เทียนหยุนก็ได้โยนวัตถุดิบทุกอย่างเข้าไปในเตาหลอม แล้วเริ่มกลายเป็นของเหลวแล้ว
“ฮ่าๆๆ โง่จริงๆ โยนวัตถุดิบทุกอย่างเข้าไปด้วยกัน เจ้านี่มันช่างโง่นัก! ต่อให้อยากจะวางท่า แต่เจ้าคิดว่ามันทำแบบนี้จริงๆ เหรอ?” อาจารย์ขงชี้ไปที่อี้เทียนหยุนพร้อมกับหัวเราะออกมา ในสายตาของเขาเหมือนกับมองไปยังคนโง่คนหนึ่ง
อี้เทียนหยุนยังคงไม่เคลื่อนไหว ยังคงหลอมศาสตราต่อด้วยความเร็วไม่เร็วไม่ช้า พร้อมกับโคจรพลังวิญญาณในร่าง ขณะที่ทำการขึ้นรูปศาสตรา
ผู้อาวุโสคนอื่นต่างมองหน้ากันด้วยสายตาว่างเปล่า แต่ก็ทำได้เพียงอดทน ต่อหน้าชิเสวี่ยอวิ๋น พูดอะไรไปก็เปล่าประโยชน์
“ช่างน่าเสียดายจริงๆ วัตถุดิบดีๆ จะต้องมาเสียไป ถ้าเปลี่ยนเป็นข้า แม้จะไม่กล้าพูดว่าจะทำสำเร็จ 100% แต่อย่างน้อยอัตราความสำเร็จก็ยังสูงถึง 50% การหลอมศาสตราครั้งนี้ ตอนนี้คงได้แต่กองขยะแล้ว......” อาจารย์ขงหัวเราะ รู้สึกว่าทุกอย่างช่างน่าขัน
อี้เทียนหยุนยังคงไม่เคลื่อนไหว ไม่ว่าอาจารย์ขงจะต่อว่ายังไง เขาก็ยังคงหลอมของเขาต่อ
ด้วยเวลาที่ผ่านไป เตาหลอมไม่ระเบิด วัตถุดิบข้างในไม่เสียเปล่า แต่เริ่มกระบวนการขึ้นรูปอย่างช้าๆ แล้วก่อตัวเป็นกระบี่ยาว ภายใต้การขึ้นรูปไม่หยุดยั้ง ทีละนิด ทีละนิด รูปร่างของมันก็ยิ่งเหมือนกระบี่ยาวขึ้นไปทุกที
ในตอนนี้ เสียงหัวเราะของอาจารย์ขงก็พลันหยุดลง สีหน้าปรากฎความไม่เชื่อเมื่อมองไปยังกระบี่ยาวในเตาหลอม ถ้าล้มเหลว มันจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่จะสลายไปเลย
“นี่ นี่เป็นไปไม่ได้..... ทำได้ยังไงกัน การหลอมศาสตราแต่ละครั้งจำเป็นต้องใช้พลังควบคุมมหาศาล นี่เป็นไปไม่ได้!” อาจารย์ขงเริ่มร้องออกมา หาเหตุผลมาปฏิเสธความพ่ายแพ้ ขั้นตอนนี้ไม่อาจผิดพลาดได้ เพราะว่าจำเป็นต้องใช้พลังควบคุมที่แข็งแกร่งอย่างมากถึงจะก่อรูปศาสตราขึ้นมาแล้ว
สถานการณ์ในตอนนี้ไม่มีทางล้มเหลวแล้ว ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป การก่อรูปก็จะเสร็จสมบูรณ์!